Skip to main content

 

                @   “  เฮ๊ย    ติ๊ก   อ้ายไม่ไป ปลายฝน ต้นหนาวแล้ว  อ้ายจะรอพวกเธอที่ สุดสะแนน  ”     ฉันโฟนอินบอก ติ๊ก  เพื่อนสาว น้องสาวผู้งดงามใจงามแห่งฉันและโลกชีวิตอีกคนหนึ่ง … เธอเหิรฟ้ามาจาก “ดินแดนด้ามขวานด่านใต้”  จังหวัดสุราษฏร์ธานี  เธอเอาแกงไตปลา จากใต้มาฝาก “อ้ายป้อม”  ศิลปิน และอดีตทนายความ จบจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง อ้ายป้อมเบื่อชีวิตทนาย เลย  say  good bye …  อ้ายป้อมเป็นเจ้าของ   “ บ้านร้าน  ปลายฝน  - ต้นหนาว  ”   ทางไปหลังวัดเจ็ดยอด  อ้ายป้อม เป็นคนภาคใต้เหมือนกับ ติ๊ก   แต่มาอยูเชียงใหม่นานแล้ว   บ้านร้านปลายฝน – ต้นหนาว เปิดกว้างให้นักศึกษาที่เรียนด้านศิลปะ มาแสดง  งาน  exhibition  ได้ฟรี โดยไม่คิดค่าสถานที่ พวกน้องๆนักศึกษาจากคณะวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนักศึกษาศิลปะจากมหาวิทยาลัยราชมังคลา ฯลฯ  มาแสดงงาน อ้ายป้อมเป็นศิลปินจึงเข้าใจศิลปินด้วยกัน …  สาวติ๊ก โหลด ไตปลามา เพราะบนเครื่องบิน เขาไม่ให้เอาขึ้นไป   ฉันขำที่ครั้งหนึ่ งหนึ่งฉันเอาเหล้าพื้นบ้านสองขวดไปด้วย จะเอาไปให้เพื่อนที่กรุงเทพฯ ชิมลิ้มรส  ขณะเอาสัมภาระเช็คที่ด่าน เช็ค   หญิงสาวที่เช็คเธอบอกว่าเอาขวดเหล้าขี้นไปด้วยไม่ได้ ฉันจึงจำเป็นต้องเอาขวดเหล้าไปโหลด คนบ้านนอกอย่างฉันนานๆขึ้นเครื่องบินทีก็งี้แหละ ที่เหิรฟ้าไปถ้าไม่มีคนออกตังค์ให้ก้อไม่ได้ไปแน่ ค่าเครื่องของการบินไทยโครตแพง ฉันก็แต่แค่ขึ้นรถไฟฟรีชั้นสามเท่านั้นแหละเจ้า

                       “  … “ ติ๊ก เมาแล้ว เมาเหล้ากุหลาบของอ้ายป้อม “ เธอหัวเราะเสียงใสผสมอ้อแอ้มาตามเครื่องโทรศัพท์ไร้สาย… “ เออมาเร็วๆ อ้ายรอ ” 

                       พวกเราโอบกอดกันด้วยความรักแห่งผองเพื่อนมนุษยชาติ  ไอ่หนู ติ๊ก ผิวสีค่อนข้างสีแทน ดีใจที่เจอฉันอีกคราหนึ่ง  น้องๆทั้งหญิงชายที่มาด้วยกันก็ปิติยินดีปรีดาด้วย… พวกเราร่วมสิบชีวิตนั่งโต๊ะจัดยาว   หัวเราะพูดคุยกันอย่างเริงรื่น   …คืนนั้น ณ บ้านร้านสุดสะแนน จึงมีฝูงอีแร้งกระพือปีก บิน ย้าบๆ  เย้บ ๆ บนฟลอร์ หน้าเวทีที่ “อ้ายพัฒน์”  นักดนตรีบรรเลงเพลงลูกทุ่ง พอได้ที่ฉันก็จับแขกในร้านมาร่ายฟ้อนสนุกสนานม่วนซื่นโฮแซวไปตามๆกัน … ทุกที  ทุกที  เป็นแบบนี้แหละ เมื่อเราม่วนได้ที่กัน … “ หมู่เฮา หนิมพิ้วไว้ อย่ากระดุกกระดิก ห้ามไปไหน รอให้อ้ายพัดขี้นเพลงแหม ”  ไอ่หนู “เขี้ยวฮิ้น  เขียวฮิ้น” เจ้าของชื่อ  face book  หัวเราะบอก  (ไอ่หนูคนนี้ ฉันเรียกเธอว่า “ไอ่โยโก๊ะ” เพราะในหน้าเธอ ทรงผมเธอ ละม้ายคล้าย “โยโก๊ะ โอ๊ะโน๊ะ”  เมียของน้า   John  Lennon  สมาชิกวงดนตรี   The  Beatles  อันโด่งดังในยุค  Sixties  ในอดีต … ไอ่โยโก๊ะ ออกคำสั่งให้เรายืนนิ่งไม่กระดุกกระดิก พอบทเพลงเริ่มบรรเลง ฝูงอีแร้ง หน้าเวทีก็ พะเยิบพะย้าบ กระหยับปีกต่อ   ฉันเดินไปดึง  “  อ้ายแก้ว”  และแฟนสาวคนไทย  ให้ออกมาเริงระร่ายฟ้อนด้วยกัน และดึงน้องๆน้องๆที่นั่งหน้าสลอนบนโต๊ะข้างๆมาฟ้อนด้วยกัน (อ้ายแก้ว เป็นฝรั่ง พูดไทยชัด เพราะมีเมียไทย   … “ เฮ๊ย หมู่เฮา ถ้าอยากพูดภาษาปะกิตเก่ง ก้อเอาเมียฝรั่ง เล๊ย  อู้ ได้ปร๋อ แน่ ”   ฉันแหย่เพื่อนๆน้องๆในวงเมา  ก้อฮากันตรึมม  … ฝรั่งอ้ายแก้ว มาทำงานกะพรรคพวกฝรั่งที่เชียงใหม่ พวกเขาเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ที่ชนเผ่าถูกละเมิด  … มีคราหนึ่งพวกเราจัดกิจกรรมที่ ข่วงประตูท่าแพ เป็นวัน  8  -  8  - 8… วันที่แปด(8) เดือนแปด ( สิงหาคม) ปีแปด ( 1988) … ที่นักศึกษาและประชาชนพม่าชุมนุมประท้วงใหญ่ที่ร่างกุ้ง แล้วถูกรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าปราบปรามเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณ หลายคนต้องหนีเข้าป่าจัดตั้งกองกำลังต่อสู้ ในป่าเขา… อ้ายแก้วแสดงสด performance  โดยการกระโดดลงน้ำคูเมืองแล้วว่ายในระยะทางประมาณร้อยเมตร ท่ามกลางฝูงชนคนดูปรบมือเอาใจช่วย จนถึงที่หมาย ฝรั่งจิตใจสากลนิยม … อ้ายแก้ว ประท้วงรัฐบาลเผด็การทหารพม่าที่กักอิสรภาพของ “ นางอ่องซาน ซูคยี” สตรีเหล็กของพม่าที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้ประชาชนพม่าด้วย ในขณะนั้น เผด็จการทหาร ซอหม่อง ยังไม่ปล่อยตัว อ่องซานฯ  เธอได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพแต่เธอไม่ออกจากประเทศไปรับ เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าเธอออกไป เธอจะต้องไม่ได้กลับมาบ้านเกิดเมืองนอนอย่างแน่นอน รัฐบาลจะต้องไม่ให้เธอเข้ามาเคลื่อนไหวทางการเมืองในพม่าอีก แต่ตอนนี้เธอได้รับอิสระภาพในระดับหนึ่งแล้วที่รัฐบาลเผด็จการทหารปล่อยออกมาเพราะไม่อาจต้านกระแสทางสากลที่กดดันรัฐบาลเผด็จการได้… อ้ายแก้ว ว่ายน้ำทั้งที่สวมใส่รองเท้า   และเอารองเท้ามาประมูลในงานกิจกรรมนั้น รู้สึกว่าจะได้พันบาท อ้ายแก้วก็ยกเงินที่ได้นั้นมอบให้กองทุนที่ทำงานเรื่องอิสรภาพประชาธิปไตยของประชาชนพม่าฯลฯ

- - -  “ อ้าย แสงดาว วันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนเรา เราจึงมาฉลองกันนี่นี่”  แก้มยิ้มบอก พร้อมกับผายมือไปที่เพื่อนฝรั่งของเขา ที่นั่งใกล้กับภริยาคนไทย

                                    “ อ้อ อ้ายจะเขียนบทกวี เป็นภาษาฝรั่ง อวยพรให้เขา ”   ฉัน เอามือล้วงเอากระดาษเอสี่ในย่ามออกมา สะเก๊ตท์ ใบหน้าเขาง่ายๆ ฝรั่งหนวดงามยิ้ม แล้วฉันก็ร่ายบทกวีประดับบนกระดาษ    …” เสร็จแล้ว  Toy  ”   ฉันยื่นบทกวีมอบให้เขา เขายิ้มขอบคุณ   “  อ้ายแสงดาว อ่านบทกวี บนเวทีให้ทอย”   อ้ายแก้วบอก   ฉัน เดินอาดๆตรงไปยังเวทีที่อ้าย “พัฒน์” กำลังเล่นดนตรี  ก้มหน้ากระซิบที่หู “พัฒน์  อ้ายขอรบกวนขออ่านบทกวี อวยพร Birth  Day เพื่อนฝรั่ง กลุ่มโต๊ะโน้น”  

       “  For  Birth Day  Toy …and for Humanity Friends     on  Earth… For Peace  … For  upfighting  in  Burmer … Blowing in the  Wind by  Heart  and  Soul … for Love  …We   Love   You !!!  ”  …  ฉันชูจอก ร่อนจอก เชื้อเชิญแขกในร้าน ตำจอกอวยพรให้ Toy  … เสียงปรบมือดังลั่นร้าน ฉันยกมือไหว้ ผายมือไปที่ Toy

            เพลงสุดท้ายก่อนที่อ้ายพัฒน์ จะอำลาเวทีก็ดังกังวานขี้น …

   “   พร่างพราวแสง  ดวงดาวน้อยสกาว  ส่องวับวาว เด่นพราวไกลแสนไกล

      ดั่งโคมทอง ส่องเรืองเรื้องในหทัย  เหมือนธงชัย ส่องนำจากห้วงทุกข์ทน … ฯลฯ ”

                  ฉัน ลุกขึ้นจากโต๊ะของกลุ่มอ้ายแก้ว  ย่างเท้าช้าๆ  ไปข้างเวที   แล้วทำจินตลีลาพร้องบทเพลง  ไม่ได้เลยถ้าบทเพลงนี้ขึ้นมา  เหมือนกับต้องมนตร์สะกด ฉันต้องร่ายจินตลีลาทุกครั้ง พร้อมกับร้องเพลงคลอผสาน เพลง “  แสงดาวแห่งศรัทธา ”  จากบทประพันธ์เพลงของ  “ สหายจิตร  ภูมิศักดิ์ ”  นักรบประชาชนแห่งเทือกเขาภูพาน คราเข้าร่วมสงครามประชาชนร่วมกับ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เขตภาคอิสาน  ซึ่งเขาต้องเสียสละชีวิตในเขตนี้ด้วยปืนปฏิกิริยาของศัตรูประชาชน! … นามปากกา “ แสงดาว   ศรัทธามั่น ”   ที่ตั้งขึ้นก็มาจากแรงบันดาลใจจากบทเพลงนี้ ! …

         “   ฯลฯ   พายุฟ้าครื้นโครมคุกคาม   เดือน ลับยาม แผ่นดินมืดมน  

    “  ดาวศรัทธา  ”       ยังส่องแสงเบื้องบน  ปลุกหัวใจ ปลุกคนอยู่มิวาย

               ขอหัวเราะ เยาะเย้ยทุกข์ยากลำเค็ญ  คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย  ฯลฯ   บทเพลงมาถึงท่อนนี้ ฉัน ผายมือไปยังพี่น้องประชาชนที่นั่งรายเรียงรอบๆโต๊ะ  พร้อมทั้ง กำหมัดสองข้างยกชูเหนือหัว …

                 “   แม้นผืน  ฟ้า   มืดดับ  เดือน  ลับมลาย    ดาว   ยังพรายศรัทธาเย้ยฟ้าดิน

                     ดาว   ยังพราวอยู่จน  ฟ้า    รุ่ ง รา ง ”    @

                     “ เพลงนี้ ยามฉันรู้สึกทดท้อไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ฉันต้องร้องเพลงนี้เสมอ  ช่วยปลุกปลอบใจฉันนัก ”   … “  อ้ายปอน… พิบูลย์ศักดิ์  ละครพล  ”   …  “เจ้าชายโรแมนติค ” - - -  กวี นักคิด นักเขียน ศิลปิน  คนเพลง แห่งล้านนาอิสระ เคยพูดในงานเขียนทุกครั้ง 

                                 . . .  ราตรีนี้  ฉัน  บรรทมที่นี่  ณ “สุดสะแนน …แสนสนุกสุดเสน่ห์”  บ้านร้านป่าในเมืองของ “อ้ายฮวก -  สุดสะแนน”  (ถามไถ่ว่าคำว่า สุดสะแนน หมายถึงอะไร  พวกเขาซึ่งเป็นพี่น้องคนอิสาน บอกทำนองว่า เป็นลายเพลงแคน ชนิดหนึ่งของอิสาน  “ฮวก”  หรือ  “ อรุณรุ่ง   สัตย์สวี ”   (เป็นนามปากกาของเขา)  เป็นทั้งนักคิด นักเขียน  กวี ศิลปิน  คนเพลง  ฯลฯ   เขาเคยได้รับรางวัลเรื่องสั้น “สุภา  เทวกุล”  (นักเขียนอาวุโสที่ได้กลับคืนสู่อ้อมอกอันอบอุ่นของแม่พระธรรมชาติไปแล้ว  เพื่อนๆนักเขียนรุ่นอาวุโสรุ่นเดียวกับ ป้าสุภา  เทวกุล  จึงร่วมกันจัดตั้ง “รางวัล สุภา  เทวกุล”  เพื่อเป็นเกียรติให้ท่านผู้ล่วงลับ…  ฉันก็ได้ไปส่ง “อรุณรุ่ง  สัตย์สวี” ไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ  ไปแสดงความยินดีกับเขาและผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ทุกๆคน

                      - - -  เขาและเพื่อนรักของเขา “ ชวด  - สุดสะแนน ”  หรือ “ ผการัมย์  งามธันวา”  กวี  ศิลปิน กวีนักเขียน  ร่วมกันตั้งวงดนตรี “สุดสะแนน”  เล่นด้วยกันตั้งแต่  อิสาน   กรุงเทพฯ   ยันเชียงใหม่ …  คงต้องเล่า เรื่องราวของเขาให้ท่านผู้อ่านได้รับฟังหน่อย … ในคราวมีการประกวดดนตรี  FOLK   SONGS เพลงเพื่อชีวิต     รำลึก  20  ปี      สิบสี่ตุลาคม  ที่หอประชุมใหญ่ (ถ้าจำไม่ผิดในเรื่องสถานที่)    มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(และการเมือง)  มีนักดนตรีจากภาคต่างๆทั่วประเทศมาร่วมแข่งขันกันตรึม  ผลปรากฏว่า วงดนตรีสุดสะแนน ได้รับรางวัลชนะเลิศ! 

                           . . .  วงดนตรีสุดสะแนน นอกจากจะให้ความรื่นรมย์  แก่แขกผู้มาเยือนร้านนี้แล้ว   เวลาคราใดที่ พี่น้องประชาชนทั้งชนเผ่าและชาวบ้านชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นลานหน้าศาลากลางจังหวัด หรือลานข่วงประตูท่าแพ ฯลฯ วงดนตรีสุดสะแนนก็ไปร่วม บรรเลงเพลงให้กำลังใจพี่น้องด้วย บ่อยครั้ง  ฉันจึงชมชอบเขา  และไปเป็นผีสิงสถิตที่ร้านบ้านป่าในเมืองนี้บ่อยๆ    …

                                    ราตรีนี้ พระจันทร์เต็มดวงอวยพรทอแสงโอบกอดเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก เอกภพ จักรวาล  … ฉันยกมือวันทาแม่พระจันทร์   แล้วกลับไปนอนหลับฝันดี! @

 

 --------------------------------------------------------------------

      ฉั น  รจนา เรื่องราวนี้   ณ  โต๊ะ ไม้ สุดสะแนน ยามอรุณ …  ชื่อเรื่องนี้    “   อรุณรุ่งรางสว่างแล้ว ”   ฉั น  เอามาจากบทเพลงของ “วงดนตรีสุนทราภรณ์”   ที่แต่งและขับร้องโดย  “ครูเอื้อ  สุนทรสนาน”  หรือ “สุนทราภรณ์”  ….

                - - -   สายฝน โปรยปราย โปรยปรอย  … ยังได้ยินเสียงนกร้องเพลง   ขณะนั่งรจนานี้  ฉั น เห็น นกเขาตัวผู้ต่อยมวยกัน ตีกับบนหลังคามุงจาก  ตีกันดัง  พลั่บ  พลั่บ   … พลั่บ  พลั่บ   สักครู่ ตัวหนึ่งสู้ไม่ได้ ต้องถอยบินหนีไป  นกเขาเธอหวงถิ่น ใครแหลมเข้ามา เขาก็ต้องขับไล่  เป็นธรรมดาธรรมชาติของสรรพสัตว์ จ้า

                  ๓  กรกฏาคม  ๒๕๕๕  ล้านนาอิสระ , เจียงใหม่.

  

 

 

 

             

 

 

                        

 

บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น

แสงดาว ศรัทธามั่น
  --- เป็นความงดงามมากที่ “แมว (กฤคน ชัยแก้ว ) หรือ อ้ายแมว ( “ MAE)"  คนเพลง นักดนตรี แห่งล้านนาเจียงใหม่ เป็นคีย์แมนที่สำคัญ ดำริจัดงาน ฟรี Concert รายได้ทั้งหมดจัดซื้อเครื่องดนตรี ให้กับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งครูแมวและเพื่อนนักดนตรีไปร้อง และสอนดนตรีให้เด็กเหล่านั้น (เราจะไม่เรียกเขาว่าเป็น “นักโทษ” เขาเป็นเยาวชน แม้กระทั่งผู้คนหลายวัยที่ถูกจองจำในคุก เราก็ไม่ควรเรียกเขาว่าเป็น “นักโทษ” เพราะคำๆนี้ยิ่งเป็นตราบาป ความน้อยเนื้อต่ำใจให้พวกเขา แต่ก็แน่นอนเมื่อเขาทำผิดก็ต้องได้รับโทษตามคำพิพากษา เช่น …ไปฆ่าคน ข่มขืน – ฆ่า …
แสงดาว ศรัทธามั่น
  @  ดิบ เถื่อน ป่า เป็นคำที่งดงามมาก  คำว่า ป่าเถื่อน ป่าดิบเถื่อน นั่นคือความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ  มีต้นไม้ ใบหญ้า สรรพสัตว์ สรรพสิ่ง นานาพันธุ์ ฯลฯ ยังประโยชน์ให้มนุษย์ แลเริงรมณ์ยามเดินทางเข้าไปคารวะ ดงป่าเถื่อนดิบ ฯลฯ -   -   เอาไปใช้ได้อย่างไร? เอาไปใช้เป็นคำด่าว่า เป็นคนเถื่อน คนหยาบช้าได้อย่างไร? คำๆ นี้ใครเป็นคนคิดหว่า? พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานเหรอ? นี่มันเป็นความคิดของข้าราชการศักดินานี่หว่า … คนเถื่อน ก็คือคนอยู่ดงดอยป่าเขา บริสุทธิ์ งดงาม มีอารยธรรม ไม่ได้ฉ้อฉล คดโกงใคร ไม่ได้คอรัปชั่น …
แสงดาว ศรัทธามั่น
    ฉันมีบุญตามาก ได้มาเยือนดอยไตแลง อยากมาเยือนนานแล้ว พอดีพี่น้องชาวปกาเกอญอเชิญชวนไป ตอบตกลงทันที ทั้งๆที่เคยตอบตกลงน้อง “สะอาด นิลคง” ศิลปินที่มาพำนักอยู่ที่อำเภอปาย แม่ฮ่องสอนกับลูกเมีย เธอชวนฉันกับอ้ายไพฑูรย์  พรหมวิจิตร ไปร่วมงานที่ปาย “อ้ายแสงดาว ขอเชิญอ้ายกับอ้ายไพฑูรย์ ไปร่วมงานที่บ้านผม มีงานแสดงศิลปะของผม มีการอ่านกวี น้าเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และพี่จี๊ด…จิระนันท์ พิตรปรีชา ก็มาร่วมด้วย เชิญอ้ายกับอ้ายไพฑูรย์มาร่วมอ่านกวีตวย ครับ”  “คับ ยินดีคับ” ฉันตอบรับคำ แต่แล้วฉันกับอ้ายไพฑูรย์ก็บอกน้องสะอาดว่า … “อาด…
แสงดาว ศรัทธามั่น
  นั่งอ่านหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ ฉ.๑๒ - ๑๘ พ.ย.๕๓ ชอบคำพูดของบทความในนั้นว่า …  “ ว่ากันว่า “อาวุธ”   ที่น่ากลัวที่สุด ชนิดหนึ่งในทางการเมืองก็คือทำให้ผู้นำ “เป็นตัวตลก” ทำอะไรตลก เพราะเมื่อเป็น “ตัวตลก” ทำอะไรตลก แล้วความน่าเชื่อถือก็เปลี่ยนไป” - -   สายลมเหนือแห่งมันตฤดูพลิ้วโชยมา อากาศเย็นสบายภายใต้ร่มไม้อันร่มรื่น ณ บ้าน  - ร้าน ป่าในเมือง “สุดสะแนน” คืนงาน Free Concert  ของอ้าย “ถนอม ไชยวงษ์แก้ว” กวี นักเขียน ศิลปิน คนเพลง ฯลฯ แห่งล้านนาที่น้องๆ เพื่อนๆ…
แสงดาว ศรัทธามั่น
    1.Rate R ( สีสวยแห่ง รุ้งสาย ) หากเรา * “มองดูความเป็นจริงสิ” ในเนื้อหา เราจะเห็นเนื้อหาที่แท้จริงของสีสมมุติ ขาว แดง เหลือง เขียว ชอล์ค (สีน้ำตาล) น้ำเงิน ชมพู ดำ
แสงดาว ศรัทธามั่น
  ( โคลงอิสระ ) เดือน   ดาว พราวพร่างฟ้า      ลาวัณย์ เมฆ หมอก ดวงตะวัน            เจิดจ้า มี มืด มี แจ้ง เคล้าคละ กัน     ไป่ข้อง ใจเนอ เพียงดวงจิตคนแกร่งกล้า       ผงาดท้า ริยำสมัย  ฯ  
แสงดาว ศรัทธามั่น
    Rate R : ตุลาประชาชน (People Of October)   (โคลงอิสระ)  
แสงดาว ศรัทธามั่น
    ถ้าจะพูดถึงเหตุการณ์อันเศร้าสลดหดหู่ของสังคมนี้ ทั้งที่ผ่านมาจนถึงปรัตยุบัน เราคงแยกออกไม่ได้จากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สังคมไม่ว่าจะเป็นประเทศสมมุติใดๆ สำหรับประเทศไทยสมมุติอันเปลี่ยนผ่านมาตั้งแต่ยุคบุพกาล (ความจริงในยุคบุพกาลนั้นยังไม่มีประเทศดอก (แต่ขอใช้คำนี้
แสงดาว ศรัทธามั่น
ก่อนนี้ เคยได้ฟังอาจารย์ เทพศิริ สุขโสภา  ศิลปิน นักเขียนชื่อดังแห่งสยามและสากล ท่านกล่าวว่า …
แสงดาว ศรัทธามั่น
@  ใน ปีกบางใสของผีเสื้อ มี  ลายสวยงามพริ้งพราย ใน  เจ็ดสีของรุ้งสาย มี  ความรักอันงดงาม
แสงดาว ศรัทธามั่น
@ “ขอแสดงความยินดีกับพวกท่าน      ชาว  เนปาล  หาญกล้าน่านับถือ      โค่นอำนาจกษัตรย์หัวกระบือ      ใคร ใครหรือ จะหาญสู้ ป ระ ชา ช น  @        ( บทกวีเก็บตก กวีข้างวัด  )