Skip to main content
 

วัชระ สุขปาน


เรื่องต่อไปนี้แต่งขึ้น ไม่ใช่เป็นเรื่องหาอ่านได้ทั่วไป โดยอิงสถานการณ์จริง ผู้แต่งได้พยายามควบคุม สั่งการ อาจมีการละเมิดเสรีภาพของตัวละครทุกท่าน แต่เหมาะสำหรับผู้อ่านทุกวัย

 

 

 

คีทอ ผู้มีมุมมองทางสุนทรียะภาพลดลงอย่างน่าเป็นห่วง เขานั่งจิบเบียร์เย็นๆ ทอดอารมณ์นิ่งๆ
ภูเขาเบื้องหน้า คือดอยประจำเมือง ที่มีไฟป่าเป็นจุดๆ ผสมผสานกัน จนเป็นส่วนหนึ่งของแสงเมือง


เขาเลือกนั่งที่ร้านนี้ ริมถนนสายวงแหวนรอบกลาง ร้านผุดขึ้นมา ประดับ ประดารวดเร็วกันเกินไป จนนักกินดื่มเลือกแทบไม่ทัน

 

คีทอ มองไต่ระดับภูเขาขึ้นไป พร้อมไกล่เกลี่ยกับตัวเอง มีพริตตี้ สาวเชียร์เบียร์สวยๆ เข้ามารินเบียร์ให้กับเขา และถามว่า "พี่มาจากไหน?คะ" ไปตามเรื่อง


ความจริง คีทอไม่ค่อยพร้อม ที่จะสนทนาโดยใช้ภาษาเมืองแบบฉับพลัน เพราะเขาเพิ่งซัดซาวนด์แทร็ก ภาษา ปกาเกอญอ มาจากหมู่บ้านอย่างหนัก เขาต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักหนึ่ง เขาส่ายมือบ๊ายบายแบบไม่ค่อยมั่นใจ ซึ่งบริกรสาวเหมือนจะเข้าใจความเป็นมาเป็นไป


"เดี๋ยว...ขออภัย...สักครู่" คีทอว่า

"อ๋อ...ได้ค่ะ" เธอรับคำแล้วหันไปบริการโต๊ะอื่น

 

หลายปีมาแล้วที่ คีทอลงพื้นที่ ทำงานพัฒนาชุมชน และขณะนี้ อยู่ในช่วงคิดหากระบวนการพัฒนา รูปแบบใหม่ โดยมีแกนนำเยาวชน เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ในการเคลื่อนงานกิจกรรม ปัญหาหลักที่สุมอยู่ตอนนี้ คือเงินงบประมาณไม่พอ ก็ไม่รู้ว่าจะไปขอแหล่งทุนจากที่ไหน


เขาขึ้น ลง ระหว่างบนดอยกับพื้นราบ บ่อยที่สุด ในแต่ละเดือน บิลค่าน้ำมันพุ่งสูงขึ้นกว่าปีก่อนนี้มาก

 

ด้วยความเครียด ที่สุมรุมในอยู่หัว เขาจึงอยากปลดปล่อยมันออกไปบ้าง อาจเป็นครั้งแรกของการเปิดหูเปิดตา แล้วก็นัดกับดิปุ๊หลุไว้หลวมๆด้วย

"มาได้ก็มา มาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร" เขาบอกกับดิปุ๊หลุ ก่อนวางสาย

"เอ้ามาแล้ว สวัสดี" คีทอทักทาย เมื่อดิปุ๊หลุมาถึง

"สวัสดี สบายดีมั้ย ...อะไร... ที่ไหน...อย่างไร...ทำไม?"

ดิปุ๊หลุ...ตั้งใจถามรัวไปเลย เลียนแบบคนในเมือง เวลาเจอกัน ส่วนใหญ่เขาจะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันด้วยประโยคเหล่านี้


"สบายดี เดี๋ยวเบิ้ดกะโหลกเลย" คีทอหยิกรุ่นน้องเล่น

"ไปมายังไงเจอร้านนี้ได้ หาตั้งนาน" ดิปุ๊หลุบ่น

"ไหนบอกว่า จะไปกินหมูกะทะเหรอ? คีทอ"

"ไม่ไม่...ไว้ค่อยคราวหน้า  วันนี้... กินเบียร์กัน"

"หิวข้าวนะลุง" ดิปุ๊หลุบอกความจริง พร้อมยกฐานะให้คีทอ แบบข้ามรุ่น หวังผลจะให้เขาเลี้ยง

"ได้สิ...กินข้าวก่อน...ร้านนี้น่าอร่อยนะ"

"ลุงนั่นแหละ จะกินอะไร สั่งเป็นป่าว?"

"ปีก่อน ลองไปกิน KFC  พอเค้ายกมาเสริฟ เห็นไม่มีข้าวเหนียว ก็เลยสั่งตามหลังไปว่า น้องๆข้าวเหนียวห้าบาทด้วย เพื่อนๆหัวเราะกันใหญ่ โต๊ะข้างๆก็เหมือนกัน"
"อายเขาจริงๆ เลย ลุงเอ๋ย อย่าทำแบบนั้นอีกเป็นอันขาดนะ " ดิปุ๊หลุคุ้ยเขี่ยเรื่องชวนหน้าแตกออกมาเผา

"อย่าว่าไป...บ้าแล้ว แล้ววันนี้ คุณไปไหนมาล่ะ" คีทอรู้ทันและตัดบทไป


"ผมพาเด็กๆ และตัวแทนเยาวชน หกสิบคน จากอำเภอหมื่อเจ๊ปู มาทัศนศึกษาเมือง ช่วงเช้า พาไปสวนสัตว์ เด็กๆเสนอกันมา ตั้งปีก่อนโน้นแล้วว่า "ครูๆ เมื่อไหร่? ครูจะพาหนูไปดูหมาแพนดี้ล่ะคะ เขามาอยู่เชียงใหม่ตั้งนานแล้วนะ แรกใช้โทรศัพท์ของออเร้นจ์ ทรูมูฟ คุยจนไม่หลับไม่นอน ขอบตาดำปี๋เลยค่ะ"" อัพเดตล่าสุดได้ข่าวว่าลูกอ่อน ส่วนพ่อของมัน กระแสเงียบไปเลย

 

คีทอเข้าใจว่า เป็นมุขของเด็กๆที่เพิ่งติดทีวีและรู้วิธีเอามาประจบครูดอยอย่างดิปุ๊หลุ อย่างไรก็ดี ทั้งสองก็ได้ยิ้มหัวต่อไป


คีทอจิบเบียร์ ขนาดเท่ากับนกร่อนจิบน้ำในลำธาร พับท่อนแขน หนุนหัวด้วยฝ่ามือ นัยน์ตาเศร้าๆของเขา มองไต่ดอยขึ้นไป

ดิปุ๊หลุคลึงนิ้วเล่นที่แก้วเบียร์ มองไต่ยอดดอยไป ในจุดที่ใกล้เคียงกับคีทอเช่นกัน

 

"แล้วเด็กๆพักที่ไหนล่ะ ดิปุ๊หลุ " คีทอถามถึงการจัดการ

"วัดศรีโสดา ท่านมหาช่วยจัดแจงให้ เรียบร้อยดี ช่วงนี้ดูคุณแนวขึ้น" ดิปุ๊หลุหาเรื่องคุย

"ยังไง"

"แต่งตัวเป็นเด็กแนว"

"แนวไหนอ่ะ" คีทอ ยูเทินคำถาม

"ก็คงเป็นแนวกันไฟมั้ง" ดิปุ๊หลุยิงประเด็น

คีทอกลั้วหัวเราะ หลังพิงพนักเก้าอี้แทบไม่ทัน

 

แสงไฟป่ายังลามเลีย ปะทุ กรุกรัง อยู่บนภูเขาประจำเมือง เขามองผ่านเหยือกเบียร์สีทอง แต่พริตตี้สาวสวยก็ดึงแก้วไปเติมให้อีกวันมอร์ มอร์เดิมยังไม่ทันพร่อง

 

มันเป็นไฟป่าตัวอย่าง ที่อาจเตือนผู้คน หรือเป็นคำประกาศ ขอขึ้นค่าตอบแทน ของลูกจ้างรายวันในการดับไฟป่า หรือเป็นต้นเหตุจากก้นบุหรี่ ของนักท่องเที่ยวนิรนาม คิดกันไปได้ทั้งนั้นแหละ

 

คนหาผักหวานป่า คงไม่ทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น นี่อาจเป็นการฉวยโอกาส ชิงเผาก่อนใบไม้แห้งจะซ้อนกันหลายชั้น ต้อนรับการมาของไฟป่าขนาดใหญ่

 

"พอดีวันนี้ ไปทำแนวกันไฟมา" คีทอยืดนิดหน่อย

"ที่ไหนอ่ะลุง"

"เริ่มจากหมู่บ้านแม่มาลอ ในเขตอำเภอหมื่อเจ๊ปู เข้ามาอำเภอแม่วาง จากแม่วาง พี่น้องสะเมิงกับอำเภอเจอะโตปู รับช่วงต่อ ช่วยกันกวาดใบไม้บนสันดอย รวมระยะทางแล้วก็หลายร้อยกิโลนะคุณ พรุ่งนี้ต้องหางบซื้อปลากระป๋องเพิ่ม คุณช่วยได้บ้างมั้ยล่ะ" คีทอเสนอ

"อ๋อ...อย่างนั้น...ได้สิ พรุ่งนี้ ผมจะประสานกับท่านมหาให้นะ ที่นั่น ท่านมีคลังปลากระป๋อง ได้เท่าไหร่ไม่รู้นะ จะลองดู" ดิปุ๊หลุรับปาก

"พรุ่งนี้ ผมจะพาเด็กๆไปเที่ยวเซ็นทรัลก่อน อยากไปดูสารอาหารในพิซซ่าถาดใหญ่ เอ็มเค พวกสุกี้ต่างๆ ว่ามีสารอาหารจากไร่หมุนเวียนของเรารวมอยู่ในนั้นกี่ชนิด"

"คุณจะพาเด็กๆ มาท่องโลกบริโภคนิยมเหรอ" คีทอเหน็บ

"เขาควรรู้จักมันบ้างนะวิธีการทางการตลาดต่างๆ ดูผู้คนเขาบ้างสิว่าเขาเสพ เขานิยมอะไรกันไปถึงไหน"

"ดี ดี ผมเห็นด้วย แล้วคุณมีงบพอเหรอ เด็กตั้ง 60 คน"

"น่า... ไม่มีปัญหา ทำตามใจเด็กบ้าง ไปดูแผ่นโบชัวร์เฉยๆ ไม่ได้เข้าไปกิน ผมถามเขาแล้วว่ามาในเมือง อยากกินอะไร? อยากกินหมูกะทะ เป็นเสียงเดียวกันเลย พรุ่งนี้เย็นๆ เจอกันที่ร้านเดิม"

"เอ๊ะ ประชุมเมื่อเดือนที่แล้วเกี่ยวกับวิกฤติหมอกควัน เค้าบอกว่าสาเหตุหลักมาจากร้านหมูกระทะ กับชาวเขาเผาไร่ เราทำแนวกันไฟ เผาไร่เสร็จก็ลงมากินหมูกระทะ เข้าทั้งสองประเด็นเลยนะ"

คีทอ "โอเค"

"โอเคนี่ แปลว่าตกลง ใช่ไหม" ดิปุหลุย้ำ

"โอเคนี่...ก็...ตกลงนั่นแหละ" คีทอยืนยัน

 

กลุ่มโต๊ะหน้าเวที เริ่มขยับส่าย บางคนโยกย้ายไหล่ขณะนั่ง เหมือนเสียงเพลงจูงไปมา บางช่วง เสียงสาวๆ ร้องคลอตามโดดขึ้นมา


นักดนตรีบรรเลงสลับกัน สองวงผ่านไปแล้ว เพลงก็เริ่มมีจังหวะหนักแน่นขึ้น บวกกับบรรยากาศของร้านใกล้เคียง ก็เริ่มได้ที่ขึ้นมา กลบเสียงสนทนาระหว่าง คีทอกับดิปุ๊หลุ

"เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ"

"หา... อะไร"

"ไม่ได้พูด"

"นั่นแล้วไป.... ไม่มีอะไร"

 

ขณะดวงไฟป่าเริ่มขยายวง กินป่าเป็นแนว ไต่ดอยขึ้นไป บางคนชี้ไม้ชี้มือบอก เพื่อนร่วมโต๊ะให้มองไปยังภูเขา หลายคนเริ่มลุกจากโต๊ะ ออกมายืนดูที่ระเบียงด้วยสีหน้ากลับกลายเป็นตึงเครียด


กลุ่มควันเข้าปกคลุมเพดานเมือง ไม่มีเสียงพึมพึมของแมลงปอดับไฟป่า เหมือนตอนกลางวัน อย่างที่หลายคนคาดการณ์


สาวเชียร์เบียร์ พริตตี้ พวกเธอยังคงเดินลากกลิ่นหอมจากปลีน่อง วงแขน ขวักไขว่ เนื่องจากเธอได้รับการสั่งเบียร์ พร้อมๆ กันจากทุกโต๊ะ หลากหลายยี่ห้อ ทั้งเหยือกเล็ก เหยือกขนาดกลาง เหยือกขนาดทาวเวอร์ บางโต๊ะ สั่งเปิดเหล้าขวดใหม่ พร้อมมิกเซอร์ครบชุด


โต๊ะกลางสุด พวกเขาสังสรรค์กันเป็นหมู่คณะ ทุกคนแต่งตัวเนี๊ยบ พวกเขาสั่งเบียร์ยกถัง พร้อมติดตั้งหัวก๊อก แล้วเปล่งเสียง สั่งเด็กในร้านสองสามคนให้ช่วยกันยกถังเบียร์ขึ้นหลังรถกระบะของเขา


ไม่กี่อึดใจต่อมา เบียร์สองเหยือกถูกวางบนโต๊ะของคีทอ และดิปุ๊หลุ

"ลุงสั่งเบียร์เพิ่มหรือ?" ดิปุ๊หลุถาม
"อึอือ" คีทอปฎิเสธ

เบียร์เรายังมีเยอะอยู่เลย

"ไอ้หนุ่ม ไปช่วยกันนะ มันเป็นเรื่องที่เราต้องร่วมกันรับผิดชอบ"


ขณะแขกเหรื่อเอ่อออกมา จอแจกันไปยังลานจอดรถ เบียร์หลายร้อยเหยือก พร้อมเหล้าและโซดา ติดไม้ติดมือมา ดูละลานตาไปหมด ควันบุหรี่เลื้อยเปลี่ยนเป็นสีน้ำทะเล สีชมพู และเขียวตามคำสั่งของแสงสีหน้าร้าน ทุกคนต่างก็สตาร์ทรถของตัวเอง มุ่งหน้าไป

 

 

 

บล็อกของ ที่ว่างและเวลา

ที่ว่างและเวลา
เพียงคำ ประดับความ -ภาค 1- กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว อีสปกับศรีธนญชัยเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งคู่เป็นนักเล่านิทานชั้นยอด และต่างยังชีพด้วยการเดินทางไปเล่านิทานเปิดหมวกในที่ต่างๆ พวกเขาชอบเล่านิทานเรื่องเดียว กัน ด้วยรสนิยมในการเล่าที่แตกต่างกัน ศรีธนญชัยชอบเล่านิทานแห่งความสุข ส่วนอีสปชอบเล่านิทานแห่งความซาบซึ้ง
ที่ว่างและเวลา
 ปราโมทย์  แสนสวาสดิ์ 1 เม็ดฝนโปรยปรายยืดเยื้อมาตั้งแต่เมื่อวาน กระทั่งถึงช่วงเช้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้บรรยากาศจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา  บริเวณด่านช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ เวลานี้ดูเทาทึบและเหงาหม่นไปตามอารมณ์ของฟ้าฝน ซึ่งแตกต่างกับในยามปกติที่นี่..จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งสองฝั่งที่เดินทางไปหาสู่กันเป็นประจำด้วยเหตุผลต่างๆกัน บางคนเข้ามาค้าขาย  บางคนเป็นนักเสี่ยงโชคกระเป๋าหนัก บางคนเป็นนักลงทุนผู้มองการณ์ไกล บางคนเข้ามาเยี่ยมญาติ บางคนค้าของเถื่อน หรือบางคนหนีความกันดารอดอยากเข้ามาขายเรือนร่างในเมือง กระทั่ง…
ที่ว่างและเวลา
ดอกเสี้ยวขาว     ยามสายของวันหนึ่ง ฝอยฝนหล่นลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ถนนทางเข้าหมู่บ้านปางตอง ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เต็มไปด้วยโคลนดินแดงเข้ม ทำให้รถไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ ยิ่งถ้าหากเป็นรถธรรมดา หมดสิทธิ์ที่จะไต่ข้ามเส้นทางสายนี้ไปได้ นอกจากรถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น
ที่ว่างและเวลา
  วัชระ สุขปานเรื่องต่อไปนี้แต่งขึ้น ไม่ใช่เป็นเรื่องหาอ่านได้ทั่วไป โดยอิงสถานการณ์จริง ผู้แต่งได้พยายามควบคุม สั่งการ อาจมีการละเมิดเสรีภาพของตัวละครทุกท่าน แต่เหมาะสำหรับผู้อ่านทุกวัย   คีทอ ผู้มีมุมมองทางสุนทรียะภาพลดลงอย่างน่าเป็นห่วง เขานั่งจิบเบียร์เย็นๆ ทอดอารมณ์นิ่งๆ ภูเขาเบื้องหน้า คือดอยประจำเมือง ที่มีไฟป่าเป็นจุดๆ ผสมผสานกัน จนเป็นส่วนหนึ่งของแสงเมือง
ที่ว่างและเวลา
    เธอเอ๋ย... เย็นนี้แดดสุกสว่างน่าออกไปเดินเล่น ถนนกรวดสีน้ำตาลแลดูสวยเหมือนเดิม ใบไม้ใบหญ้าเขียวละไมตา เอ๊ะ..นั่นอะไรผลิบานตูมเต่งใต้ใบไม้แห้งหนอ อ๋อ!  เห็ดป่านั่นเอง  เจ้าหล่อนถูกเรียกมาเนิ่นนานว่า.. "เห็ดก้นครก" วงจรชีวิตของหล่อนนั้นอาศัยร่มไม้ใบบังอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ชื่อว่า "เจ้ากระบาก" ฉันค่อย ๆ เอื้อมมือไปทักทายเจ้าหล่อนอย่างนุ่มนวล ใช้ปลายนิ้วค่อย ๆ แตะไปที่หน้าบาน ๆ ของเจ้าหล่อน ด้วยเกรงว่าจะเกิดการแตกปริเสียหาย...หล่อนจะโกรธกริ้วและทำลายตัวเองเป็นเสี่ยง ๆ
ที่ว่างและเวลา
วัชระ สุขปาน  ที่ดินแปลงนี้ ขายด่วน 37 ไร่ 3 งาน 56 ตารางวา ราคา 150 ล้านบาท ติดต่อ 081 204 x x x x  สัญญาณจากไส้เดือนใต้ดิน ยิงเครือข่ายขึ้นสู่ท้องฟ้า ผ่านปรากฏการณ์ ของดวงดาว โชคชะตาโดยรวม ของประชากร ในหมู่บ้านหนองปลาดุก ร่วมดวงดี ร่วมดาวร้าย พระศุกร์เข้า พระเสาร์ตอกบัตร สวมรอยบ้าง ล่าถอยบ้าง ก้าวหน้าบ้าง โคจรอยู่เหนือหมู่บ้าน
ที่ว่างและเวลา
โดย The Red Road Project 2009มีน้องชายคนนึงชื่อประหลาด เคยคุยกันถึงเรื่องนี้ เขาบอกสมัยเรียนประถม ไม่ชอบชื่อตัวเอง ปักชื่อตรงอกเสื้อนักเรียนยาวเกือบถึงรักแร้ เลยงอแง ไม่อยากไปโรงเรียน เพราะเขาชื่อ "อาจิณโจนาธาน อาจิณกิจ" ครูหว่านล้อมยังไงก็ไม่ได้ผล เลยเปลี่ยนชื่อเป็น "วัชรพล" เพื่อนๆ พี่ๆ คุณครูเรียกวัชรพล ตัวเขาเองก็เข้าใจมาตลอดว่าพ่อแม่เปลี่ยนชื่อให้แล้ว จนถึง ป.2 มีเหตุการณ์อะไรสักอย่างทำให้รู้ความจริงว่ายังคงชื่อเดิม เขาโกรธมากประสาเด็ก แต่พอโตขึ้นทำให้รู้ว่าชื่อประหลาดนี้มีประโยชน์ เพราะใครๆ…
ที่ว่างและเวลา
ที่ว่างและเวลา
  เพียงคำ ประดับความ 1 ภาพฝูงชนที่นั่งยืนเดินกันอยู่ตรงมุมสนามหลวง ทำให้คนผ่านทางมาอย่างผมก้าวเดินช้าลง หลายวันมานี้ เมื่อผ่านมาที่นี่ ผมมักอดไม่ได้ที่จะสอดส่ายสายตามองหาผู้คนจับกลุ่มคุยกันแล้วเงี่ยหูฟัง สุ้มเสียงที่เต็มไปด้วยความคับแค้นเหล่านั้น ทำให้ความเศร้าสร้อยที่ถมแน่นอยู่ในหัวใจของผมจางลงอย่างประหลาด "ทำแบบนี้มันไม่ถูก ทีไอ้พวกนั้นให้ท้ายพวกมันไปยึดสนามบิน"
ที่ว่างและเวลา
บางชีวิตเคว้งคว้างกลางความเหงา            หอบเอาความสุขเศร้าผสมผสานยิ้มรับชะตากรรมพันธนาการ                   ใช่,เพียงพบผ่านวิถีที่ผุพัง ยิ่งรื้อฟื้น ยิ่งรื้นรื้นน้ำตาไหล                    ยิ่งวาดหวัง ยิ่งไหวว้างร้างไร้หวังเงียบสะท้อนดิ่งลึกในภวังค์                 …
ที่ว่างและเวลา
หญ้าป่า “อยากจะบอกว่ามันเป็นอาชีพ มันเป็นงานของเรา คือหมายความว่าถ้ามีบ้านดีๆ ก็ขาดแม่บ้านไม่ได้นะ มันก็สำคัญและจำเป็น แล้วเราก็ไม่ได้มองตัวเองว่าเราด้อย...อยากจะบอกว่างานแม่บ้านมันก็เป็นงานสุจริต งานที่ดี ไม่ใช่งานต่ำต้อย...”   เมื่อพูดอาชีพแม่บ้าน หลายคนอาจมองผ่านข้ามไป ว่าเป็นงานที่ต่ำต้อย บางคนอาจมองว่าเป็นสิ่งไร้ค่า เป็นสิ่งฟุ่มเฟือย แต่กระนั้น คนทั่วไปก็อดที่จะเรียกใช้ ‘บริการ’ จากคนเหล่านี้ไม่ได้ และแน่นอนว่า หากเรามองเข้าไปในชีวิตจิตใจของพวกเธอ เราจะรู้ได้ว่า เบื้องหลังของความสำเร็จในสาขาอาชีพต่างๆ นั้น…
ที่ว่างและเวลา
   ดอกเสี้ยวขาวยามเช้าในหุบเขาผาแดง หมอกขาวยังคงปกคลุมทั่วท้องนา ความหนาวเริ่มย่างกรายมาเยือน ท้องทุ่งในยามนี้เต็มไปด้วยผู้คนต่างรวมแรงร่วมใจกันเอามื้อเอาแฮง (ลงแขก) บ้างช่วยกัน ตีข้าว (นวดข้าว) มัดข้าว และตัดข้าว หลังจากที่ต้องรอคอยมานานหลายเดือนกับการรอคอยผลผลิตแห่งฤดูกาล 'การตัดข้าว' ในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่า การอดข้าว ไม่กินข้าว แต่เป็นนวัตกรรมใหม่บวกกับภูมิปัญญาชาวบ้านที่คิดค้นขึ้นเอง โดยใช้รถตัดหญ้าแบบสะพาย มาดัดแปลง เปลี่ยนใบมีด และทำที่รองรับข้าว เพื่อใช้แทนการเกี่ยวข้าวของชาวนาในอดีต เครื่องตัดข้าว หรือเครื่องเกี่ยวข้าว นี้เป็นการคิดค้นโดยชาวบ้านแม่ป๋าม…