นักสะสมเมล็ดพันธุ์

23 February, 2010 - 00:00 -- nakolee

คนสวนนักสะสมเมล็ดพันธุ์

ดื่มด่ำความฝันสร้างสะสม

เป็นสวนสวยสมใจได้ชื่นชม

นับเป็นความรื่นรมย์ในกาลเวลา

งดงามนักแล้วในจินตนาการ

แม้เพียงแค่หว่านปรารถนา

แต่ภาพก็เต็มใจและเต็มตา

ต่อคุณค่าสวนชีวิตลิขิตไว้

เสพย์สุขลึกซึ้งถึงเพียงนี้

หล่อเลี้ยงวิถีท่องยุคสมัย

ถึงโลกภายนอกจะเป็นเช่นไร

แต่โลกภายในก็ถึงพร้อม

คนสวนนักสะสมเมล็ดพันธุ์

ผ่านข้ามคืนวันด้วยแวดล้อม

ของการแต่งปรุงที่แปลกปลอม

ทั้งไม่ยอมปลูกเมล็ดลงดิน

จะถามหาดอกผลได้จากไหน

จะดอมดมดอกงามจากใจไม่มีกลิ่น

จะหาประกายน้ำค้างหยดค้างริน

จะเด็ดผลเก็บกินก็ไม่มีทาง

จนเมื่อคนสวนปลูกเมล็ดพันธุ์

อาจยังมีความฝันเอาไว้บ้าง

ชื่นชมการแตกยอด ใบ ที่บอบบาง

ถึงพร้อมดอกผลพร่างอย่างงดงาม...

 

 

 

โลกในอุดมคติ

ทนายจำเลย ชูรถเมล์จำลอง แล้วถามพยานโจทย์ ซึ่งก็คือ Jacky ตำรวจที่จับกุมจำเลยนั้นได้นั่นเอง  ทนายจำเลยถามว่า รู้ได้ไงว่า จำเลยคือคนกระทำผิด Jacky บอกว่า ก็เขาเป็นคนไล่จับจำเลยมา แล้วจำเลยก็หนีขึ้นรถเมล์  ทนายชูรถจำลองนั้นแล้วถามว่า เมื่อคุณมองดูรถเมล์ คุณเห็นมันทั้งคันหรือเปล่า เขาก็บอกว่า เปล่า อีกข้างหนึ่งก็มองไม่เห็น  ทลายจำเลยก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่อาจบอกได้ว่า อีกฝั่งหนึ่งของรถเมล์เกิดอะไรขึ้น  การโต้เถียงประเด็นนี้ ทำให้ศาลพิพากษา ยกฟ้อง  แต่นี่เป็นเพียงเรื่องราวในหนังครับ วิ่งสู้ฟัดภาคแรก ของเฉินหลง  แต่เรื่องนี้ มันมีเรื่องน่าสนใจ....

พื้นที่อันอาจได้นำเสนอตัวตน

หากว่า ผืนแผ่นดินที่งดงาม สร้างคนให้งดงาม  แล้วผืนแผ่นดินที่ยากแค้นลำเค็ญเล่า จะสร้างคนมาแบบใด...ความจริงนี่ก็อาจเป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากนัก  แต่ ความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่...นี่ก็อาจต้องมองเข้าไปในรายละเอียดมากขึ้น...กระมัง  การเดินทางครั้งหนึ่งของชีวิต  ในซากปรักหักพัง ของภัยธรรมชาติอันได้คร่าชีวิตคนไปมากมาย  ในกลิ่นของความตายและความเศร้าโศก เราได้เห็นหน่ออ่อนของต้นหญ้าที่ผุดขึ้นมา ในความชื้น ภายใต้ซากปรักหักพังนั้น

กลับ

การสูญเสีย ดูจะเป็นเงื่อนไขใหญ่ที่ทำให้คนเราตกไปสู่สภาวะที่เรียกว่า “เสียศูนย์”  มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อสามีตาย ภรรยาตกอยู่ในสภาวะเสียศูนย์ถึงยี่สิบปี ก่อนจะฆ่าตัวตายตาม  นี่เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโม้ก็ไม่อาจรู้ได้  แต่ความจริงที่เห็นโดยส่วนใหญ่ ความสูญเสียก็มักเป็นเรื่องที่กระทบกับหัวใจคนอย่างรุนแรง  เช่น อกหัก  หรือ คนที่เรารักตายไป  หรือความพ่ายแพ้  ซึ่งความพ่ายแพ้นี่ก็คือการเสียฟอร์ม มันก็คือการเสียศูนย์ความเป็นตัวตนนั่นเอง

กลับ



ชีวิตหลุดลอยไปในบางวาระ           ซึ่งในสถานะแห่งมนุษย์
กับการเดินทางอันไม่สิ้นสุด            บางคราวนั้นจึงสะดุด จึงทรุดโทรม
พลาดหวังพังพ่ายสลายสิ้น
             ทั่วผืนแผ่นดินทุกข์ท่วมถั่งโถม
เสพย์สิ่งใดได้บ้างพอปลอบประโลม
เมามายโง่โงมระทมร้าว
ภาวะเช่นไรเหนี่ยวนำพา
                เมื่อความปรารถนาที่บอกกล่าว
ล้มเหลวไปในทางที่ทอดยาว
          จึงคล้ายสูญเรื่องราวไร้การพานพบ
อาจบางทีการสูญเสียสิ่งที่รัก
          เจ็บปวดนักดั่งถึงวันจบ
ละทิ้งวิ่งหนีจากสนามรบ
                ยอมสยบต่อดินฟ้าชะตามกรรม
นั่นคงเป็นปัจจัยที่ลากดึง
               หัวใจถูกตรอกตรึงกับความบอบช้ำ
คนใครหรือสิ่งใดจะน้อมนำ
            ยิ่งนานวันยิ่งถลำลึกลงไป
สูญสิ้นสูญเสีย เสียสิ้นแล้ว
            พลังชีวิตโหยแผ่วโหวงว่างไหว
มิอาจคิดการณ์กระทำอันใด
           เป็นวิญญาณที่ร้างไร้และล่องลอย
จนถึงวันหนึ่งการปรากฏ
                ของบางสิ่งใหม่สดพาปลดปล่อย
กระตุ้นเตือนเคลื่อนการรอคอย
       อาจเริ่มจากเพียงเล็กน้อยแต่ชัดเจน
นั่นคือสิ่งที่จะพาเรากลับ
                สัมผัสรับเรียนรู้และมองเห็น
ตัวตนที่หล่นหายที่กลายเป็น
           ซากชีวิตเคี่ยวเค้นลำเค็ญแค้น
กลับมา กลับมา เราได้กลับมา
         สู่หนทางปรารถนาอันหนักแน่น
มองออกไปทั่วถิ่นแผ่นดินแดน
        นั่นคือวิมานเมืองแมนโลกแสนรัก
หลุดแล้วหลุดไปอย่างไรได้
            แต่การกลับสิยิ่งใหญ่พอได้ประจักษ์
เราจะเติบโตตื่นมั่นคงขึ้นยิ่งนัก
         เรียนรู้ต่อทอถักทางชีวิต.....