Skip to main content

มันแน่อยู่แล้ว ที่คุณรู้สึกอึกอัก เก้อกระดากหากจะกล่าวถึงความจน บางครั้งคุณคิด การเขียนถึงชีวิตตัวเองนั้นช่างเปล่าเปลือย เชื้อเชิญผู้อื่นเปิดหม้อข้าว เข้ามาดูถึงในมุ้งเชียวหรือ มันเหมือนบอกเล่ากับคนอื่น ขณะเดียวกัน พูดคุยกับตัวเอง เมื่อคุณถ่ายเทความคิดผ่านอักษรปีแล้วเดือนเล่า คุณก็คุ้นเคยที่จะทำส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ

ความยากจนทำให้ฉันได้เรียนรู้จักแก่นแท้ หรืออีกนัยหนึ่ง อรรถประโยชน์ ความจำเป็นที่แท้จริงของสิ่งต่าง ๆ เช่นกาแฟอาจไม่จำเป็นสำหรับบุคคลอื่น แต่จำเป็นสำหรับข้าพเจ้า มันคือความรื่นรมย์ยามเช้า กลิ่นหอมอันเป็นเครื่องหมายอายอวลความคิด เมื่อมีเงิน มีโอกาสเดินทางเข้าเมือง ข้าพเจ้าซื้อเมล็ดกาแฟคั่วบด หากไม่ ข้าพเจ้าใช้กาแฟสำเร็จ ยี่ห้ออันมีข้อมูลเชื่อถือได้ว่าทำลายสิ่งแวดล้อม และกดขี่แรงงานในประเทศโลกที่สาม (ทางเลือกระหว่างสองยี่ห้อ คุณจะเลือกอุดมการณ์หรือตามใจลิ้น)


ข้าวสารเป็นสิ่งที่เราคำนึงถึงมากกว่าบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือ บัตรเติมเงินสำหรับพูดคุยจำเป็นน้อยกว่าการเติมเงินสำหรับใช้อินเตอร์เน็ต หากไม่จำเป็น ไม่ส่งเสียงพูดคุยก็ได้ เราสามารถส่งอีเมล หรือเขียนไปรษณียบัตรและจดหมาย ความห่วงใย น้ำจิตน้ำใจในญาติมิตรนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเงินตรา


อย่างที่คุณเคยเขียนมาจนใครบางคนอาจรู้สึกสงสาร คุณไม่ได้ตั้งใจให้ใครเวทนา ความขาดแคลนนั้นเพียงแค่ทำให้รู้สึกฉงน ความไม่อาจซื้อในสิ่งเคยได้ ทำให้มนุษย์คิดค้น พบเจอสิ่งใหม่ คุณผลิตน้ำผลไม้ สำหรับทดแทนความต้องการทางกาย ของเหลวรสส้ม อมหวานอมเปรี้ยว คุณผลิตของทอดกรุบกรอบ โฮมเมดเฟรนช์ฟรายด์ กล้วยอบเนย กล้วยฉาบ กล้วยตาก และอีกมากมาย แทนเลย์ พริงเกิ้ล ปาร์ตี้ เพื่อที่จะพบว่า ฟันของมนุษย์นั้นบางครั้งต้องการขบเคี้ยว ถั่วคั่ว กล้วยอบ ต้องการของนุ่ม ซุป เม็ดขนุนต้มเกลือ และต้องรับของแข็ง ออกแรงบ้างจากผักผัดสดกรอบ ซี่โครงหมูหรือ กระดูกอ่อน เลยตลอดไปจนถึงผิวสัมผัสชิวหา กระพุ้งแก้ม เพดานปาก ไม่ต้องมีมังสา หมู ปลา ไก่ก็ได้ คุณพบว่าเต้าหู้ เนื้อเจสามารถทดแทนสัมผัสขาดหาย ไม่หรอก คุณยังไม่ไปไกล ไม่คาดคั้นคนในครอบครัวถึงเพียงนั้น


แค่บ้านของคุณปิดประตูมิดชิดหลังจากคอยนานสามปีทั้งที่ทวีหนี้สินคุณก็ดีใจเหลือหลาย ห้องน้ำชั่วคราวแต่ใช้แบบถาวรอยู่ไกล แต่เด็ก ๆ ก็คุ้นชิน คุณกางร่มไปได้เมื่อฝนตก คุณเปิดหน้าต่าง อาบน้ำชมดอย โถส้วม อ่างล้างหน้า และฝักบัว ครบถ้วนด้วยแก่นสารสาระดุจเดียวกับห้องน้ำทุกห้องในโลก


ฝนมาปีนี้ หลังคาโรงรถคุณไม่เหลือ งบประมาณไม่พอ คุณล้างกระสอบป่าน สามารถเย็บแทนผ้าใบ ความจำเป็นในการมีหลังคาตอกตะปูในหัวใจ นั่นไม่ใช่อะไรนอกจากสิ่งคุ้มหัว เครื่องกำบังอันตรายจากฟ้า แดดและฝน ในโรงรถมีเพียงรถยนต์คันเก่าและกองไม้ที่เหลือจากการสร้างบ้าน ผ้าคลุมรถยังพอใช้การ เหนือกองไม้ หลังคาหญ้าผุหาย คุณก็ใช้สิ่งผลิตใหม่ปกคลุม ทุกอย่างรอได้ ทุกอย่างมีทางออกเสมอ สิ่งสำคัญคือลมหายใจ ความรัก การงาน ชีวิต ที่แทงทะลุทำลายมายาคือข้าวปลาอาหาร กับความจำเป็นตรงหน้า ไฟฟ้าที่ต้องจ่ายชำระ เชื้อเพลิงในการทำกับข้าว ค่าใช้จ่ายสำหรับลูกไปโรงเรียน


เมื่อวาน คุณเดินทางไปกับรถคันเก่า ไม่ไกลไม่เกินรัศมีสิบกิโลฯ น้ำมันขึ้นราคาอีกแล้ว แต่รถไม่ต้องกินน้ำมันสามมื้อ คุณยังมีจักรยานและมอร์เตอร์ไซค์ คุณไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้าย ไม่ต้องเดินทางไปทำงาน พบปะเพื่อนฝูง เที่ยวผับผ่อนคลาย หรือนั่งร้าน เบเกอรี่ จิบชากาแฟ คุณอยู่บ้าน สถานที่พักผ่อน ทำงานและใช้ชีวิต มอร์เตอร์ไซค์ไปตลาด ทำกิจธุระได้ แม้รถบุโรทั่ง อาจไม่สมประกอบ น่าสงสาร ถึงอยากจะซ่อมแต่ก็ต้องรอ เงินคือมูลค่าสำหรับสิ่งที่ไม่อาจผลิต โลหะก้อนนั้นรอได้ แม้ว่าล้อข้างหนึ่งจะเป็นยางอะไหล่ หน้าต่างปิดไม่สนิท สองบานไม่อาจเปิด แอร์พิการ ฝนรั่วซึมหลังคา สามีคุณบอกว่า พาหนะมีไว้สำหรับเคลื่อนย้าย พาวัตถุไปสู่ที่หมาย วิตกกังวลไปไย เครื่องยนต์ยังใช้การได้ดี

 

ยามเช้า ฟ้าหลังฝนเหมือนผลึกแก้ว ใสแจ๋วสีฟ้าแจ่ม และเหมือนกับส่องสะท้อนไปทุกทิศทาง เคลือบทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในโดมผลึกใสใบใหญ่ ที่โลกของคุณ สรวงสวรรค์สีเขียวฟ้าที่คุณอยู่อาศัย ซึ่งคุณไม่เคยนึกหน่าย รู้สึกอัศจรรย์ใจทุกเช้าค่ำ เมื่อคืน จันทร์ต้นแรมสีเงินลอยดวงช้าๆ เหนือกอไผ่ รัศมีสุกสกาวปัดเป่าเมฆลอยห่าง ฟ้าไกล ๆ มีดวงดาวพริบพร้อย หัวใจคุณเปล่งคำว่า งดงามซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช้าแล้วเช้าเล่า เย็นแล้วเย็นเล่า คืนแล้วคืนเล่า คุณอยู่ที่นี่ มีชีวิต สรวงสวรรค์ที่ถ้าจะให้ดีก็น่าจะอิ่มทิพย์ พวกคุณมาตามสัญชาตญาณใจ โดยชีวิตนำพา ไม่อาจหนีหน้าไปไหน ไม่ใช่อยู่เพื่อพิสูจน์บางสิ่ง ไม่ใช่เพราะดิ้นรนหนีใคร ความยากจนเปรียบเสมือนฤดูกาลสำหรับคนสวนใหม่ คุณเรียนรู้ ฉงนฉงายใจ ไม่ต้องพูดถึงอุดมคติ หรือปรัชญาพอเพียงใด คุณแค่อยู่อย่างซื่อ ๆ ไม่อวดอ้าง ไม่ทำให้ใครสงสาร ใคร ๆ ก็เป็น ใครๆ ก็ทำได้ มีคนยากลำบากมากมายกว่าคุณด้วยซ้ำไป สิ่งเดียวที่แตกต่างอาจเป็นการให้ค่า และปสายตาที่มอง คุณแค่คอยประคับประคองให้เที่ยงตรง มองให้สุขสร้างสรรค์ ให้กว้างไกล ย้อนถึงความเป็นไปปัดเป๋ สร้างความวินาศฉิบหายแก่โลก ลึกเข้าไปในกิเลสตนเช่นเดียวกับในหัวใจผู้คน จินตนาการผ่านสายตาวิหค มหาสมุทร ยอดเขา ลุ่มน้ำ ป่าฝน แหล่งน้ำ แหล่งอาหาร รองรับเลี้ยงดูมนุษย์ได้ไม่นานแล้ว อยากมากก็หาอาหารให้จิตเสีย ไม่ต้องมีต้องตรงความปรารถนาก็ได้ เมื่องูใหญ่อิ่มพี มันก็ง่วง สงบไปเอง คนก็เป็นอย่างนี้ หิวไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้ร่ำรวยล้นฟ้า คุณก็คงยังปรารถนา ไม่ต้องรอก็อิ่มได้หากสงบพอใจ ขออย่างเดียว อย่าหลอกกันให้หลงใหลได้ปลื้มไปกับความจน ขณะกลุ่มคุณพูดพร่ำคำขวัญ แต่มืออีกข้างลากปวงญาติคดโกงกอบโกยอยู่บนปิระมิดโครงสร้าง

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
บ่อน้ำ... คำนี้ช่างชุ่มเย็นหวานฉ่ำ ซุกซ่อนอยู่ในร่มเงาไม้ ที่ละอองไอชื้นแผ่มาจากบ่ออิฐตะไคร่คร่ำ เมื่อลัดจากทุ่งร้อนเปรี้ยงหรือผ่านมาตามถนนสีแดง คนเดินทางถูกดึงดูดสู่ร่มเงา ถอยจากเปลวแดดเต้นยิบ ความกระหายเผารมลำคอ เขาก้มมองลงไป มืด ชื้นฉ่ำ ได้ยินเสียงน้ำเย็นเสนาะใสอยู่เบื้องใต้ หันซ้ายแลขวา พบหลักไม้ กิ่งไม้ หรืออาจวางเค้เก้อยู่บนดิน ครุ กระชุชันยา หรือถังน้ำพร้อมเชือก...
รวิวาร
ก่อนหนาวคลาย เขามีงานมหกรรมดนตรีชนเผ่าที่ค่ายเยาวชนใกล้ๆน้ำพุร้อน ปะทะกับแคมป์ดนตรี ชีวิต วิญญาณของชาวญี่ปุ่น  หนึ่งในสามสี่คืน บนเวทีใหญ่ พี่น้องหลากเผ่าทั่วเชียงดาว ไต ลีซู ลาหู่ ดาระอั้งฯลฯ ส่งตัวแทนขึ้นแสดงนาฏการบนเวที แจมด้วยดนตรีโฟล์คซองจากหนุ่มญี่ปุ่น  คืนอื่นๆที่เหลือล้วนเป็นของชาวแจแปน  มีอยู่คืนเหมือนว่าเป็นคืนของเรา เรียก’เรา’ นั่นล่ะ ด้วยว่าพรรคพวกหมู่เฮามากันหลาย  สุดสะแนนปิดร้านยกวงมา พี่ตุ๊ก บราสเซอรี่กีตาร์เทพก็มา รวมทั้งน้าหงา น้าหว่องและวงคาราวาน  คืนนั้นมากหน้าหลายตา แต่ก็คนกันเอง รู้จักคุ้นหน้า บ้างมาร่วมงานเฉยๆบ่ได้แจมดนตรี …
รวิวาร
* แต หรือเขียง สิ่งก่อสร้างสำหรับแบ่งน้ำในลำเหมือง มี ต๊าง บากเป็นช่องสำหรับให้น้ำผ่านตามที่ตกลงกันไว้ว่าจะปันให้นาแต่ละเจ้าเท่าใด * อ่าน จุดจบแห่งจินตนาการ  อรุณธตี รอย
รวิวาร
คุณไม่ได้เป็นอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็น แต่กลับอาศัยงาน ภารกิจเล็กๆที่รับมอบพาไหลเลื่อนไปสู่ประตูที่เปิดกว้าง  บ้าน หญิงสูงวัย รั้วไม้ไผ่ที่เถาถั่วสีเขียวอมม่วงเลื้อยอิง กระจุกดอกเล็กๆกลีบอ่อนนุ่มและฝักสีม่วงชุ่มชูทาบท้องฟ้า ฟ้าสีฟ้าแจ่มแห่งฤดูหนาวเท่านั้น คุณมีสมุด ปากกา กล้องถ่ายรูปมาด้วย จริงอยู่ ปากขยับ ไถ่ถาม แนะนำตัว บอกที่มา คุณมาทำไม มาขอข้อมูลถั่วที่ออกดอกใหม่เอี่ยมนั่นไง  เหมือนมีตัวเองอยู่สองชั้น พูด ยิ้ม ถาม หัวเราะและหยุด สัตว์สังคมที่ฝึกมากับภายในซึ่งไร้ภาษา ซึมซับสิ่งที่ดวงตาดูดดื่ม สีหน้าของหญิงทั้งสอง  สำเนียงยองดอยสะเก็ดจากใบหน้า เหนือคิ้ว…
รวิวาร
ฉันมองโลกจากตัวฉัน เฝ้าดู เพ่งพินิจพิจารณาสิ่งละอันพันละน้อยที่อยู่รอบตัวด้วยดวงตาของผู้หญิงคนหนึ่ง ดักจับภูมิภาพตามลักษณะอารมณ์ความคิดแห่งเพศของเธอ  มักไม่ใคร่เห็น ตื่นเต้นเลยไกลถึงสิ่งยิ่งใหญ่ ขับดันโลก ไม่สนิทสนมคุ้นเคยเกี่ยวแก่การบ้านการเมือง จดจำตัวเลข สถิติ หรือข้อมูลทางวิชาการไม่ใคร่ได้ เพียงคิด ดู และพรรณนาไปตามความรู้สึก หญิงอื่นอาจรอบรู้เก่งกาจแตกต่าง แหละความเป็นหญิงอาจไม่ใช่ข้ออ้าง ฉันเพียงบอกเล่าจากมุมของตน
รวิวาร
  ตัวเป็นๆ   ‘อาว์’ อยู่บนรถเข็น มองมาด้วยดวงตาลึกงัน รอบข้างคือความเคลื่อนไหว รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ การพูดคุยโบกไม้โบกมือ สตริงควอเท็ตมือสมัครเล่นจบไปแล้วค่ำนั้น งานหนังสือในสวน  ข้าพเจ้าเดินผ่านสายตากราดปะทะ แต่มิได้เข้าไปหา  เหมือนโลกหยุดนิ่งชั่วขณะ ช่วงเวลาอันควรมาถึง แต่ข้าพเจ้ากลับปล่อยผ่าน ลูกและสามีเร่งยิกๆ ให้กลับ เฉกเช่นด้านบัดซบของความจนปล่อยลอยผ่าน รวมเรื่องสั้นรอซื้อสำหรับส่งไปบูชาครู รดน้ำดำหัวที่โป่งแยงคราวสงกรานต์ ข้าพเจ้าให้เผอิญอยู่ไกล ไม่ได้ข่าว ขาดงบประมาณบ้าง มิได้กราบอาว์จริงๆ สักครั้ง
รวิวาร
ชื่อชั้น (2) รึจะเป็น ใต้ถุนป่าคอนกรีต สนิมกรุงเทพฯ หรือ? สำมะหาอะไรกับความทรงจำของเด็ก ข้าพเจ้าพยายามเดาจากรายชื่อหนังสือที่พิมพ์ก่อนปีเกิด แต่ก็หมดปัญญา
รวิวาร
อ่านแรก (1)   ข้าพเจ้าจำได้ ตู้ไม้กรุกระจกใบย่อมใต้หิ้งพระบ้านยาย นอกจากข้าพเจ้ากับน้องจะยึดประตูของมันคนละบาน ใช้ปลายเท้าจิกลงบนกรอบไม้ชิ้นบางที่ยึดแผ่นกระจกด้านล่าง ขณะสองมือเหนี่ยวกรอบบนเท้าข้างหนึ่งถีบพื้นกระดาน แนบร่างกับแผ่นกระจก เหวี่ยงประตูเข้า ๆออกๆ พลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน ตู้หลังนั้น ใบเดียวกับที่ตั้งอยู่ข้างตัวยามนี้ อัดแน่นด้วยหนังสือ ยัดทะนานความคิดความรู้สึก
รวิวาร
หมุนวนแต่ไม่ได้หมุนรอบ ซ้ำซากอยู่กับที่ หรือทุกข์ทรมานเหนื่อยล้าราวถูกตีตรวน มันคือรอบของเกลียวที่หมุนขึ้นสู่เบื้องบน ส่งสัญญาณชัดแจ้งตั้งแต่ตอนแรกแล้วในดีเอ็นเอ วงโคจรแห่งดาว กำเนิดจักรวาล ชีวิต วงหมุน สังสารวัฏ รอบซึ่งมีทิศทะยานขึ้น พัดพาเราหนุนเนื่องไหลตามไป ขออย่างเดียว แค่อย่าเขลาไถลลื่นลง ถึงอย่างนั้น การย้อนศรชีวิตก็ไม่น่าง่าย เพราะมันขัดกับตัวชีวิตเอง แม้จะมีความโง่เขลายิ่งใหญ่ในการทำลายตัวเองหนุนโลกอยู่โต้งๆ ...คุณก็รู้ สัตว์ป่าออกครอบครองพื้นที่แถบเชอร์โนบิล พวกมันจับจองเตาไฟ พื้นกระท่อมที่ถูกทิ้งร้าง หลังผู้อาศัยอพยพหนีรังสีนิวเคลียร์ คุณก็เห็น เวทีเล็กเวทีน้อยที่ชาวบ้านไหวตัว…
รวิวาร
  ฉันตื่นมาตอนหกโมง หมอกลงฝอยขาวโพลนจนมองเห็นเพียงใกล้ๆ อากาศหนาวจนตัวสั่นไปหมด  วันนี้เช้าและหนาวเกินกว่าจะไปสวรรค์...
รวิวาร
      มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเราก้าวพ้นธรณีประตูเข้าไป พวกเขาทำกับเราเช่นนั้น เหล่านักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ถูกดูดดึงด้วยเวทมนต์บางอย่าง ถูกสะกดและแปลงเปลี่ยนผัสสะด้านใน ฝนไม่เป็นฝนดังที่คุณรู้สึก เจมส์ จอยซ์ทำให้มันเต็มไปด้วยความสับสนกระวนกระวายและโศกเศร้า คุณค่อยๆหลุดหาย หายไปในเมืองที่ดรออิ้งภูมิภาพไม่เข้มชัด ภาพเขียน ซึ่งไม่เหมือนจริง ภาพถ่ายที่คมชัดในรายละเอียด เหมือนก้อนทึบ บลุบเบลอ ทว่าแน่นหนักด้วยโทนอารมณ์รู้สึก ต่างกับเรื่องเล่าที่ดำเนินด้วยเหตุการณ์ พล็อตฉับไวของสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรียงลำดับตามแบบแผน ผู้คนที่กำลังถูกไล่ล่า…
รวิวาร
เหมือนความเศร้านั้นมีมวล  แผ่จับและหนักอึ้งอยู่จนถึงรุ่งเช้า  ในดวงตาก้มต่ำ ริมฝีปากเงียบงันล่องลอยยังที่ใด ตัวมันเองไม่ต้องการคำถาม ไม่สรรหาคำอธิบายมาบอก ความรู้สึกที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องใต้นั้น ภาษาก็อับจนหนทาง