Skip to main content

หลายคนอาจจะเคยสงสัยเหมือนกับชาน่าว่าในสมัยก่อนวิถีชีวิตของเกย์เป็นเยี่ยงไร วันนี้จึงหาคำตอบและเป็นความต้องการทราบส่วนตัวด้วยค่ะ เพราะว่ามีโอกาสได้ดูละครเรื่องสาปภูษา จึงใคร่รู้เยี่ยงนักว่าประวัติความเป็นมาและสังคม กฎระเบียบบ้านเมืองเป็นเช่นใด ข้าใคร่รู้ ณ บัดเดี๋ยวนี้

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตจึงสอดคล้องกับทางศาสนานำ โดยมีพระวินัยปิฎกในพุทธศาสนานั้นมีบัญญัติว่า “การเสพเมถุนทางทวารนั้นเป็นเหตุแห่งอาบัติปาราชิก แก่ภิกษุผู้กระทำ”    ส่วนกฎหมายตราสามดวง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ทรงมีพระราชโองการให้กำหนดกฎหมายว่าด้วยการให้ราษฎรรักษาศีล คือ ศีลห้าในฐานะเป็นนิจศีล กับศีลแปดในฐานะเป็นอุโบสถศีล  ตามกฎหมายฉบับนี้ถือว่าการเสพเมถุนธรรมโดยทางมุกขมรรค และเวจมรรคในกิริยาตนเอง เป็นการละเมิดศีลห้า   ข้อที่ว่าด้วยกาเมสุมิจฉาฯ ส่วนการเสพเมถุนธรรมทางเวจมรรคกับผู้หนึ่งผู้ใดที่ไม่ต้องห้ามตามศีลข้อกาเม ฯ ก็เป็นการละเมิดศีลข้อ อพรหมจริยา ฯ อันเป็นอุโบสถศีล อย่างไรก็ตาม ไม่มีการกำหนดโทษสำหรับการละเมิดศีลตามพระราชกำหนดฉบับนี้ไว้เป็นการเฉพาะ มีเพียงระบุไว้เป็นการทั่วไปว่า  

“ถ้าแลผู้ใดมิได้กระทำตามพระราชกำหนดนี้ จะเอาผู้นั้นเป็นโทษตามโทษานุโทษ”  

ถึงอย่างไรก็ตามการประพฤติของกลุ่มรักร่วมเพศชายกับชายไม่มีบันทึกอย่างเป็นทางการ เท่าที่มีก็คือการกล่าวถึงความประพฤติของเจ้านายบางพระองค์ที่ทรงไม่ยอมอยู่ร่วมกับหม่อม   กลับนิยมบรรทมอยู่กับพวกละครที่ทรงเลี้ยงไว้ดังเช่นกรมหลวงรักษรณเรศร   ในพระราชพงศาวดารของรัชกาลที่ 3 ซึ่งต่อมา กรมหลวงรักษรณเรศร ถูกสำเร็จโทษเพราะเหตุคิดกบฏ ซึ่งมีการกล่าวท้าวความว่าการคบกับพวกละครเช่นนั้นเป็นการชักพาให้เสียคน วินิจฉัยคดีไม่เป็นธรรม และเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ไม่ไว้วางพระราชหฤทัย เมื่อสืบทราบต่อมาว่าคิดกบฏจึงทรงลงพระราชอาชญาสำเร็จโทษเสีย

ครั้นถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่
5 ทรงมีพระบรมราชโองการให้ประกาศใช้พระราชกำหนดลักษณะข่มขืนล่วงประเวณี ร.ศ. 118 (พ.ศ. 2441) กำหนดโทษผู้ข่มขืนกระทำชำเราหญิงอันมิใช่ภริยาตน และผู้กระทำชำเราผิดธรรมดาโลกีย์ นับได้ว่าพระราชกำหนดฉบับนี้ได้นำเอาหลักความรับผิดฐาน Sodomy ของฝรั่งมาบัญญัติเป็นกฎหมายว่าด้วยการทำชำเราผิดธรรมดาเป็นครั้งแรก ในครั้งนั้นผู้กระทำชำเราผิดธรรมดาโลกีย์ต้องถูกลงโทษจำคุกตั้งแต่ 10 ปีลงมา ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายอาญา ร.ศ. 127 ความผิดฐานนี้ได้รับการลดหย่อนให้มีโทษต่ำลงคือ เหลือโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 3 ปีเท่านั้น

ตามกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.
127 นี้ ความผิดฐานการทำชำเราผิดธรรมดาถูกเรียกใหม่ว่าความผิดฐานทำชำเราผิดธรรมดามนุษย์ โดยสังเกตจากข้อความในมาตรา 242 แห่งกฎหมายลักษณะอาญาซึ่งบัญญัติว่า  “มาตรา 242 ผู้ใดทำชำเราผิดธรรมดามนุษย์ ด้วยชายก็ดี หญิงก็ดี หรือทำชำเราด้วยสัตว์เดรัจฉานก็ดี ล้วนมีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปจนถึง 3 ปี และให้ปรับตั้งแต่ 50  บาทขึ้นไปจนถึง 500 บาทด้วยอีกโสดหนึ่ง”   โดยที่ความผิดฐานนี้เป็นของใหม่สำหรับวัฒนธรรมไทย นักกฎหมายในสมัยนั้นบางท่านจึงพยายามอธิบายถึงมูลแห่งความผิดฐานนี้ว่า เหตุที่ผู้กระทำต้องรับผิดก็เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการถ่วงความเจริญของบ้านเมือง หรือทำให้เสียเชื้อพืชพันธุ์ไปโดยไร้ประโยชน์ ซึ่งก็คงจะไม่เป็นที่เข้าใจหรือยอมรับกันได้อย่างเต็มใจมากนัก ดังนั้นต่อมาภายหลังเมื่อมีการตรวจชำระประมวลกฎหมายลักษณะอาญา และจัดทำประมวลกฎหมายอาญาฉบับใหม่ซึ่งได้ประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2499 คณะกรรมการร่างประมวลกฎหมายจึงมีมติให้ยกเลิกความผิดฐานนี้เสีย เพราะเห็นว่ามักไม่เกิดเป็นคดีขึ้นประการหนึ่ง กับเห็นว่าจะเป็นการเสี่ยมเสียเกียรติยศของประเทศชาติอีกประการหนึ่ง

ดังนั้นหลังจากปี พ.ศ.
2499 เป็นต้นมา การประพฤติตนเป็นคนรักร่วมเพศในประเทศไทยจึงไม่ต้องรับผิดทางอาญาฐานกระทำชำเราผิดธรรมดามนุษย์อีกต่อไป

ข้อพิจารณาที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับการพิจารณาในทางนิตินโยบายว่าการกระทำเป็นเกย์หรือเป็นคนรักร่วมเพศ ว่าควรจะเป็นความผิดทางอาญาหรือไม่นั้น อยู่ที่ปัญหาเกี่ยวกับมาตรฐานของศีลธรรมอันดีของประชาชนในสังคมนั้นว่าเป็นอย่างไรและยอมรับการกระทำเช่นนั้นได้หรือไม่ โดยเหตุที่ค่านิยมในเรื่องนี้มีแตกต่างกัน ดังนั้นในขณะที่บางชาติถือว่าการทำ
Sodomy ต้องมีโทษถึงตาย ไทยเราลงโทษไม่เกินสิบปี และเมื่อประเทศไทยยกเลิกความผิดฐานนี้เสียเมื่อปี พ.ศ. 2499

เหมือนกับว่า วิถีของเราล้วนเป็นไท ทำอะไรไม่ผิดเหมือนเฉกเช่น ชายหญิงทั่วไป  ดังนั้นสิ่งที่ชาวไทยให้เราทำกัน นับล้วนแต่เป็นความเข้าใจและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิทธิและเสรีภาพภายภาคหน้าของชาวเราจะเป็นเหมือนคนทุกเพศ   และชาน่าอยากเห็นเกย์ กลุ่มหลากหลายทางเพศของไทย ทำแต่เรื่องดี ๆ บ่อยครั้งที่ทราบข่าวเรื่องเสียหายที่เกิดจากกลุ่มหลากหลายทางเพศ จิตใจหดหู่ และบ่นกับเพื่อนเสมอว่า  เราเป็นอย่างนี้ก็ลำบากมากพอแล้ว อย่าทำอะไรให้สังคมต้องตราบาปว่าเป็นพวกชนกลุ่มน้อยที่คอยแต่สร้างปัญหา 

ทุกบ้านเมืองมีกฎหมายที่ต้องทำตาม หากเราทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่ขัดต่อกฏบ้านเมือง ล้วนแล้วแต่มีสิทธิ์ทำได้อย่างเสรีต่อให้ใครจะว่าเราเป็นเพศไหนก็หาได้สนใจไม่ ...

 

บล็อกของ ชาน่า

ชาน่า
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมาชาน่าเข้าพักโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งของเมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปนเพื่อมาลงเรือสำราญ (อาชีพหลัก “นางแบก” โกอินเตอร์ ที่ทำมาสิบปีแล้วค่ะ) หลังจากพักร้อนเมืองไทยสามเดือนช่วงเข้าพรรษา พอออกพรรษาก็กลับไปทำงานต่อต่างประเทศ วันนั้นชาน่าหยิบหนังสือพิมพ์ USA Today จากโรงแรมมาอ่านในระหว่างที่รอคนมารับ ไม่หนำใจเอามาอ่านต่อที่เรือ กว่าจะหาเวลามาเขียนก็ต้องรอร่างและวิญญาณเข้าสิง ช่วงนี้งานเข้าทุกวันฮ่ะ
ชาน่า
  เมื่อพบแล้วย่อมมีพราก เมื่อเจอแล้วจำต้องจาก พรหมลิขิตบันดาลให้เราพบกัน แต่เมื่อถึงเวลาที่เราต้องไปตามทางชีวิตของใครของมัน ... เรากำหนดชีวิตของใครไม่ได้
ชาน่า
“สวยเลือกได้” เป็นคำที่หลายคนมั่นใจกล่าวกันว่าตัวเอง รูปงามเลิศประเสริฐศรี ทั่วปฐพีไม่มีใครเหมือน มักจะเป็นฝ่ายเลือกเสมอ แต่ในความหมายนี้เข้าใจโดยทั่วไปของชาวเราคือ สวยซะอย่างเลือกผู้ชายได้ ประหนึ่งว่าหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง อยากได้ใครก็ได้ ไม่ต้องจ่ายตังค์  
ชาน่า
กลับมาอีกครั้งกับรายการเรียลลิตี้ฟอร์มยักษ์ “ซูเปอร์สตาร์” ที่สุดแห่งดาว ซีซั่น 2 แฟนตาซี เวิลด์ หลังจากประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดีเมื่อปีที่แล้ว การกลับมาคราวนี้ของบรรดาเหล่าซูเปอร์สตาร์ทั้งสิบคน โดยหนึ่งในนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเพื่อนพ้องของคนในวงการสีม่วงของเรา หากเอ่ยนามแล้วคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก “น้องตุ้ม ปริญญา” โดยส่วนตัวแล้วน้องตุ้มเป็นรุ่นน้องที่น่ารักคนหนึ่งเราเริ่มรู้จักกันที่ผับแห่งหนึ่งและก็ “อู้” ภาษาเหนือเดียวกัน หลังจากนั้นพอชาน่าได้ออกหนังสือ เรื่อง “ใช่ว่าจะดอก...ท้อ” จึงขอให้น้องตุ้มร่วมเขียนคำให้กำลังใจ…
ชาน่า
เจ้าข้าเอ้ยยยย !!! แรงได้อีก..ข่าวสะท้อนสังคม สะท้านการกระทำ เย้ยกฏหมายบ้านเมือง เรื่องความปลอดภัยของเพศทางเลือก ... อีกแล้วเหรอเนี่ย ? สยองขนพองไปหลายเพลาเชียวชาวเราเอ้ยยยยย...
ชาน่า
“มวยตั้งกรรมการสอบวรพจน์ถ่ายนู๊ดลงนิตยสารเกย์ ทำเสียภาพพจน์ฮีโร่ มีเจตนาไล่พ้นทีมชาติ” จั่วหัวข้อข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง พร้อมด้วยบทสัมภาษณ์ของนายกสมาคมฯ  
ชาน่า
เป็นเรื่องเป็นราวเป็นข่าวเสมอ ทั้งการต่อสู้ เรียกร้องเพื่อสิทธิและสู้เพื่อกลุ่มเกย์ คราวนี้เป็นเรื่องเดิมที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เหตุจากคุณเกย์นที ซึ่งเป็นเกย์การเมืองไทย และเลขาธิการกลุ่มเชียงใหม่อารยะ ได้ถูกปฎิเสธ จากการทำประกันกับธนาคารชื่อดังที่ได้รับความไว้วางใจจากมหาชนกว่าร้อยปี
ชาน่า
ชาน่าได้อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์อันเกี่ยวข้องกับกลุ่มรักเพศเดียวกันแล้วรู้สึกถึงการเข้าอกเข้าใจและมองถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อสังคมเมืองไทยของเรา
ชาน่า
หลังจากงานโชว์อลังของป้าเดย์ ฟรีแมนเมื่อคราวที่แล้วเพิ่งจบไปหมาด ๆ แต่เสียงการตอบรับอย่างท่วมท้น ทำให้หลายคนพลาดไป และอีกหลายคนอยากชม พวกเค้าและเธอจึงฮึดขอ "ฮากระจายอีกครั้งกับการกลับมาของ ละครเวทีเปรี้ยวซ่าก๋ากั่น" โดยใช้ชื่อการโชว์ครั้งนี้ว่า "Return of the Last Day Show: Will I survive?" ซึ่งเป็นละครเวที ผสมกับมิวสิคัล ทั้งร้อง ทั้งเต้น เน้นจิกกัด กับมุกใหม่ ฮาใหญ่ ไม่ซ้ำใคร โดยเดย์ ฟรีแมน นางโชว์มือหนึ่งของเมืองไทย และไข่มุก เพื่อนสาวสุดจี๊ด ปรี๊ดปรอทแตก พวกเค้าจะกลับมาตีแผ่ชีวิตหลังม่านนางโชว์ ที่จะเรียกเสียงหัวเราะของคุณทุกๆ นาที
ชาน่า
  ได้รับเมล์จากทางทีมงานโครงการหนังสั้นแล้ว เก็บไว้ไม่ไหว ขอจ่อคิวลงคอลัมน์ของชาน่าก่อนที่จะถึงวันหนังเกย์ จะฉายค่ะ   หากช่วงนี้ คุณว่าง ๆ หรืออยากไปดูหนัง ฟังเพลง ชาน่าขอแนะนำอีกหนึ่งโครงการที่คุณไม่ควรพลาด นั่นคือ “เทศกาลหนังสั้น ครั้งที่ 13”   ซึ่งทางทีมงานเค้าบอกว่าหลังจากที่ปีที่แล้ว ประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับการประเดิมทำโปรแกรม Queer Shorts ครั้งที่หนึ่ง ในปีนี้เทศกาลหนังสั้นครั้งที่ 13 ก็ขอตอกย้ำความสำเร็จด้วยโปรแกรม Queer Shorts อีกครั้ง โดยในปีนี้จะเน้นไปที่หนังที่พูดเรื่องความสัมพันธ์แบบลักเพศ (Queer Relations) ซึ่งประกอบไปด้วย หนังสั้น 5 เรื่องจาก 5…
ชาน่า
วันก่อนได้คุยกับเพื่อนชาวต่างชาติ เค้าแนะนำให้ชาน่าไปหาอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Prayers for Bobby ซึ่งมีการนำหนังสือเล่มนี้มาทำเป็นหนังทีวีด้วย ด้วยความที่อยากรู้ จึงเสาะแสวงหา ค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือและหนังเรื่องนี้ โดยชาน่าคิดว่ามันน่าจะเป็นตัวอย่างของสมาชิกภายในครอบครัวในทุกสังคมได้ดี ไม่ว่าจะเป็นสังคมนั้นจะนับถือศาสนาใด จะมีความเคร่งครัด ระเบียบจัดแค่ไหน
ชาน่า
ภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติของเราที่มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ของปู่ ย่าของย่า ตายายสมัยโบราณ วันนี้ชาน่าอยากนำคำศัพท์ สำนวน ภาษาเฉพาะที่ใช้เรียกและสื่อสารกันระหว่างชาวรักเพศเดียวกัน เผื่อใครหลายคนสนใจ หรือใคร่รู้ เคยได้ยิน เคยผ่านหู ผ่านตา อยากศึกษา(นอกตำราเรียน) ลองเปิดพจนานุกรม(เกย์) ฉบับเพื่อนส่งให้เพื่อนนี้ได้ ไม่เสียหลาย หากคำบางคำยากยิ่งซึ่งจักเข้าใจ หรือหยาบโลนบ้างไม่มากก็น้อยก็ต้องขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย ไม่ได้มีเจตนาจะชักภาษาให้เสีย แต่เป็นแค่ภาษาที่ใช้สนทนากันเฉพาะกลุ่มเท่านั้นเอง คำบางคำ ต้องขอบอกว่า "คิดได้ไง" อ่านแล้วก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ ถือว่าเป็นภาษาเพื่อจรรโลงใจละกันฮ่ะ...