Skip to main content
คนไม่มีอะไร
คนกลาย พูดดังๆ ว่า ไม่เอา...เชฟรอน            วันที่  8 มีนาคม 2553 เวลา 08.30-12.00 น. ณ ลานหน้าองค์การบริหารส่วนตำบลกลาย ทางบริษัทเชฟรอนและบริษัทที่ปรึกษา ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นชาวบ้านตำบลกลาย อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เรื่องการสร้างท่าเรือ และคลังเก็บวัสดุของบริษัทเชฟรอน เนื่องจากเชฟรอนต้องการย้ายฐานปฏิบัติการจาก จังหวัดชลบุรีและสงขลา มาอยู่ที่บ้านบางสาร ตำบลกลาย จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งทางบริษัทให้เหตุพลว่า ประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะว่าสามารถลดต้นทุนในการขนส่งจากแท่นขุดเจาะมาบนฝั่ง และยังอีกบอกว่าบริษัทเชฟไม่เกี่ยวกับนิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่จะเกิดขึ้นในนครศรีธรรมราช   สำหรับเวทีวันนี้มีผู้เข้าร่วมประมาณ 700 คน โดยมี นายบุญวัฒน์ ชีช้าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้มาเป็นประธานเปิดงาน และตอนท้ายสุดท่านก็ได้ขอให้ชาวบ้านฟังสิ่งที่บริษัทจะนำเสนอให้จบก่อน แล้วค่อยถาม ค่อยเสนอแนะ    ทางบริษัทที่ปรึกษาและเชฟรอนก็นำเสนอโครงการจากเวลา 09.00-11.00 น. โดยประมาณ แต่ด้วยความน่ารักของชาวบ้านก็ฟังสิ่งที่เขานำนอจนจบ ซึ่งได้ทำตามตามที่รองผู้ว่าฯได้ขอไว้ตอนต้น   หลังจากนั้นชาวบ้านได้ขึ้นเวที ชาวบ้านที่ขึ้นเวที มีอยู่ประมาณ 7-8 คน ที่พยายามได้เสนอ และให้ข้อมูลเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เรื่องระเบิด เรื่องการทิ้งตะก้อนดิน เรื่องความไม่เป็นธรรมของบริษัทเชฟรอนที่ได้มาแจกของ แจกขนมปัง แจกคอมพิวเตอร์ และกรอบการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษา ที่มาที่ไปของนักวิชาการ เป็นต้น คำเหล่านี้ล้วนแต่มาจากใจของชาวบ้านทั้งสิน   เชฟรอนเป็นบริษัทพลังงานที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และเป็นของอเมริกา ปัจจุบันเชฟรอนทำธุรกิจในประเทศต่างๆ กว่า 180 ประเทศทั่วโลก ร่วมประเทศไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งทำแบบครอบคลุมการดำเนินงานด้านพลังที่ครบวงจร แต่แต่การสำรวจและผลิต การกลั่น การตลาดและขนส่ง การผลิตและจำหน่ายเคมีภัณ์ รวมไปถึงการผลิตไฟฟ้า…ดังนั้นเชฟรอนจึงไม่แค่สร้างท่าเรือเท่านั้น แต่เป็นการทำอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ซึ่งตำบลกลายเป็นพื้นที่เป้าหมาย    ได้เวลาทานข้าวเที่ยงชาวบ้านไม่ต้องการยืดเยื้อจึงขอมติจากผู้ร่วมเวทีโดยการยกมือว่า จะเอา หรือ ไม่เอา เชฟรอน  มติออกมาชัดเจนว่า ไม่เอาเชฟรอน ซึ่งมติวันนี้มีรองผูว่าฯ นายอำเภอท่าศาลา นายกอบต. กลาย ข้าราชการ สมาชิก อบต. นักวิชาการจากบริษัทที่ปรึกษาฯ และที่สำคัญคือเชฟรอน ต่างรับรู้ และรับทราบทุกช่วงเวลา                                  ยกมือไม่เอาเชฟรอน                             อีกมุมหนึ่ง    ความไม่เป็นธรรมจากเวทีเชฟรอน   1. เวทีวันนี้จัดประชุมใน 08.30-12.00 น. เจ้าของโครงการและบริษัทที่ปรึกษาเสนอโครงการใช้เวลาจาก 08.30 – 11.00 น. 1 ชั่วโมงที่เหลือสำหรับชาวบ้านซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่มันพอแล้วเหรอ เวลาน้อยมากถ้าเปรียบเทียบกับสิ่งที่เชฟรอนกำลังจะทำในพื้นที่กลาย ความเป็นธรรมจากเวทีนี้มันอยู่ที่ไหน? ชาวบ้านสรุปว่า ไม่เอาเชฟรอน เชฟรอนออกไป   2. เวทีวันนี้มีการถ่ายทอดสดทางสื่อวิทยุชุมชนตั้งแต่เริ่มเวทีช่วงเริ่มเวทีทางบริษัทที่ปรึกษาและเชฟรอน ได้อธิบายโครงการ ว่าโครงการนี้ดีอย่างนี้ โครงการนี้ดีอย่างโน้น สรุปแล้วดีทุกอย่างทุกอย่าง ผลกระทบก็ไม่มี (ฟังดูแล้วก็ตลกดี เพราะโครงการใหญ่ขนาดนี้ไม่มีผลกระทบเลยเหรอ? ) แต่พอถึงเวลาที่ชาวบ้านได้แสดงความคิดเห็น ได้มีโอกาสเสนอแนะ ก็มีการตัดสายเสียงที่ถ่ายสดออกทันที ความเป็นธรรมจากเวทีนี้มันอยู่ที่ไหน? ชาวบ้านสรุปว่า ไม่เอาเชฟรอน  เชฟรอนออกไป   3.เวทีวันนี้หลังจากบริษัทที่ปรึกษา และเชฟรอน ได้เสนอรายละเอียดของโครงการเสร็จแล้ว ก็มีอาจารย์มานะ ช่วยชู ลุกขึ้นมาให้ความคิดเห็นและให้ความจริงเกี่ยวกับโครงการที่ทางบริษัทยังไม่ได้พูดถึง เช่น ผลกระทบจากการทิ้งตะกอนดิน ลูกระเบิดที่ทางเชฟรอนมีไว้ในคลัง แต่ทางบริษัทยังไม่ได้พูด อะไรทำนองนี้ แต่ถูกกลั้นแกล้งมีคนทอดสายไมค์ออกจากลำโพง (คิดๆ ดูแล้วเหมือนไม่อยากให้ชาวบ้านได้รับรู้ความจริง) ซึ่งเป็นการริรอนสิทธิของประชาชน และชุมชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 66 และ 67 ความเป็นธรรมจากเวทีนี้มันอยู่ที่ไหน? ชาวบ้านสรุปว่า ไม่เอาเชฟรอน  เชฟรอนออกไป   ชาวบ้านชัดเจนแล้วว่า ไม่เอาเชฟรอน  เชฟรอนออกไป แต่ทางบริษัทที่ปรึกษาก็พยายามยัดเยียดให้ชาวบ้านรับฟังความคิดเห็น และให้ชาวบ้านเสนอความคิดเห็น และข้อกังวลใจ แสดงว่าทางบริษัทที่ปรึกษายังไม่เข้าใจที่ชาวบ้านหลายๆ คนพยายามพูด และพูดดังๆ ว่าไม่เอาเชฟรอน  เชฟรอนออกไป  ถ้าไม่เอาแล้ว ทำไมต้องฟังความคิดเห็น ทำไมต้องมีความกังวล คือสรุปว่า ไม่เอาเชฟรอน  ไม่ต้องมาศึกษา ไม่ต้องมีข้อกังวล ไม่ต้องมีข้อเสนอแนะ            สรุปอีกครั้งว่า ชาวบ้านไม่เอาเชฟรอน อย่าพยายามยัดเยียดสิ่งที่ไม่ดีให้กับชาวบ้านอีกเลย คุณเองก็รู้อยู่เต็มอก ว่ามันร้ายแรงขนาดไหน
ประสาท มีแต้ม
นายทหารยศพันตรีท่านหนึ่ง (พ.ต.รัฐเขต แจ้งจำรัส) ได้ออกมาให้ข้อมูลกับประชาชนผ่านเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า “ปิโตรเลียมซึ่งได้แก่น้ำมันและก๊าซธรรมชาติใต้แผ่นดินไทยทั้งบนบกและในทะเลทั้งหมดมีมูลค่าถึง 100 ล้านล้านบาท” เงินจำนวน 100 ล้านล้านบาท(ล้านสองครั้ง)นี้ ถ้าเอามาจัดสรรเป็นงบประมาณแผ่นดินในปีปัจจุบันก็จะได้ประมาณ 62 ปี เพราะงบประมาณปีหน้า (2552) มีประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท ข้อมูลที่นายทหารผู้นี้นำเสนอล้วนเป็นข้อมูลของทางราชการที่เข้าใจยาก กระจัดกระจาย แต่ท่านได้นำมารวบรวม วิเคราะห์ แล้วสรุปให้ประชาชนธรรมดาสามารถเข้าใจได้ง่าย แผ่นภาพข้างล่างนี้ผมได้รับมาจากท่านด้วยความขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง โปรดสังเกตว่า ซ้ายมือด้านล่างของแผ่นภาพ มีตราสัญลักษณ์ของกระทรวงพลังงานอยู่ด้วยเรียบร้อย สำหรับข้อความทางขวามือเป็นของท่านครับ