Skip to main content

หมวด ธาปลือลอ ได้เริ่มถูกขับขาน ซึ่งเป็นหมวดที่ว่าด้วย การจากไปสู่ปรโลก ซึ่งปกติแล้วก่อนที่คนจะตายมักมีลางสังหรณ์ปรากฎแก่คนใกล้ชิดหรือคนรอบข้างเสมอ นั่นหมายความว่าถึงเวลาของผู้ตายแล้ว เวลาแห่งความตายนั้นย่อมมาถึงทุกคน เพราะฉะนั้นก่อนตายควรทำความดีหรือทำคุณประโยชน์ให้เกิดแก่แผ่นดินถิ่นเกิดที่เราอาศัยอยู่ตอนมีชีวิตให้มากที่สุด เมื่อลางสังหรณ์มาถึงเราจะได้จากอย่างหมดทุกข์หมดห่วง ตัวอย่าง ธา หมวดนี้เริ่มต้นดังนี้


มี หม่อ เคลอ ฮะ เหน่ อะ เด                 มีหม่อ คอ ฮะ เหน่ อะ เด

เต่อ เหม่ เคลอ ฮะ เหน่ อะเด                ต่า เต่อ จื่อ เดอ หนี่ เดอ เช ฯ....


ฝันว่ากิ่งโพธิ์ละทิ้งต้น                          ฝันว่ากิ่งไทรได้จากต้น

แท้จริงโพธิ์ ไทร ยังอยู่ดี                      มีผ้าคนตายถูกแขวนในบ้าน


จากนั้นจะต่อด้วย ธา หมวด เชอเกปลือ หรือส่งวิญาณผู้ตาย ธาหมวดนี้เป็นการชี้ให้ผู้ตายเห็นว่าสิ่งที่ได้ทำลงไปในตอนที่มีชีวิตอยู่นั้น ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตในโลกหลังความตายด้วย เพราะชีวิตหลังความตายต้องไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่เรียกว่า โลกปลือ ชีวิตหลังความตายจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับการกระทำตอนที่มีชีวิตอยู่บนโลกของคนเป็น หากทำดีตอนมีชีวิตอยู่กลับไปที่โลกปลือชีวิตจะสบาย หากทำชั่วหรือสร้างกรรมไว้มากก็ต้องกลับไปรับผลแห่งกรรมที่โลกปลือเช่นกัน นอกจากบอกคนตายแล้วยังเตือนคนเป็นที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยว่า มีโลกหลังความตายแน่นอน ดังบทธา ที่ว่า


เชอ เก ปลือตือที ฉ่าปู                         ที โมโตร เจะ หล่อ ฉื่อ ทู

เชอ เกปลือ ตือ ฮี่ โด โจะ                     หน่า ฮู ปลือชอ เอาะ โอโจะ ฯ....


ส่งวิญญาณผู้ตายถึงขุนห้วย                   พบรางน้ำเงินหินซักผ้าทอง

ส่งวิญญาณผู้ตายถึงริมหมู่บ้าน               ยินเสียงไก่ขันแว่วดังมา


จากนั้นต่อด้วย ธา หมวดฉ่อลอ เป็นหมวดที่ว่าด้วยการฝากของที่ระลึกให้ผู้ตาย เพื่อเป็นการย้ำอีกทีว่าคนเราตายแล้วไม่สามารถเอาอะไรกลับไปสู่โลกปลือได้เลย การสะสมสิ่งของหรือทรัพย์สินตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีความหมายในโลกปลือ และอีกอย่างเป็นการบอกผู้ตายว่าไม่ต้องห่วงและไม่ต้องยึดติดกับทรัพย์สินบนโลก เพราะในโลกปลือเองก็มีสิ่งเหล่านั้นสมบูรณ์เพียงพออยู่แล้ว และคนเป็นบนโลกก็จะส่งสมทบให้ด้วย ดังคำธาที่ว่า


ฉ่อ ลอ เหน่ ปลือ อะ ส่า สุย                   ชุ ญ่า โอะ เก่อ แน โข่ ที

ฉ่า ลอ เอะ ปลือ อะ ส่า ฮอ                    ชุ ญา โอะ แกวะ เอะ แกวะ จอ ฯ....


ฝากส้มเขียวหวานให้โลกปลือ                 ต่อไปจะพบน้ำผึ้งหวาน

ฝากผลส้มโอไปให้โลกปลือ                   ต่อไปจะพบน้ำมิ้นหวาน


หลังจากฝากของให้ผู้ตายแล้ว ต้องมีการเรียกสติของคนเป็นกลับมา ให้ขวัญของคนเป็นกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว อย่าได้ไปอยู่กับผู้ตาย เพื่อเป็นการตัดความผูกพันของขวัญออกจากผู้ตาย ด้วยเหตุนี้ในงานศพจะไม่อนุญาตให้เด็กทารก คนที่เจ็บป่วย และหญิงตั้งครรภ์ ไปร่วมงาน เนื่องจากคนกลุ่มนี้กำลังอยู่ในช่วงที่ขวัญอ่อน หากไปร่วมงานอาจทำให้ถูกขวัญของผู้ตายชักชวนไปอยู่ด้วยได้ง่าย ธาหมวดนี้มักมีการเริ่มต้นดังนี้


ปลือ เหม่ ลอนา เลอ อะ พอ                   หน่อ โค เหน่อ พอ โอะ ปอ ปอ

ปลือ เหม่ ลอ นา เลอ อะ ควา                  หน่อ โค หน่อ ควา โอะ อา อา ฯ....


หากปลือล่อเจ้าด้วยดอกไม้                     ดอกไม้บนโลกของเจ้ามีอยู่เหลืองอร่าม

หากปลือหลอกเจ้าด้วยชายหนุ่ม               บนโลกมีชายหนุ่มมากมาย


เมื่อขวัญของคนเป็นเริ่มกลับมาแล้ว บทธาจึงเปลี่ยนเรื่องราว เพื่อขยับมาที่ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อชี้ให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่เห็นว่า คนตายได้เสร็จสิ้นภารกิจบนโลกแล้ว ที่เราเห็นอยู่ข้างหน้าเป็นเพียงร่างที่ไร้มิ่งไร้ขวัญ แต่ที่สำคัญคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องดำรงชีวิตอยู่บนโลกต่อไป ซึ่งคนปกาเกอะญอเรียกโลกว่า “ห่อ โข่ เคลอ” แปลว่า ที่แห่งการร้องไห้ นั่นหมายความว่า คนจากไปย่อมสบายกว่า แต่คนที่ยังอยู่ต้องดิ้นรนต่อ ต้องฝ่าฟันและเผชิญกับการร้องไห้ต่อไป ธาหมวดนี้เรียกว่า หมวดธาชอเต่อแล หรือธา เปลี่ยนสู่เรื่องราวทางโลก ดังตัวอย่างธาต่อไปนี้


โกละ โปะ อะ ค อเหม่ เก่อ ชอ                 ต่า ซี อะ คอ หน่อ เดอจอ

โกละ โปะ อะ คอ เก่อ ชอ พา                  ต่า ซี อะ คอ นา เดอ ยา

มา โอะ ปลือ อะ คอ วี ลี                         หน่อ เดอ จอ อะ คอ โอะ ดิ

มา โอะ ปลือ อะ คอ วี มะ                        อะ คอ โอะ ดิ นา เดอ ยา


ส่วนท้ายของฆ้องกบมีสัญลักษณ์เป็นช้าง     มนุษย์ตายเป็นสัญลักษณ์ของสัจจะธรรม

ช้างอยู่คู่กับฆ้องกบ                                 ความตายอยู่คู่เธอกับฉัน

งานของผู้ตายเสร็จสิ้นแล้ว                        แต่งานของหนุ่มสาวยังมี

เรื่องของผู้ตายเป็นความหลัง                     ข้างหน้าคือเรื่องเธอกับฉัน


บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
การนอนและนอนอย่างเดียวในรถตู้ไม่ใช่เรื่องง่าย  บางทีปวดฉี่ บางครั้งปวดหลัง ทุกครั้งที่รถแวะจอดเติมน้ำมันหรือแวะทำอะไร ผมก็มักจะตื่นด้วยทุกครั้ง  จนได้รับการต่อว่าจากคนที่นั่งมาด้วยกันด้วยความเป็นห่วงว่าผมจะรับช่วงการขับรถต่อได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ชิ สุวิชาน
คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่คนฟังเพลงเป็นคนไทย แต่ที่พิเศษกว่าที่อื่นเนื่องจากคนไทยเป็นคนจัดงานกันเอง เป็นการจัดงาน ”Thai Festival in Texas” ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการจัดปีละครั้ง ทุกๆปีจะจัดในเดือนเมษายน แต่ปีนี้มาจัดกันในเดือนกันยายนเนื่องจากต้องการให้กิจการทัวร์ ของ Himmapan 2nd world เป็นจุดเด่นของงานในปีนี้ ภายในงานมีการขายอาหาร เสื้อผ้า ของไทย มีการจัดซุ้มนวดแผนไทยมาบริการ
ชิ สุวิชาน
จาก Houston มุ่งสู่ Dallas ระหว่างทางผมได้มีโอกาสเป็นสารถีอีกครั้ง ระหว่างทางที่ขับรถอยู่ผมก็เหลียวซ้ายและขวาบ้าง ผมเห็นตัวที่อยู่ข้างทาง วัวก็ไม่ใช่ ควายก็ไม่เชิง เมื่อเดินทางมาถึงDallas ที่ หมาย ซึ่งมีพี่น้องคนไทยรอรับ จัดแจงที่อยู่ที่กินเป็นอย่างดี “ที่นี่ มีคนปกาเกอะญอไหมครับ?” เป็นคำถามแรกที่ผมถามที่ Dallas
ชิ สุวิชาน
วันนี้ผู้หญิงได้รับอนุญาตให้ไปเดินซื้อของที่ Outlet ส่วนผู้ชายหลังจากทานอาหารเช้า ต้องเดินทางไปติดตั้งเครื่องเสียงเพื่อเล่นในเย็นวันนี้
ชิ สุวิชาน
หัวค่ำ พี่แพท นายกสมาคมไทย เท็กซัส พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีน  ภายในร้านมีคนเอเชียจากหลายประเทศ ทั้ง สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ลาว เวียดนาม รวมทั้งพี่ไทย  แต่ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาอังกฤษคุยกันยกเว้นคนเวียดนามที่ไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษในร้านนอกจากพูดภาษาของตนเอง 
ชิ สุวิชาน
การเริ่มต้นใหม่ หลังจากที่สังคยานาดำเนินขึ้น จุดหมายวันนี้อยู่ที่ร้าน Home plate grill เป็นร้าน sport club ของคนไทย ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสนามเบสบอลทีม Houston Astros ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม ทางคณะทีมงานได้ไปเชิญชวนแฟนๆเบสบอลมาฟังดนตรีก่อนเกมจะเริ่ม ทำให้ในร้านเริ่มมีคนทยอยเข้ามา บ้างมานั่งดื่มก่อนเข้าไปดูเกมในสนาม บ้างเข้ามาซื้อเพื่อไปดื่มในสนาม
ชิ สุวิชาน
ข้าวเย็นมื้อหนักจบลง ตัวแทนสมาคมไทย-เท็กซัส ได้พาคณะไปที่พักผู้หญิงพักที่บ้านคนไทย ผู้ชายพักที่วัดไทยที่อยู่ใกล้ๆ ชื่อ”วัดป่าศรีถาวร” ซึ่งมีที่พัก มีห้องน้ำที่อยู่ในขั้นสะดวก พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่นี่เป็นกันเองนอกจากบริการที่พักแล้ว ยังให้ข้าวปลาอาหารให้ทานอีกเล่นเอาทีมงานผู้ชายต่างซึ้งไปตามๆกัน
ชิ สุวิชาน
สายๆของวันที่ 20 กันยา เราเดินทางออกจาก Austin ต่อไปเมือง Houston มีกำหนดการเล่นบ่ายสามโมงถึงห้าโมงเย็น เมื่อเดินทางไปถึงสถานที่เล่น ตัวแทนจากสมาคมไทย-เท็กซัส ได้มาต้อนรับและพาไปดูเวทีซึ่งเป็นที่คล้ายตลาดสดหรือตลาดนัดที่เมืองไทย มีอาหาร เสื้อผ้า ของเล่น รูปร่างหน้าตาและสัดส่วนรูปร่างของคนแถวนี้ใกล้เคียงเมืองไทย เพียงแต่ไม่พูดภาษาไทย พูดภาษาสเปนมากกว่าภาษาอังกฤษ
ชิ สุวิชาน
ออกจากพิพิธภัณฑ์ Alamo เราออกเดินทางต่อไปยัง Austin ระหว่างทางแวะทานข้าวที่ร้านอาหารไทย ผมไม่ทิ้งโอกาสที่จะถามหาคนในเผ่าพันธุ์ของผม
ชิ สุวิชาน
การเดินทางยังดำเนินต่อ บทเพลงในรถยังเป็นเพื่อน มีทั้งเพลงที่ดัง มีทั้งเพลงไม่ดัง บางเพลงเคยได้ฟังมาบ้าง บางเพลงไม่เคยรู้จัก “เพลงที่ดังกว่า ไม่ได้ดีกว่าเสมอไป คนที่ดังกว่าไม่ได้เก่งกว่าเสมอไป” ทอด์ดสรุปให้ฟัง “แต่อย่างผมไม่ดัง และไม่เก่งด้วย” ผมสรุปของผมในใจ
ชิ สุวิชาน
มีเวลาพัก หลังจากเล่นที่ Thai Thani Resort  วันหนึ่งได้มีโอกาสไปพายเรือเล่นที่ทะเลสาบระยะทางประมาณชั่วโมงเศษจากสแครนตั้น  รุ่งเช้า ออกเดินทางจากสแครนตั้นมุ่งสู่ตอนใต้ของอเมริกา เป้าหมายอยู่ที่ Texas ระยะทางเกือบสองพันไมล์ ขบวนรถตู้สามคัน บรรทุกทีมงานยี่สิบกว่าชีวิตพร้อมอุปกรณ์เครื่องเสียง เครื่องดนตรี เดินทางเต็มที่วันแรกจนตีสอง ทุกคนยอมแพ้ทั้งคนขับและคนนั่ง ถ้าเครื่องดนตรีและเครื่องเสียงพูดได้ ก็คงขอพักเช่นกัน จึงค้างกันที่เมือง Bristol รัฐ Tennessee
ชิ สุวิชาน
หลังคอนเสริตจบลงที่นิวยอร์ก เราเดินทางกลับสแครนตันในคืนนั้นเลย กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสี่ ทำให้หลังจากถึงที่นอนไม่เกินห้านาที เสียงกรนจากรอบข้างเริ่มดังขึ้น เหมือนมีการเปิดคอนเสริตประสานเสียง มีทั้งเสียงเบส เทนเนอร์ อัลโต โซปราโน ครบครัน กว่าผมจะหลับได้เล่นเอาฟังจนอิ่ม