แค่ผัวเมียทะเลาะกัน...ครับ

 
โจว ชิงหมาเกิด
 
 
ประเด็นฮอตฮิตในรอบสัปดาห์นี้หนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือบทสัมภาษณ์ "สมชาย หอมละออ"แย้มผลสอบสลายชุมนุมพฤษภา′53 ผัวเมียทะเลาะกัน... ผิดทั้งคู่ (วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 14:00:45 น. สัมภาษณ์พิเศษ โดย พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์)
 
 
ปฏิกริยาในโลกสังคมออนไลน์ของฝั่งแดง แน่นอนว่าต้องออกมาสับเละ กับวาทะมักง่ายของคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนอันดับต้นๆ ของประเทศคนนี้
 
เช่น เฟซบุ๊กของคุณ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โพสต์รูปภาพพร้อมอธิบายภาพ
 
 
ภาพ "พี่สมชาย หอมละออ" [คนซ้ายในภาพที่กำลังบาดเจ็บ เลือดอาบ] ในเหตุการณ์ประเภท "ผัวเมียทะเลาะกัน" เมื่อวันที่ 6 ตุลา 19

เช้าวันนั้น "พี่สมชาย" ถูกอันธพาลการเมืองรุมตีปางตาย โชคดีที่รอดชีวิตมากได้

ตามที่แกเล่าให้พวกผมฟังตอนอยู่ในคุกด้วยกัน เช้าวันที่ 6 ตุลา ความจริง แกไม่ได้ค้างคืนในธรรมศาสตร์ แกไปร่วมดูเหตุการณ์จากทางด้านนอกมหาวิทยาลัย แล้วเดินเข้าไปด้วย เดินเข้าไปถึงแค่ตรงแถวหน้าคณะนิติ พวกอันธพาลมันเห็นท่าทางเป็นนักศึกษา นึกว่าเป็น "พวกข้างในธรรมศาสตร์" (ซึ่งจริงๆ พี่สมชาย แกก็ใช่แหละ "ตัวสำคัญ" มากด้วย แต่ผมไม่ขอเล่าในที่นี้ เพียงแต่ว่า วันนั้น ตามที่แกบอก แกไม่ได้อยู่ข้างใน เพียงเดินเข้าไปดูพร้อมๆกับม็อบฝ่ายขวาที่บุกเข้าไป) มันก็เลยรุมทำร้ายเอา

ความจริง มีภาพที่แกกำลังถูกรุมตี รุมเตะ ที่ชัดกว่านี้ แต่ผมไม่มีเก็บไว้ หลายคนคงเคยเห็น ภาพตรงด้านข้างตึกคณะนิติ ที่หันออกมาทางประตูใหญ่ ที่มีติดชื่อ "คณะนิติศาสตร์" น่ะ ในภาพ พี่สมชาย กำลังถูกอันธพาล 4-5 คน บางคนถือไม้ รุมเตะ รุมตี เป็นภาพที่มีการเผยแพร่กันมากพอสมควร

จริงๆแล้วผมไม่ค่อยอยากเขียนถึง "พี่สมชาย" หรอก เพราะเคยชอบแกมาก แม้แต่จนเมื่อเกิด "วิกฤติศรัทธา"ในกลางทศวรรษ 2520 ที่ฝ่ายซ้ายแตกระส่ำระสายแล้ว แกก็ยังความคิดดีนะ ผมเคยไปนอนค้างบ้านแก คุยกับแกเกือบทั้งคืน

...........

แต่พอหลัง รปห. 19 กันยา พร้อมๆกับการที่แกหันมาดีเฟนด์การ รปห. "ตรรกะ" ความคิดของแก ก็ "เพี้ยน"หนัก

แกเป็นหนึงในนักวิชาการ ที่ คณะ รปห. คมช. ส่งไปตะเวนต่างประเทศ อภิปรายเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับ รปห. ให้ต่างชาติ และคนไทยในต่างประเทศ ที่พากันประณาม รปห. ตอนนั้น

ในปี 2551 ผมมีโอกาสเจอหน้าแกจังๆ ในการสัมมนาที่จุฬา

ผมก็ยกเรื่องนี้ขึ้นมาด่าแก ว่า ใช้เงินภาษีของประชาชนไปตะเวนสร้างความชอบธรรมให้ รปห.

แก "ตอบ" ด้วย "ตรรกะ" ที่ทำเอาผม "อึ้ง" เพราะนึกไม่ถึงว่า แกจะเพี้ยนขนาดนั้นได้

คือแก "อธิบาย" ทำนองว่า เงินค่าใช้จ่ายที่เดินทางไปอภิปราย เป็น "เงินของผมเอง" คือ แกก็จ่ายภาษีเหมือนกัน ดังนั้น เงินภาษี ที่ คมช. นำมาใช้ส่งพวกแกไปอภิปราย (วันนั้น ผมใช้คำว่า "ขโมย" จากประชาชนมาใช้) ก็คือเงินของแกเองนี่แหละ ดังนั้น แกจึง "ไปด้วยเงินของผมเอง"

ผมฟังแล้ว "อึ้ง" จริงๆ เพราะนึกไม่ถึงว่า แกจะสามารถนึก "ตรรกะ" อะไรแบบนั้นมาได้

(ปล. เงินภาษีทีเราจ่ายไป เมือ่จ่ายไปแล้ว ก็เป็นของรัฐ หรือของประชาชนร่วมกันแล้ว ไมใช่ของใครคนใดคนหนึง นอกจากประเด็นง่ายๆว่า "พีสมชาย" จะรู้ได้ไงว่า เงินที คมช. "ขโมย" มาส่งแกไปอภิปรายเมืองนอก เอามาจากส่วนไหนของเงินภาษีรวมที่เป็นของรัฐ จะใช่ ส่วนที่ แก "จ่ายเอง" หรือเปล่า อะไรแบบน้น ที่สำคัญคือ เงินภาษีของแกเอง เมือจ่ายไป ก็เป็นของประชาชนนันแหละ และดังนัน คมช. ก็ "ขโมย" เอามาใช้ ที่แกไปเมืองนอกอภิปรายให้ คมช. ก็เป็นการไปโดยอาศัย เงินที่ "ขโมย" มานันเอง)
 
 
เฟซบุ๊กของคุณ Sarayut Tangprasert มีการนำภาพที่สมศักดิ์โพสต์มาเติมแต่งบทกวีล้อเลียน
 
 
ถ้าหน้าจอท่านเห็นถ้อยคำไม่ชัดก็ลองไปดูที่ http://www.facebook.com/photo.php?fbid=339635876080570&set=a.144319215612238.25339.100001024807284&type=1&theater
 
เฟซบุ๊กของ Bus Tewarit ผู้ที่ขยันขันแข็งในการเก็บวาทะฮอตๆ มาทำเป็น Quote ให้ชาวเฟซบุ๊กได้เสพย์อยู่เนืองๆ ก็ได้เจียระไนประเด็นนี้เช่นกัน และมีการเปรียบเทียบถ้อยคำของสมชายต่อประเด็นเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง
 
 
"ผัวเมียทะเลาะกัน บางทีมันก็ผิดทั้งคู่ แต่อีกฝ่ายมักจะโทษอีกฝ่าย ฉันถูก-คุณผิด โทษว่าอีกฝ่ายเริ่มก่อน ทั้งที่หากเรามาสำรวจตัวเอง ไม่ใช่มัวแต่โยนความผิดให้อีกฝ่าย ผมคิดว่าการปรองดองก็จะง่ายขึ้น"

สมชาย หอมลออ 
22 ก.พ.55
กรรมการ คอป. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบและค้นหาความจริง
แย้มผลสอบสลายชุมนุมพฤษภา′53

ที่มา : มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 เผยแพร่ต่อใน "สมชาย หอมละออ"แย้มผลสอบสลายชุมนุมพฤษภา′53 ผัวเมียทะเลาะกัน... ผิดทั้งคู่
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 14:00:45 น. สัมภาษณ์พิเศษ โดย พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1329883344

ในขณะที่เมื่อ 7 ตุลา 51 ที่มีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสมชาย หอมละออ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ออกมาประณามการใช้ความรุนแรงของรัฐบาลทันที หลังสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ด้านหน้าอาคารรัฐสภา เมื่อช่วงเช้า(วันนั้น) โดยนายสมชาย เห็นว่า เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุที่รัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แม้รัฐบาลจะสามารถแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้แต่ถือว่าขาดความชอบธรรม
(ที่มา : 5องค์กรภาคปชช.ซัดรบ.แถลงนโยบายขาดความชอบธรรม http://news.thaieasyjob.com/politic/politic/show_news-17785-3.html)

หรือจาก http://tnews.teenee.com/politic/27524.html ที่นายสมชาย หอมลออ ประธานครส. เองก็กล่าวประณามในทันทีว่า การชุมนุมของพันธมิตรหน้ารัฐสภาถือว่าสงบปราศจากอาวุธ การใช้กำลังของรัฐบาลในการสลายการชุมนุม เราขอประณามการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคน จนมีผู้บาดเจ็บ 70 คน แขนขาด 1 คน ขาขาด 1 คน น่าจะเกิดจากการใช้อาวุธหนักของเจ้าหน้าที่รัฐ 

-----
ที่พยายามเอาข้อมูลมาแชร์นี้ ไม่ได้บอกว่าท่าทีของคุณสมชาย ต่อรัฐบาลที่สลายการชุมนุมของ พธม.ขณะนั้น ไม่ชอบธรรม แต่ทำไมเมื่อเทียบกับ เสื้อแดง แล้ว ไม่เห็นมีความรวดเร็วทันที เลย ถ้าออกมาเร็วเราอาจจะไม่สูญเสียถึง 91 ศพ และบาดเจ็บอีกหลายพัน ก็ได้
 
0 0 0
 
เมื่อคืนวานผู้เขียนนั่งกินเหล้าสนทนาปัญหาบ้านเมืองกับผู้คร่ำหวอดด้านการสนทนาปัญหาบ้านเมืองท่านหนึ่ง และก็ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่ามองอีกมุม การพูดของสมชายก็ถูกนะครับ เรื่องผัวทะเลาะเมีย แต่ต้องยกกรณีการทะเลาะให้เหมาะสมเช่น อาจารย์นิด้าที่เอาร่มฟาดเมียจนตาย หมอวิสุทธิ์ที่ฆ่าหั่นศพภรรยา หรือเสริม สาครราษฎร์ ที่สร้างตำนานรักฆ่าหั่นศพ เป็นต้น
 
จริงครับผัวเมียทะเลาะกันอาจจะผิดทั้งคู่ แต่ผิดมากผิดน้อย ใครกระทำใครหนักและได้รับโทษยังไง ประเด็นนี้ก็ลืมไม่ได้นะครับ ไม่ใช่สักแต่จะกล่าวเปรียบเทียบแบบภาษาชาวบ้านโดยที่ไม่ลงรายละเอียดให้ตรงประเด็น
 
คุณสมชายหากจะเปรียบเทียบอะไรคราวหน้าคราวหลังก็สมควรระวังให้มากกว่านี้ ให้สมกับวิชาชีพ "นักสิทธิมนุษยชน" ที่คุณเป็นอยู่นะครับ
 
 
 
 

 

ความเห็น

แค่ผัวเมียทะเลาะกัน...ครับ

 
โจว ชิงหมาเกิด
 
 
ประเด็นฮอตฮิตในรอบสัปดาห์นี้หนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือบทสัมภาษณ์ "สมชาย หอมละออ"แย้มผลสอบสลายชุมนุมพฤษภา′53 ผัวเมียทะเลาะกัน... ผิดทั้งคู่ (วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 14:00:45 น. สัมภาษณ์พิเศษ โดย พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์)
 
 

ด้วยรักและไว้อาลัยแด่การสอบโอเน็ต (และบทสัมภาษณ์ 'ติ่งหู' กับ 'ผู้ไม่เชี่ยวชาญ')

เดือนมีนาคมแล้วค่ะท่านผู้อ่าน

ช่วงเวลาที่นักเรียนชั้น ม.6 ต้องจำจากจรสถาบันอันเป็นที่รักเพื่อก้าวไปข้างหน้า ทั้งจากความต้องการของตัวเองและกระแสสังคมที่ต่างคาดหวังว่าการ ศึกษาคือหนทางแห่งการเป็น “เจ้าคนนายคน”

หากท่านผู้อ่านเคยผ่านช่วงเวลาของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นระบบเอนทรานซ์หรือระบบแอดมิชชันคงยังจำช่วงเวลาหฤโหดของการเข้าห้องสอบที่แบกเอาความฝันของตัวเอง ความคาดหวังของผู้บุพการี และหน้าตาของสถาบันระดับมัธยมศึกษา (ที่มักจะวัดกันด้วยจำนวนนักเรียนที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้)ตลอดจนท่านผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครู อาจารย์ ไปจนถึงผู้บริหารสถานศึกษาก็ต่างลุ้นตัวโก่งกับผลการเข้ามหาวิทยาลัยในอีกไม่กี่เดือนหลังจากนั้น ….ช่างเป็นช่วงชีวิตที่ลืมไม่ลง เสียจริง ๆ

รักเทอซะให้เข็ด ..แม่เจ็ดสาวลีโอ

ปีนี้บรรยากาศเหน็บหนาวที่มาพร้อมกับลานเบียร์หลายแห่งตามห้างสรรพสินค้า มีเรื่องสนุกสนานทวีคูณมากขึ้น เมื่อเกิดปรากฏการ “สาวลีโอ” ที่ยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังเมื่อไปพันกับการเมืองยุคอำมาตย์ฝึกหัดครองเมือง

เมื่อมาถึงปลายปีที่มีบรรยากาศหนาวๆ ชวนให้เปล่าเปลี่ยว ธรรมเนียมปฏิบัติของบรรษัทค่ายน้ำเมาต่างๆ จะต้องมีแคมเปญอะไรมาเป็นของกำนัลให้กับหนุ่มๆ คึกคักมีชีวิตชีวา โดยปฏิทินรูปแบบวาบหวามมักจะถูกเข็นออกมาในช่วงนี้ และลีโอก็ไม่เคยพลาด หลังจากที่ได้ “ลูกเกด - เมทินี กิ่งโพยม” มาช่วยเป็นแม่ทัพดูแลการผลิตด้านสื่อหวาบหวิวให้ค่ายลีโอ เป็นส่วนหนึ่งในการฟาดฟันต่อสู้กับค่ายช้างจนทำให้เบียร์ลีโอเป็นเบียร์อันดับหนึ่งของประเทศ โดยกลยุทธการตลาดที่สำคัญนั้นก็คือการขายความเซ็กซี่และมีระดับกว่าช้างมาหน่อย

ขออนุญาต "ไม่แปล"

สถานการณ์ในเมืองไทยตอนนี้ทำให้พวกเราไม่สามารถนำเสนออะไรหลายอย่างได้โดยเฉพาะสิ่งที่มาจากต่างประเทศ ก็เพราะประเทศสยามกำลังพยายามปิดกั้นไม่ให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลจากสื่อต่างชาติ หรือถ้าจะให้รับรู้ก็จะถูกบิดเบือนหรือรับเอามาดัดแปลงให้เป็นวาทศิลป์มุ่งสำเร็จความใคร่ในการทำลายล้างศัตรูของตนเอง โดยไม่สนถึงผลกระทบที่ตามมาว่าจะบานปลายร้ายแรงขนาดไหน