จดหมายถึงนางนวลตัวนั้น

คืนนั้น หลังจากรู้ว่ามีชื่อตัวเองอยู่ในประกาศเรียกทางโทรทัศน์ แกโพสต์สเตตัสหนึ่งในเฟซบุ๊กไว้ว่า “โจนาธาน ลิฟวิ่งสตัน ซีกัล ผมจะเป็นนางนวลตัวนั้น”

ผมรู้จักลุงแดง หรือเฮียแดง ตอนตามไปสังเกตการณ์คดีฝ่าฝืน พรก. ฉุกเฉินฯ ที่เชียงราย แกเป็นจำเลยคนหนึ่งในจำนวน 5 คนของคดีนั้น คดีที่แทบไม่น่าเป็นคดี...เรื่องก็แค่ชาวบ้านไปชุมนุมกันเพื่อยื่นหนังสือให้ผู้ว่าฯ ขออย่าให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงต่อประชาชนที่ราชประสงค์ในช่วงปี 53 คดีที่เสียเวลาต่อสู้กัน 3-4 ปี กว่าศาลชั้นต้นจะยกฟ้อง 

ลุงแดงเป็นแกนนำเสื้อแดงกลุ่มอิสระในเชียงราย แกทำงานอยู่เบื้องหลัง ไม่เคยออกหน้าขึ้นเวทีอะไร จุดยืนปกป้องประชาธิปไตยของแกชัดเจน ทำงานไม่ได้ขึ้นต่อพรรคการเมือง ไม่มีผลประโยชน์อะไร (เท่าที่รู้ ตัวแกเองบางเวลายังแทบไม่มีเงินใช้จ่าย) ตอนมี พรบ. นิรโทษกรรมเหมาเข่ง แกก็ไม่เห็นด้วยและยังทำกิจกรรมต่อต้านในเชียงราย รวมทั้งแน่นอนว่าแกไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร

ลุงแดงเป็นคนจริงใจ ร่าเริงสนุกสนาน หัวเราะเสียงดังเสมอ แกมักเล่าเรื่องที่ว่าพอมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอะไร เจ้าหน้าที่ในเชียงรายก็มักพุ่งเป้ามาที่แกบ่อยๆ ตั้งแต่เรื่องที่น้องนักศึกษา 5 คนไปชูป้ายประท้วง พรก.ฉุกเฉินฯ ช่วงปี 53 แล้วถูกจับ ตำรวจก็จะมาจับแกไปด้วย หรือเรื่องที่มีคนไปขายรองเท้าที่มีรูปหน้าของอภิสิทธิ์และสุเทพ ตำรวจก็จะมาเอาเรื่องแกอีกเหมือนกัน แต่แกจะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ด้วยเสียงหัวเราะ

เมื่อต้นปี ตอนเราหลายคนไปแม่สาย ขณะกำลังจะข้ามไปเที่ยวตลาดฝั่งพม่า ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกิดกักตัวแกไว้เพราะเข้าใจว่ามีหมายจับออกไว้ แกจึงถูกพาตัวไปรอที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เราตามไปอย่างใจหายใจคว่ำว่าแกจะถูกพาเข้าคุกเข้าตะรางอะไรหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ในสถานการณ์แบบนั้นแกยังเฮฮาอยู่ได้เหมือนเดิม

ตั้งแต่ช่วงก่อนรัฐประหาร แกย้ายมาทำงานในเมืองที่ผมอยู่ ยังเจอแกไปร่วมชุมนุมคัดค้านการประกาศกฎอัยการศึกตั้งแต่วันแรกๆ จนกระทั่งหลังรัฐประหาร ลุงแดงถูกทหารที่เชียงรายโทรตามหลายครั้งให้ไปรายงานตัว แต่แกอยู่นอกพื้นที่เลยไม่สะดวกเดินทางไป และแกยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ทั้งไม่ยอมรับอำนาจคณะรัฐประหาร มาเรียกกันโดยไม่ได้ทำอะไรเลยแบบนี้ แกไม่ไป ทั้งแกเองก็ไม่มีลูกมีเมียและบ้านช่องที่เป็นหลักแหล่งแน่นอน ทำให้ไม่ถูกคุกคามไปถึงที่บ้านเหมือนอีกหลายกรณี

แต่ดูเหมือนเมื่อตามตัวไม่ได้ ทหารก็ส่งรายชื่อเข้าส่วนกลางให้ประกาศเรียกซะเลย แถมคำสั่งเรียกออกในตอนดึกดื่น แล้วให้ไปรายงานตัวที่กรุงเทพฯ ทันทีในเช้าอีกวัน ค่าเดินทางก็ไม่มีให้สักบาท ไม่รู้จะเล่นตลกอะไรกับคนที่ต้องเดินทางจากต่างจังหวัด

รุ่งเช้าวันวานที่สนามบิน (14 มิ.ย.) ท่ามกลางฝนตกโปรยปรายและอากาศเยียบเย็น นกหลายตัวอาจตัดสินใจหยุดนิ่งรอคอยอากาศที่ดีกว่านี้ แต่นกบางตัวยังโผบินไป แม้รู้ชัดว่ากรงขังจะรออยู่ข้างหน้า ทั้งเสียงหัวเราะของมันก็ยังดังอยู่เสมอ แม้ในยามท้องฟ้ามืดมัวเพียงใดก็ตาม



....................................................

หมายเหตุ ลุงแดงเป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกเรียกไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 65/2557 ประกาศเมื่อกลางดึกวันที่ 13 มิถุนายน 2557 โดยลุงแดงได้ซื้อตั๋วเครื่องบินเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปรายงานตัวตามกำหนดเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 14 มิถุนายน 2557 ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าถูกควบคุมตัวที่ใด และจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อไร

และสามารถติดตามอ่านเรื่องเล่า เรื่องราว และความรู้สึก ผ่านข้อเขียนเล็กๆ น้อยๆ ถึงเหล่าฝูงนกหลายตัวที่กำลังต่อสู้และยืนหยัดในการโบยบิน ได้ที่หน้าเพจเฟซบุ้คชื่อ จดหมายถึงนกพิราบ

ศศิพิมล: “วันแม่” ปีที่สองที่แม่ยังอยู่ในคุก

ขณะที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีผลกำหนดอนาคตของประเทศ แต่ก็เป็นวันครบรอบ 1 ปี ของคำพิพากษาคดีๆ หนึ่งที่มีผลกำหนดอนาคตชีวิตของครอบครัวๆ หนึ่งอย่างมหาศาล

“ลำบากน่ะ ลำบากมาก”: เสียงจากอดีตแม่ครัว จำเลยคดีครอบครองอาวุธในศาลทหาร

ผ่านไปเกือบจะครบสองปีแล้ว ตั้งแต่เธอถูกจับกุมดำเนินคดี...แต่คดียังไม่ได้เริ่มสืบพยานโจทก์เลยแม้สักปากเดียว

เสาวณี อินต๊ะหล่อ เคยทำงานเป็นแม่ครัวในร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน แต่บ้านที่เธออยู่อาศัยนั้นอยู่ที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่