สังคมอุดมปัญญา

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของโครงการจัดทำ แผนแม่บททางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฉบับที่ 2 ของประเทศไทย เพื่อประกาศใช้ระหว่าง พ.. 2552 – 2556 ยังอยู่ในระหว่างการเร่งจัดทำร่าง เพื่อประกาศใช้ให้ทันการเริ่มต้นใช้งานในปีหน้า

ข้าพเจ้ามีโอกาสได้อ่านแผนแม่บทฉบับร่างดังกล่าว ซึ่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้เตรียมเพื่อใช้ประกอบการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ระหว่างวันที่ 4-13 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเป็นฉบับล่าสุด ที่กระทรวงฯเปิดเผยและประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณะ (ท่านผู้อ่านสามารถอ่านข้อมูลของโครงการจัดทำแผ่นแม่บทนี้ เพิ่มเติม รวมทั้ง download เอกสารประกอบต่างๆได้ที่ http://ictmasterplan.setec.nectec.or.th/)

หลักจากได้อ่านร่างแผนแม่บทข้างต้นแล้ว ทำให้เกิดประเด็นหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าอยากนำมาพูดถึงในวันนี้คือ ประเด็นเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของแผนฯ ซึ่งมีใจความว่า

ประเทศไทยเป็นสังคมอุดมปัญญา (Smart Thailand) มีการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารอย่างชาญฉลาด ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประชาชนทุกระดับมีความรอบรู้ สามารถเข้าถึงและใช้สารสนเทศอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม มีวิจารณญาณและรู้เท่าทัน (Smart People: Information Literate) มีการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีธรรมาภิบาล (Smart Governance) เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน”

จากสาระสำคัญข้างต้น ข้าพเจ้ามีความเข้าใจว่า กระทรวงฯในฐานะตัวแทนของรัฐบาลซึ่งอยู่ในฐานะตัวแทนของประชาชนในการบริหารประเทศ ให้ความสำคัญกับการมุ่งสู่การเป็นประเทศแห่งเศรษฐกิจพอเพียง ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเทคโนโลยีอย่างมีธรรมภิบาลของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือแม้แต่ภาคประชาชน

และหากความเข้าใจข้างต้นของข้าพเจ้าถูกต้อง 2 ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมา ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าสำคัญมากและจำเป็นต้องรีบหาคำตอบ รวมทั้งการทำให้เกิดความสอดคล้อง ทั้งในระดับนโยบายและในระดับปฏิบัติ นั่นคือ

  1. หากรัฐต้องการสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศโดยใช้หลักการเศรษฐกิจพอเพียง การใช้งาน ICT จะเข้าไปมีบทบาทอย่างไร และต้องมีนโบาย แผนการดำเนินการ และการประเมินผลที่สะท้อน ความสอดคล้องของผลการดำเนินการกับเป้าหมาย อย่างมีประสิทธิภาพ ได้อย่างไร

  2. ปัญหาสำคัญทางด้าน ICT ที่รัฐตระหนักตอนนี้คือ ปัญหาการใช้งานและบริหารจัดการ ICT อย่างไม่มีธรรมภิบาลของทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นปัญหาที่ที่มีมิติทางสังคม มากกว่าทางเทคโนโลยี โดยต้องการการรณรงค์แก้ไขทัศนคติ จิตสำนึก และค่านิยมทางสังคม มากกว่าการใช้การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งสะท้อนภาพสำคัญที่ว่า กระทรวงฯต้องเน้นการดำเนินการในมิติทางสังคมมากขึ้น คำถามก็คือกระทรวงจะดำเนินการให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร และจะมีการประเมินผล ที่สะท้อน ความสอดคล้องของผลการดำเนินการกับเป้าหมาย อย่างมีประสิทธิภาพ ได้อย่างไร


สิ่งที่ข้าพเจ้ากังวลจากปัญหาแรกข้างต้น คือ ข้าพเจ้าไม่เห็นภาพสะท้อน ของการให้ความสำคัญกับการประยุกต์หลักการเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อใช้เป็นพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศ ในส่วนอื่นของร่างแผนฯ นอกจากในวิสัยทัศน์เท่านั้น

อีกทั้งตัววัดผลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความสามารถทางการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ยังเป็นการนำตัวชี้วัดจากระดับสากลมาใช้ ซึ่งไม่ได้ผิดอะไรหากประเทศไทยจะอิงกับมาตรฐานสากล แต่แน่นอนว่าเป็นแนวทางการวัดผลที่ใช้ประยุกต์ใช้หลักการทางเศรษฐกิจอื่น มากกว่าที่จะสอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจพอเพียง

ประเด็นสอดคล้องกับปัญหาข้อที่ 1 ซึ่งข้าพเจ้าอยากเพิ่มเติมคือ กระทรวงฯและรัฐควรให้ความสำคัญกับ การพัฒนาการใช้งาน ICT ของภาคการเกษตร อย่างมากถึงมากที่สุด ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าภาคการเกษตรยังคงเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่ในความคิดของข้าพเจ้า ยังคงเป็นภาคอุตสาหกรรมที่ยังมีอัตราการรับรู้ ยอมรับ และใช้งาน ICT เพื่อการพัฒนาความสามารถ อยู่น้อยมากถึงน้อยที่สุด เมื่อเปรียบเทียบระหว่างภาคอุตสาหกรรมหลักต่างๆของประเทศ

ในส่วนของปัญหาข้อที่ 2 ข้าพเจ้ามีความกังวลใจเกี่ยวกับ แนวโน้มความต้องการการดำเนินการในมิติทางสังคมที่มากขึ้น ซึ่งต้องการการวัดผลที่สะท้อนความสอดคล้อง ระหว่างผลการดำเนินการกับเป้าหมาย อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งข้าพเจ้ายอมรับว่ามีความยาก ทั้งในส่วนของการกำหนดวิธีการวัดผล และในส่วนของการดำเนินการวัดผล ด้วยความเข้าใจในมิติทางสังคม ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อว่าต้องการการวัดผลเชิงคุณภาพ เช่นการทำวิจัยเชิงคุณภาพ มากกว่าเป็นการวัดผลผ่านตัวแปรเชิงปริมาณ เช่นการสำรวจทางด้านปริมาณต่างๆ อย่างเช่นที่ได้กำหนดไว้ในร่างแผนแม่บทดังกล่าว

ข้าพเจ้าเห็นว่า ร่างแผนแม่บททางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฉบับที่ 2 ของประเทศไทย เพื่อประกาศใช้ระหว่าง พ.. 2552 – 2556 ซึ่งมีวิสัยทัศน์หลักคือ การมุ่งสร้างประเทศไทยให้เป็นสังคมอุดมปัญญา เป็นแผนที่มีความตั้งใจและมีเป้าหมายที่ดี โดยเปลี่ยนความสนใจจากการมุ่งสร้างและพัฒนาปัจจัยพื้นฐานทางเทคโนโลยีด้าน ICT พื้นฐานของประเทศ มาเป็นการมุ่งให้ความสำคัญมากขึ้นกับการใช้งาน ICT อย่างมีธรรมภิบาล

อย่างไรก็ดีข้าพเจ้าเห็นว่า ร่างแผนแม่บทดังกล่าว ซึ่งต้องใช้เวลาและผ่านหลายขั้นตอนในช่วงของการพัฒนาแผน เกิดปัญหาการตกหล่นและความไม่สอดคล้อง ระหว่างความตั้งใจในตอนต้น(วิสัยทัศน์) กับผลลัพธ์ในบั้นปลาย(เป้าหมายทางยุทธศาสตร์) ดังที่ได้ชี้ให้เห็นในประเด็นปัญหาที่ 1

นอกจากนี้ ดังที่ได้ชี้ให้เห็นในประเด็นปัญหาที่ 2 ข้าพเจ้ามีความห่วงใยเกี่ยวกับแนวทางการวัดผลภายใต้ร่างแผนแม่บทนี้ เนื่องจากเป้าหมายการดำเนินการส่วนใหญ่ มีแนวโน้มของการมีมิติทางสังคมมากขึ้น ซึ่งต้องการการวัดผลเชิงคุณภาพมากกว่าเชิงปริมาณ เพื่อสะท้อนความสอดคล้องระหว่างผลการดำเนินการกับเป้าหมาย อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การวัดผลการดำเนินการส่วนใหญ่ภายใต้ร่างดังกล่าว ยังมีแนวโน้มการวัดผลในเชิงปริมาณมากกว่าคุณภาพ

ประเด็นปัญหาข้างต้น เป็นประเด็นที่พบเห็นได้บ่อยครั้งในการจัดทำนโยบายของภาครัฐ ซึ่งต้องใช้เวลานานและมีความเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย การทบทวนใน 2 ประเด็นปัญหาข้างต้น ย่อมจักทำให้เกิดความสอดคล้องตลอดการดำเนินการนามแผน และทำให้การวัดผลสะท้อนภาพความสำเร็จที่แท้จริง ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของแผนการดำเนินการดีๆฉบับนี้ได้อย่างแน่นอน

อยากเห็นประเทศไทยเป็นสังคมอุดมปัญญา โดยไม่ลืมปิดจุดบกพร่องสองจุดข้างต้นนี้เร็วๆ เพราะเบื่อสังคมไทยที่อุดมแต่ปัญหาในปัจจุบันเต็มที

ไม่ได้อย่างใจ...เชื่อได้มั้ยอ่ะ

น้ำมาถึงไหนแล้วหว่า...บ้านฉันน้ำจะท่วมมั้ยเนี่ย...จะหาข้อมูลที่จำเป็นได้จากที่ไหนบ้างหว่า...เวลาเดือดร้อนจะต้องแจ้งใคร...ทำไมโทรไป 1111 กด 5 แล้วถามอะไรไปก็ตอบไม่ได้...

........ใครก็ได้ช่วยบอกทีเหอะว่าฉันกับครอบครัวต้องทำยังไงบ้าง.......ข้อมูลประกอบการตัดสินใจอะไรๆก็ไม่มี ที่มีก็ไม่รู้จะเชื่อได้มากขนาดไหน เชื่อได้รึเปล่า.........

การสร้างความร่ำรวยทางข้อมูล

ขอสวัสดีปีใหม่แด่ท่านผู้อ่านทุกท่าน ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยจงอวยพรให้ทุกท่าน สุขกาย สบายใจมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ และมีสติในการดำเนินชีวิตอยู่เสมอ

แรงผลักดัน 3G ไทย ที่ (ไม่ได้) มาจากผู้บริโภค

 

จากที่สัญญาว่าในบทความนี้ ข้าพเจ้าจะมาต่อยอดบทความจากครั้งที่แล้วในหัวข้อ “ความร่ำรวยข้อมูล” ด้วยการวิเคราะห์ความจำเป็น ที่เราจักต้องพัฒนาทั้ง 3 ส่วนประกอบสำคัญ อันได้แก่ ความอุดมทางด้านข้อมูล ความยากง่ายในการเข้าถึงข้อมูล และมุมมองที่มีในการวางแผนโครงสร้างข้อมูลบนเว็บ ไปพร้อมๆกัน เพื่อทำให้ทุกท่านเข้าใจประเด็นดังกล่าวนี้เป็นรูปธรรมมากขึ้น

ความร่ำรวยข้อมูล

เป็นอีกครั้งที่ข้าพเจ้าไม่สามารถส่งบทความเข้ามาได้ตามกำหนด โดยคราวนี้ทิ้งระยะไปนานมาก จนทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกผิดต่อผู้อ่านและผู้บริหาร blogazine เป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

การใช้ชีวิตผ่านเทคโนโลยี และ ชีวิตที่สูญเสียการควบคุม

ต่อเนื่องจากบทความที่แล้วในหัวข้อ ความเป็นส่วนตัวของคุณราคาเท่าไหร่ ข้าพเจ้าอยากชวนท่านผู้อ่านคิดต่อไปอีกนิดว่า ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่า ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ที่ท่านเปิดเผยไว้บนพื้นที่ออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเครือข่ายสังคมออนไลน์ (social network sites) ต่างๆ เช่น Facebook และ MySpace จะไม่ทำให้ท่านสูญเสียอะไร หรือเสียใจในอนาคต