Skip to main content

ตั้งหลักสมัครสมานกับผืนดิน (2552)

มกราฯ : วุ่นรับแขกหลายคณะ ไม่เกิดฉันทะพอที่จะจับจอบ

กุมภาฯ : อา...โกยหญ้า ขุดดินขึ้นมากอบกำ ในที่สุดก็ผูกสัมพันธ์กันอีกครั้ง เราและผืนดิน


สำรวจสวนไม้ผล

-มะม่วง หลังจากรดน้ำสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยขี้วัวและคลุมโคนต้นด้วยเศษหญ้า ไชโย! มะม่วงมหาชนกอายุ 3 ปีที่โรงรถติดลูกจิ๋วหลิวน่ารัก ต้นข้างห้องนอนเชนแตกยอดอ่อน สุขภาพดีขึ้น

-ต้นหม่อน (มัลเบอรี) ออกลูกเยอะกว่าปีที่แล้ว ลูกโตขึ้นด้วยถึงแม้จะไม่เท่าต้นแม่ที่ตัดกิ่งมาปักชำ เราใส่ปุ๋ยพรวนดินเหมือนกับต้นอื่น ๆ ระหว่างรดน้ำก็คุย ขอบคุณ และชื่นชมเขาไปด้วย ปิดเทอมนี้ น้องธารคงได้เอื้อมเด็ดใส่ตะกร้าใบน้อย

-มะยม,กะท้อน เพิ่งปลูก ต้องคอยประคบประหงมให้ดี สายยางรดน้ำยาวไปไม่ถึงต้นกระท้อน แต่มะม่วงหิมพานต์รอดหลายต้น ทนแล้งดี น่าชื่นชม น่าเอาเยี่ยงอย่าง

-ส้ม ไม่ค่อยงามนัก แต่ฉันหันกลับมาเอาใจใส่เธอแล้วนะ เธอถูกเพลี้ยกับเชื้อราก่อกวน แต่ตอนนี้ก็แข็งแรงแตกยอดใหม่ พร้อมสู้ชีวิตต่อไป ฉันท่องไว้ในใจ ต้นไม้ แสงแดด ปุ๋ย น้ำ ความชุ่มชื้น รักกันแล้ว หอบหิ้วกันมา อย่าทิ้งอย่าขว้าง


-เชอรี่ ปลูกข้างห้องนอน ตั้งใจจะให้อิงระเบียงที่มีแผนจะต่อเติม เด็ดจากบนบ้านเลยคงน่าสนุก หนาวที่แล้วทำท่าจะแย่ ตอนนี้หลังจากได้ปรับปรุงดูแล แตกใบใหม่แล้ว

- ต้นอื่นๆ กำลังรอฟื้นตัวจากที่ถูกละเลย ทั้งลองกอง ทับทิม ทว่ามะขามยังมีทีท่าร่อแร่

-ฝรั่ง ขึ้นเองสองต้น ต้นแรกอยู่ท้ายสวน แทบไม่ได้แวะเวียนไปดู บางทีไปลูกเล็กจิ๊ดเดียว ไปอีกทีเน่าแห้งคาขั้ว หรือไม่ก็นกจิกกินหมดแล้ว มหัศจรรย์มาก ต้นหน้าบ้านออกลูก 2 ลูก ชิมแล้ว หวานอร่อยเป็นที่สุด

-อ้อย (ขออยู่หมวดนี้ด้วยคน) เก็บมาจากข้างทาง กำลังเตรียมดิน เด็ก ๆ จะได้ลิ้มรสแผ่นดินจนครบ เปรี้ยวมะม่วง มะขาม กระเจี๊ยบ หวานลำไย กล้วย มะละกอ มะม่วงสุก มันมีฟักทอง ข้าวโพด เผือก มัน ปลูกให้ครบ ให้ลิ้นได้รับทุกรส คนจะยังต้องการอะไร

- สตาร์แอ็ปเปิ้ล อยู่ใต้ร่มไผ่ใกล้ประตู เป็นมุมที่ถูกบดบังหลงลืม ขอโทษที่ทำให้เธอต้องจากไป แต่สัญญานะ จะแก้ตัวลงใหม่ เขาเป็นต้นไม้ใบสวย มีสีเขียวด้านบน ใต้ใบสีน้ำตาลทอง ยามลมพลิกพลิ้วแสนเสนาะสวยงาม



ธัญญะผลาหารโดยสังเขป

- แผนปลูกข้าวไร่ปี 51 ล่าช้าไม่ทันการณ์ เตรียมตัวสำหรับปีนี้ ฝึกมือให้ด้านเข้าไว้ ที่ดินด้านหนึ่งลาดลงตรงมุมรั้ว น้ำฝนท่วมขัง อ้ายอ้วนบอกทำตรงนี้ได้เลย ขุดพรวน ทำคันดินล้อมแล้วหว่านข้าวดอยเม็ดป้อมลงไป น้องนักดนตรีชาวสวนบอกว่า พี่ต้องเก็บหญ้าออกให้หมดด้วย อืม ต้องลองดู ฝนนี้ จะไหวหรือไม่

- ปีที่แล้วติดเขียนสารคดี ปลูกข้าวโพดไม่ทัน ดูซิว่าปีนี้จะแบ่งตัวตนได้ไหม คนสวนบนดินกับคนสวนอักษร

- ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ เจ้าฟักทองแสนอัศจรรย์ จากเมล็ดที่หว่านโยน


1) ดอกผลมากมาย ยามแก่จัดเหลืองอร่ามได้แจกจ่ายแบ่งไป พี่อ๋อง น้องจิ๋ว อุ๊ยดาว คุณลุงคุณป้าบ้านสวนธรรมชาติ เจ้าของขนุนสีชมพูหวานกรอบ ฯลฯ

2) ทำอาหารหล่อเลี้ยงตูบตีนดอย มีแกงเผ็ดฟักทอง,แกงเลียง ส่วนของหวานคือฟักทองแกงบวด อ้อ ผัดฟักด้วย ...เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดฟักผัด แต่คนละชนิดกันนะ ผัดฟักแบบเหนือตำพริก ผัดใส่ตะไคร้ใบแมงลัก ผัดแบบไทย ๆ ใส่ไข่ใส่หมู ที่เหลือ (ก็ลูกมันใหญ่) หั่นเสี้ยว ต้มจิ้มน้ำพริก เมล็ดคั่วใส่โหลไว้ขบเล่น กับเก็บไว้ขยายพันธุ์ แต่อันที่จริง เราอยากหาพันธุ๋ที่เนื้อเหนียว ๆ เปลือกสีส้มสดอร่ามมาปลูกมากกว่า ห่วงแต่ว่าเมล็ดพันธุ์จะถูกตัดตอนเท่านั้น


นั่งนับนิ้วเล่น ฟักทองวิเศษยังทำอะไรได้อีก กระบองฟักทองเผ็ดหวานเค็มมันไงล่ะ ของว่างแบบเหนือ ๆ แล้วก็ซุปฟักทอง กินกับขนมปังทาเนย อาหารฝาหรั่ง อ้อ! ฟักทองบดผสมแป้งสาลีกับแป้งโฮลวีตส์นั้นทำแล้ว ส่วนผสมแพนเค้กกรุ่นร้อน อาหารเช้าของเด็ก ๆ


-และแล้วก็มาถึง กล้วย ผู้อุปถัมภ์หลักของรายการ

พืชชนิดแรกที่เราปลูกคือกล้วย ยามหิวได้คว้ากล้วยน้ำว้าที่ทะยอยสุกทีละเครือมาประทัง เมื่อลูกร้องโยเย หิวขนมได้รับทานกล้วยบวดชี แม่ยำหัวปลี แกงหัวปลีใส่ยอดชะอม พ่อชอบกินสดแกล้มผัดไทและหลนเต้าเจี้ยว ยามยากไร้ ไม่มีขนมขบเคี้ยว พ่อทอดกล้วยดิบฝานบางเป็นเหรียญทองกรุบกรอบให้ลูกกิน

เรามีกล้วยหอมอร่อยได้ชิมแล้วหนึ่งต้น เด็ก ๆ ชอบให้ฝานใส่แพนเค้กก่อนนำไปทอด อร่อยไม่แพ้โรตีกล้วยหอม แต่เตาอบไม่ดี ทำเค้กกล้วยหอมไม่ได้นะจ๊ะ

  

สรุปบทเรียนของคนสวน

- ตัดหญ้าให้ทัน ถึงยากจะทัน ก็ให้ปลูกกล้วยไว้เป็นกลุ่ม ๆ ลงต้นไม้กลางดงกล้วย อาศัยความชื้น ร่มเงา และหนีหญ้ามหาประลัย

- ต้นไม้รอบบ้าน หมั่นถอนหญ้า รดน้ำ พรวนดิน ใส่ขี้วัวสม่ำเสมอ (เรามีแกลบ,ขี้เถ้า และขี้วัวหลายกระสอบจากลุงคนเลี้ยงวัว)

-สูตรพ่อใหญ่อีสาน ขุดหลุมสองหลุมห่างจากต้นไม่มาก หลุมหนึ่งลงปุ๋ยคอก อีกหลุมลงใบไม้แห้ง สูตรอ้ายปะกาเกอะญอ ขุดหลุมกว้างใหญ่ รองหลุมด้วยปุ๋ย ใบไม้ ดินดีก่อนปลูก สองวิธีนี้ล้วนได้ผล (แต่ฉันยังไม่มีแรงขุดหลุมลึกกว้างอย่างนั้น)

- สวนสัมพันธ์กับตัวตนและวิถีชีวิต ปรับปรุงดิน เรียนรู้ฤดูกาล พันธ์ไม้ ปรับจิตใจ โน้มนำ เชื่อมสัมพันธ์ ชีพจรจังหวะภายในให้สอดคล้องกับธรรมชาติภายนอก


...กำลังหัดทำสวนอยู่จ้า กำลังฝึกฝนเทคนิคการเขียน

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
บ่อน้ำ... คำนี้ช่างชุ่มเย็นหวานฉ่ำ ซุกซ่อนอยู่ในร่มเงาไม้ ที่ละอองไอชื้นแผ่มาจากบ่ออิฐตะไคร่คร่ำ เมื่อลัดจากทุ่งร้อนเปรี้ยงหรือผ่านมาตามถนนสีแดง คนเดินทางถูกดึงดูดสู่ร่มเงา ถอยจากเปลวแดดเต้นยิบ ความกระหายเผารมลำคอ เขาก้มมองลงไป มืด ชื้นฉ่ำ ได้ยินเสียงน้ำเย็นเสนาะใสอยู่เบื้องใต้ หันซ้ายแลขวา พบหลักไม้ กิ่งไม้ หรืออาจวางเค้เก้อยู่บนดิน ครุ กระชุชันยา หรือถังน้ำพร้อมเชือก...
รวิวาร
ก่อนหนาวคลาย เขามีงานมหกรรมดนตรีชนเผ่าที่ค่ายเยาวชนใกล้ๆน้ำพุร้อน ปะทะกับแคมป์ดนตรี ชีวิต วิญญาณของชาวญี่ปุ่น  หนึ่งในสามสี่คืน บนเวทีใหญ่ พี่น้องหลากเผ่าทั่วเชียงดาว ไต ลีซู ลาหู่ ดาระอั้งฯลฯ ส่งตัวแทนขึ้นแสดงนาฏการบนเวที แจมด้วยดนตรีโฟล์คซองจากหนุ่มญี่ปุ่น  คืนอื่นๆที่เหลือล้วนเป็นของชาวแจแปน  มีอยู่คืนเหมือนว่าเป็นคืนของเรา เรียก’เรา’ นั่นล่ะ ด้วยว่าพรรคพวกหมู่เฮามากันหลาย  สุดสะแนนปิดร้านยกวงมา พี่ตุ๊ก บราสเซอรี่กีตาร์เทพก็มา รวมทั้งน้าหงา น้าหว่องและวงคาราวาน  คืนนั้นมากหน้าหลายตา แต่ก็คนกันเอง รู้จักคุ้นหน้า บ้างมาร่วมงานเฉยๆบ่ได้แจมดนตรี …
รวิวาร
* แต หรือเขียง สิ่งก่อสร้างสำหรับแบ่งน้ำในลำเหมือง มี ต๊าง บากเป็นช่องสำหรับให้น้ำผ่านตามที่ตกลงกันไว้ว่าจะปันให้นาแต่ละเจ้าเท่าใด * อ่าน จุดจบแห่งจินตนาการ  อรุณธตี รอย
รวิวาร
คุณไม่ได้เป็นอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็น แต่กลับอาศัยงาน ภารกิจเล็กๆที่รับมอบพาไหลเลื่อนไปสู่ประตูที่เปิดกว้าง  บ้าน หญิงสูงวัย รั้วไม้ไผ่ที่เถาถั่วสีเขียวอมม่วงเลื้อยอิง กระจุกดอกเล็กๆกลีบอ่อนนุ่มและฝักสีม่วงชุ่มชูทาบท้องฟ้า ฟ้าสีฟ้าแจ่มแห่งฤดูหนาวเท่านั้น คุณมีสมุด ปากกา กล้องถ่ายรูปมาด้วย จริงอยู่ ปากขยับ ไถ่ถาม แนะนำตัว บอกที่มา คุณมาทำไม มาขอข้อมูลถั่วที่ออกดอกใหม่เอี่ยมนั่นไง  เหมือนมีตัวเองอยู่สองชั้น พูด ยิ้ม ถาม หัวเราะและหยุด สัตว์สังคมที่ฝึกมากับภายในซึ่งไร้ภาษา ซึมซับสิ่งที่ดวงตาดูดดื่ม สีหน้าของหญิงทั้งสอง  สำเนียงยองดอยสะเก็ดจากใบหน้า เหนือคิ้ว…
รวิวาร
ฉันมองโลกจากตัวฉัน เฝ้าดู เพ่งพินิจพิจารณาสิ่งละอันพันละน้อยที่อยู่รอบตัวด้วยดวงตาของผู้หญิงคนหนึ่ง ดักจับภูมิภาพตามลักษณะอารมณ์ความคิดแห่งเพศของเธอ  มักไม่ใคร่เห็น ตื่นเต้นเลยไกลถึงสิ่งยิ่งใหญ่ ขับดันโลก ไม่สนิทสนมคุ้นเคยเกี่ยวแก่การบ้านการเมือง จดจำตัวเลข สถิติ หรือข้อมูลทางวิชาการไม่ใคร่ได้ เพียงคิด ดู และพรรณนาไปตามความรู้สึก หญิงอื่นอาจรอบรู้เก่งกาจแตกต่าง แหละความเป็นหญิงอาจไม่ใช่ข้ออ้าง ฉันเพียงบอกเล่าจากมุมของตน
รวิวาร
  ตัวเป็นๆ   ‘อาว์’ อยู่บนรถเข็น มองมาด้วยดวงตาลึกงัน รอบข้างคือความเคลื่อนไหว รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ การพูดคุยโบกไม้โบกมือ สตริงควอเท็ตมือสมัครเล่นจบไปแล้วค่ำนั้น งานหนังสือในสวน  ข้าพเจ้าเดินผ่านสายตากราดปะทะ แต่มิได้เข้าไปหา  เหมือนโลกหยุดนิ่งชั่วขณะ ช่วงเวลาอันควรมาถึง แต่ข้าพเจ้ากลับปล่อยผ่าน ลูกและสามีเร่งยิกๆ ให้กลับ เฉกเช่นด้านบัดซบของความจนปล่อยลอยผ่าน รวมเรื่องสั้นรอซื้อสำหรับส่งไปบูชาครู รดน้ำดำหัวที่โป่งแยงคราวสงกรานต์ ข้าพเจ้าให้เผอิญอยู่ไกล ไม่ได้ข่าว ขาดงบประมาณบ้าง มิได้กราบอาว์จริงๆ สักครั้ง
รวิวาร
ชื่อชั้น (2) รึจะเป็น ใต้ถุนป่าคอนกรีต สนิมกรุงเทพฯ หรือ? สำมะหาอะไรกับความทรงจำของเด็ก ข้าพเจ้าพยายามเดาจากรายชื่อหนังสือที่พิมพ์ก่อนปีเกิด แต่ก็หมดปัญญา
รวิวาร
อ่านแรก (1)   ข้าพเจ้าจำได้ ตู้ไม้กรุกระจกใบย่อมใต้หิ้งพระบ้านยาย นอกจากข้าพเจ้ากับน้องจะยึดประตูของมันคนละบาน ใช้ปลายเท้าจิกลงบนกรอบไม้ชิ้นบางที่ยึดแผ่นกระจกด้านล่าง ขณะสองมือเหนี่ยวกรอบบนเท้าข้างหนึ่งถีบพื้นกระดาน แนบร่างกับแผ่นกระจก เหวี่ยงประตูเข้า ๆออกๆ พลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน ตู้หลังนั้น ใบเดียวกับที่ตั้งอยู่ข้างตัวยามนี้ อัดแน่นด้วยหนังสือ ยัดทะนานความคิดความรู้สึก
รวิวาร
หมุนวนแต่ไม่ได้หมุนรอบ ซ้ำซากอยู่กับที่ หรือทุกข์ทรมานเหนื่อยล้าราวถูกตีตรวน มันคือรอบของเกลียวที่หมุนขึ้นสู่เบื้องบน ส่งสัญญาณชัดแจ้งตั้งแต่ตอนแรกแล้วในดีเอ็นเอ วงโคจรแห่งดาว กำเนิดจักรวาล ชีวิต วงหมุน สังสารวัฏ รอบซึ่งมีทิศทะยานขึ้น พัดพาเราหนุนเนื่องไหลตามไป ขออย่างเดียว แค่อย่าเขลาไถลลื่นลง ถึงอย่างนั้น การย้อนศรชีวิตก็ไม่น่าง่าย เพราะมันขัดกับตัวชีวิตเอง แม้จะมีความโง่เขลายิ่งใหญ่ในการทำลายตัวเองหนุนโลกอยู่โต้งๆ ...คุณก็รู้ สัตว์ป่าออกครอบครองพื้นที่แถบเชอร์โนบิล พวกมันจับจองเตาไฟ พื้นกระท่อมที่ถูกทิ้งร้าง หลังผู้อาศัยอพยพหนีรังสีนิวเคลียร์ คุณก็เห็น เวทีเล็กเวทีน้อยที่ชาวบ้านไหวตัว…
รวิวาร
  ฉันตื่นมาตอนหกโมง หมอกลงฝอยขาวโพลนจนมองเห็นเพียงใกล้ๆ อากาศหนาวจนตัวสั่นไปหมด  วันนี้เช้าและหนาวเกินกว่าจะไปสวรรค์...
รวิวาร
      มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเราก้าวพ้นธรณีประตูเข้าไป พวกเขาทำกับเราเช่นนั้น เหล่านักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ถูกดูดดึงด้วยเวทมนต์บางอย่าง ถูกสะกดและแปลงเปลี่ยนผัสสะด้านใน ฝนไม่เป็นฝนดังที่คุณรู้สึก เจมส์ จอยซ์ทำให้มันเต็มไปด้วยความสับสนกระวนกระวายและโศกเศร้า คุณค่อยๆหลุดหาย หายไปในเมืองที่ดรออิ้งภูมิภาพไม่เข้มชัด ภาพเขียน ซึ่งไม่เหมือนจริง ภาพถ่ายที่คมชัดในรายละเอียด เหมือนก้อนทึบ บลุบเบลอ ทว่าแน่นหนักด้วยโทนอารมณ์รู้สึก ต่างกับเรื่องเล่าที่ดำเนินด้วยเหตุการณ์ พล็อตฉับไวของสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรียงลำดับตามแบบแผน ผู้คนที่กำลังถูกไล่ล่า…
รวิวาร
เหมือนความเศร้านั้นมีมวล  แผ่จับและหนักอึ้งอยู่จนถึงรุ่งเช้า  ในดวงตาก้มต่ำ ริมฝีปากเงียบงันล่องลอยยังที่ใด ตัวมันเองไม่ต้องการคำถาม ไม่สรรหาคำอธิบายมาบอก ความรู้สึกที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องใต้นั้น ภาษาก็อับจนหนทาง