Skip to main content

 

ได้เวลาพารถคันน้อย ๆ ไปออกกำลังกายอีกแล้ว คราวนี้ไปแบบไม่รู้อะไรเลย บ้านวัดจันทร์ ฉันรู้จักในนามป่าสนวัดจันทร์ ความที่ชอบต้นสนสองใบ สามใบ และไม่เคยแยกออกสักทีว่าอย่างไหนสองใบ หรือสามใบ แต่ที่ชอบคือใบฝอย ๆ เวลามองไกล ๆ แล้วดูเป็นฟู่ ๆ สวยดี ใบสนไม่มีน้ำ ยามหน้าแล้งจึงยังเขียวอยู่เนื่องจากมีน้ำมันอยู่ข้างใน

อยากมาป่าสนวัดจันทร์นานมากแล้ว แต่ไม่มีโอกาสสักที ได้ยินพี่ที่เคยไปเมื่อครั้งที่ทางยังไม่ได้ลาดยาง ว่าทางโหดโครต ๆ ก็ได้แต่ยั้งตัวเองไว้ เพราะแคริบเบียนน้อยของฉันนั้นไม่ใจว่าฉันจะพามันไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่

ป่าสนวัดจันทร์ หรือบ้านวัดจันทร์อยู่ห่างจากอ.ปายประมาณ 55 ก.ม. ออกจากปายย้อนกลับขึ้นไปทางเชียงใหม่ประมาณ 14 ก.ม. จะมีทางแยกอยู่ขวามือ เข้าไปอีก 42 ก.ม. ถนนลัดเลาะอยู่ในหุบเขา และไต่ขึ้นไปบนยอดเขา ทั้งสูง ทั้งชัน และยาวไกล พันแปดร้อยโค้งมาปาย-แม่ฮ่องสอนสมัยก่อนว่าโหดแล้ว เจอ 42 ก.ม.มาวัดจันทร์ก็ทำให้หัวใจได้เต้นแรงขึ้น

ถนนบางจุดเหมือนสีขาวแต้มอยู่บนภูเขาข้างหน้าไกล ๆ ซึ่งเราต้องไต่ไปให้ถึงตรงนั้น และผ่านไปให้ได้ น้องจิ๊บของฉันต้องใช้เกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อ และใส่เกียร์จนถึงเกียร์หนึ่ง ค่อย ๆ เหยียบคันเร่งไต่ขึ้นไป จนเกือบสุดปลายเท้าอยู่แล้ว (รถเก๋งหรือรถที่มีพละกำลังดี ๆ น่าจะขับง่ายกว่า)

แอบคิดว่าถ้าเกียร์ก็หมด คันเร่งก็ไม่มีให้เร่งแล้ว ฉันคงติดปีก บินไปเลยดีกว่า...

การขับรถบนภูเขามีทั้งเหมือนและต่างกับการใช้ชีวิต ขับรถขาขึ้นนั้นยากและต้องระมัดระวังอย่างสูง บางครั้งอยากแวะพักแทบตายก็ไม่มีที่พัก ยิ่งระหว่างทางสูงชันอันตรายแล้วเจอพายุฝนตกลงมาอย่างหนักจนมองทางข้างหน้าไม่ได้นั้น ยิ่งต้องระมัดระวัง ของแถมที่ถนนเส้นนี้ให้มาคือความอดทน เพราะถนนเส้นนี้ไม่มีห้องน้ำเลย เจออากาศเย็น ๆ ชื้น ๆ เหงื่อไม่ออก ร่างกายก็เพียรขับน้ำออกทางปัสสาวะ ...นี่แหละการขับรถขาขึ้น ไม่เหมือนชีวิตขาขึ้นจริง ๆ

ขาลงเล่า ไม่จำเป็นอย่าได้เหยียบเบรกเป็นอันขาด หาไม่เบรกจะไหม้ ครัชจะไหม้  พ่อกรอกหูมาตั้งแต่เด็กว่า ให้เปลี่ยนเกียร์ ขึ้นเขาหรือลงเขาจงใช้เกียร์ต่ำ ลดเกียร์ไปเรื่อย ๆ ทางลงบนถนนเส้นนี้ก็ใช่ย่อย บางช่วงก็ชันพุ่งลงไปเหมือนฝันว่าตกจากที่สูง สำหรับฉันแล้วขับรถลงเขาง่ายกว่าขึ้นเขา ไม่เหมือนชีวิตขาลงจริงๆ

สองข้างทางไปวัดจันทร์ บางช่วงมีธารน้ำใสของแม่น้ำปายคลอเคลียไป บางช่วงมีหาดทรายมองเห็นน้ำใสจนอยากจอดรถลงไปลุยน้ำเล่น โดยเฉพาะช่วงบ้านเหมืองแร่ ที่เคยเป็นเหมืองแร่ฟลูออไรด์ทางแยกเข้าบ้านเมืองแปง

ประมาณหนึ่งชั่วโมง ถึงบ้านวัดจันทร์ เห็นโรงพยาบาลตั้งอยู่บนเนินเขาด้านขวามือ คงเป็นโรงพยาบาลที่สวยที่สุดในโลก

ป่าสนวัดจันทร์เป็นป่าสนที่กินอาณาบริเวณกว้างใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยความสูงประมาณ 900-1100 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีอากาศเย็นชื้นในฤดูฝน เย็นสบายในฤดูร้อน และหนาวสุด ๆ ในฤดูหนาว ในเขตอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นชุมชนเก่าแก่ของชาวปกากญอที่ตั้งอยู่มานาน มีภาษาพูด ภาษาเขียน ประเพณี และวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง

 

ติดต่อสอบถามรายละเอียด ได้ที่ : สำนักงานศึกษาและพัฒนาการท่องเที่ยวภาคเหนือตอนบน 291 ถนนแก้วนวรัฐ ตำบลวัดเกต อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50000
โทรศัพท:์ (053)249349 โทรสาร: (053)260072 (ในวันเวลาราชการ)

การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง
จากปายมีรถสองแถวที่ตลาดแสงทอง ออกวันละ 1 เที่ยว เวลา 13.00
จากเชียงใหม่มีรถสองแถวประจำทาง ขึ้นรถที่สถานีขนส่งช้างเผือก รถออกเวลา 09.00 น., 11.00 น. ค่าโดยสารคนละ 110.- บาท ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 6- 7 ชั่วโมง

****************

ลิ้งค์เพลงค่ะ ชื่อเพลง
Wild Child  ของ Enya น่าจะเข้ากับบรรยากาศป่าสนวัดจันทร์  จริง ๆ แล้วพยายามหาเพลงของชิ ถ้าได้เสียงเตหน่า คงจะดีกว่านี้ แต่หาไม่ได้ค่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=YvdhByrevZA&feature=related

 

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
  วันนี้ตั้งใจขับรถขึ้นไปที่ขุนช่างเคี่ยน เพื่อไปดูพญาเสือโคร่งประจำปีนี้ ตื่นหกโมงเช้า ฟ้ายังมืด อากาศหนาว ออกจากบ้านหกโมงครึ่ง แต่กว่าจะไปถึงแดดก็เริ่มแรงแล้ว รูปนี้ถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิว ก่อนถึงโค้งขุนกันต์ ดอยสุเทพ เห็นเส้นขอบฟ้าไกล ๆ ถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้าง จึงเก็บฟ้าและเมืองได้ทั้งเมือง เชียงใหม่ยังมีมุมสวยอยู่
โอ ไม้จัตวา
  ได้เวลาออกเดินทางอีกแล้ว ช่วงนี้ดอกพญาเสือโคร่งกำลังจะบาน ต้องตามข่าวกันทุกวันว่าบานถึงไหนแล้ว เพราะจะบานเพียง 7 วันเท่านั้น ภาพชุดนี้ถ่ายเมื่อปีที่แล้ว ตื่นสายไปนิด ไปถึงแปดโมงกว่า ๆ รู้สึกว่าแดดแรงไป ปีนี้คงต้องออกจากบ้านหกโมงเช้า     แดดแรงไปนิดนึงจริง ๆ แต่เก้าอี้ที่ไร้คนนั่ง คงไม่หนาวเหน็บเหมือนอากาศตอนนี้     ข้อดีของแดดจ้า ๆ ก็ทำให้ฟ้าเป็นสีฟ้า ดอกไม้สีชมพูเต็มต้น ตัดกับฟ้าสีฟ้าโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ความทุกข์ทรมานอย่างหนึ่งของช่างภาพ คือต้องวิ่งตามแสง โดยเฉพาะแสงเช้า     ดอกบ๊วย ขึ้นอยู่ในบริเวณเดียวกัน ภาพนี้ใช้เลนส์ซูม ดึงเข้ามาใกล้…
โอ ไม้จัตวา
สัปดาห์นี้มีโอกาสได้ไปถ่ายรูปห้องพักและอาหารให้กับเรือนคำอิน บ้านไม้สักทองทั้งหลัง มีห้องพักขนาดหรูหราเพียง 3 ห้อง และเป็นร้านอาหาร (อาหารพื้นเมืองรสชาติแบบคนเมืองแพร่) ปีนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี พี่นิดเจ้าของบ้านจึงลดราคาห้องพักลงมาแบบครึ่ง ๆ ภาพที่ยกมานี้เป็นห้อง living room ของหนึ่งในห้องนอนของบ้าน ราคาคืนละ 2500 บาท พร้อมอาหารเช้าไม่ได้โฆษณานะ แต่เผื่อใครหาที่พักในเชียงใหม่ ราคานี้ก็พอ ๆ กับโรงแรมในไนท์บาซ่า แต่สบายกว่ากันเยอะเลย ห้องสูธแพงกว่านี้พันนึง มีจากุชชี่ และห้องซาวน่าในตัวด้วยค่ะขอบอก เข้าไปหาข้อมูลในกูเกิ้ลได้ค่ะ
โอ ไม้จัตวา
  คราวที่แล้วเล่าเรื่องรีทัชสายไฟออกจากภาพ คราวนี้ลองมาเล่นที่ใบหน้า ลบรอยตีนกากันบ้างดีกว่า ไม่ต้องใช้เครื่องสำอางก็สวยได้  
โอ ไม้จัตวา
สัปดาห์นี้ขอแนะนำวิธีรีทัชรูปแบบง่าย ๆ เริ่มจากโรคจิตของอิฉันเองที่ทนเห็นสายไฟรกรุงรังไม่ได้ ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือในภาพ มีใครเป็นแบบนี้มั่งไหมเนี่ย เห็นไม้แขวนเสื้อกองรวมกันยุ่ง ๆ หรือสายโทรศัพท์ สายไฟ สายอะไรก็ตาม พันกันยุ่ง ๆ แล้วจะรู้สึกใจคุกรุ่นขึ้นมาเหมือนมีคนยั่วโมโห ทนไม่ได้ต้องนั่งคลาย ๆ ๆ ๆ
โอ ไม้จัตวา
โดยส่วนตัวแล้วเราโตมากับห้องมืด ตอนเด็ก ๆ ข้างบ้านเป็นร้านถ่ายรูป ฝึกล้างอัดรูปในห้องมืดที่โรงเรียน เข้ามหาลัยก็เข้าชมรมโฟโต้ ก็ได้เล่นห้องมืดต่ออีกนิดหน่อย เมื่อไม่นานมานี้ไปเช่าบ้านอยู่กับเพื่อน บ้านที่อยู่ในรั้วเดียวกันก็ยังเป็นห้องมืดให้นักศึกษาเช่าทำงานล้างอัดรูป ชีวิตจึงวนเวียนอยู่กับห้องมืด และภาพขาวดำ (ว่าไปก็น่าทำห้องมืดไว้เล่นเองเหมือนกันนะ)  
โอ ไม้จัตวา
ภาพนี้ถ่ายด้วยความโลภ ฟ้าก็อยากได้ ก้อนเมฆก็อยากได้ ใช้เลนส์ไวด์หรือเลนส์สำหรับถ่ายภาพให้ได้มุมกว้างถ่าย เวลาขณะนั้นประมาณเที่ยง ฟ้าสีฟ้า เมฆเต็มฟ้า แดดจัดมาก ถ้าวัดแสงที่ก้อนเมฆ ข้างล่างจะมืด ถ้าวัดแสงที่ข้างล่างก้อนเมฆจะจ้ารายละเอียดหายไปเลย  
โอ ไม้จัตวา
คราวนี้ไม่ค่อยกล้าทุบกล้องเท่าไรนัก เพราะใช้ Nikon D70 ถ่ายอาหาร โดยใช้เลนส์ Macro (อ่านว่า มาโคร) คือเลนส์ที่ใช้ถ่ายวัตถุในระยะประชิดระดับ 1 เซ็นได้ พวกงาน close up ทั้งหลายมักใช้เลนส์ หรือโหมดมาโครนี้ในกล้องดิจิตอล ที่มีวิธีดูง่าย ๆ คือ ปุ่มที่เป็นเครื่องหมายรูปดอกไม้ในตัวกล้อง นั่นคือปุ่มมาโคร สำหรับถ่ายดอกไม้ใกล้ ๆ ถ่ายมด ถ่ายขี้จิ้งจก หรือถ่ายอาหารอย่างวันนี้เป็นต้น
โอ ไม้จัตวา
  คราวนี้ยกแมวที่มีสีสันตัดกันอยู่ในตัวมาให้ดู แมวที่มีสีขาว และดำ อยู่ใกล้กันแบบนี้ เวลาถ่ายภาพจะต้องระวังการวัดแสง เพราะถ้าวัดแสงที่สีดำ ส่วนที่เป็นขาวก็จะจ้าจนความละเอียดหายไป ควรวัดแสงตรงสีที่เป็นกลาง ๆ เช่นสีน้ำตาลเป็นต้น ก็จะได้ภาพที่มีสีและแสงพอดี
โอ ไม้จัตวา
ติดพันจากแมวคราวที่แล้ว ตอนทำรูปก็พบว่ามีขั้นตอนที่ไม่ยากนักในการปรับภาพในโปรแกรมโฟโต้ช็อปเอามาแนะนำกัน ภาพที่เราถ่ายนั้นบางครั้งองค์ประกอบของภาพก็ยังไม่สมบูรณ์นัก เราสามารถใช้คำสั่ง crop ในโฟโต้ช็อปได้ หรือคลิ้กที่เครื่องหมายที่เราทำลูกศรสีแดงชี้ไว้ แล้วลากที่ภาพ สร้างกรอบภาพขึ้นมาใหม่ จากตัวอย่างที่ยกมาให้ดูภาพเต็มคือทั้งหมด เมื่อเราลาก crop ส่วนที่เป็นแถบสีดำรอบ ๆ ภาพ กรอบเล็กจะหายไปเมื่อเราดับเบิ้ลคลิ้ก
โอ ไม้จัตวา
“ถ่ายภาพเด็กกับสัตว์ให้โฟกัสที่ตา” ออกจากห้องโสตทัศนศึกษา ห้องปฏิบัติการถ่ายภาพที่โรงเรียนเมื่อสมัยอยู่ม.3 แล้วก็ไม่เคยเข้าห้องเรียนถ่ายรูปที่ไหนอีกเลย เคยเข้าไปเล่นเองบ้างก๊อกแก๊กในห้องอัดของชมรมถ่ายภาพในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งได้มีโอกาสหมกตัวอยู่ที่สวนทูนอิน บ้านพักของคุณ’รงค์ วงษ์สวรรค์ เป็นบางช่วง และมีโอกาสเดินถ่ายรูปดอกไม้ยามเช้าในสวนทูนอิน ประโยคที่ยกมาข้างบนนั้นคุณ’รงค์ วงษ์สวรรค์ พูดขึ้นมา (จะเรียกว่าสอนก็น่าจะได้) เมื่อชี้ให้ดูภาพแมวที่เขาถ่ายและใส่กรอบติดไว้ที่ผนังบ้าน    
โอ ไม้จัตวา
  แสงแดดมีความสำคัญต่อการถ่ายภาพอย่างยิ่ง เพราะเป็นแสงจากธรรมชาติ ทำให้ภาพมีมิติ มีเงา แต่ก็ต้องเลือกเวลาเช่นกัน อย่างที่บอกในชื่อเรื่องว่า แสงแรกและแสงสุดท้าย แสงแรกนั้นคือ แสงแดดยามเช้าจนถึงสาย ๆ น่าจะประมาณ 8.30 น. และแสงสุดท้ายของวัน คือประมาณ 4-5 โมงเย็น เป็นช่วงเวลาที่พอดีที่สุดในการถ่ายภาพ