มหกรรมในท้องทุ่ง : คติชนพื้นบ้าน

30 August, 2009 - 00:00 -- nalaka

วรรณกรรมเยาวชนรางวัลชมเชยประเภทบันเทิงคดีสำหรับเยาวชน ก่อนวัยรุ่น (12-14) จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติปี 2530 และได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 100 เล่ม ที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน โดยฝีมือการประพันธ์ของนักเขียนซึ่งเป็นรู้จักกันดี "อัศศิริ ธรรมโชติ"

    เคยอ่านวรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้นานมากแล้ว สมัยนั้นยังติดใจเสน่ห์ของงานเขียนแบบอัศศิริ ธรรมโชติ ที่มักจะเล่นกับอารมณ์ซึ้ง เศร้า หวาน จนสามารถพูดได้ว่าติดตามอ่านงานเขียนของเขาหมดแล้วทุกเล่มรวมทั้งเล่มนี้ด้วย แม้ว่าในเวลาต่อมาจะมองงานเขียนของอัศศิริ ธรรมโชติ ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

หนังสือเล่มนี้จะพาผูอ่านไปพบกับวิถีชีวิตอันอาทรในแบบของชาวชนบท ซึ่งหาได้ยากแล้วในปัจจุบัน เป็นชนบทที่อบอุ่นด้วยน้ำใจไมตรีของคนบ้านเดียวกัน ผสานกันไประหว่างงานหนักในท้องไร่ ท้องนากับกิจกรรมการละเล่นอันหลากหลายเพื่อผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อย

ในท้องถิ่นชนบทแห่งนี้ ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์มากพอที่จะทำให้ชีวิตมั่นคง ใครทำมากก็ได้มาก ทำน้อยก็ได้น้อย เมื่อไม่ต้องแก่งแย่งแข่งขันกันเรื่องทรัพยากร ชีวิตก็สงบสุขกระทั่งมีน้ำใจไมตรีต่อกัน

เด็ก ๆ มีเสรีที่จะวิ่งเล่นไปในท้องทุ่งกว้าง สภาพธรรมชาติอันกว้างใหญ่ไพศาลนั่นล่ะคือสนามเด็กเล่นที่มีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการหาปลากัดในบึงมากัดกัน กัดจิ้งหรีด การเล่นว่าว หรือสนุกสนานกันไปตามประสาในมหรสพงานวัด เหล่านี้เป็นทั้งสนามเด็กเล่นและห้องเรียนธรรมชาติที่สอนให้เด็ก ๆ เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ

"มหกรรมในท้องทุ่ง" เป็นเหมือนบันทึกทางวัฒนธรรมของชาวนาภาคกลาง เช่น ประเพณีการลงแขกเกี่ยวข้าว หนังเร่-ซึ่งปัจจุบันเกือบจะไม่เห็นแล้วเพราะถูกแทนที่ด้วยหนังแผ่น และที่แปลกคือการเล่นเข้าทรงผี "แม่ศรี" ในเทศกาลสงกรานต์ที่คนและผีมาร่วมเล่นรื่นเริงด้วยกัน ไม่มีการแยกคน แยกผี

"แม่ศรีเอย...

แม่ศรีสาวสะ

ยกมือไหว้พระ จะมีคนชม

ขนคิ้วเจ้าต่อ ขนคอเจ้ากลม

ชักผ้าปิดนม

ชมแม่ศรีเอย..." (หน้า 130-131)

ในพิธีกรรม-การละเล่นนี้มีการอัญเชิญผี "แม่ศรี" มาร่วมร้องรำทำเพลงกับชาวบ้านและเด็ก ๆ โดยเลือกคนทรงมาคนหนึ่ง

"เชิญเอ๋ย... เชิญลง

เชิญพระองค์สิบทิศ

องค์ไหนศักดิ์สิทธิ์

ก็เชิญลงมา...

เชิญเอ๋ยเชิญลง

เชิญพระองค์เขาเขียว

ขี่ช้างงาเดียว

มาเข้าตัวน้องข้า...

เจ้าพญาผีเอย..." (หน้า 131)

แม่ผี "แม่ศรี" เข้าทรงแล้ว ความบันเทิงสนุกสนานก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น แม้แต่เด็กๆ ก็ไม่หวาดกลัวผี ผู้เขียนบรรยายว่า

"ศรีนวล หลับตาพริ้ม แต่เธอลุกขึ้นร่ายรำอ่อนไหวไปกับเสียงเพลงที่ร่ำร้อง-ผีแม่ศรีและปู่เจ้ามาจากขุนเขาที่ไหนบ้างและทำไมถึงมาได้เล่นเต้นสนุกอยู่เฉพาะกับงานสงกรานต์นั้นไม่เคยมีใครคิดถามหรือว่าคิดอยากจะรู้ ทั้งผีและคนแม้เด็ก ๆ ในเทศกาลเช่นนี้ไม่มีใครหวาดกลัวใคร เส้นสายใยที่โยงไว้กับตัวของแม่ศรีในร่างของเด็กนั้นมีเพียงแค่ผ้าบางที่คอยดึงเอวเอาไว้มิให้รำออกไปไกลห่างกับสำเนียงเสียงร้องด้วยท่วงทำนองต่าง ๆ กัน เมื่อเพลงหยุด แม่ศรีก็ล้มลงในอ้อมแขนของลำไย" (หน้า 131-132)

นวนิยายขนาดสั้นที่จบในตอนเรื่องนี้เชื่อมโยงกันไว้ด้วยกิจกรรมการละเล่นของเด็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ความเป็นชนบทถูกเล่าผ่านตัวละครสองวัยคือเด็กๆ และผู้เฒ่าผู้แก่ซึ่งดูจะไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งยังได้สอดแทรกปัญหาสังคมหรือปัญหาการพัฒนาที่กำลังจะมาสู่ชุมชนไว้พอหอมปากหอมคอ เช่น การสร้างเขื่อน

การเลือกใช้ถ้อยคำของผู้เขียนนั้นดูเหมือนง่าย ไหวเอนเหมือนต้นข้าว เรียบง่ายเหมือนรูปแบบชีวิตของตัวละคร แต่อันที่จริงแล้วเป็นความสามารถเฉพาะตัวของนักเขียนที่ผ่านการฝึกฝน ขัดเกลามาอย่างดี

หลังจากที่หวนกลับไปอ่านอีกครั้ง ความถวิลอาวรณ์วัยเยาว์หวนกลับมาแม้จะไม่สวยงามเหมือนและสนุกสนานเหมือนตัวละครในหนังสือก็ตามทั้งยังตระหนักได้ว่าคนโบราณและของโบราณ ประเพณี พิธีกรรมในอดีตนั้นรุ่มรวยและสวยงามแม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม.

 

 

หลานที่จากไป

26 March, 2010 - 00:00 -- nalaka

-1-

หลานเกิดปีเดียวกับที่ผมเดินทางออกจากบ้าน มุ่งหาประสบการณ์และไล่คว้าหาความหมายของสิ่งที่เรียกว่าชีวิต  คืนวันของหลานที่เติบโตขึ้นด้วยความเอาใจใส่ของพ่อแม่คือจำนวนเวลาที่ผมจากบ้านเกิดเมืองนอน

เล็กน้อยอย่างที่เห็นแต่เป็นโลกทั้งใบ

14 March, 2010 - 00:00 -- nalaka

 

 
คงเป็นเพราะรูปเล่มงามตาน่าหยิบจับและเครดิตก่อนเข้าสู่เนื้อเรื่องที่บอกว่า
เล็กน้อยมากจนสามารถนั่งอ่านข้าง ๆ เตียง ยิ่งใหญ่มากจนสามารถเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตเร้าความสนใจให้เปิดพลิกและลงมืออ่าน

สนามหลวงไม่เหมือนเก่า

1 March, 2010 - 00:00 -- nalaka

-1-

ฉันเดินตัดผ่านสนามหลวงเพื่อไปขึ้นรถเมล์กลับหอพักเกือบทุกวัน เรื่องราวที่แทบจะเป็นแบบฉบับและเหตุการณ์ซ้ำ ๆ ที่ได้พบเห็นจากผู้คนแห่งสนามหลวงวันแล้ววันเล่า ทำให้เกิดภาพประทับในใจโดยไม่รู้ตัว


เมื่อฉันได้รู้จักกับสนามหลวงมากขึ้น ฉันก็ได้พบว่าสถานที่แห่งนี้เปี่ยมไปด้วยสีสันและชีวิตชีวาอย่างแท้จริง ที่แห่งนี้มีเรื่องราวชีวิตของคนระดับล่างมากมาย แต่ละคน แต่ละชีวิตนั้นน่าจะปรากฏอยู่ในนิยายมากกว่าจะเป็นเรื่องจริง คนเหล่านี้ไม่ควรจะมีอยู่จริง!

ลูกผู้ชายหัวใจมีรัก : หัวใจที่ไม่เคยอิ่มเต็ม

21 October, 2009 - 00:00 -- nalaka

ลูกผู้ชายหัวใจมีรัก(Man and Wife)” คือนิยายอันละเมียดบรรจงของ Tony Parsons เป็นผลงานภาคต่อจาก “ลูก(ผู้)ชายหัวใจคุณพ่อ (Man and Boy)” ซึ่งเคยสร้างความเกรียวกราวในแวดวงนักอ่านได้มากพอสมควร(ผมเคยวิจารณ์ไว้แล้วที่ http://blogazine.prachatai.com/user/nalaka/post/1562 ) ฝีมือแปลโดย ภัสรี สิงหเดช

 

พ่อผมไม่เคยฆ่าใคร : เรื่องเล่าของเด็ก ตลกร้ายของผู้ใหญ่

16 September, 2009 - 00:00 -- nalaka

โดยทั่วไปแล้ว หนังสือของสำนักพิมพ์ “ผีเสื้อ” สามารถการันตีคุณภาพ(แต่ไม่การันตียอดขาย) ได้ในระดับหนึ่ง เรียกได้ว่าไม่มีคำว่าผิดหวังในแทบทุกเล่มเพราะว่าโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นวรรณกรรมแปล! “พ่อผมไม่เคยฆ่าใคร” ซึ่งเขียนโดย ฌ็อง-หลุยส์ ฟูร์นิเย่ร์ และแปลโดย วัลยา วิวัฒน์ศร ก็เช่นเดียวกัน