Skip to main content

ช่วงเย็นหลังจากที่ทำงานในไร่ และกำลังจะนั่งกินข้าวร่วมครอบครัว


ลุงเร็ว ปู่ วาโข่ หายใจขึ้นอย่างเดียว ไม่ได้หายใจลงแล้ว” หลานชายมาวงข่าวเกี่ยวกับพือวาโข่ซึ่งเป็นพ่อของเขา เขาละจากวงทานข้าวของครอบครัว แล้ววิ่งไปหาพ่อทันที


พือวาโข่ เป็นฉายาที่เด็กๆ ในหมู่บ้านและหลานๆเ รียกชื่อผู้เฒ่าผู้ชายที่อาวุโส จนผมหงอกทั้งหัว พือหมายถึงพ่อเฒ่า วาโข่หมายถึง ผมขาว หากเป็นผู้หญิงจะเรียกว่า พีวาโข่ พีแปลว่าแม่เฒ่า นั่นเอง คนรุ่นนี้จะเป็นที่รักใคร่ของลูกหลานทั้งในครอบครัวและในชุมชน เพราะถือเป็นทรัพยากรบุคคลของชุมชนทีมีค่า หากมีปัญหาเกิดขึ้นในชุมชนที่คนรุ่นใหม่ไม่สามารถหาทางออกได้ ก็มักจะมีการปรึกษาผู้เฒ่าผู้มีประสบการณ์มาก่อน


และที่สำคัญคนปกาเกอะญอมีความเชื่อว่า คำอวยพรของผู้เฒ่าผู้แก่นั้นเป็นคำอวยพรที่มีพลังและเกิดผลต่อลูกหลานมาก เพราะคนรุ่นนี้จะมีแต่การสั่งเสียและอวยพรลูกหลาน เนื่องจากเหลือเวลาไม่มากแล้ว ทุกคนในหมู่บ้านจึงต้องคอยดูแลอย่างไกล้ชิด ท่านพร้อมและมีโอกาสที่จะจากไปได้ทุกเมื่อ


หลังจากที่เขาไปถึง เขาจับมือพ่อของเขา ลมหายใจสุดท้ายของพือวาโข่ได้หยุดและสิ้นสุดลง พี่น้องทุกคนต่างจ้องมองมาที่เขาในฐานะที่เป็นพี่ชายคนโต เขาก้มหน้าพักใหญ่เพื่อรวบรวมสติในการยอมรับความจริงของสัจธรรมแห่งชีวิตที่ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้


งานของพ่อเสร็จแล้ว” ประโยคสั้นๆนี้เพียงพอที่ทำให้ น้องๆลูกๆหลานๆของเขา ต่างปล่อยโฮ ออกมาดังลั่นบ้าน เพื่อนบ้านและคนในชุมชนต่างขนลุกซู่ เมื่อได้ยินเสียงร้องนั้นดังขึ้น แต่ต่างรู้ถึงความหมายของเสียงนั้นเป็นอย่างดี มันเป็นสิ่งที่ทุกคน ทุกครอบครัวหลีกไม่พ้นหนีไม่ได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง วันนี้ดูเขาร้อง วันหน้าเขาดูเราร้อง วันนี้เราปลอบเขา วันหน้าเขามาปลอบเรา วันนี้เราร้องให้ผู้ที่จากไป วันหน้าเขาร้องให้เราซึ่งเป็นผู้จากไป นี่คือบทเพลงที่มีเนื้อและท่วงทำนองแห่งความจริงของชีวิตที่มนุษย์ล้วนต้องร้องบน “ห่อ โข่ เคลอ” หรือ บนที่แห่งการร้องไห้


ที่เหลือเป็นงานของเรา ทุกคนตั้งใจทำเพื่อพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ใครทำอะไรได้ก็จงทำเถิด” เขาบอกกับน้องๆลูกๆหลานอีกครั้งหนึ่ง


ทางเพื่อนบ้านและคนในชุมชนเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ ต่างก็ทยอยไปยังจุดกำเนิดของเสียงนั้น บ้างไปช่วยร้อง บ้างไปช่วยปลอบ บ้างไปช่วยงานสำหรับเตรียมส่งวิญญาณผู้จากไปสู่โลกปลือ ซึ่งเป็นภพแห่งชีวิตหลังความตายตามความเชื่อของคนปกาเกอะญอ


เว้นแต่เพียงเด็กแรกเกิดที่อายูยังไม่ถึงหนึ่งขวบ และหญิงที่ตั้งครรภ์ ด้วยเหตผลทางความเชื่อและประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นมากมายที่ส่งผลไม่ดีต่อคนกลุ่มนี้ จึงถูกห้านเข้าไปในบริเวณที่เป็นจุดกำเนิดของบทเพลงนั้น ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อคนเหล่านั้นเอง


ความตายและการจากไป มักทิ้งความโศกเศร้าและความอาลัยแก่ผู้ที่ยังอยู่ต่อเสมอ แต่หลังจากบทเพลงร้องไห้ได้ส่งเสียงลอยล่องผ่านขุนเขาที่ไกล้เคียงเหมือนแจ้งข่าวการจากไปพร้อมๆ กับแจ้งข่าวถึงการบังเกิดของงานบางงาน


หนุ่มสาวทั้งในหมู่บ้าน และจากต่างขุนดอย ต่างขุนห้วย ต่างหมู่บ้าน หัวใจเริ่มเต้นรัวเมื่อได้ทราบข่าว มันมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้หนุ่มสาวต่างทิ้งการทิ้งงานที่ทำอยู่ กลับไปเตรียมตัวที่บ้าน


ตกเย็นมา หนุ่มสาวจากชุมชนต่างที่ไกล้เคียงต่างทยอยกันหลั่งไหลเข้ามาในบ้านผู้จากไป บรรยากาศการเต็มด้วยการทักทายกันของผู้คนที่มาจากที่ต่างๆ ทำให้พื้นที่บริเวณในบ้านของผู้จากไปแน่นขนัดไปด้วยผู้คน โดยเฉพาะคนหนุ่มคนสาว ที่รอคอยเวลาเพื่อเริ่มต้นขับขานบทเพลงแห่งการจากไป

บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
การนอนและนอนอย่างเดียวในรถตู้ไม่ใช่เรื่องง่าย  บางทีปวดฉี่ บางครั้งปวดหลัง ทุกครั้งที่รถแวะจอดเติมน้ำมันหรือแวะทำอะไร ผมก็มักจะตื่นด้วยทุกครั้ง  จนได้รับการต่อว่าจากคนที่นั่งมาด้วยกันด้วยความเป็นห่วงว่าผมจะรับช่วงการขับรถต่อได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ชิ สุวิชาน
คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่คนฟังเพลงเป็นคนไทย แต่ที่พิเศษกว่าที่อื่นเนื่องจากคนไทยเป็นคนจัดงานกันเอง เป็นการจัดงาน ”Thai Festival in Texas” ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการจัดปีละครั้ง ทุกๆปีจะจัดในเดือนเมษายน แต่ปีนี้มาจัดกันในเดือนกันยายนเนื่องจากต้องการให้กิจการทัวร์ ของ Himmapan 2nd world เป็นจุดเด่นของงานในปีนี้ ภายในงานมีการขายอาหาร เสื้อผ้า ของไทย มีการจัดซุ้มนวดแผนไทยมาบริการ
ชิ สุวิชาน
จาก Houston มุ่งสู่ Dallas ระหว่างทางผมได้มีโอกาสเป็นสารถีอีกครั้ง ระหว่างทางที่ขับรถอยู่ผมก็เหลียวซ้ายและขวาบ้าง ผมเห็นตัวที่อยู่ข้างทาง วัวก็ไม่ใช่ ควายก็ไม่เชิง เมื่อเดินทางมาถึงDallas ที่ หมาย ซึ่งมีพี่น้องคนไทยรอรับ จัดแจงที่อยู่ที่กินเป็นอย่างดี “ที่นี่ มีคนปกาเกอะญอไหมครับ?” เป็นคำถามแรกที่ผมถามที่ Dallas
ชิ สุวิชาน
วันนี้ผู้หญิงได้รับอนุญาตให้ไปเดินซื้อของที่ Outlet ส่วนผู้ชายหลังจากทานอาหารเช้า ต้องเดินทางไปติดตั้งเครื่องเสียงเพื่อเล่นในเย็นวันนี้
ชิ สุวิชาน
หัวค่ำ พี่แพท นายกสมาคมไทย เท็กซัส พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีน  ภายในร้านมีคนเอเชียจากหลายประเทศ ทั้ง สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ลาว เวียดนาม รวมทั้งพี่ไทย  แต่ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาอังกฤษคุยกันยกเว้นคนเวียดนามที่ไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษในร้านนอกจากพูดภาษาของตนเอง 
ชิ สุวิชาน
การเริ่มต้นใหม่ หลังจากที่สังคยานาดำเนินขึ้น จุดหมายวันนี้อยู่ที่ร้าน Home plate grill เป็นร้าน sport club ของคนไทย ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสนามเบสบอลทีม Houston Astros ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม ทางคณะทีมงานได้ไปเชิญชวนแฟนๆเบสบอลมาฟังดนตรีก่อนเกมจะเริ่ม ทำให้ในร้านเริ่มมีคนทยอยเข้ามา บ้างมานั่งดื่มก่อนเข้าไปดูเกมในสนาม บ้างเข้ามาซื้อเพื่อไปดื่มในสนาม
ชิ สุวิชาน
ข้าวเย็นมื้อหนักจบลง ตัวแทนสมาคมไทย-เท็กซัส ได้พาคณะไปที่พักผู้หญิงพักที่บ้านคนไทย ผู้ชายพักที่วัดไทยที่อยู่ใกล้ๆ ชื่อ”วัดป่าศรีถาวร” ซึ่งมีที่พัก มีห้องน้ำที่อยู่ในขั้นสะดวก พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่นี่เป็นกันเองนอกจากบริการที่พักแล้ว ยังให้ข้าวปลาอาหารให้ทานอีกเล่นเอาทีมงานผู้ชายต่างซึ้งไปตามๆกัน
ชิ สุวิชาน
สายๆของวันที่ 20 กันยา เราเดินทางออกจาก Austin ต่อไปเมือง Houston มีกำหนดการเล่นบ่ายสามโมงถึงห้าโมงเย็น เมื่อเดินทางไปถึงสถานที่เล่น ตัวแทนจากสมาคมไทย-เท็กซัส ได้มาต้อนรับและพาไปดูเวทีซึ่งเป็นที่คล้ายตลาดสดหรือตลาดนัดที่เมืองไทย มีอาหาร เสื้อผ้า ของเล่น รูปร่างหน้าตาและสัดส่วนรูปร่างของคนแถวนี้ใกล้เคียงเมืองไทย เพียงแต่ไม่พูดภาษาไทย พูดภาษาสเปนมากกว่าภาษาอังกฤษ
ชิ สุวิชาน
ออกจากพิพิธภัณฑ์ Alamo เราออกเดินทางต่อไปยัง Austin ระหว่างทางแวะทานข้าวที่ร้านอาหารไทย ผมไม่ทิ้งโอกาสที่จะถามหาคนในเผ่าพันธุ์ของผม
ชิ สุวิชาน
การเดินทางยังดำเนินต่อ บทเพลงในรถยังเป็นเพื่อน มีทั้งเพลงที่ดัง มีทั้งเพลงไม่ดัง บางเพลงเคยได้ฟังมาบ้าง บางเพลงไม่เคยรู้จัก “เพลงที่ดังกว่า ไม่ได้ดีกว่าเสมอไป คนที่ดังกว่าไม่ได้เก่งกว่าเสมอไป” ทอด์ดสรุปให้ฟัง “แต่อย่างผมไม่ดัง และไม่เก่งด้วย” ผมสรุปของผมในใจ
ชิ สุวิชาน
มีเวลาพัก หลังจากเล่นที่ Thai Thani Resort  วันหนึ่งได้มีโอกาสไปพายเรือเล่นที่ทะเลสาบระยะทางประมาณชั่วโมงเศษจากสแครนตั้น  รุ่งเช้า ออกเดินทางจากสแครนตั้นมุ่งสู่ตอนใต้ของอเมริกา เป้าหมายอยู่ที่ Texas ระยะทางเกือบสองพันไมล์ ขบวนรถตู้สามคัน บรรทุกทีมงานยี่สิบกว่าชีวิตพร้อมอุปกรณ์เครื่องเสียง เครื่องดนตรี เดินทางเต็มที่วันแรกจนตีสอง ทุกคนยอมแพ้ทั้งคนขับและคนนั่ง ถ้าเครื่องดนตรีและเครื่องเสียงพูดได้ ก็คงขอพักเช่นกัน จึงค้างกันที่เมือง Bristol รัฐ Tennessee
ชิ สุวิชาน
หลังคอนเสริตจบลงที่นิวยอร์ก เราเดินทางกลับสแครนตันในคืนนั้นเลย กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสี่ ทำให้หลังจากถึงที่นอนไม่เกินห้านาที เสียงกรนจากรอบข้างเริ่มดังขึ้น เหมือนมีการเปิดคอนเสริตประสานเสียง มีทั้งเสียงเบส เทนเนอร์ อัลโต โซปราโน ครบครัน กว่าผมจะหลับได้เล่นเอาฟังจนอิ่ม