Skip to main content

ผมมักเอ่ยถึงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วอยู่หลายครั้ง ด้วยความรู้สึกสามัญธรรมดาเหมือนกับหลายๆ คนที่เชื่อว่า วันเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปรวดเร็ว แต่วันเวลาแห่งความทุกข์กลับผ่านไปอย่างเชื่องช้า

 

ครั้งก่อนผมเอ่ยว่าฤดูใบไม้ผลิจักต้องมาถึง ก็มีมิตรสหายส่งปกหนังสือในชื่อนี้ของอดีตปัญญาชนท่านหนึ่งมาให้

 

มิตรสหายท่านนั้นคงคิดถึงหนังสือเล่มนั้นไม่มากก็น้อย แต่ขอบอกว่าตอนที่เขียนก็ไม่ได้คิดถึงเขา เพราะในยามที่ผมเขียนเรื่องฤดูหนาวอันยาวนั้นมีที่มาจากการเดินทางทางของผมเมื่อปี 2556 ด้วยความรู้สึกว่าฤดูหนาวปีนั้นยาวนานเหลือเกิน ประกอบกับได้ยินชื่อหนังสือชุดกระท่อมน้อยในป่าใหญ่ตอนฤดูหนาวอันยาวนาน ก็ประทับใจ เพราะผมยังจำความรู้สึกที่เปิดหน้าต่างบนห้องใต้หลังคาแล้วหิมะโปรยลงมาเป็นสาย แม้ในยามปลายเดือนมีนาคมที่น่าจะเข้าฤดูใบไม้ผลิในยุโรปก็ตาม

 

ในปีนี้ฤดูหนาวของผมก็เป็นฤดูหนาวที่ยาวนานที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ เพราะนับเนื่องตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนมาจนถึงบัดนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าความหนาวจะเลือนจากไปง่ายๆ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็มีหิมะโปรยลงมาเป็นสาย ราวกับจะสั่งลาความหนาวเย็นที่แผ่มานานหลายเดือน

 

แต่ในยุโรปที่ผ่านสายตาของผม เมื่ออากาศอบอุ่นเข้าฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้จะงอกโผล่พ้นดินมาและเบ่งบานให้เห็น

 

การบังคับฤดูกาลเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ในขีดความสามารถอันจำกัดของมนุษย์ อย่างไรก็ยังต้องพ่ายแพ้แก่ธรรมชาติ

 

ระบอบการเมืองก็เช่นกัน

 

ผมจึงเห็นว่าในที่สุด ฤดูใบไม้ผลิจักต้องมาถึงในที่สุด

 

อีกเรื่องหนึ่งที่ฉุกคิดมาได้ระหว่างเขียนบทนำวิภาษาฉบับที่ 61 ก็คือ ตกลงแล้วผมเห็นว่าการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 นั้น เป็นการยุติความรุนแรงที่มีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ 

 

ขอขยายความในที่นี้เลยว่า ผมไม่เคยเห็นไปในทางที่ว่าการรัฐประหารจะแก้ปัญหาใดๆ ได้เลย ประวัติศาสตร์ของไทยที่ผ่านมา หรือกระทั่งในหลายๆ มุมของโลกนั้น ชี้ให้เห็นว่าการเข้าสู่อำนาจของทหารไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเป็นกองกำลังติดอาวุธที่มีพลานุภาพมากที่สุดของทุกสังคม แต่การออกจากการเมืองของทหารไม่ใช่เรื่อง่าย และไม่ได้จบแบบเทพนิยายให้เราเห็น

 

การเข้าสู่การเมืองของทหารด้วยการใช้กำลังควบคุมและพยายาม "ปฏิรูป" เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การปฏิรูปวันที่ 6 ตุลาคม 2519 หรือการรัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ 2534 จบลงด้วยการปะทะกันอย่างรุนแรงในเดือนพฤษภาคม 2535 มาถึงการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ทำให้ระบอบการเมืองของไทยเริ่มบิดผันผิดรูป (deform) มาอย่างต่อเนื่อง 

 

สรุปเบื้องต้นว่า การเข้าสู่การเมืองของทหารไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสรรพกำลังและการสนับสนุนระเบียบสังคมจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมและคนชั้นกลางที่ฝักใฝ่ระเบียบอันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทำให้การเข้าสู่การเมืองของทหารไม่ใช่เรื่องยาก ดังที่ผู้นำกองทัพถึงกับบอกว่า อย่ามาสู้กับทหารเลย สู้ยังไงก็ไม่ชนะ

 

อันที่จริงฝ่าย นปช. น่าจะเข้าใจได้ชัดเจนที่สุดว่าเงื่อนไขของความพ่ายแพ้ทางการเมืองของนปช.และพรรคเพื่อไทยก็คือการขาดฐานสนับสนุนจากคนชั้นกลางตลอดจนเครือข่ายอนุรักษ์นิยม

 

แต่ทหารมักจะลืมอีกด้านหนึ่งของเหรียญคือ การถอนตัวออกจากการเมืองอย่างไร ไม่เพียงให้ตัวเองดูสง่างาม แต่ยังหมายถึงการมีที่ทางในสังคมภายหลังจากลงจากอำนาจอีกด้วย

 

การถอนตัวออกจากการเมืองจึงเป็นปริศนาที่รอคอยคำตอบเมื่อเวลาคลี่คลายของมันมาถึง ถึงแม้จะพอเดาได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะต้องเดา เพราะทิศทาง แนวโน้มความเสื่อมทรามของการกำกับด้วยสรรพกำลังนั้นมักปรากฏออกมาในรูปของความล้มเหลวเชิงนโยบาย ความไม่สามารถผลิตนโยบายที่ดีกว่าออกมาได้ หรือกระทั่งความล้มเหลวในการกุม "หัวใจ" ของคนชั้นกลางและฝ่ายอนุรักษ์นิยม 

 

ที่สำคัญ การใช้กำลังอาวุธกับประชาชนของตัวเองไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะทำให้ทหารสามารถควบคุมกำกับการเมืองไทยแต่ฝ่ายเดียวได้อีกต่อไป แม้จะใช้กำลังอย่างถึงที่สุด ก็สามารถทำได้เพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น

 

หากมองในแง่ร้าย ทหารสามารถกำกับความเคลื่อนไหวด้วยการเรียกคนไปปรับทัศนคติ ก็กระทำได้ในระดับจุลภาค แต่ก็ต้องแลกกับภาพพจน์เผด็จการในสายตาของชุมชนอารยะประเทศ ที่สำคัญ ประเทศไทยไม่ใช่สามจังหวัดชายแดนใต้

 

หากจะยกระดับถึงขั้นการใช้อาวุธข่มขู่คุกคามหรือกำจัดฝ่ายที่เห็นต่างทางการเมืองนั้น จะส่งผลสะเทือนในระยะยาวอย่างไรบ้างก็คงจะเกินสติปัญญาของผมในเวลานี้ 

 

 

 

 

 

 

 

 

บล็อกของ บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ

บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
วันนี้ (31 พฤษภาคม) เป็นวันที่ 17 นับจากวันเลือกตั้งจบลง โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งยังมีเวลาเหลืออีก กว่า 43 วัน ที่จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างน้อย ร้อยละ 95 ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบเขตและบัญชีรายชื่อ เพื่อให่้ระบอบการเมืองเดินไปอย่างต่อเนื่องและไม่ขาดต
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ช่วงที่พ่อแม่มาอยู่ด้วย ผมจะพาพ่อแม่ไปเที่ยวใกล้บ้าง ไกลบ้าง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เพราะการพาคนแก่มาอยู่เมืองที่ไม่มีเพื่อนฝูงที่สนิทกันคงไม่ใช่เรื่องสนุกอาทิตย์ก่อนก็ขับออกไปพุทธมลฑลแล้วไปพระปฐมเจดีย์ วกออกไปทางบ้านแพ้ว ออกมาพระรามสอง ก็เจอรถติดยาว ในสั
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
บทความนี้เขียนเร็วๆ จากบทสนทนาในไลน์กลุ่มที่ผู้เขียนเป็นสมาชิก เพื่อตอบคำถามสองส่วน ส่วนแรกคือเสถียรภาพทางการเมืองขึ้นอยู่กับความได้สัดส่วนระหว่างขีดความสามารถของรัฐกับความคาดหวังจากสังคม ส่วนที่สองคือรัฐกำลังทำผิดรัฐธรรมนูญขึ้นเรื่อยๆ 
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
เมื่อเช้ายังงัวเงียอยู่ (เพราะนอนดึก) มิตรสหายในไลน์กลุ่มก็ชวนคุยว่า จะเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีไปทำไม่ ดูอย่างอเมริกาสิ ขนาดเปลี่ยนทรัมป์ออกไปเป็นโจ ไบเด็น ถึงวันนี้คนยังติดโควิดสูง แม้กระทั่งในทำเนียบขาว ผมเลยชวนดีเบตว่าเอาไหม ในที่สุด บทสนทนาก็มาถึงจุดที่ว่า เราไม่ควรเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
 คนเราจะวัดความเป็นรัฐบุรุษที่แท้ได้ก็เมื่อวิกฤตการณ์มาถึง แล้วเขาสนองตอบต่อวิกฤตการณ์นั้นอย่างไร
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ในวันที่ 2 มีนาคม 1757 (2300) เดเมียนส์ผู้ปลงพระชนม์ถูกตัดสินว่าให้ "กระทำการสารภาพผิด (amende honorable) หน้าประตูอาสนวิหารแห่งปารีส" เป็นที่ซึ่งเขาจะถูกเอาตัวไปและส่งไปกับล้อเลื่อน โดยสวมแต่เพียงเสื้อเชิ้ต ถือคบเพลิงที่มีขี้ผึ้งเป็นเชื้อหนังสองปอนด์ (ราว 1 กิโลกรัม) จากนั้นเขาจะถูกนำตัวไปบนล้อเ