Skip to main content

สาละวิน,ลูกรัก

 

ในยามเช้าที่สายหมอกยังไม่ทันจาง เราตื่นขึ้นด้วยเสียงเอะอะมะเทิ่งของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ ที่เข้ามาในหมู่บ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง พวกเขาเดินมาพลางร้องเรียกไปพลาง เพื่อจะดูชาวกะเหรี่ยงคอยาวที่เขาหมายมั่นมาดู
\\/--break--\>

ชาวบ้านที่ยังไม่ทันแม้แต่จะตื่นมาหุงข้าวหุงแกง ต้องรีบออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งรีบเข้ามาเที่ยวเพื่อจะได้รีบไปที่อื่นให้ทันตามโปรแกรม

พือพือ (ย่า) ของลูกก็รีบลงมาตามเสียงเรียกทั้งที่เพิ่งจะตื่นนอน สายตายังไม่ทันปรับกับแสงสว่างก็ต้องถูกสาดด้วยแสงจ้าจากแฟลตกล้องถ่ายรูป

ชาวบ้านหลายคนบ่นเป็นภาษากระยันที่แม่พอจะเข้าใจได้ พวกเขาพูดคุยกัน และอยากให้แม่ไปพูดให้นักท่องเที่ยวหรือไกด์เข้าใจว่าควรจะเข้าหมู่บ้านหลังหกโมงเช้า และออกก่อนหกโมงเย็น

คงไม่ใช่นักท่องเที่ยวเพียงกลุ่มเดียว ที่มองเห็นชาวกระยันเป็นเพียงตุ๊กตาถ่ายรูปไร้ความรู้สึก ไร้หัวจิตหัวใจ เพราะยังมีนักท่องเทียวบางกลุ่มที่นึกจะเข้ามาในหมู่บ้านตอนไหนก็มา โดยลืมไปแล้วว่า หมู่บ้านของเราเป็นที่อยู่อาศัย ย่อมมีความเป็นส่วนตัว ย่อมต้องกิน ต้องหลับ ต้องนอน บางคนเห็นเรากำลังตักข้าวเข้าปาก ก็ยังมาขอถ่ายรูป

ชาวกระยันส่วนใหญ่จะอาบน้ำแต่งตัวในยามเช้าตรู่ เพราะจะมีเวลาและแสงสว่างมากพอที่จะขัดถูห่วงให้เป็นเงางาม กว่าตอนเย็นที่มืดเร็ว และต้องทำงานบ้านหลายอย่าง

พือพือ จะรู้สึกอายที่ต้องถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่ยังแต่งตัวไม่เสร็จ ซึ่งก็คงจะเป็นความรู้สึกของผู้หญิงธรรมดาทั่วไปที่ต้องรักสวยรักงาม รักความสะอาด แต่เมื่อนักท่องเที่ยวคะยั้นคะยอให้ถ่ายรูปด้วยให้ได้ พือพือก็จำยอม เพราะนักท่องเที่ยวมองเห็นความแปลกบนคอมากกว่าความรู้สึกของเจ้าของร่างกายที่กลายเป็นแค่หุ่นให้ถ่ายรูปด้วย

แม่หมายถึงแค่นักท่องเที่ยวบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ยังมีความเกรงใจอยู่บ้าง ซึ่งแม่เองก็เข้าใจนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดไกลๆ และยังต้องเดินทางกลับ ซึ่งพวกเขาจะต้องจัดสรรเวลาให้ลงตัว

ไม่เพียงเท่านั้น บางครั้งพวกเรายังถูกตั้งคำถามสองแง่สองง่าม จนถึงขั้นลามกอนาจารจากแขกผู้มาเยือน อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็ทำได้แค่บ่นเป็นภาษากระยัน แม่เคยถามถึงความรู้สึกของหญิงสาวชาวกระยันที่เคยถูกลวนลามทางคำพูดว่าทำไมถึงไม่ตอบโต้พวกเขา แม่ก็ได้รับคำตอบแต่เพียงว่า เพราะพวกเขามีความเกรงใจต่อแขกที่มาเที่ยว กลัวว่าหากตอบโต้ไปก็จะทำให้นักท่องเที่ยวที่มารู้สึกไม่ดีและไม่อยากมาเที่ยวอีก

คำตอบที่ได้ยิ่งทำให้แม่รู้สึกอดสูใจไม่น้อยเพราะนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่มีอันจะกิน และได้รับการศึกษาในระดับสูง แต่กลับไร้มารยาทกับผู้ที่ด้อยการศึกษาและถูกมองว่าด้อยวัฒนธรรมกว่าตนเอง เพียงแค่เห็นว่าเป็นหมู่บ้านเพื่อการท่องเที่ยว

ทั้งๆที่ต่างประเทศ เขาก็มีหมู่บ้านที่โชว์วัฒนธรรมเช่นชุมชนของเรา เช่นหมู่บ้านชาวอินเดียแดง (Acoma pueplo –sky city) ที่อเมริกา พวกเขาไม่ยอมให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป ด้วยความเชื่อว่าจะทำให้ดวงไม่ดี โดยเฉพาะโบสถ์ที่เป็นเขตหวงห้าม หากจะถ่ายรูปก็จะต้องเสียค่าถ่ายรูปนอกเหนือไปจากค่าบัตรผ่านประตู เป็นต้น กฎเหล่านี้ล้วนถูกตั้งขึ้นโดยสิทธิของชุมชนเอง และนักท่องเที่ยวก็ต้องทำตามหากอยากจะมาเที่ยวชมในชุมชนของเขา

ชุมชนของเราก็น่าจะสามารถตั้งกฎให้กับนักท่องเที่ยวปฏิบัติได้เช่นกัน ซึ่งความเป็นจริงแล้ว กฏเหล่านี้อาจไม่มีความสำคัญเลย หากคนในสังคม มองเห็นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่มีอยู่ในทุกชนชั้นเผ่าพันธุ์ ก็ย่อมจะใส่ใจในมารยาท ย่อมมีความเกรงใจ ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง ตามแบบแผนของสังคมที่พึงปฏบัติต่อกัน

ไม่ใช่มองพวกเขาเป็นเพียงวัตถุบางอย่างที่ใช้ประกอบการถ่ายรูป โดยไม่ได้ถามสักคำเลยว่า เขาเต็มใจที่จะถ่ายรูปด้วยหรือไม่ เจ้าของร่างกายอยากให้คุณมาโอบกอดหรือเปล่า อย่าให้ถึงขั้นต้องขึ้นป้ายตั้งกฎเหมือนต่างประเทศ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมแห่งความเอื้ออารี ชาวกระยันเองก็เป็นผู้มีน้ำใสใจจริง

สาละวินลูกรัก เรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้ไกลตัวลูกเลย ในวันที่แม่บันทึกถึงลูกนี้และในอนาคตอันใกล้ แม่ก็ได้แต่หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ลูกคือคลื่นลูกใหม่ของชุมชนของเรา แม่เชื่อว่าเด็กๆ รุ่นลูกหลายคนที่ได้รับการศึกษาในระบบ และจะถูกเปลี่ยนให้ได้รับสัญชาติไทยในอนาคต ก็คือผู้กุมอนาคตของชุมชนนั้นเอง

 

รักลูก
แม่

 

 

บล็อกของ เจนจิรา สุ

เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก เมื่อคืนเรานั่งดูรูปถ่ายเก่าๆ ที่เราไปเที่ยวกันมา นับตั้งแต่ครั้งแรกที่แม่พาลูกเดินทางไกล จากแม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ ตอนนั้นลูกเพิ่งอายุได้เจ็ดเดือนเศษ  มีรูปตอนไปเที่ยวสวนสัตว์และเที่ยวงานพืชสวนโลก 2008 ที่เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ สวยราวกับภาพถ่ายต่างเมืองที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่เมืองไทย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   เมื่อคืนลูกมีไข้ขึ้นสูง แม้เช้านี้อาการไข้ของลูกจะลดลงแล้วแต่ตัวลูกก็ยังอุ่นๆ เหมือนเครื่องอบที่เพิ่งทำงานเสร็จใหม่ๆ แม่จึงตัดสินใจให้ลูกขาดโรงเรียนอีกหนึ่งวัน
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก หากมีคำถามจากใครสักคนถามแม่ว่า เดือนไหนของปีที่รู้สึกว่ายาวนานกว่าเดือนอื่นๆ คำตอบของแม่อาจจะแตกต่างออกไปจากคนอื่นๆ เพราะแม่คิดว่าเดือนที่มีจำนวนวันน้อยที่สุดเป็นเดือนที่แม่รู้สึกว่ายาวนานกว่าทุกๆเดือน
เจนจิรา สุ
สาละวิน, ลูกรัก  นานแล้วที่แม่ไม่ได้หอมกลิ่นดอกเหงื่อ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เราได้ลงทุนครั้งใหญ่เพื่อติดตั้งน้ำประปาหลวง ทำให้บ้านของเราที่เคยแห้งแล้งกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ดอกเหงื่อที่เกิดจากการจับจอบเสียมเพื่อขึ้นแปลงผักและปลูกต้นไม้เล็กๆน้อยๆ ทำให้แม่มีความสุข เจริญอาหาร และอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   สิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ในชีวิตอีกบทหนึ่งก็คือ เมื่อมีพบก็ต้องมีการลาจาก และบางครั้งลูกก็อาจจะต้องเจอกับการพลัดพลาดจากบางสิ่ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก สิ่งที่แม่เป็นกังวลใจมาตลอดในความเข้าใจถึง “ตัวตน” ของลูกเริ่มก่อแววให้เห็นขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ลูกอายุได้เกือบสามขวบแล้ว ซึ่งทุกวันแม่จะได้รับคำถามจากลูกมากมาย เช่น ทำไมแม่ไม่ใส่ห่วงที่คอ ทำไมกระเม (หมายถึงแขกที่มาเที่ยว) มาบ้านเราล่ะแม่ ฯลฯ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก  ในยามเช้าที่สายหมอกยังไม่ทันจาง เราตื่นขึ้นด้วยเสียงเอะอะมะเทิ่งของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ ที่เข้ามาในหมู่บ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง พวกเขาเดินมาพลางร้องเรียกไปพลาง เพื่อจะดูชาวกะเหรี่ยงคอยาวที่เขาหมายมั่นมาดู
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่แม่อยากจะเล่าให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องความรักระหว่างพ่อกับแม่ ที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องที่แปลกแตกต่างไปจากคนอื่นๆในสังคม
เจนจิรา สุ
เชียงใหม่ยามเช้าที่อาเขต พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาและกำลังจะจากเมืองใหญ่ที่เป็นเสมือนศูนย์กลางความเจริญในภาคเหนือของประเทศ