Skip to main content
เมธัส บัวชุม
  เป็นการพังทลายลงของสถาบันตุลาการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของความน่าเชื่อถือ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคการเมืองซีกรัฐบาลรวดเดียว 3 พรรค อย่างรวบรัดตัดความ เร่งร้อนลนลานและผิด ๆ ถูก ๆ นักวิชาการผู้เคารพในหลักการ และคอการเมืองทั้งหลายพากันวิพากษ์วิจารณ์กันขรมถึงสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำลงไป เริ่มตั้งแต่ประเด็นเรื่องคุณสมบัติของตุลาการผู้เอาตัวรอดด้วยการท่องคาถาคุณธรรม จริยธรรม เป็นนิจสิน อย่างนายจรัล ภักดีธนากุล ไปจนถึงการย้ายสถานที่พิจารณาตัดสินคดีอย่างปุบปับ รวมไปถึงการนำทหารป่าหวายเข้ามาอารักขาตุลาการ แทนที่จะหยุดยั้งเหล่ามารพันธมิตร บางคนต่อรองไว้ว่าร้อยนึงเอาบาทเดียว ทายว่าพรรคการเมืองจะต้องโดนยุบแน่ ๆ เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้นซึ่งผลก็ออกมาดังที่รู้กัน
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เราจะแก้ปัญหาความยุ่งเหยิง วุ่นวาย ทางการเมืองในปัจจุบัน และวิกฤติการณ์ในโลกได้อย่างไร มีอะไรที่ปัจเจกบุคคลจะสามารถทำได้ เพื่อหยุดยั้งสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น สงคราม เป็นการแสดงออกที่มีขอบข่ายกว้างขวาง และทำให้สูญเสียเลือดเนื้อของชีวิตประจำวันของเราใช่หรือไม่ สงครามเป็นเพียงการแสดงออกภายนอกของสภาพภายใน เป็นส่วนขยายของการกระทำของเราในชีวิตประจำวัน สงครามมีขอบเขตกว้างขวางกว่า นองเลือดกว่าและสร้างความพินาศได้มากกว่า แต่มันก็เป็นผลรวมของกิจกรรมแต่ละอย่างของเรา
แสงดาว ศรัทธามั่น
*@ "บงเนื้อก็เนื้อเต้นพิศสะเส้นสรีรัวทั่วร่างและทั้งตัวก็ระริกระริวไหว ฯลฯ" มองตาก็เห็นตาผองประชาผู้ยากไร้หมดสิ้นความเป็นไทด้วยมารร้ายกดขี่คน นานเนิ่นนักนานแล้วพี่น้องแก้วทุกแห่งหนก่อเกิดแสนทุกข์ทนการกดขี่คงนิรันดร์
เมธัส บัวชุม
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเราคงได้เห็นกันแล้วว่าลัทธิพันธมิตรสามารถทำอะไรได้บ้าง ลัทธิพันธมิตรทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นถ้าอยากทำ ตั้งแต่การปิดสี่แยกเพื่อให้การจราจรเป็นอัมพาต ยึดรถเมล์ ล้อมรัฐสภา ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ไปจนถึงการปิดสนามบินเพื่อทำให้ผู้อื่น-ชาวต่างชาติ เดือดร้อนอย่างจงใจบัดนี้ ใครที่ยังเชื่อว่าลัทธิพันธมิตรชุมนุมแบบอหิงสาอันหมายความว่าไม่เบียดเบียนผู้อื่นนั้นคงจะปัญญาอ่อนเต็มที ใครที่ยังเห็นว่าลัทธิพันธมิตรเป็นการเมืองภาคประชาชนในระบอบประชาธิปไตยคงจะเป็นคนโง่ดักดาน และดังนั้นเพื่อชีวิตจะได้กลับสู่ความปกติ จึงควรหยุดให้ท้ายลัทธิพันธมิตรในทุกทาง เมื่อความขัดแย้งงวดขึ้นและการชุมนุมที่ยาวนานไร้ผล ลัทธิพันธมิตรได้เปิดเผยโฉมหน้าด้านมืดของระบอบอมาตยาธิปไตย ด้านที่เป็นความรุนแรงโหดร้าย ด้านที่ไม่ยอมฟังเสียงใคร ด้านที่ไร้เหตุผล ทุ่มทุนล้มกระดานอีกครั้งหนึ่ง บางคนเรียกลัทธิพันธมิตรว่าเป็นกลุ่มฟาสซิสต์ แต่ฟาสซิสต์แบบพันธมิตรนั้นได้รับการหนุนหลังจากอำนาจนอกรัฐธรรมนูญที่แตะต้องไม่ได้ (เพราะถ้าแตะต้องได้ ลัทธิพันธมิตรก็จะถูกแตะต้องไปตั้งนานแล้ว) เป็นฟาสซิสต์รูปแบบใหม่ที่จับมือกับอำนาจศักดินากลายเป็นกลุ่มกองโจรก่อการร้าย
Hit & Run
พิชญ์ รัฐแฉล้ม            นานมากแล้วที่ “ประเทศของเรา” ประสบกับสภาพความมั่นคงและเสถียรภาพที่แหว่งวิ่นเต็มทน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความหวังในความสำเร็จของการจัดการกับปัญหายิ่งเลือนรางไปทุกที ทุกเรื่อง ทุกราว กำลังถาโถมเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อมารวมศูนย์ ณ เมืองหลวงมิคสัญญีแห่งนี้ จนกระแสข่าวรายวันจากปักษ์ใต้ อีสาน...แผ่วและเบาเหมือนลมต้นฤดูหนาว   สื่อต่างๆ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ประโคมข่าวจากเมืองหลวงกระจายสู่ทุกอณูเนื้อโลก ช่างน่าตกใจ! ภาพแห่ง “ความรุนแรง” ของฝูงชนขาดสติและไม่เหลือแม้สายใยในความเป็นมนุษย์ร่วมกัน ถูกกระจายออกไป ควบคู่ไปกับความพยายามในการโปรโมตหนทางสู่  “สันติ”... สลับกันไปมาเหมือนนั่งดูเทนนิส เพื่อที่สุดท้ายจะสรุปบอกตัวเองว่า เรื่องราวทั้งหมดคือสินค้ายอดฮิตที่สร้างอารมณ์ร่วม (อันหม่นเศร้า) ของผู้บริโภคสื่อกระแสหลัก เมื่อไม่นานมานี้เอง จอทีวีที่บ้านมีแต่ภาพการเสนอข่าวการจัดสานเสวนา การหาหนทางสันติ และการระงับความรุนแรงที่บานปลายอยู่ในขณะนี้เพื่อให้เข้ามาเป็นทางเลือกต่อการตัดสินใจของบรรดาผู้ (แกน) นำ โดยหวังว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้จะสิ้นสุดและจบลงอย่างสวยงามโดยเร็วที่สุด แต่ภาพแบบนั้นห่างหายไปแล้ว ณ วินาทีที่ผู้คนกำลังพากันสิ้นหวังลงเรื่อย ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามีแต่ภาพของความรุนแรง การใช้อำนาจ อาวุธ การขาดสติและเหตุผลต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า การที่ต่างฝ่ายต่างพยายามขุดคุ้ยขยะของฝ่ายตรงข้ามออกมาประจานจนล้นเมือง... ! เราปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งของกลุ่มฝูงชน การปะทะกับกับเจ้าหน้าที่ หรือการปิดล้อมสถานที่เพื่อเอาคนอื่นๆ เป็นตัวประกันต่อรอง สิ่งเหล่านั้นได้สร้างความเสียหายต่อประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงสภาวะจิตใจพลเมืองของชาติด้วย 
Hit & Run
  ธวัชชัย ชำนาญ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นห้วงเวลาที่คนไทยทั่วทุกสารทิศ เดินทางเข้ามาร่วมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ "พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ" ความยิ่งใหญ่อลังการที่ทุกคนคงรู้ดีที่ไม่จำเป็นต้องสาธยายเยอะ  แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ความสงบเงียบของบ้านเมืองที่ดูเหมือนมีพลังอำนาจอะไรบางอย่างมากดทับกลิ่นอายของสังคมไทยที่เคยเป็นอยู่กลิ่นอายที่ว่านั้น..เป็นกลิ่นอายของความขัดแย้ง ความเกลียดชังของคนในสังคมที่ถูกกดทับมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟังดูแล้วเหมือนว่าอยากให้อำนาจแบบนั้นกดทับความขัดแย้งที่มีอยู่ในสังคมตลอดไปแต่ในที่สุดช่วงเวลาที่สงบเงียบก็ผ่านพ้นไป เพียงอึดใจเดียว สถานการณ์บ้านเมืองของเราก็กลับมาเข้าสู่ภาวะปกติ เช้าวันที่20 พ.ย. เหตุระเบิดก็เกิดขึ้นที่หน้าเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตามข่าวที่ออกมาบอกว่า M 79 ถูกยิงออกมาทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 23 รายหลังจากนั้นทางแกนนำพันธมิตรก็มีแถลงการณ์ออกมา เพื่อรวมพลกองทัพเสื้อเหลืองทั่วประเทศบุกรัฐสภาในวันที่ 23 พ.ย.2551  โดยหวังเป็นหมัดสุดท้ายหวังน๊อกคู่ต่อสู้ให้คาเวที................................................................................ 
เมธัส บัวชุม
อัสนี วสันต์ ในเพลง "ก็เคยสัญญา" เคยแหกปากตะโกนประโยคที่ว่า "เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน"  อันหมายถึงความรักที่แปรผันตามวันเวลาที่ผ่านพ้น   แม้ว่าจะสัญญากันไว้หนักแน่นก็ตาม ประโยคนี้ถูกตอกย้ำให้ฮือฮาอีกครั้งจากปาก แอ๊ด คาราบาว ผู้ซึ่งสวมบทนักร้อง นักดนตรี "เพื่อชีวิต"  วิพากษ์วิจารณ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่โฆษณามอมเมาให้คนซื้อทั้งที่ไม่มีคุณค่าสารอาหารแต่ประการใด แต่ในเวลาต่อมา แอ๊ด คาราบาว กลับมาทำธุรกิจเครื่องดื่มบำรุงกำลัง "คาราบาวแดง" อย่างที่รู้กัน เมื่อมีคนถาม แอ๊ด คาราบาว บอกง่าย ๆ ว่า "เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน"
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  โอ พระเจ้า !ข้าสงสัยเหลือเกินว่า ทักษิณ ชินวัตรทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตรทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตรทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตรทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร และ สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุลสนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้ม ทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุลสนธิ ลิ้ม ทองกุล สนธิลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุลสนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ด่วน ! ประชาชนชาวไทย ผู้รักความสงบทุกท่าน โปรดทราบ... นับตั้งแต่ออกประกาศฉบับนี้เป็นต้นไป เวลาท่านออกจากบ้านไปไหนมาไหนคนเดียว โดยเฉพาะตามสถานที่ที่ไม่มีคนรู้จัก เวลาพบคนใส่เสื้อสีเหลือง เหลีอง เหลีอง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง กำลังชุมนุมกันอยู่เป็นจำนวนมาก... ขอให้ท่านจงโปรดระวัง ! อย่าได้ขับรถ - หรือเดินเฉียดเข้าไปใกล้พวกเขาเป็นอันขาด ! เพราะนี่คืออันตรายเป็นอย่างยิ่ง ! เพราะท่านอาจถูกพวกเขาหวาดระแวงและทำร้ายท่าน เพราะความเข้าใจผิด คิดว่าท่านเป็นพวกใส่เสื้อสีแดง แปลกปลอมเข้าไป...
เมธัส บัวชุม
เพราะว่าในนามของความถูกต้อง จะทำผิดอย่างไรก็ได้ ดังนั้นม็อบพันธมิตร ฯ จึงพากันทำผิดร้อยแปดพันเก้าประการ การกระทำทั้งร้อยแปดพันเก้าประการนั้นแม้จะเลวร้ายอย่างไรก็ไม่สำคัญนักเพราะถูกฉาบเคลือบไว้ในนามของความถูกต้อง เช่นนี้เองที่เป็นเหตุนำไปสู่คือปัญหาความขัดแย้งยุ่งเหยิงและความรุนแรงในทุก ๆ ทาง การหลบอยู่หลังวาทกรรมประเภท “กู้ชาติ” “พิทักษ์สถาบัน” ฯลฯ การหลงว่าตนเองหรือกลุ่มตนเองเป็นฝ่ายถูก เป็นฝ่ายจงรักภักดี รักชาติ ทำถูกกฏหมาย ตีตราฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายผิด ขายชาติ ไม่จงรักภักดี ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม เลว ดังนั้นในนามของความถูกต้อง จำเป็นต้องกำจัดให้หายไปไม่ว่าจะใช้วิธีการใดก็ตาม
หัวไม้ story
โอบามากับสงครามสีผิวที่กำลังจะเปิดฉาก? ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่งจบลงไปด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของบารัก โอบามา ผู้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นคนผิวสี คนแรกที่เดินเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดี โอบามา เป็นลูกผสมระหว่างแม่ซึ่งเป็นคนผิวขาว กับพ่อเชื้อสายแอฟริกัน ซึ่งไม่ได้ย่างเท้าลงบนแผ่นดินอเมริกาในฐานะทาส แต่เป็นนักศึกษา แม้จะไม่ใช่คนผิวดำ หรือลูกหลานแอฟริกันขนานแท้ ที่เติบโตขึ้นจากครอบครัวที่มีบรรพบุรุษเป็นทาส แต่บารัก โอบามา ก็ถูกจำจดในฐานะเป็นตัวแทนของคนผิวสีที่ได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี แม้จะไม่ได้ผ่านประวัติศาสตร์ร่วมกับคนแอฟริกัน-อเมริกัน แต่ดูเหมือนว่าคนผิวสีต่างยอมรับให้เขาเป็นตัวแทนอย่างเต็มใจ แม้ว่าผลการเลือกตั้งจะถูกรายงานถึงบรรยากาศแห่งความหวังใหม่ๆ และความสดชื่นของคนรุ่นใหม่ ทว่าในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีผิวสีวัยหนุ่มผู้นี้ กำลังต้องเผชิญกับคำขู่ซึ่งเป็นเสมือนเงาหลอนอีกด้านหนึ่งของความสว่างไสว ของประชาธิปไตยแบบอเมริกา
ประสาท มีแต้ม
คำนำ “...เวลานี้สังคมไทยมีอาการป่วยอย่างร้ายที่สุด คือ ป่วยทางปัญญา ขอให้พิจารณาดูเถิด เวลานี้ปัญหาสุขภาวะที่น่ากลัวที่สุดคือ ความป่วยทางปัญญา...” พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) มีนาคม 2551 ท่ามกลางกระแสการคิดค้นเรื่อง “การเมืองใหม่” ซึ่งขณะนี้สังคมบางส่วนเริ่มเห็นภาพราง ๆ บ้างแล้วว่ามันเป็นอย่างไร แต่ยังไม่มีความชัดเจนมากนักว่า สังคมไทยจะก้าวไปสู่สภาพนั้นได้อย่างไร และสมมุติว่าเราสามารถเข้าไปสู่สภาพนั้นได้จริง ๆ แล้ว เราจะรักษาและพัฒนาการเมืองใหม่ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีกได้อย่างไร ในที่นี้ ผมจะขออนุญาตนำเสนอหลักการพื้นฐานมาใช้ตอบคำถามดังกล่าว ผมเรียกหลักการนี้ว่า “กฎ 3 ข้อของการขับเคลื่อนการเมืองใหม่” โดยล้อกับหลักการพื้นฐานว่าด้วยการเคลื่อนที่ของวัตถุที่นักวิทยาศาสตร์รู้จักกันว่า “กฎการเคลื่อนที่ 3 ข้อของนิวตัน (Newton’s Three Laws of Motion)” สำหรับคนทั่วไปคงจะรู้จักนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อนิวตันมาบ้าง จากเรื่องเล่าที่ว่าเขาเป็นผู้ค้นพบกฎแรงโน้มถ่วงของโลกตอนที่ลูกแอปเปิลหล่นใส่หัวนั้นแหละครับ