Skip to main content
ชาน่า
ลูกคือดวงใจและ (แทบจะ) เป็นทุกอย่างของพ่อและแม่ หัวอกของพ่อและแม่ทุกคนอยากเห็นลูกประสบความสำเร็จ มีความสุข เป็นที่พึ่งและเป็นไปดังใจหวัง "สมหวัง และผิดหวัง" จึงเหมือนสัจธรรมที่อยู่คู่กันเสมอ กล่าวโดยรวมๆ ทุกเรื่องเพื่อจะโยงเข้าสู่แม้แต่ "ความหวัง"ของพ่อและแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นเพศปกติ เพศที่สอดคล้อง ถูกต้อง กับร่างกายและจิตใจ
ชาน่า
เทศกาลของไทยเรามีมากมายหลายช่วงแทบจะเกิดขึ้นทุกเดือนเลยก็ว่าได้ แต่มีเทศกาลหนึ่งที่ชาน่าร่วมเติบโตมากับสังคมไทยนานแสนนาน (กำลังจะได้โล่ห์ ตำแหน่งชาน่าโบราณ รุ่นลายครามไม่ช้าก็ไว)  ทุกครั้ง ทุกที ทุกปีที่ได้สัมผัส บอกได้คำเดียวว่า... “แซ่บ เริ่ด ม่วนแต๊ๆ เกิดมันส์”  เพราะนอกจากจะสนุกสนานแล้วเรายังได้สาระมากมายในเทศกาลที่ชาน่ากำลังจะกล่าวถึงนี้ 
ชาน่า
“กลัวติดโรคจัง กังวลอย่างบอกไม่ถูกจะทำยังไงดี”  “อยากไปตรวจเลือด แต่ไม่กล้ากลัวคนรู้จัก กลัวคนอื่นรู้”“จะไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลไหน ค่าใช้จ่ายไม่แพง เพราะเผลอเสี่ยงร่วมรักกับชายแปลกหน้า”อาจจะเป็นคำถามของใครบางคนที่ครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจ วัดน้ำหนักช่างกล้าไปตรวจเลือดเพื่อไขปัญหาข้องใจว่าตัวเองบริสุทธิ์หรือรับเชื้อร้ายเข้าไปในร่างกายประชากรชาวเกย์หลายคนรู้จักกันดี  “คลินิกนิรนาม” ที่เปิดให้บริการสำหรับกลุ่มชายรักชาย ชายร่วมเพศกับชายเท่านั้น (งานนี้ไม่มีชะนีปะปนแม้แต่นิด)   แต่สมาชิกเกย์น้องใหม่ใครหลายคนที่ยังไม่รู้จัก สัปดาห์นี้ชาน่าอยากพาน้องใหม่หลายคนเพื่อให้รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม  “ใครจะรู้ว่า สักวันคุณอาจจำเป็นต้องหาสถานที่แห่งหนึ่งที่ตรวจและบ่งบอกว่าคุณไม่มีเชื้อก็เป็นได้”คลินิกแห่งนี้เรียกว่า  “คลินิกชุมชนสีลม”  ซึ่งเป็นการร่วมมือของไทยและสหรัฐฯ ทางด้านสาธารณสุข ของสภากาชาดไทยและสมาคมฟ้าสีรุ้งเพื่อสนับสนุนการวิจัยและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีและกามโรค เปิดให้บริการสำหรับกลุ่มชายรักร่วมเพศเท่านั้น สำหรับใครที่ต้องการได้รับการรักษาดูแลพิเศษ ทางคลินิกก็จะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นที่มีความพร้อมมากกว่า เรียกได้ว่าคลินิกชุมชนสีลมแห่งนี้เป็นสถานแห่งแรกที่คอยตรวจเช็คขั้นพื่นฐาน คอยบริการให้กับชาวเราโดยเฉพาะ  และที่สำคัญ ...“ฟรี” ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่คุณกล้าที่จะเข้าไปเพื่อปรึกษา ทางคลินิกจะมีเจ้าหน้าที่ คอยให้คำปรึกษาและช่วยเหลือ ผู้ซึ่งมีประสบการณ์และเข้าใจในรูปแบบชีวิตของชาวเราส่วนขั้นตอนการตรวจนั้นง่ายนิดเดียว โดยที่คุณแทบไม่ต้องกังวลอะไรมากมายสำหรับการตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเอชไอวี ผู้ใช้บริการสามารถเลือกการเจาะเลือดจากปลายนิ้วหรือจากข้อพับแขน ทั้งสองวิธีจะให้ผลการตรวจภายใน 30 นาที การเจาะเลือดจากปลายนิ้วจะใช้เลือดเพียง 1 หยด ในขณะที่การเจาะเลือดจากข้อพับแขนจะเจาะเอาเลือด 7 ซีซี หากแต่จะได้ตัวอย่างเลือดมากพอที่จะให้คุณเลือกการตรวจเพิ่มเติมได้ ได้แก่ กามโรค ไวรัสตับอักเสบเอ และไวรัสตับอักเสบบี (ร่วมกับการเก็บตัวอย่างเพิ่มเติมจากการตรวจลำคอ ปัสสาวะ และทวารหนัก) การสรุปผลการติดเชื้อเอชไอวีจะต้องผ่านการตรวจโดยชุดทดสอบ 3 ชุดที่มีวิธีการแตกต่างกัน ที่ให้ผล "บวก" เหมือนกันทั้ง 3 ชุด ในกรณีที่สรุปผลว่ามีการติดเชื้อเอชไอวี ทางคลินิกจะเสนอให้ทำการตรวจสมรรถภาพของร่างกายในการต่อสู้กับเชื้อโรค (ตรวจนับปริมาณเม็ดเลือดขาวชนิดซีดี 4)
ชาน่า
ข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มรักร่วมเพศมีให้ติดตามโดยตลอด ไม่ว่าเรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง จริงหรือไม่  ดังนั้นเราจึงเห็นได้ชัดว่า "กลุ่มรักร่วมเพศปนอยู่ในสังคมเราอย่างแยกเสียไม่ได้"  เคยคิดจะเขียนคอลัมน์เรื่อง  "การไม่ยอมรับผู้บริจาคเลือดที่อยู่ในกลุ่มอัตราเสี่ยงหรือรักร่วมเพศ"  ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากเว็บเกย์สากลในสหรัฐอเมริกา แต่งานประจำรัดตัวยังไม่ทันจะเขียนก็มีข่าวคราวจากเมืองไทยเข้ามาในเรื่องนี้ คราวนี้ชาน่านิ่งนอนใจอยู่ไม่ได้ประสานงานไปทางเพื่อน ๆ หลายฝ่าย รวมทั้งเพื่อนๆ ชาวสยามสแควร์  ของเว็บสังคมชาวไทย "พันทิป" ตั้งกระทู้ถามไถ่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น จึงได้เป็นไอเดียเพื่อผู้อ่านชาวประชาไท  บอกแล้วไงคะว่า..สิ่งไหนที่ชาน่าพอทำได้... "เต็มเหนี่ยวไปเลยเพ่"  รักที่จะทำและทำด้วยใจรักฮ่า...
ชาน่า
โลกของละครและโลกของความเป็นจริงนั้นบางทีช่างเหมือนกันจนแยกไม่ออก  "ละครสร้างจากเรื่องชีวิตจริง"  หรือ "ชีวิตจริงเลียนแบบละคร"  โลกใบใหญ่ของเราแต่ละคนล้วนเป็นโลกแห่งละครทั้งสิ้นอย่างแยกเสียไม่ได้ผู้ใหญ่หลายฝ่ายเคยต่อต้านและห้ามปรามกลุ่มรักร่วมเพศ  เกย์ กะเทย แพร่ภาพทางอากาศ ทีวี วิทยุ ภาพยนตร์ ด้วยหลากหลายเหตุผลของผู้ใหญ่ที่มองสังคมอย่างเป็นห่วง  แต่บางครั้งผู้ใหญ่อาจจะลืมดูโลกของความเป็นจริงที่ไม่ได้เพ้อฝัน จินตนาการ บังคับและกำหนดอยากให้ผู้อื่นเป็น  ชีวิตของคนกลุ่มรักร่วมเพศนั้นปะปน อยู่ในทุกสังคม ทุกประเทศ ทุกชนชั้น ทุกภาษา ทุกเชื้อชาติและศาสนาอย่างเห็นได้ชัด  เพียงแต่บางสังคม บางกลุ่มอาจจะมองพวกเค้าเหล่านั้นเป็นตัวประหลาด ตัวปมด้อย หรือตัวเด่นก็เป็นได้   ละครหรือหนังสร้างอิงจากเรื่องจริง เราจึงเห็นหนังดังระดับโลกหลายเรื่องที่มีพระเอก  นักแสดงสมทบ  ตัวประกอบเป็นเกย์ กะเทย  จนสร้างสีสันและความสนุกสนานของหนังได้ในระดับหนึ่ง
ชาน่า
การท่องเที่ยวไทยถือเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้กับประเทศชาติมานานแสนนาน แม้บางช่วงเศรษฐกิจจะทรุด การเมืองจะแทรก ปัญหาหลากหลายจะเสริมทำให้ไม่ราบเรียบมากนักในบางช่วงปีที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้น “ประเทศไทย” ก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งมังคุด ละมุดลำใย แห่กระหน่ำมาเที่ยวกันอย่างเห็นได้ชัด หากจะมองถึงกลุ่มเป้าหมายชาวรักร่วมเพศ เกย์ กะเทย เลสเบี้ยน ถือว่ามาเที่ยวบ้านเมืองนี้ ดีนักแล เพราะทางเจ้าของประเทศ สยามเมืองยิ้ม กระหยิ่มต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเปิดกว้าง โดยได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนร่วมกัน สรรค์สร้างปูทางให้นักท่องเที่ยวผู้แสวงความสุขบนสวรรค์ ณ แผ่นดินสยาม ปีละมากมาย
ชาน่า
ภาษาใครคิดว่าไม่สำคัญ บางคนบอกว่า แหม ... บางครั้งไม่จำเป็นต้องพูด ใช้ภาษาใบ้เอาก็ได้ แต่บังเอิญคนที่คุณใบ้ด้วยไม่เก็ตก็แย่สิฮะ.. หากพอมีเวลาว่างใช้เวลาในการศึกษาภาษาเพิ่มเติมชาน่าว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ดีทีเดียว  อย่างเวลาชาน่าไปแต่ละเมืองแต่ละประเทศนั้น จำเป็นต้องพอรู้ว่าไปไหนมา สามวาสองศอก หรือแม้แต่ภาษาเฉพาะในหมู่ชาวเรา ทำให้  "ง่ายสำหรับคุณค่ะ"
ชาน่า
วันนี้เรือจอดอยู่ประเทศบาฮามัส พรุ่งนี้จะเข้าฟลอริด้า นั่งทำงานเป็นโอเปอเรเตอร์รับโทรศัพท์จองห้องอาหารคนเดียว  เสี้ยวหนึ่งของวันทำงาน จู่ ๆ ก็เกิดอาการเป็นสุข จนต้องระบาย หยิบปากกามาจิกเขียน ถ่ายทอดความสุข ส่งตรงสู่เมืองไทย  
เค้าบอกว่า คนเราจะสุขหรือทุกข์นั้นขึ้นอยู่ที่ใจ บางครั้งกว่าจะสุขได้ก็ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างไม่ว่าจะเรื่องของสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การเมือง สังคม ส่วนตัว และจิตใจ เป็นต้น
บางครั้งเจ้า “ความทุกข์”  มักจะมาเยือน  นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาสามัญบ้าน ๆ ทั่วไป ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ปุถุชนคนเดินดินอย่างเราท่านทั้งหลาย   แต่เราจะหาวิธีการดับทุกข์เช่นไร ทำให้บำบัดทุกข์เติมความสุขให้กับตนเอง
วันนี้ชาน่าพอจะคิดค้นตำรา  “อยู่อย่างไรให้เป็นสุข ของวิถีชีวิตเกย์”   ร่วมแชร์ให้กับคนอ่านคอลัมน์ทุกท่านฮ่ะ  พอจะแยกเป็นข้อ ๆ ดังนี้
ชาน่า
ชีวิตที่ต้องเกี่ยวข้องของคนหลากเพศชายจริง หญิงแท้ หรือแม้แต่เกย์ กะเทย นั้นย่อมมีปะปนกับชนและคนทุกชนชั้นวงการไม่เว้นแม้แต่ชีวิตของนักศึกษา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตแห่งชาติ เป็นลูกเป็นหลานเราๆ ท่านๆ เนี่ยล่ะฮะวันนี้ชาน่าอ่านข่าวคราวจาก นสพ.คงชักเล็ก พิมพ์ผิดฮ่า คมชัดลึก เกี่ยวกับชีวิตของกะเทยหรือสาวประเภทสองที่ต้องแต่งตัวเป็นนักศึกษาหญิงไปมหาวิทยาลัย จึงหยิบมาฝากผู้อ่านประจำคอลัมน์ “พาเม้าท์ชีวิตชาวเกย์” ณ ประชาไทกันบ้างเชื่อหรือไม่ว่า ชีวิตของคนเป็นเกย์ อีแอบ นั้นไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องของความขัดแย้งในการแต่งกายเลย เพราะพวกเค้าก็คือเพศชายดีๆ ที่คุณเห็นนั่นแหล่ะ บางครั้งมองแทบไม่ออกดูยากเหลือเกินว่าคนไหนเป็นหรือไม่เป็น ตราบใดที่ไม่มีเครื่องมือดักจับตุ๊ด เกย์ ปรากฎขึ้นบนโลกใบนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นง่ายเสมอคือ ส่วนมากเกย์จะเนี๊ยบ เรียบร้อย ดูดีกว่าผู้ชายทั้งแท่งว่างั้นเหอะ
ชาน่า
ความรักหากใครไม่เคยสัมผัสก็ยากจะอธิบายให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงแก่นและก้นบึ้งของหัวใจ “ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์”  ประโยคหนึ่งที่เคยได้ยินมาแต่ไหนแต่ไร ตอนเป็นเด็กไร้เดียงสา ก็แค่อ่าน ได้ยิน และเข้าใจ แต่ไม่ได้สัมผัส รับรสของความรักและความทุกข์โลกวันนี้ได้ผ่านเข้า และผ่านไปจากบทเรียนและประสบการณ์ของชีวิตโลกแห่งความจริงกับสิ่งที่ฝันบางครั้งมันห่างไกลกันเหลือคณานับ  ทุกคนฝันอยากมีรักที่สวยงาม รักที่ทำให้ชีวิตนี้มีความสุข แต่หากเมื่อไหร่ รักนั้นไม่เป็นดังหวัง  ไม่เหมือนในฝัน มันย่อมเกิดทุกข์กับความรักคนที่ไม่เคยอกหัก  ก็เพราะเขาไม่เคยมีความรัก คงไม่มีใครในโลกใบนี้จะสมหวังในรักตั้งแต่เริ่มแรกรัก ไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวี“เพราะรักไม่มีกำแพงกั้น ไม่เคยแบ่งแยกชนชั้น วรรณะหรือแม้แต่เพศ”เมื่อเข้าใจตั้งแต่กรอกใบสมัครเป็นคนที่มีรสนิยมความรักทางเพศในเพศเดียวกันว่า “เตรียมใจเผื่อไว้ให้กับความผิดหวัง”  ขอยกตัวอย่างเรื่องจริงไม่อิงนิยาย ฝากไว้คิด...โอ  (นามสมมุติ)  เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวที่พ่อแม่ตั้งความหวังอย่างสูงสุดที่อยากให้ชีวิตของเค้าเป็นหลักเป็นฐาน มีหน้าที่การงานที่ดี มีหน้ามีตาทางสังคม ด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์สูงส่งโอมีพร้อมด้วยรูปพรรณอันหล่อเหลาเอาการ เรียกได้ว่า  Perfect man of the year ก็คงจะไม่ผิดกับสมญานามนี้ แต่ใครจะรู้ว่า ส่วนลึก ความรู้สึก และรสนิยมทางเพศข้างในของเค้าจะเป็นอย่างไร โอย้ายไปเรียนต่อต่างประเทศตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ เค้าใช้ชีวิตเป็นเด็กนักเรียนนอกจนจบปริญญาเอกด้วยวัยที่ยังเยาว์ชีวิตและพฤติกรรมสามารถอยู่ในกรอบได้ แต่ความรู้สึกจิตใจยากไซร้จะเป็นไปตามใครบังคับ เค้าใช้ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมของโลกอิสระเสรี จนวันหนี่งเค้าค้นพบและบอกกับตัวเองว่า  “ผมมีความรู้สึกทางเพศ และมีความสุขกับเพศเดียวกัน”  แม้โอจะพยายามหลีกหนีความจริง ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้สมาชิกในครอบครัว รู้ว่าส่วนลึกและความต้องการของจิตนั้นเป็นเช่นไร เมื่อถึงคราวที่ต้องโดนคลุมถุงชนกับคนที่มีชาติตระกูล พร้อมด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์เท่าเทียมกัน  โอ และ เจน (นามสมมุติ) อยู่กินฉันท์สามี ภรรยาอย่างเป็นสุข (ในความคิดของทุกคนแม้กระทั่งเจนเอง) เค้าทำการบ้าน หน้าที่ การงานทุกอย่างปกติอย่างเนียน โดยไม่มีใครสงสัย แต่บ่อยครั้งที่โอ ต้องมีภารกิจทำหน้าที่เดินทางไปต่างประเทศ เค้ามักจะปล่อยใจตามสิ่งที่เค้าปรารถนา คือการได้เสพความสุขกับเพศเดียวกัน มันเป็นความต้องการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โอเริ่มผูกพันกับชายต่างชาติที่เค้าปลื้มและหลงรักโดยไม่รู้ตัว  แม้แต่ภรรยาอันเป็นที่รักของเค้า เพราะเธอรักเชื่อใจ และเป็นสุขกับการใช้ชีวิตอยู่กับโอ โอผิดหรือไม่ที่เลือกทำตามใจตัวเอง แต่เค้าก็ไม่เคยทำให้เจนผิดหวัง โอทำให้ครอบครัวและผู้หญิงที่รักเค้ามากมีความสุข  แต่ความสุขและความต้องการของเค้าคือ การปลอดปล่อยอารมณ์และความโหยหากับชายที่เค้าต้องการ 
โอบอกกับชาน่าเสมอว่า “ผมคงจะทำเช่นนี้ไปตลอด ในเมื่อบางครั้งมันก็ไม่มีทางเลือก”  หนึ่งภาระทำเพื่อหน้าที่อีกหนึ่งใจทำเพื่อความสุขของตนเอง  “ผมผิดใช่มั้ยแต่ผมก็เลิกไม่ได้”.....
ชาน่า
ช่วงพักร้อนสามเดือนที่ผ่านมาได้ไปงานเปิดตัวหนังสือของเพื่อนที่ เอสพลานาด ทางทีมงานและสำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ ได้มอบหนังสือเล่มนี้ ...   “ตัดทิ้ง” ชีวิตจริงของสาวประเภทสอง  ซึ่งเขียนและดัดแปลงมาจากวิทยานิพนธ์ของ คุณวารุณี แสงกาญจนวนิช   อ่านแล้วต้องขอยกนิ้วให้ ว่าเป็นอีกหนังสือคุณภาพที่อ่านแล้วโดนฮ่ะ  ได้สาระและความรู้อีกหลายเรื่องราวที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน ชีวิตจริงของชาน่านั้นเป็นเกย์ ไม่ได้เป็นกะเทย แต่ที่ต้องแต่งสาวเป็นพรางชมพู ก็เพราะไม่อยากให้ทางบ้านรู้ (อันที่จริงคือไม่อยากให้คุณแม่ทราบ แค่คนเดียวเท่านั้นที่แคร์ความรู้สึก ที่เหลือประชากรทั่วจักรวาลไม่เคยคิดที่จะปิดบังเลยเจ้า)  ถามว่าเคยคิดอยากจะแปลงเพศหรือไม่  เมื่อก่อนเคยคิด แต่ทุกวันนี้ ความคิดนั้นเปลี่ยนไปซึ่งมีหลายองค์ประกอบ อาจจะเป็นเพราะแก่เกินแปลงร่างกระมังคะ   แต่ถ้าแต่งสาวเมื่อไหร่แล้วชอบเป็นการส่วนตัวเชียวล่ะลองอ่านเรื่องจริงของเค้าหรือเธอ ที่ผ่านเป็นตัวหนังสือ จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์  แม้เวลาการพิมพ์จะผ่านไปสองสามปีแต่คุณค่าของหนังสือไม่เคยเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเลย ชีวิตของสาวประเภทสองที่แปลงเพศนั้นจะเป็นเช่นไรใครจะรู้ดีเท่ากับตัวเธอเอง  หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอด ปอกเปล่าเล่าเปลือยอย่างไม่กั๊ก  ซึ่งคนในหนังสือนั้นล้วนเป็นคนจริง เรื่องจริง เจาะลึกลากใส้คนเราแม้จะเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาได้  หลายคนเถียงว่าทำไมจะเลือกเพศเกิดไม่ได้  หาโครโมโซมให้หมอกำหนดเพศก็เลือกเพศของลูกได้แล้ว นั่นก็จริงแต่บางครั้งเพศที่เกิดมาแล้วก็ขัดแย้งกับความต้องการของเจ้าของหัวใจ และวิญญาณ  (ซึ่งบังคับกันไม่ได้)  ถ้าจะให้เลือกระหว่างการเปลี่ยนจิตฝังใจกับเปลี่ยนร่างกาย อย่างหลังนั้นยังง่ายกว่าซะอีกในปัจจุบันของคนที่มีแรงกล้าที่คิดจะเปลี่ยนร่าง แปลงเพศให้สอดคล้องกับความต้องการทางจิตคำนำของผู้เขียนบอกให้เรารู้ว่า *  “จุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้ ต้องการฉายภาพสะท้อนและถ่ายทอดข้อเท็จจริงของ  “ครรลองชีวิต”  เบื้องหลังชีวิต และความเป็นมาเป็นไปของ “ชาย” ที่ผ่านการผ่าตัดเปลี่ยนเพศเป็น “หญิง” หรืออาจเรียกว่า ชายที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนเพศทางร่างกาย “โดยกำเนิด”  ไปสู่เพศ “หญิง” ที่จิตใจนั้น พร่ำ  “กำหนด”........”ศัลยกรรมการแปลงเพศ จึงเข้ามามีบทบาทต่อพวกเค้าหรือเธอ   แม้มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของ “มนุษย์” ในการคิดค้น ความก้าวหน้า วิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ช่วยให้พวกเธอนั้นได้ทำตามฝัน สักครั้งของชีวิตในชาตินี้    จากผลการวิจัย  ในต่างประเทศ  มีสาวประเภทสองต้องการเปลี่ยนเพศ โดยมีปริมาณดังนี้  ** อเมริกาเท่ากับ 1 : 100,000   ประเทศเยอรมัน 1 : 42,000  ประเทศสวีเดน 1 : 37,000  ประเทศอังกฤษ 1 : 34,000   ประเทศออสเตรเลีย  1 :24,000   ประเทศเนเธอร์แลนด์1 : 11,900  ส่วนในประเทศไทยยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการ แต่เกรงว่าตัวเลขก็คงจะไม่ทิ้งห่างจากต่างประเทศนัก  หรือคุณว่าไงเหตุผลหลักของการแปลงร่าง ...  หรือแปลงเพศ นั้น เกิดจากความไม่สอดคล้องระหว่างเพศและจิตใจฮ่ะ  เกิดในร่างชายแต่ใจเป็นหญิง  แม้แพทย์จะบอกว่าเป็นความเจ็บป่วยทางจิตประเภทหนึ่ง  ถึงแม้จะพยายามรักษาโรคด้วยวิธีการทางจิตบำบัดแต่ก็ไม่สำเร็จ   จนหลายคนยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงร่างกายให้สอดคล้องกับจิตยังง่ายกว่าค่ะ จึงเป็นที่มาของการแปลงเพศ  แต่กว่าจะแปลงร่างและเพศได้นั้นก็ไม่ใช่ แค่คลิ๊กปุ๊บแปลงปั๊บ เหมือนไอ้มดแดง  หากต้องผ่านกรรมวิธีกระบวนการหลายขั้นตอน เช่น  อันดับแรกจะต้องผ่านการทดสอบสภาพทางจิตว่าต้องการจริง ๆ หรือแค่อารมณ์ชั่ววูบ  การใช้ฮอร์โมนทดแทน และการทดลองดำเนินชีวิตแบบเพศตรงข้ามอย่างเต็มเวลา เพื่อทดสอบว่าผู้จะได้รับการผ่าตัดมีความพร้อมหรือไม่* วัตถุประสงค์ของการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ๑. เพื่อปรับเปลี่ยนร่างกายให้สอดคล้องกับเพศทางจิต๒. เพื่อเปลี่ยนลักษณะภายนอก เช่น เต้านม อวัยวะเพศ รูปร่าง และใบหน้า ต่าง ๆ ให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับเพศที่ต้องการมากที่สุด โดยอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ๓. เพื่อเอื้ออำนวยให้ผู้ที่ได้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนเพศดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติชนเกณฑ์ขั้นต่ำในการวินิจฉัยบุคคลที่จะเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ เช่นมีอายุครบตามกฎหมายของประเทศตนมีการใช้ฮอร์โมนทดแทนอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 12 เดือนประสบความสำเร็จในการทดลองดำเนินชีวิตแบบเพศที่จะเปลี่ยนเป็นเวลา 12 เดือนได้รับการอธิบายในเรื่องเงือนไขและค่าใช้จ่าย  ค่ารักษาพยาบาล ปัญหาหลังการผ่าตัดเป็นต้นกระบวนการผ่าตัดเปลี่ยนเพศจากชายเป็นหญิงนั้น สลับซับซ้อนอย่างเช่น  สร้างช่องคลอด ตัดลูกอัณฑะออก ลูกออกไม่พอ องค์ก็ต้องออกด้วยนะคะ  องค์ที่ว่านั้นคือ องคชาติ  เมื่อตัดแล้วก็ต้องเพิ่มเติมสร้างคลิตอริส อันนี้ขออธิบายหลายคนบอกว่า พอแปลงเพศแล้วจะไม่มีความรู้สึกทางเพศ หรือจะไม่ถึงจุดนั้น หมอก็ไม่ยอมน้อยหน้าขอตัดแต่งเพิ่มเติม โดยเอาเลือดและเส้นประสาท ซึ่งไวต่อการกระตุ้นให้ถึงจุดนั้น (ไม่ใช่จุดนัดฝันนะเค๊อะ)  มาสร้างเป็นคลิตอริส  ที่ลืมไม่ได้คุณหมอหัดใหม่ห้ามลืมก็คือ ต้องสร้างรูเปิดของท่อปัสสาวะ  ไม่งั้น...ลำบาก หารูออกไม่ได้แย่เลยค่ะ  ขั้นตอนสุดท้ายก็ต้องสร้างแคม  ไม่ใช่เว็บแคมนะคุณ ต้องสร้างแคมนอก แคมในให้เหมือนจริงมากที่สุดร้อยเกือบทั้งร้อยเมื่อถึงขั้นผ่าตัดแปลงเพศแล้ว  สาว ๆ ทั้งหลายจะต้องผ่าตัดทำศัลยกรรมอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น การเสริมจมูก จิ้มคาง ผ่าตัดรูปหน้าไม่ให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู หรือว่าสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตัดกราม ดึงแนวผมให้ต่ำลง รวมทั้งการเหลาลูกกระเดือกให้บางลง  คุณหมอทำได้ค่ะหลังการผ่าตัดแล้วก็ต้องเป็นคนไข้ ได้รับการดูแลจากหมอ  นอกจากนี้แล้วตัวเองก็ยังต้องดูแลช่องคลอด(ใหม่)  ถ้าจะกล่าวว่าช่องคลอดก็คงไม่ถูกต้องนักเพราะหาได้มีโอกาสคลอดใครออกในส่วนนั้น แต่รู้กันว่าคือช่อง....  ชาน่าขอเรียกว่า ช่องเพศ(ใหม่) ละกัน พวกเธอจะต้องใช้เทียนแท่งเหลาเป็นรูปอวัยวะเพศชาย หรืออาจเป็นแท่งซีลีโคนนุ่ม หรือเครื่องขยายช่องคลอด  ซึ่งจะต้องสอดใส่ ใหม่ ๆ วันละสองสามครั้ง  แทบจะทำหลังอาหาร ครั้งละ 30 นาที ต้องทำเช่นนี้เป็นเวลา 6 เดือน  ศัพท์แสลงเค้าเรียกกันว่า  ต้อง “โม”   (อ่านว่า โม เฉย ๆ ไม่ใช่นะโม  พิมพ์ไม่ผิดหรอกค่า  ฮา ฮา )    ช่วงนี้ก็สำคัญมิใช่น้อย เพราะถ้าหากคุณไม่โม ช่องแคบของคุณอาจจะหด หรือ ตื้นตัน เหมือนกับการเจาะหู หนะค่ะยังต้องหาอะไรมาทิ่มแทงตลอดไม่งั้น แน่นอน.... “รู” ตันคำถามที่หลายคนอาจจะคิด หรือคิดไม่ถึงว่า หลังผ่าตัดแล้วเมื่อไหร่จึงจะสามารถ ทำกิจกรรมเข้าจังหวะได้  (ร่วมเพศ) โดยทั่วไปแล้วสามารถเริ่มต้นทดลองขับขี่ได้ ในสัปดาห์ที่ 6  หากมีอะไรผิดพลาด สามารถติดต่อศูนย์ถ่วงล้อ เปล่าค่ะเปรียบเปรย ติดต่อคุณหมอผู้ทำการผ่าตัด อย่างเช่น ฉีกขาด เลือดไหล  จะได้แก้ไขทันท่วงทีของตัดแต่ง บางรายทำได้เนียนจนหาที่ติไม่ได้ แต่บางรายก็ผิดเพี้ยนบ้างนิดหน่อยโดยจะพบได้อย่างเช่น  เวลานั่งปัสสาวะ รูปัสสาหันข้าง ดันหน้า เวลาฉี่แทบรดหน้าประตูห้องน้ำ หรือสายยางน้ำพ่นทางซ้ายบ้าง ขวาบ้างตามจังหวะ  บางรายพอมีอารมณ์ทางเพศ อวัยวะของเธอแข็งโป๊ก ทั้ง ๆ ที่ของผู้หญิงจะนุ่มนิ่มอย่างแตกต่าง....ผลหลังการผ่าตัดแล้ว โดยส่วนมากจะพอใจในระดับสูงทีเดียว เพราะได้เป็นอยู่อย่างเต็มรูปแบบว่า “ฉันก็เป็นผู้ฉิง  ....เต็มตัวแล้ว”    การใช้ชีวิตและกิจวัตรประจำวันก็คือ หญิง ทั้งกายและหัวใจหละค่ะมีหลายรายที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว  โดยรูปลักษณ์ภายนอก ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเคยเป็น ผู้ชาย มาก่อน แต่บางคนก็ยังมีเค้าโครงร่างเหมือนผู้ชายอยู่บ้างอย่างเสียไม่ได้    ส่วนตัวชาน่าเคยสัมภาษณ์  ช่างแต่งหน้าจาก  เดอะ ไฮนิส สตูดิโอ ทองหล่อ  เธอบอกว่า  “เจ็บมากเลย  ก็เหมือนกับตัดชิ้นส่วนอวัยวะของเรา ใครบอกว่าไม่เจ็บไม่จริงหรอก” เธอเล่าให้ฟังว่า  “แม้จะผ่าตัดแปลงแล้วบางครั้งผู้ชายก็ยังนิยมเข้าประตูหลังของบ้านอยู่ดีล่ะ”    ชาน่าเคยทราบข่าวจากรุ่นพี่คนหนึ่งที่เรียนมัธยมปลายด้วยกันที่ ร.ร.ดำรงราษฎร์สงเคราะห์ เชียงราย เธอตัดสินใจ แปลงเพศแต่ข่าวที่อนาจเยี่ยงนักคือเธอเสียชีวิตในระหว่างการผ่าตัดแปลงเพศ เพราะเสียเลือดมาก หัวใจวาย ตายก่อนสมร่างหญิงสวย ซึ่งก่อนที่เธอจะแปลงเพศเธอเอวบางร่างเล็กสวยงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว น่าเสียดายและเสียใจแทนพ่อแม่ด้วยจริง ๆ ค่ะ*  “ถึงวันนี้ก็บอกได้เลยว่า เราตายได้แล้ว ตายได้แล้วจริง ๆ เพราะเราเป็นผู้หญิงแล้ว ชีวิตไม่ต้องการอะไรมากกว่าได้เป็นสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น ถึงแม้คนอื่นจะรับไม่ได้ก็ตาม”  เสียงของ แจน หนึ่งในสาวประเภทสองที่ผ่าตัดแปลงเพศ ที่ถูกสัมภาษณ์ในหนังสือเล่มนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือกเป็นเพศไหน ตามกำเนิด หรือเพิ่งจะกำหนด(เพศ)  สิ่งที่เราจะต้องเผชิญและอยู่กับความเป็นจริงนั้นสำคัญที่สุด  คนทุกคนมีทางเลือก หากคุณเลือกที่จะเป็นใครสักคนในชาตินี้หรือชาติหน้า (ถ้าเลือกได้) ก็ขอเป็นคนที่สอดคล้องกับความต้องการทางภาวะจิตใจ  แม้สิ่งที่เลือกนั้น “จะกลับก็กลับไม่ได้ ไปก็ไปไม่ถึง”  แต่หนึ่งสิ่งที่อยู่ในใจเราเสมอคือ  เลือกที่จะเป็นสุข ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม  นำเสนอเรื่องแปลง(เพศ)ร่าง ส่งตรงจากเกาะ Barbados,West Indies Eastern Caribbean .* ข้อมูล จากหนังสือ  “ตัดทิ้ง” ชีวิตจริงของสาวประเภทสอง, วารุณี แสงกาญจนวนิช สำนักพิมพ์ สร้างสรรค์บุ๊คส์, สิงหาคม 2548* กราบขอบพระคุณ สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ สำหรับหนังสือเล่มนี้ที่มอบให้อย่างเป็นทางการ
ชาน่า
 “ฮีธ เลดเจอร์” ขวัญใจชาวเกย์, พระเอกBrokeback Mountainเกิด – แก่ – เจ็บ – ตาย นั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้งก็ยากจะทำใจได้  โดยเฉพาะหากใครสักคนอันเป็นที่รัก และผูกพัน แม้กระทั่งแค่ชื่นชม ปลื้ม ๆ ของคุณจากไปก่อนวัยอันสมควร   “เค้าหลับสบายไปแล้วล่ะ คงเหลือแต่เราที่จะก้าวต่อไป สู้ต่อไปตราบเท่าที่ลมหายใจยังอยู่แม้มันจะทรมาน ปวดร้าวแค่ไหน  ขอเวลาตั้งตัว ขอทำใจหน่อยได้ไหมคนดี”วันที่ 23 ม.ค. 2008 เป็นวันที่พระเอกในดวงใจของผมจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาผู้นั้นคือ  ฮีธ เลดเจอร์ หนุ่มน้อยหน้าไม่หล่อแต่เร้าใจวัยซาวแปด  ชาวออสซี่  พระเอกหนุ่มจากหนังดังระดับฮอลลี่วู๊ด เรื่อง  “หุบเขาเร้นรัก” หรือ ”Brokeback Mountain”  ภาพยนตร์แนวดรามาของเกย์ที่โด่งดังและปลื้มมากที่สุดเท่าที่เคยดู โดยมีผู้กำกับชาวไต้หวัน “อั้งลี่” กำกับเรื่องนี้จนคว้ารางวัลมากมาย“ฮีธ เลดเจอร์”  นายจากไปแล้วเหรอ   เมื่อไม่นานมานี้ชาวไทยและแฟนคลับของน้องบิ๊ก ดีทูบี ก็ร่ำไห้เสียใจจากความพรากคนอันเป็นที่รักและชื่นชมก่อนหน้านั้นยังจำกันได้  อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมล ดาราชายขวัญใจวัยทีน และหวานใจชาวเกย์ ก็จากไปอย่างกระทันหัน  ในวัยกำลังสร้างอนาคต  “มีพบ ย่อมมีพราก มีเกิด ย่อมมีดับ”  มันเป็นอนิจจัง  วัดระฆัง ยังเป็นสถานที่จัดงานขาว – ดำ อยู่เสมอ.... (ขอคั่น จะเขียน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ไม่สัน...ทัด อะค่ะ อย่าว่ากันนา สวยใส บางครั้งก็ไร้สติเสมอ)