Democracy

เริ่มต้นก้าวแรก เพื่อประชาธิปไตยและความหลากหลายทางเพศ (The beginning of CDSR)

ก่อนที่พวกเราจะเปิดตัวกลุ่ม “เพื่อประชาธิปไตยและความหลากหลายทางเพศ” มีคำถามสองข้อที่ดิฉันอยากจะตอบให้ได้และมั่นใจว่าตัวเองรู้คำตอบ คำถามข้อแรก ทำไมสังคมประชาธิปไตยจะต้องรับรองความหลากหลายทางเพศ? คำถามข้อที่สอง ทำไมคนหลากหลายทางเพศจึงควรยืนเคียงข้างหลักการประชาธิปไตย?

การเลือกตั้งแบบไทยๆ ภายใต้ "ความมั่นคง" และ "เป็นกลาง"

democracy

จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์

หลังจากได้อ่านข้อความในหนังสือที่ คมช. ส่งถึงคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ของ กกต. ที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบว่า หนังสือ ซึ่งออกโดย คมช. (สปค.ศปศ.คมช. ลับ-ด่วนมาก ที่ คมช ๐๐๐๓.๕/๔๘๐ ลง ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐) นั้น เข้าข่ายความผิดฐาน เจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๕๗ หรือไม่ เพื่อขอให้ทบทวนบทบาทของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากการออกหนังสือฉบับดังกล่าวของ คมช.เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้ว ก็เกิดความรู้สึก สบายใจ' ชอบกล

เนื่องด้วยการให้เหตุผลของ คมช. ทำให้เห็นแล้วว่า ภาระต่างๆ ที่ประชาชนอย่างเราๆ จะต้องแบกรับในการเลือกตั้งครั้งนี้มันออกจะน้อยแสนน้อย

นั่นเพราะ คมช.วาดภาพให้เห็นแล้วว่า พรรคไทยรักไทยนั้นได้เปลี่ยนโฉมมาเป็นพรรคพลังประชาชน และเตรียมจะแก้แค้น "คิดบัญชี" กับผู้เกี่ยวข้องอันเป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้าย และสร้างความแตกสามัคคีให้สืบเนื่องต่อไป ทำให้ คมช.และคณะรัฐมนตรี "ต้องใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในการป้องปรามมิให้มีการดำเนินการในลักษณะที่เป็นการทำลายความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศ"

ก็ในเมื่อที่ผ่านมา ความมั่นคง' เป็นเรื่องของทหารมาตลอดอยู่แล้ว เราก็คงต้องให้เขาจัดการกันไป !

ไล่เรียงมาตั้งแต่ เริ่มต้นรัฐประหาร ซึ่งบรรดาทหารก็ทำเพราะไม่ต้องการให้เกิดการนองเลือดในการชุมนุมใหญ่ที่จะมีขึ้น (แม้ว่า ที่ผ่านมา การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะได้รับการกล่าวขวัญว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อย' ก็ตาม)

หรือ เพราะเหตุว่าอาจมีการขนส่งยาเสพติดกันในบริเวณชายแดน มีปัญหาแรงงานข้ามชาติ จึงต้องมีการคงกฎอัยการศึกเอาไว้ (ทั้งก่อน-หลังประชามติ) เพื่อรักษาความมั่นคงภายใน'

การรณรงค์ให้ไปลงประมาติรับรัฐธรรมนูญ เพื่อให้บ้านเมืองสงบ นี่ก็เรื่องของความมั่นคง (แม้ว่า การไปลงประชามติ รับ-ไม่รับรัฐธรรมนูญ จะเป็น สิทธิ' ที่หลายคนในกองทัพบอกว่า เคารพ' ก็ตาม)

งบประมาณจากภาษีของประชาชนไม่รู้กี่....ล้าน ที่จะต้องนำไปใช้ซื้อรถหุ้มเกราะ เครื่องบินรบ เรือดำน้ำ ซึ่งก็เพื่อ ความมั่นคง' ของกองทัพ ของประเทศล้วนๆ

 

การผ่านวาระแรกของ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายใน ที่ประชาชนอาจถูกกักบริเวณได้ ค้นบ้านได้ ห้ามชุมนุมได้ ปิดถนนได้ แต่...ก็เพื่อความมั่นคง' ทั้งนั้น

 

เพราะฉะนั้น เอกสารลับคราวนี้ ก็อย่างที่ทหารบอกนั่นแหละว่า เพื่อป้องกันการ "คิดบัญชี" อันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของทหารที่ทำรัฐประหารของชาติ ก็เท่านั้น

ส่วนเรื่องความเป็นกลางนั้น ก็ให้เป็นหน้าที่ของ กกต.ช่วยตีความให้ ไล่ดูตั้งแต่การจัดการลงประชามติที่ผ่านมาก็ได้ แม้ว่า กกต.บางคน (สองคน) จะเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่จะนำมาลงประชามติด้วย และบางทีเจ้าหน้าที่ กกต.บางคนก็ออกมาห้ามการรณรงค์ไม่รับรัฐธรรมนูญเป็นระยะๆ หรือไม่ก็ปล่อยให้องค์กรของรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่จัดการลงประชามติ ออกโรงมารณรงค์เรื่องรับรัฐธรรมนูญด้วยตัวเอง

แต่ก็ยังยืนยันว่า กกต. เป็นกลาง' มาตลอด

เพราะฉะนั้น เลือกตั้งคราวนี้จึง ไม่น่ากังวล' เลยแม้แต่น้อย

 

ความมั่นคงเป็นเรื่องของทหาร ความเป็นกลางก็ยกให้เป็นหน้าที่ของ กกต.

ส่วนประชาชนตาดำๆ อย่างเราๆ เขาบอกว่า มีหน้าที่กา (ก็กาไป)

ขออย่างเดียว ผลออกมาเป็นยังไง อย่ามาว่า...โง่' ก็แล้วกัน

 

ประชาชนต้องซวยก่อน

28 October, 2007 - 00:42 -- maythas

-1-

พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเพื่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง โดยชูคำขวัญที่ฟังดูดัดจริตและกินไม่ได้ว่า “ประชาชนต้องมาก่อน”

ผมได้ยินหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปล่งคำนี้ออกมาแล้วก็ให้นึกสงสัยว่าจะมีใครซักกี่คนในโลกนี้เชื่อในสิ่งที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ พูดออกมา

พรรคประชาธิปัตย์ฉวยโอกาส เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ๆ ตามสไตล์ถนัดด้วยการโฆษณาหาเสียงก่อนใครเพื่อน  ในขณะที่พรรคคู่แข่งอย่างพรรคพลังประชาชนนั้นต้องเจอกับอำนาจชั่วที่คอยการสกัดกั้นทุกรูปแบบ

-2-

ต้องรอดูกันต่อไปว่า พรรคพลังประชาชนจะฝ่าต้านแรงสกัดจากอำนาจชั่วได้มากน้อยแค่ไหน การตัดทอนกำลังพรรคพลังประชาชนด้วยรูปแบบวิธีการต่าง ๆ จะทำให้พรรคพลังประชาชนอ่อนกำลังลงไปได้มากน้อยเพียงใด หรือว่าจะยิ่งทำให้พรรคการเมืองพรรคนี้เติบโตมากขึ้น ความศรัทธาเชื่อถือจากประชาชนจะช่วยให้เอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้หรือไม่

ผมเชื่อว่า หากแม้นเมื่อใดที่ประเทศนี้สามารถปกครองด้วยหลักการของเสียงข้างมากจริงๆ ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่ไม่ต้องการทหาร เมื่อนั้นพรรคพลังประชาชนจะต้องได้จัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะประชาชนเสียงข้างมากของประเทศ ยังคงสนับสนุนพรรคไทยรักไทยที่กลายร่างเป็นพรรคพลังประชาชนภายใต้การนำของสมัคร สุนทรเวช หรืออย่างน้อยก็มีจำนวนมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน

บางคนชอบพรรคพลังประชาชนเพราะนโยบายต่าง ๆ ในอดีตที่ให้ความสำคัญแก่คนระดับล่าง (จะมีคนบางจำพวกแย้งในทันทีว่านโยบายของพรรคไทยรักไทยเดิม และของพรรคพลังประชาชนเป็นนโยบายประชานิยมที่ทำให้คนเป็นหนี้ ทำให้ประชาชนไม่รู้จักพึ่งตนเอง! ทั้งที่ประชาชนอยู่มาได้เป็นร้อยปีก่อนที่จะมีพรรคการเมืองด้วยซ้ำ)

บางคนชอบพรรคพลังประชาชน เพราะความสามารถของนักการเมืองในพื้นที่และความผูกพันภักดีที่มีต่อกัน ซึ่งความผูกพันภักดีที่ว่านี้คนชั้นกลางจะไม่มีทางเข้าใจได้เลยในชีวิตนี้ว่ามีความหมายความสำคัญอย่างไร

วันก่อน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เล่าให้ฟังว่าจะอย่างไรก็ยังเลือกพรรคพลังประชาชนแม้ว่าจะไม่ได้เป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลก็ตาม เขาให้เหตุผลหลายข้อว่าทำไมจึงยังเลือกพรรคนี้

(แล้วเจ้าหน้าที่คนนี้ก็เล่าให้ฟังถึงข่าวอื้อฉาวเรื่องบ้านราคาสามสิบล้านของอธิการบดีสุรพล นิติไกรพจน์ ซึ่งผมไม่รู้ว่าจริงเท็จมากน้อยเพียงใด ใครที่มีพลังอำนาจช่วยเข้าไปตรวจสอบให้ทีเถิดว่าอธิการบดี ม.7 ท่านนี้  เอาเงินมากมายมาจากไหน มาจาก ”ผลประโยชน์ทับซ้อน” จากตำแหน่งอธิการบดีหรือเปล่า!)

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยที่จะชี้ให้เห็นว่าประชาชนยังคงเชื่อมั่นศรัทธาในพรรคไทยรักไทยที่ถึงแม้นว่าจะเปลี่ยนชื่อไปแล้วก็ตาม

-3-

คำว่า “ประชาชนต้องมาก่อน” ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ทำให้ผมต้องใช้จินตนาการขนาดหนัก เพราะนึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าคนอย่างชวน หลีกภัย, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือเทพเทือก นั้นจะปล่อยให้ประชาชนมาก่อนได้อย่างไร

คิดไปคิดมา คำว่า “ประชาชนต้องมาก่อน” จึงน่าจะหมายถึงว่า “ประชาชนต้องมาซวย” ก่อนพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง ผมขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ถึงรัฐประหารที่ผ่านมา     

หากติดตามประวัติศาสตร์การเมืองบ้าง ก็จะพบได้ไม่ยากว่าพรรคประชาธิปัตย์จะ “โชคดี”  ได้จัดตั้งรัฐบาลเสมอหลังเกิดการรัฐประหารแล้วมีการเลือกตั้ง จนอาจกล่าวได้ว่า “รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กับรัฐประหารเป็นของคู่กัน”

รัฐประหารครั้งที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์สามารถ “สืบทอดอดีต” ของตัวเองได้อย่างดีโดยเล่นเป็น “ลูกคู่” คอยรับและส่งบทให้เข้ากับคณะรัฐประหารอย่างไม่ประดักประเดิดหรือละอายแก่ใจ บางคนจึงเรียกพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็น “อะไหล่ธิปัตย์” คือช่วยสนับสนุน ซ่อมแซม อำนวยความสะดวกแก่กลุ่มที่ยึดอำนาจ 

การที่พรรคประชาธิปัตย์ปล่อยให้เกิดรัฐประหารกระทั่งเห็นพ้องด้วย การที่พรรคประชาธิปัตย์ปล่อยให้รัฐบาลเถื่อนทำงานไปโดยคอยเป็น “ลูกคู่” หรือเป็น “อะไหล่” นั้น ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากปล่อยประชาชนให้ซวยนั่นเอง

เป็นที่ตระหนักกันดีว่าสภาวะเศรษฐกิจหลังรัฐประหารนั้นตกต่ำ ประชาชนเดือดร้อน ค่ารถเมล์ขึ้น ค่าครองชีพเพิ่ม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นความซวยหลังรัฐประหารต่อเนื่องมาถึงก่อนการเลือกตั้ง เป็นความซวยของประชาชนที่ “เกิดขึ้นก่อน” ที่พรรคประชาธิปัตย์จะได้เป็นรัฐบาล

ดังนั้น คำขวัญที่ว่า “ประชาชนต้องมาก่อน” นั้นเป็นคำขวัญที่ยัง “กล่าวไม่หมดความ” คำขวัญที่ถูกต้องของพรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นว่า “ประชาชนต้องซวยก่อน”

แล้วพอประชาชนรับความซวยไปแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็จะได้เป็นรัฐบาลบริหารเงินงบประมาณเป็นล้านล้าน  สบายใจ.

ในห้วงคำนึงขบถโรมานซ์: เริงระบำร่ายบทกวีแห่งพลังมหาชน

picture

picture

picture
ภาพจาก แฟ้มข่าวประชาไท

(๑) Excellent Life Rhythm
(เป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก)

ปลายฤดูฝน – ต้นฤดูหนาว
แสง สี เสียง แห่งแม่พระธรรมชาติ อันเป็นรากเหง้า แห่งวิถีชีวิตเพื่อนมนุษยชาติ ช่างงดงาม หลากสีสันนัก!
--- ดวงตะวัน ดวงดาว เดือนเสี้ยว –
- กลางฤดูปลายฝน ต้นหนาว
-- ฯลฯ --- ฯลฯ --- ฯลฯ---
เริงระบำ รำร่ายฟ้อน
เป็น Rhythm… เป็นจังหวะดนตรีแห่งสีสัน ช่างงดงามนัก
Excellent Life Rhythm
เป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก!
“ Life is Very Beautiful”
ชีวิตช่างงดงามนัก หากโครงสร้างสังคม สามานย์ เปลี่ยนแปลง

(๒) หมดเวลาของคุณแล้ว!

Hello!
พณฯหัวเจ้าท่าน คมช.
หมดเวลาของคุณแล้ว!
อย่าสืบต่ออำนาจต่อไปอีกเลย!
อย่าเผด็จการฟัสซิสม์ ต่อประชาชน
อย่าออกกฎหมายสามานย์ ห่วย ๆ โดยไม่ผ่านมติอนุมัติ ของประชาชน!
… มากด- ขู่ ข่มเหงประชาชน!
Hello!
พณ. หัวเจ้าท่าน คมช.
ในนามแนวรบด้านวัฒนธรรม ที่ล้ำลึกทรงพลัง เปี่ยมความหมาย!
--- กวี
--- ศิลปิน
--- นักคิด-นักเขียน
ฯลฯ --- ฯลฯ --- ฯลฯ
เริงระบำ รำร่ายฟ้อน
ด้วยปลายคมปากกา ดินสอ สี แสง เสียง บทละคร
----กำปั้น!
คมช. !
เผด็จการฟิสซิสม์ ท๊อบบูททมินฬ์
หรือเผด็จการทุกรูปแบบ… ทุกสายพันธุ์
หมดเวลาของคุณแล้ว!
ประชาชนจักมีจังหวะบทเพลงชีวิตกำหนดวิถีของตัวเอง!
คมช.
อัญเชิญคุณลงจากเวทีซะดีๆ
พลังมหาประชาชนสำแดงบอกพวกเธอว่า…
“สุดแสนที่จะทนทานได้”
จงลงจากเวที
มิเช่นนั้น
มหาประชาชนจัก(ขอโทษ) ถีบคุณกระเด็นตกลงจากเวที!
มีทางเลือกให้คุณแล้ว
จงลงจากเวที!
โลกร้อนแล้วนะโว๊ย
ประชาชนจงเจริญ! •

๑๙ กันยายน ๒๕๕๐
ล้านนาอิสระ, เจียงใหม่

ก้อนอิฐแด่เผด็จการ

พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจ

 

26 กันยายน 2550

ย่านพระเจดีย์สุเล, กรุงย่างกุ้ง

 

 

 

ภาพที่เห็นคือ...

ประชาชนหลายพันคนออกมายืนเต็มถนนย่านพระเจดีย์สุเล ซึ่งเป็นย่านกลางเมือง โดยไม่ไกลนักมีกองกำลังรักษาความมั่นคงพม่าตั้งแถวอยู่เบื้องหน้า ป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้พระเจดีย์แห่งนี้

"เราต้องการประชาธิปไตย" ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าว

"รัฐบาลนี้อันตรายโคตรๆ" ชายอีกคนหนึ่งกล่าว

ประชาชนส่วนหนึ่ง พยายามต่อสู้กับทหาร ทหารที่มีทั้งโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา กระทั่งปืน โดยประชาชนพยายามขว้างอิฐ ขว้างหิน เข้าใส่แถวแนวของทหารพวกนั้น

ก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกทุบเป็นก้อนย่อมๆ

ก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกขว้างสุดแรงเกิด ใส่แถวแนวทหาร

ก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ทำได้เพียงตกแทบปลายตีน คงเพียงสร้างความรำคาญให้ทหารราบทหารเลวเหล่านั้น หาได้ระคายเคืองต่อระบอบทหารไม่!

ชายหนุ่มคนหนึ่งจึงละความพยายามจากการขว้างปาก้อนหิน เปลี่ยนเป็นยืนหันหลังให้แถวแนวของทหาร ... แล้วถลกโสร่งของตัวเองขึ้น!!! ... ก่อนสะบัดตูดให้แถวแนวทหารเหล่านั้น

เช่นเคย ... หาได้ระคายเคืองต่อแถวแนวทหารเหล่านั้นไม่ คงได้เพียงความสะใจปลอบประโลมชายหนุ่มคนนั้น และผู้ยืนปรบมือเชียร์

"เราขอประกาศห้ามรวมตัวกันมากกว่า 5 คน ขอให้กลับบ้านใครบ้านมันภายใน 10 นาที" เสียงจากรถขยายเสียงของทหารพม่า เตือนผู้ชุมนุม

แถวแนวทหารเหล่านั้น กระชับขึ้น มุ่งตรงมายังประชาชน พวกเขาใช้ไม้กระบอง ตีโล่เป็นจังหวะ ตุบ ตุบ ตุบ ... .... .... ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ประชาชนทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า ขว้างปาอิฐเข้าใส่ป้อมตำรวจเล็กๆ แถวนั้น

ภาพที่เห็นคือชายสอง-สามคน ลองขว้างก้อนหินใส่แถวแนวทหารที่กำลังตบเท้าใกล้เข้ามาๆ

ขวางได้เพียงสอง-สามก้อน เสียงปืนนัดแรกก็ดังขึ้น ผู้คนหนีกระจาย

เสียงปืนนัดต่อไปดังขึ้น นัดแล้ว นัดเล่า

วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง และวิ่ง ผู้คนวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต

บิน บิน บิน บิน และบิน อุปมาดั่งพิราบเหล่านั้น บินเพื่อเอาชีวิตรอด บินเพื่อฝันถึงประชาธิปไตยบทใหม่ในพม่า ซึ่งคงเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้สักวัน

แต่ไม่ทันที่จะได้อย่างใจหวัง พิราบถูกยิงปีกหักร่วงลงมา จบชีวิตเสรี ณ ตรงนั้น ย่านพระเจดีย์สุเล!

 

000

 

26 กันยายน 2550

วัดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง, กรุงย่างกุ้ง

 

 

 

 

ภาพที่เห็นคือ...

พระสงฆ์และประชาชนหลายร้อยคน ตั้งแถวประจันหน้ากับปลายทหารซึ่งอยู่ตรงหน้า ซึ่งปลายกระบอกปืนนั้นหันมาทางพระสงฆ์และประชาชนเหล่านั้น ...

พระสงฆ์นั่งลง และไหว้ทหารเหล่านั้น พระสงฆ์บางรูปก็ประกาศด้วยโทรโข่งร้องขอสันติภาพ

แต่ไม่เป็นผล ทหารตบเท้าเข้าหาพระสงฆ์และประชาชนเหล่านั้น จากนั้น ... เสียงกระบองทุบตีผู้คน ดังไปทั่วบริเวณ

ชายคนหนึ่งถูกทหารไม่ต่ำกว่าสองนาย ทั้งถีบทั้งตีด้วยกระบอง ก่อนที่ทหารนายหนึ่งจะถีบสุดแรงตีนจนชายคนนั้นคว่ำลง แล้วทหารก็เหยียบหลังของเขาเอาไว้

ทั้งพระทั้งคน ถ้าโชคดีไม่ถูกทหารยื้อยุดฉุดลากขึ้นรถบรรทุกเสียก่อน ก็หนีอย่างไม่คิดชีวิตด้วยการปีนกำแพงวัด แล้วเข้าไปหลบในเขตอภัยทานนั้น

เมื่อหลบได้แล้ว พระเณรบางรูปก็หาทางตอบแทน ด้วยการขว้างก้อนหินเข้าใส่ทหารเหล่านั้น ซึ่งก็ทำให้ทหารถอยไม่เป็นกระบวนชั่วขณะหนึ่ง แต่แล้วทหารเหล่านั้นก็โต้กลับด้วยแก๊สน้ำตา และระดมขว้างก้อนหินกลับคืน

ขบวนพระสงฆ์และประชาชนแตกกระจัดกระจายอีกครั้งหนึ่ง

 

000

 

 

ภาพที่เห็นคือ...

ผู้ประท้วงหายไปจากท้องถนน เหลือแต่ทหารพร้อมปืนประจำกาย ประจำการอยู่เต็มจุดสำคัญๆ ในกรุงย่างกุ้ง

"การประท้วงจบแล้วหรือ หรือมันจะเกิดขึ้นอีก?" คำถามลอยมาตามกระแสลม

"ประชาชนไม่ชอบรัฐบาล แต่เราไม่มีกำลัง เราไม่มีอาวุธ ... เราจึงไม่มีอิสรภาพ" คนขับรถประจำทางในกรุงย่างกุ้งกล่าว

"ทหารเป็นนักฆ่า พวกเขาฆ่าพระ ช่างโหดร้ายนัก แย่มาก แย่ที่สุดในโลก" ชายอีกคนที่กำลังกินดื่มอยู่ใต้แผงขายอาหารริมทางกล่าว

"เราไม่ลืมเด็ดขาด และเราจะไม่ยอมแพ้" เขากล่าว

 

000

นายโทนี่ เบิร์ทลีย์

 

ภาพที่เห็นทั้งหลายนั้น...

เป็นผลงานถ่ายทำของ นายโทนี่ เบิร์ทลีย์ (Tony Birthly) เพื่อเป็นสารคดี Inside Myanmar: The Crackdown ให้กับสำนักข่าวอัลจาซีรา โดยออกอากาศครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา

สำหรับสารคดีดังกล่าว เขาใช้เวลากว่าสองสัปดาห์ในพม่า เพื่อบันทึกภาพการชุมนุมประท้วงรัฐบาลทหารพม่า โดยเขาเป็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศเพียงไม่กี่คน ที่รายงานข่าวผ่านกล้องที่เขาซ่อนเอาไว้ ท่ามกลางการปราบปรามประชาชนของรัฐบาลทหารพม่า

สิ่งที่ติดตาผมก็คือ ความพยายามของประชาชนพม่าที่ต่อสู้กับเผด็จการโดยใช้สันติวิธีมาตลอด กระทั่งเมื่อคู่ต่อสู้ตรงหน้าถือปืน และมุ่งเอาชีวิตประชาชน พวกเขาความพยายามอย่างยิ่งยวดที่สุด ที่เขาจะต้านทานทหารเหล่านั้นเอาไว้ ก็เพียงแค่เศษอิฐ เศษหิน ซึ่งอำนาจทำลายล้างย่อมเทียบไม่ติดกับ รัฐบาลทหารที่เพียบพร้อมด้วยแสนยานุภาพและครองเมืองมายาวนานเกือบ 50 ปี

แต่เพียงแค่ก้อนหินของประชาชน รัฐบาลทหารพม่า (รวมถึงรัฐบาลทหารที่ไหนก็ตามในโลก) ก็มีข้ออ้างเพียงพอแล้ว ที่จะปราบปรามประชาชนของตนเอง โดยอ้างผ่านกระบอกเสียงของรัฐบาล ทั้งสถานีโทรทัศน์ MRTV หรือหนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์ว่า ผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงก่อน และนี่แค่เป็นการเตือน!!

นี่เองสะท้อนว่า รัฐบาลเผด็จการไม่ว่าที่ใดในโลก แค่ประชาชนถือก้อนอิฐ พวกเขาก็เห็นเป็น ศัตรูของชาติ' ซึ่งพวกเขาต้องกวาดล้างให้สิ้นด้วยแสนยานุภาพที่เขามี

เราจึงไม่อาจไว้ใจคณะลิเกเผด็จการชุดไหนได้เลย การปล่อยให้เผด็จการเป็นเจ้า การใช้วิธีนอกกฎหมายด้วยหวังขจัดวิกฤตการเมือง จึงเป็นการตัดสินใจที่ผิด ประชาชนพม่าซึ่งประสบเคราะห์กรรมกับรัฐบาลทหารมาตั้งแต่ พ.ศ.2505 กระทั่งปัจจุบัน เป็นตัวอย่างอันดี สำหรับประเทศไทย ที่หลายหน้าหลายตา ยอมปูทางให้คณะนายทหารเข้ามาครองเมือง พากันตบเท้าเข้าบ้านหลายเสาของใครบางคนก่อนวันรัฐประหารไม่กี่วัน

ซึ่งการแก้วิกฤตการเมืองเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะคิดผิด แต่ได้ทำให้ประชาชนร่วมชาติพลอยตกหล่ม ถอยหลังลงคลอง ด้วยการนำพาของ คณะลิเกเผด็จการ' มาปีกว่าอีกด้วย และไม่แน่ว่ามีเลือกตั้งแล้ว พวกเขาจะไม่ยอมลงโรงไปง่ายๆ

การรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 จึงเป็นการดูถูกจาบจ้วงล่วงเกินประชาชนร่วมชาติอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน!!

เราไม่ควรแม้แต่จะปูทางให้คณะลิเกเผด็จการ คมช.' ยึดอำนาจด้วยซ้ำ ไม่ใช่เขาขอปล้นประชาธิปไตย 1 ปี ก็โร่หอบลูกจูงหลานไปมอบข้าวมอบน้ำ จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้เสียข้าวสุกสิ้นดี เพราะเกิน 1 ปีมา 1 เดือนกับอีกสองวันแล้ว แทนที่พวกจะสำนึกว่าหมดเวลา แล้ว พวกก็ยังลั่นว่าจะสืบทอดอำนาจ ด้วยคุณธรรม'!!

ก้อนอิฐเท่านั้นที่เหมาะกับคณะลิเกเผด็จการพวกนั้น

พระเอกลิเก คณะลิเก ผู้ทรงคุณธรรมทั้งหลาย ... รับก้อนอิฐ ก้อนหิน สักก้อนสองก้อนไหมขอรับ

 

ที่มาของฉากในเรื่อง และภาพประกอบบทความ

Inside Myanmar: The Crackdown, Aljazeera, OCTOBER 09, 2007, http://english.aljazeera.net/NR/exeres/A0A81AA6-DACD-4913-AB67-AA8602962EAB.htm

 

ชมสารคดีได้ที่นี่:

Inside Myanmar: The Crackdown โดย Aljazeera

ตอนที่ 1 ความยาว 12.45 นาที

 

Inside Myanmar: The Crackdown โดย Aljazeera

ตอนที่ 2 ความยาว 10.07 นาที

 


 

 

ข้อมูลประกอบเพิ่มเติม

ชมคลิปวิดีโอพระสงฆ์-ประชาชนประท้วงกลางกรุงย่างกุ้ง 26 ก.ย. ก่อนถูกทหารพม่าปราบ, ประชาไท, 27 ก.ย. 2550 http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=9690&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai

 

Nine killed as Myanmar junta cracks down on protests, AFP, Sep 26, 2007

http://afp.google.com/article/ALeqM5jkMCKEq7yPbP20x3UjDZH9DbaJIQ

 

Politics of Burma, From Wikipedia, the free encyclopedia

http://en.wikipedia.org/wiki/Politics_of_Burma

ในห้วงคำนึงขบถโรมานซ์ : 14 ตุลา 16 - 6 ตุลา 19 ฉัน รัก เธอ

pic

ล ม ห น า ว เ ห นื อ พั ด โ ช ย ม า
ยามต้องไล้ผิวกาย
ร้อน ที่รุ่ม ก็ คลาย
กลิ่นอาย เหมันตฤดู มิรู้เลือน

น ก น้ อ ย ๆ สีเหลืองเรืองเรื่อ
โบยบินทุกแหล่งหล้ามิรู้หน
โผร่อนจับเกาะกิ่งก้านต้นมะขามสนามหลวง – สนามราษฎร์
ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว – ตามไล่ทักทายกัน
โ อ ... ก็นานนักแล้วซิหนอที่พวกเจ้ามิได้มาพบกัน!

ณ เบื้อง ฟ้าบน
ด ว ง ต ะ วั น สาดแสงแรงกล้า
น ก พิ ร า บ ข า ว พราวอันมิถ้วนนับ
สะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อน ... ราวจักข่ม คคนานต์
พราวปีกขาว สะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อน
เริงรำร่อนจับเกาะกอดโดมแดนธรรม... ธ ร ร ม ศ า ส ต ร์
โ อ !... ดูช่างงามเกลื่อนกลาดไปทั่วดินแดนเสรี ... เ จ้ า น ก เ ส รี !
แ ล ณ ลานโพธิ์ เล่า
ใ บ โ พ ธิ์ ก็ พลิกพลิ้วระริกริก ระเริงร่า แกร่งกล้า – กล้า โห่ร้องขานรับกันกรูกราว – กรูเกรียวง
ใ บ โ พ ธิ์ ก็โห่ร้องขานรับ กัน กรู กราว กรูเกรียว
ยามเมื่อพระพายรำเพยพัด

--- ยัง เย็นยะเยืยบเยือกแห่ง ส า ย น้ำ เ จ้ า พ ร ะ ย า เล่า
แ ม่ เ จ้ า ก็ ถ ะ ถั่ ง หลั่งไหลอันมิสุดสิ้น
โหม คลื่นอย่าง ครื้นเครง ทุกวัน – คืน มิรู้รา – มิรู้เลือน
โ อ !... สามสิบสี่ปี – สิบสี่ตุลาฯ !
บ า !... สามสิบเอ็ดปี – หกตุลาฯ!
ยังจำได้ ... ยังจำได้
มิรู้ลืม – มิรู้เลือน

ไม่ โกรธ --- ไม่ เกลียด
ไม่ เคืองเคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ใดๆต่อไปอีกแล้ว!
---- ใ ห้ ก า ล เ ว ล า วั ด คุ ณ ค่ า !
---- ใ ห้ ธ ร ร ม ช า ติ ชี วิ ต จิ ต วิ ญ ญ า ณ ตั ด สิ น !

โ อ้ ... 14 ตุลาฯ 16

อา... 6 ตุลาฯ 19

พั น ธุ์ พื ช เ ดื อ น ตุ ลาฯ !!!

ฉั น รั ก เธ อ

ฉั น รั ก เ ธ อ

 

+ + + + + + + + + + + + + + + + + +

pic

pic

แด่.... ประชาชน นิสิตนักศึกษา แลผองเพื่อน เดือนตุลาฯ ผู้หยัดยืนในอุดมการณ์ที่งดงามเป็น
นิรันดร์ และแด่ คนเดือนตุลาฯ ที่ ดูเหมือน เปลี่ยนสี แปรธาตุ ไปซะแล้ว เมื่อถูกคลื่นอ๓ิ
มหาบริโภคทุนนิยม – สามานย์สุดโต่ง สาดซัด ไป อย่างไร้ชีวิตชีวา ฯลฯ กระทั่งรุกราน
รากเหง้าชีวิตประชาชน

แด่.... พี่น้องประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยครา “พฤษภาทมิฬ ปี 35”

แด่.... พี่น้องประชาชนที่ต่อสู้เพื่อรากเหง้าวิถีชีวิตของแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง... พรบ. ป่า
ชุมชน การต่อต้านโรงงานไฟฟ้า – ถ่านหิน การสร้างเขื่อน การระเบิดเกาะแก่ง ฯลฯ

แด่.... นักธุรกิจกินเมือง – การเมือง และรัฐบาลเผด็จการพลเรือนรัฐสภาสามานย์ทุกยุคที่อ้าง
เสียงข้างมากโดยการซื้อเสียง (เราไม่โทษประชาชนดอก เพราะประชาชนไม่มีที่พึ่งมาทุกยุค)
เพื่อเข้ามากอบโกยโกงกิน ปล้นชาติ ปล้นประชาชนอย่างน่าทุเรศ!

แด่.... รัฐบาลและเผด็จการทหาร ค.ม.ช พวกคุณลงจากเวทีได้แล้ว!

แด่.... คารวะแด่พี่น้องประชาชนพม่า (พระสงฆ์ แม่ชี นักศึกษา ประชาชน ฯลฯ) ที่ต่อสู้กับ
รัฐบาลเผด็จการทหารฟัสซิสม์ “สล็อก” หฤโหด

แด่.... พี่น้องประชาชนทั่วโลกที่กำลังต่อสู้ เพื่อรากเหง้าวิถีชีวิตของตนและของโลกโดยองค์รวม
และกำลังต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการในประเทศสมมุติของตัวเอง ฯลฯ

แด่.... ฯลฯ ..... ฯลฯ ...... ฯลฯ

Pages

Subscribe to Democracy