Skip to main content

 

คำถาม : เราจะรู้จักตัวเองได้อย่างไร
กฤษณมูรติ : ท่านรู้จักหน้าของตัวเองเพราะท่านมองดูมันในกระจกบ่อยๆ และเราก็มีกระจกอีกบานที่จะมองตัวเองให้ชัดเจน ไม่เฉพาะใบหน้าเท่านั้น
แต่จะมองเห็นทั้งหมดที่ท่านคิด
ที่ท่านรู้สึก
รวมถึงแรงจูงใจ
ความปรารถนาของท่าน
แรงกดดัน
และความรู้สึกกลัวต่างๆของท่าน
กระจกบานนั้น - ได้แก่กระจกแห่งความสัมพันธ์ 
ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับพ่อแม่ของท่าน
ระหว่างท่านกับครูของท่าน
ระหว่างท่านกับแม่น้ำ ต้นไม้ โลก
ระหว่างท่านกับความคิดของท่าน
 
ความสัมพันธ์จึงเป็นกระจกที่ท่านจะเห็นตัวเอง
มิใช่ตามที่ท่านปรารถนา แต่ตามที่ท่านเป็นอยู่อย่างแท้จริง เมื่อมองดูกระจกธรรมดา ข้าพเจ้าอาจปรารถนาที่จะเห็นตัวเองสวยงามในนั้น แต่สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น เพราะว่ากระจกจะสะท้อนอย่างชัดเจนให้เห็นใบหน้าของข้าพเจ้าอย่างที่มันเป็น และดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่สามารถหลอกตนเองได้
 
 
ในทำนองเดียวกัน
ข้าพเจ้าสามารถเห็นตนเองอย่างแท้จริง-ในกระจกแห่งความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับผู้อื่น
ซึ่งสุภาพอ่อนน้อมที่สุด
กับผู้ที่ข้าพเจ้าคิดว่า...เขาสามารถจะให้ประโยชน์แก่ตัวข้าพเจ้าได้
แต่จะไม่สุภาพและเหยียดหยาม...ผู้ซึ่งไม่สามารถจะให้ประโยชน์แก่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะสนใจเป็นพิเศษ...กับผู้ซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกกลัว
และข้าพเจ้าจะรีบลุกขึ้นยืน...เมื่อมีบุคคลที่สำคัญเดินมา
แต่กับคนรับใช้แล้ว...ข้าพเจ้าจะไม่ให้ความสนใจใดๆเลย
 
ดังนั้น
การสังเกตดูตัวเองในความสัมพันธ์กับผู้อื่น ข้าพเจ้าก็จะพบว่า ข้าพเจ้าให้ความนับถือผู้คนอย่างไม่ถูกต้องอย่างไรบ้าง และข้าพเจ้าจะพบตนเองอย่างที่เป็นจริงได้อีก ก็โดยสังเกตความสัมพันธ์ของข้าพเจ้ากับต้นไม้ กับฝูงนก กับความคิด กับหนังสือ และอื่นๆ
 
ท่านอาจมีปริญญาของทุกๆสาขาวิชาในโลก
แต่หากท่านไม่รู้จักตัวเองแล้ว ท่านก็จะเป็นบุคคลที่โง่เขลา การรู้จักตนเองเป็นเป้าหมายแห่งการศึกษาทั้งหมด หากปราศจากความรู้ในตนเองแล้ว การเก็บข้อเท็จจริง หรือการจดการบรรยายเพื่อสอบให้ได้นั้น - จะเป็นชีวิตอย่างโง่เขลา
 
ท่านอาจสามารถ
อ้างถึงคัมภีร์ภควัทคีตา อุปนิษัท คัมภีร์อัลกุรอาน หรือคัมภีร์ของคริสต์ศาสนา แต่ถ้าท่านไม่รู้จักตนเองแล้ว ท่านจะเป็นเหมือนนกแก้วนกขุนทอง - ที่จำคำพูดของคนอื่นมาพูดเท่านั้น
 
ในวินาทีที่ท่านรู้จักตนเอง
ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยเพียงใด กระแสของความคิดสร้างสรรค์จะเริ่มเกิดขึ้น มันเป็นการค้นพบอย่างทันทีในตัวเองอย่างที่ท่านเป็นจริง ไม่ว่าท่านจะโลภ ชอบเอาชนะ โกรธ อิจฉา หรือโง่เขลา การสังเกตดูความจริงที่เป็นอยู่ โดยไม่ต้องพยายามที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลง พยายามมองสิ่งที่ท่านเป็นอย่างชัดเจน เป็นการค้นพบที่น่าประหลาดใจมาก และจากที่นั่นเอง ที่ท่านจะสามารถพิจารณาสิ่งที่ลึกซึ้ง...ลงไปได้อีกไม่มีที่สิ้นสุด เพราะการรู้จักตัวเองนั้นไม่มีที่สิ้นสุด...
 
ในกระบวนการรู้จักตนเองนั่นเอง
ที่ท่านจะเริ่มรู้จักพระผู้เป็นเจ้า และความจริง และภาวะเหนือกาลเวลาอันเป็นอนันตกาล ครูของท่านอาจจะถ่ายทอดความรู้ - ที่เขาได้รับมาจากครูอีกทอดหนึ่งให้ท่าน ท่านอาจทำคะแนนได้ดีเยี่ยมในการสอบ ได้ปริญญาและได้สิ่งอื่นๆอีก แต่หากไม่มีความรู้ในตน ดังเช่นการมองใบหน้าของตนในกระจกแล้ว ความรู้อื่นๆก็จะมีความหมายน้อยเหลือเกิน
 
ผู้ที่ได้รับการศึกษาสูง
แต่ไม่รู้จักตนเองนั้น เป็นบุคคลที่ไม่มีปัญญา เขาจะไม่รู้จักความคิด ไม่รู้จักชีวิต ด้วยเหตุนี้ การที่ครูต้องได้รับการศึกษาในความหมายที่แท้จริงซึ่งหมายถึงว่า
เขาต้องรู้
ถึงการทำงานของจิตใจและหัวใจของเขา
เห็นตนเองชัดเจนอย่างที่เป็นจริง - ในกระจกแห่งความสัมพันธ์ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
การรู้จักตน
เป็นการเริ่มต้นของปัญญา
จักรวาลทั้งหมดจะอยู่ในการรู้จักตนเอง
มันจะครอบคลุมการดิ้นรน
และการแสวงหาทุกอย่างของมนุษยชาติ.
 
 
หมายเหตุ : ครับ นี่เป็นคำบรรยายเกี่ยวกับการรู้จักตัวเองของกฤษณมูรติ อีกตอนหนึ่ง ที่บรรยายลงลึกและกว้าง มาถึงประเด็นที่สำคัญที่สุด นั่นคือ การทำความรู้จักตัวเอง จากกระจกแห่งความสัมพันธ์ ระหว่างตัวเรากับผู้คน ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คำบรรยายนี้ ผมคัดมาจากรวมงาน ”แห่งความเข้าใจชีวิตและการศึกษาที่แท้” แปลโดย โสรีย์ โพธิแก้ว เหมือนตอนที่แล้ว และต้องขออนุญาตอาจารย์ในที่นี้ด้วยนะครับ
 
ด้วยความสัตย์จริงโดยส่วนตัวผม ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมยังไม่เคยมีใคร มาให้ความรู้ที่เป็นดรรชนีชี้ทางให้ผม ทำความรู้จักตัวเองได้ดีที่สุดเท่ากับกฤษณมูรติ และเรื่องอื่นๆอีกมากมายเกี่ยวกับภายในของมนุษย์ ที่ท่านถอนรากถอนโคนออกมาตีแผ่ให้เราพินิจพิเคราะห์และทำความเข้าใจ ที่ผมอ่านแล้วรู้สึกเหมือนถูกทุบหัว และต้องยอมรับว่าแท้จริงแล้ว ตัวเองแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ของตัวเอง เมื่อพบงานของท่าน ผมจึงรู้สึกเหมือนได้พบขุมทรัพย์ทางจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณนักแปลทุกท่าน ที่นำงานของกฤษณมูรติมาเผยแพร่ในบ้านเรา
 
แน่นอน ผมยังไม่จบการนำเสนองานของกฤษณมูรติ ที่ผมอ่านแล้วอ่านอีกด้วยความซาบซึ้ง แก่ท่านผู้อ่าน สลับกับข้อเขียนของตัวเอง ตามวาระอันควร  สำหรับท่านที่สนใจหนังสือเล่มนี้ของกฤษณมูรติ รวมทั้งเล่มอื่นๆของท่าน เชิญติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง โทร. 024 110-774 และ 028 661-557
 
30 มิถุนายน 2552
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
  

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
แด่...คนเล็กๆทุกๆคนในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นคนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง ฯลฯ หรือมิได้เป็นคนเสื้อสีใดๆ ที่ตกเป็นเหยื่อกฎหมายหมิ่นฯ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจพิเศษกับคนเล็กๆ ที่ขาดอำนาจต่อรองที่เข้มแข็งในการปกป้องและต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้แก่ตนเอง และไม่มีใครสามารถที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้ แม้แต่รัฐบาลที่พวกเขาหลายคนได้เลือกเข้าไป นั่งอยู่ในรัฐสภา.
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
พุทธภาษิตที่กล่าวว่า “ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม” และ “อำนาจย่อมเป็นใหญ่ในโลก” ประการแรกยังน่าสงสัยว่าเป็นความจริงโดยหรือไม่ แต่ประการที่สองที่กล่าวว่า อำนาจย่อมเป็นใหญ่ในโลก เป็นความจริงตามพุทธภาษิตได้กล่าวเอาไว้อย่างแน่แท้
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
อำนาจ ไม่ว่าอำนาจนั้น จะเป็นอำนาจที่ชอบธรรมหรือไม่ ตราบใดที่อำนาจนั้นยังมีอำนาจอยู่ อำนาจนั้น ย่อมมีอำนาจในการบังคับผู้อยู่ภายใต้อำนาจ ให้เชื่อฟังและปฏิบัติตาม
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ยามเช้า โอ้ ยามเช้าอันมืดมนของข้า ยามเช้าที่ข้ามองไม่เห็นหนทางใดๆ ที่จะนำชีวิตลุล่วงผ่านพ้นวันนี้ไปได้ เพราะข้าได้ใช้ตัวช่วยชีวิตทุกตัว