Skip to main content

  

29 พฤษภาฯ 52


ตุ่นน้อยลูกรัก

เช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง กังวานดีทั้งวันทั้งคืน ฟังสิ เพราะจังนะ ถ้าเราลองเอาไม้ไผ่มาตีกันให้เกิดเสียง มันจะไม่เพราะอย่างนี้ แต่สายลมที่พลิ้วมาลูบไล้ รัวเบา ๆ หรือพัดสนุกเกรียวกราว ทำให้เกิดโทนเสียงแตกต่าง แม่มองและฟังมันอย่างมีความสุข ผิวไม้ไผ่เริ่มแห้งดูเรียบงามไปอีกอย่างหนึ่ง ไม่ใช่สวยแบบโมบายเปลือกหอย หรือกังสดาลหลากสี เป็นของเล่นบ้าน ๆ ของเล่นจากธรรมชาติไงจ๊ะ คนแต่ก่อนรู้จักเล่นกับน้ำ แดดและลม ต้นไม้ใบหญ้าก็นำมาให้ลูกหลานเล่นได้ เหมือนต้นหญ้าที่มีลูกพอง ๆ กลม ๆ ที่เรานำมาตบดังปุ๊นั่นไง ปะป๊าตัดหญ้าแล้ว แต่เราระวังไม่ตัดของเล่นจากธรรมชาติที่ลูกหวง เพราะฉะนั้น วางใจได้เลยนะจ๊ะตุ่นน้อย ถ้ามันยังไม่ตาย ปิดเทอมหน้า ลูกก็จะได้กลับมาเล่นอีกครั้ง


มีข่าวร้ายนิดหน่อยจ้ะที่รัก ลูกเจี๊ยบสีเหลืองป่วย ไม่สบาย เพียงสองสามวันมันก็ตาย พ่อกับแม่ช่วยไว้ไม่ทัน ตอนนี้เราเลยมีแม่ไก่สาวรุ่นกับลูกเจี๊ยบสีดำออกหากินเงื่องหงอยสองตัว เดี๋ยวนี้พวกไก่ไม่นอนในเล้าแล้ว พอพลบ มันชวนกันขึ้นนอนคอนกิ่งลำไยใกล้รั้ว เจ้าน้ำตาลทำอะไรไม่ได้เพราะมันอยู่สูง แต่ว่าถ้าฝนตกมาต่อเนื่อง ฤดูฝนมาเยือนจริง ๆ แม่สงสัยอยู่เหมือนกันว่า มันจะกลับไปนอนที่เล้าหรือไม่


น้ำตาลยังถูกผูกตอนกลางวันเหมือนเดิม ปะป๊ากับแม่ยังแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่รู้จะจัดการกับนิสัยไล่ล่าไก่ของมันยังไง ความเป็นนักล่าของน้ำตาลทำให้แม่ไม่ได้ไปรับลูกแมวมาเลี้ยงซักที ก็เจ้าเสือน้อยของอายเพื่อนลูกนั่นแหละ พูดถึงอาย แม่ยังไม่ได้ซื้อแจกันแก้วให้อายเลยล่ะ ลูกก็รู้ว่าแม่ไม่ค่อยมีตังสำหรับใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ที่จริงแม่ก็อดใจไม่ได้ หาให้ตัวเองอันหนึ่ง แล้วลูกรู้ไหมพอกลับถึงบ้าน แจกันก็ร้าวตรงขอบหยัก ๆ ทั้งที่แม่ใส่ไว้ในย่าม สะพายแนบตัวอย่างดี แม่ก็เลยปลอบใจตัวเองว่า ช่างมัน พอปักดอกไม้ลงไป ก้านดอกก็จะบังรอยตำหนิ มองไม่เห็นหรอก

 

  


เรื่องแจกันแก้วสำหรับปักดอกไม้น้อย ๆ นี้มีเรื่องเล่านะ ลูกรู้ไหมว่ามันมีที่มาจากไหน คนแรกที่ทำให้แม่เห็นและทำตามก็คือน้าก้อย เมื่อก่อนน้าก้อยอยู่ที่ร้านเล่า ที่ตอนนี้เป็นน้าจ๋ากับน้าเก็ตน่ะล่ะ น้าก้อยชอบเก็บดอกไม้หลากสีที่หาได้ทั่วไป ตามหอพัก ตรอกซอกซอยแถวหลังมอฯ คนละสีคนละชนิดมาเสียบลงในแก้วใบน้อย เป็นแจกันบ้าง เป็นถ้วยแก้วบ้าง แต่ละชิ้นแต่ละอันเล็ก ๆ น่ารักทั้งนั้น น้าเก็ตน้าจ๋าก็ดูเหมือนจะจัดตาม แม่ไปบ้านหลังใหม่ของน้าก้อยก็ยังเห็นจัดแบบนี้ แม่คิดว่ามันน่ารักดี น่ารักเอามาก ๆ เลย มีดอกเล็กนิดให้เราพิศ ไม่เหมือนแจกันใหญ่ ๆ อลังการ ดอกไม้แพงๆ ก้านแข็ง ๆ ดอกใหญ่ ๆ จากร้าน ที่สำคัญไม่ต้องเสียเงินเลยด้วย นี่ทำให้แม่คิดการณ์ไกล ฝนมา แม่จะปลูกดอกไม้ให้หลากหลายเข้าไว้ ทั้งสีสันและรูปทรง เราแม่ลูกจะได้เก็บกันเพลินไปเลย


แม่รู้ว่าลูกก็ชอบ ชื่นใจนักที่ลูกเล็กน่าชัง อาสาเก็บดอกไม้น้อย ๆ มาปักแจกันให้แม่ ตอนนี้มุมของหนูถูกเก็บไปชั่วคราว กลายเป็นโต๊ะหนังสือของแม่ตามเดิม แม่วางแจกันไว้ที่โต๊ะเช่นเดียวกับลูก วันนี้มีดอกกระดังงาสีเหลืองหนึ่งดอก แววมยุราสามดอก กับดอกหญ้าสีเหลืองเล็กจิ๋ว เต็มแจกันใบจ้อย แล้วหนูละจ๊ะ จัดแจกันไว้ที่โต๊ะหนังสือในห้องนอนหรือเปล่า แล้วช้างไม้ เจ้าละอองวางอยู่ตรงไหน ส่วนของแม่ วางไว้ข้างแจกันนี่เอง แต่ว่าแม่ติดลูกฟูที่หางมันแล้วนะ ลูกฟูสีเขียวขี้ม้า เหลืองอ่อนและแดงเลือดนก ที่ลูกเรียกกระปุ๊กลุ๊กนั่นแหละ


แม่อยากจะเห็นห้องนอนของลูกเสียจริง อยากเห็นเตียง โต๊ะ ตู้เสื้อผ้า บรรยากาศในที่ที่ลูกอยู่ แม่อยากจะปูที่นอนของลูกให้เรียบตึง อยากปัดฝุ่นที่โต๊ะเขียนหนังสือ อยากช่วยกันกับลูกจัดเสื้อผ้าในตู้ ชวนกันหาอะไรสวย ๆ งาม ๆ มาแขวน เลือกม่านหน้าต่าง โมบาย หรือโคมไฟที่สวยงามแปลก ๆ น่ารัก ๆ แล้วก็อยากจะเข้าไปราตรีสวัสดิ์ ปิดไฟโคมสีส้ม ห่มผ้าให้ลูก กอดกันก่อนนอน ได้เห็นรอยยิ้มสดใสอ่อนหวานของเจ้า...ฝันดีนะจ๊ะตุ่นน้อย ถึงอยู่ไกล ความรักของแม่ก็เดินทางไปถึง ขอเทพเทวดานางฟ้าปกป้องคุ้มครองเด็กน้อยที่ฉันรัก


ราตรีสวัสดิ์จ้ะ

แม่

 

ป.ล. แม่ลืมเล่าเรื่องหนึ่ง ตอนเช้า แม่นั่งกินกาแฟที่บันไดหน้าบ้านเหมือนเคย ฝนตกเมื่อวานทำให้ลูกหอยทากเล็ก ๆ สองสามตัวไต่ขึ้นมา มันเล็กมาก และทำให้แม่คิดถึงลูก ตัวมันสีเงา ๆ ขนาดเท่าลูกปัดแบน ๆ มีหนวดยื่นและลำตัวด้านข้างโผล่ออกมาเหมือนในหนังสือภาพเลย แต่มันไม่มาหาแม่หรอกนะ หนวดของมันจับความร้อนจากคนตัวใหญ่แล้วบอกว่า ไปดีกว่า ตัวอะไรไม่รู้นั่งขวางทางอยู่ มันทำเสียงแบบหุ่นยนตร์อย่างที่ลูกชอบทำ "อันตารายๆๆ" เหมือนเสียงอีวาในวอลอียังไงยังงั้น

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
บ่อน้ำ... คำนี้ช่างชุ่มเย็นหวานฉ่ำ ซุกซ่อนอยู่ในร่มเงาไม้ ที่ละอองไอชื้นแผ่มาจากบ่ออิฐตะไคร่คร่ำ เมื่อลัดจากทุ่งร้อนเปรี้ยงหรือผ่านมาตามถนนสีแดง คนเดินทางถูกดึงดูดสู่ร่มเงา ถอยจากเปลวแดดเต้นยิบ ความกระหายเผารมลำคอ เขาก้มมองลงไป มืด ชื้นฉ่ำ ได้ยินเสียงน้ำเย็นเสนาะใสอยู่เบื้องใต้ หันซ้ายแลขวา พบหลักไม้ กิ่งไม้ หรืออาจวางเค้เก้อยู่บนดิน ครุ กระชุชันยา หรือถังน้ำพร้อมเชือก...
รวิวาร
ก่อนหนาวคลาย เขามีงานมหกรรมดนตรีชนเผ่าที่ค่ายเยาวชนใกล้ๆน้ำพุร้อน ปะทะกับแคมป์ดนตรี ชีวิต วิญญาณของชาวญี่ปุ่น  หนึ่งในสามสี่คืน บนเวทีใหญ่ พี่น้องหลากเผ่าทั่วเชียงดาว ไต ลีซู ลาหู่ ดาระอั้งฯลฯ ส่งตัวแทนขึ้นแสดงนาฏการบนเวที แจมด้วยดนตรีโฟล์คซองจากหนุ่มญี่ปุ่น  คืนอื่นๆที่เหลือล้วนเป็นของชาวแจแปน  มีอยู่คืนเหมือนว่าเป็นคืนของเรา เรียก’เรา’ นั่นล่ะ ด้วยว่าพรรคพวกหมู่เฮามากันหลาย  สุดสะแนนปิดร้านยกวงมา พี่ตุ๊ก บราสเซอรี่กีตาร์เทพก็มา รวมทั้งน้าหงา น้าหว่องและวงคาราวาน  คืนนั้นมากหน้าหลายตา แต่ก็คนกันเอง รู้จักคุ้นหน้า บ้างมาร่วมงานเฉยๆบ่ได้แจมดนตรี …
รวิวาร
* แต หรือเขียง สิ่งก่อสร้างสำหรับแบ่งน้ำในลำเหมือง มี ต๊าง บากเป็นช่องสำหรับให้น้ำผ่านตามที่ตกลงกันไว้ว่าจะปันให้นาแต่ละเจ้าเท่าใด * อ่าน จุดจบแห่งจินตนาการ  อรุณธตี รอย
รวิวาร
คุณไม่ได้เป็นอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็น แต่กลับอาศัยงาน ภารกิจเล็กๆที่รับมอบพาไหลเลื่อนไปสู่ประตูที่เปิดกว้าง  บ้าน หญิงสูงวัย รั้วไม้ไผ่ที่เถาถั่วสีเขียวอมม่วงเลื้อยอิง กระจุกดอกเล็กๆกลีบอ่อนนุ่มและฝักสีม่วงชุ่มชูทาบท้องฟ้า ฟ้าสีฟ้าแจ่มแห่งฤดูหนาวเท่านั้น คุณมีสมุด ปากกา กล้องถ่ายรูปมาด้วย จริงอยู่ ปากขยับ ไถ่ถาม แนะนำตัว บอกที่มา คุณมาทำไม มาขอข้อมูลถั่วที่ออกดอกใหม่เอี่ยมนั่นไง  เหมือนมีตัวเองอยู่สองชั้น พูด ยิ้ม ถาม หัวเราะและหยุด สัตว์สังคมที่ฝึกมากับภายในซึ่งไร้ภาษา ซึมซับสิ่งที่ดวงตาดูดดื่ม สีหน้าของหญิงทั้งสอง  สำเนียงยองดอยสะเก็ดจากใบหน้า เหนือคิ้ว…
รวิวาร
ฉันมองโลกจากตัวฉัน เฝ้าดู เพ่งพินิจพิจารณาสิ่งละอันพันละน้อยที่อยู่รอบตัวด้วยดวงตาของผู้หญิงคนหนึ่ง ดักจับภูมิภาพตามลักษณะอารมณ์ความคิดแห่งเพศของเธอ  มักไม่ใคร่เห็น ตื่นเต้นเลยไกลถึงสิ่งยิ่งใหญ่ ขับดันโลก ไม่สนิทสนมคุ้นเคยเกี่ยวแก่การบ้านการเมือง จดจำตัวเลข สถิติ หรือข้อมูลทางวิชาการไม่ใคร่ได้ เพียงคิด ดู และพรรณนาไปตามความรู้สึก หญิงอื่นอาจรอบรู้เก่งกาจแตกต่าง แหละความเป็นหญิงอาจไม่ใช่ข้ออ้าง ฉันเพียงบอกเล่าจากมุมของตน
รวิวาร
  ตัวเป็นๆ   ‘อาว์’ อยู่บนรถเข็น มองมาด้วยดวงตาลึกงัน รอบข้างคือความเคลื่อนไหว รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ การพูดคุยโบกไม้โบกมือ สตริงควอเท็ตมือสมัครเล่นจบไปแล้วค่ำนั้น งานหนังสือในสวน  ข้าพเจ้าเดินผ่านสายตากราดปะทะ แต่มิได้เข้าไปหา  เหมือนโลกหยุดนิ่งชั่วขณะ ช่วงเวลาอันควรมาถึง แต่ข้าพเจ้ากลับปล่อยผ่าน ลูกและสามีเร่งยิกๆ ให้กลับ เฉกเช่นด้านบัดซบของความจนปล่อยลอยผ่าน รวมเรื่องสั้นรอซื้อสำหรับส่งไปบูชาครู รดน้ำดำหัวที่โป่งแยงคราวสงกรานต์ ข้าพเจ้าให้เผอิญอยู่ไกล ไม่ได้ข่าว ขาดงบประมาณบ้าง มิได้กราบอาว์จริงๆ สักครั้ง
รวิวาร
ชื่อชั้น (2) รึจะเป็น ใต้ถุนป่าคอนกรีต สนิมกรุงเทพฯ หรือ? สำมะหาอะไรกับความทรงจำของเด็ก ข้าพเจ้าพยายามเดาจากรายชื่อหนังสือที่พิมพ์ก่อนปีเกิด แต่ก็หมดปัญญา
รวิวาร
อ่านแรก (1)   ข้าพเจ้าจำได้ ตู้ไม้กรุกระจกใบย่อมใต้หิ้งพระบ้านยาย นอกจากข้าพเจ้ากับน้องจะยึดประตูของมันคนละบาน ใช้ปลายเท้าจิกลงบนกรอบไม้ชิ้นบางที่ยึดแผ่นกระจกด้านล่าง ขณะสองมือเหนี่ยวกรอบบนเท้าข้างหนึ่งถีบพื้นกระดาน แนบร่างกับแผ่นกระจก เหวี่ยงประตูเข้า ๆออกๆ พลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน ตู้หลังนั้น ใบเดียวกับที่ตั้งอยู่ข้างตัวยามนี้ อัดแน่นด้วยหนังสือ ยัดทะนานความคิดความรู้สึก
รวิวาร
หมุนวนแต่ไม่ได้หมุนรอบ ซ้ำซากอยู่กับที่ หรือทุกข์ทรมานเหนื่อยล้าราวถูกตีตรวน มันคือรอบของเกลียวที่หมุนขึ้นสู่เบื้องบน ส่งสัญญาณชัดแจ้งตั้งแต่ตอนแรกแล้วในดีเอ็นเอ วงโคจรแห่งดาว กำเนิดจักรวาล ชีวิต วงหมุน สังสารวัฏ รอบซึ่งมีทิศทะยานขึ้น พัดพาเราหนุนเนื่องไหลตามไป ขออย่างเดียว แค่อย่าเขลาไถลลื่นลง ถึงอย่างนั้น การย้อนศรชีวิตก็ไม่น่าง่าย เพราะมันขัดกับตัวชีวิตเอง แม้จะมีความโง่เขลายิ่งใหญ่ในการทำลายตัวเองหนุนโลกอยู่โต้งๆ ...คุณก็รู้ สัตว์ป่าออกครอบครองพื้นที่แถบเชอร์โนบิล พวกมันจับจองเตาไฟ พื้นกระท่อมที่ถูกทิ้งร้าง หลังผู้อาศัยอพยพหนีรังสีนิวเคลียร์ คุณก็เห็น เวทีเล็กเวทีน้อยที่ชาวบ้านไหวตัว…
รวิวาร
  ฉันตื่นมาตอนหกโมง หมอกลงฝอยขาวโพลนจนมองเห็นเพียงใกล้ๆ อากาศหนาวจนตัวสั่นไปหมด  วันนี้เช้าและหนาวเกินกว่าจะไปสวรรค์...
รวิวาร
      มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเราก้าวพ้นธรณีประตูเข้าไป พวกเขาทำกับเราเช่นนั้น เหล่านักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ถูกดูดดึงด้วยเวทมนต์บางอย่าง ถูกสะกดและแปลงเปลี่ยนผัสสะด้านใน ฝนไม่เป็นฝนดังที่คุณรู้สึก เจมส์ จอยซ์ทำให้มันเต็มไปด้วยความสับสนกระวนกระวายและโศกเศร้า คุณค่อยๆหลุดหาย หายไปในเมืองที่ดรออิ้งภูมิภาพไม่เข้มชัด ภาพเขียน ซึ่งไม่เหมือนจริง ภาพถ่ายที่คมชัดในรายละเอียด เหมือนก้อนทึบ บลุบเบลอ ทว่าแน่นหนักด้วยโทนอารมณ์รู้สึก ต่างกับเรื่องเล่าที่ดำเนินด้วยเหตุการณ์ พล็อตฉับไวของสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรียงลำดับตามแบบแผน ผู้คนที่กำลังถูกไล่ล่า…
รวิวาร
เหมือนความเศร้านั้นมีมวล  แผ่จับและหนักอึ้งอยู่จนถึงรุ่งเช้า  ในดวงตาก้มต่ำ ริมฝีปากเงียบงันล่องลอยยังที่ใด ตัวมันเองไม่ต้องการคำถาม ไม่สรรหาคำอธิบายมาบอก ความรู้สึกที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องใต้นั้น ภาษาก็อับจนหนทาง