Skip to main content

แม้ว่าฤดูเกี่ยวข้าวมาถึงแล้วแต่ฝนยังคงโปรยปรายลงมาอยู่ คนทำนาได้แต่ภาวนาว่าขออย่าตกตอนตีข้าวก็แล้วกัน เพราะฝนตกตอนตีข้าวนั้นมันยิ่งกว่าค่าเงินลอยตัวเสียอีก


ผมเตรียมตัวกลับบ้านอีกครั้งเพื่อกลับไปเกี่ยวข้าว ผืนนาที่เคยวิ่งเล่นตอนเด็กๆกวักมือเรียกผมจากเมืองคืนสู่ทุ่งข้าวเหลืองอีกฤดู ซึ่งก็ได้จังหวะพอดีที่พ่อผมลงมาทำธุระที่เชียงใหม่ ทำให้ผมได้อาศัยรถของพ่อในการกลับครั้งนี้


มีม้วนเทป ให้ฟังบ้างมั้ย พ่อจะเก็บเอาไปฟังในรถ” พ่อถามผมก่อนออกจากเชียงใหม่ ผมจึงต้องเดินกลับเข้าห้องเพื่อกลับไปค้น ม้วนเทปที่เก็บไว้แล้วคัดเลือกเอาม้วนที่คิดว่าน่าจะเหมาะสมกับพ่อ เพลงปกาเกอะญอบ้าง เพลงฝรั่งบ้าง จนถึงเพลงไทย ผมสายตาผมจึงมาหยุดอยู่ที่ปกเทปสีม่วง ชื่ออัลบั้ม “เพลงใต้ถุนบ้าน” โดย สุวิชานนท์ รัตนภิมล หน้าปกมีรูปน้องพอวา ลูกสาวพี่นนท์ รวมอยู่ด้วย ผมเลือกเทปม้วนนี้เพราะส่วนหนึ่งพ่อของผมกับพี่นนท์นั้นรู้จักกันมานาน แต่พ่อผมยังไม่ได้ฟังเพลงชุดใต้ถุนบ้านของพี่นนท์เลย


หลังจากเลือกม้วนเทปได้เลยผมจึงบอกให้พ่อออกเดินทาง โดยที่ผมอาสาทำตัวเป็น ดีเจ ในรถ ให้กับพ่อซึ่งเป็นพลขับ เพลงต่างๆในอัลบั้ม เพลงจากใต้ถุนบ้าน ค่อยๆถูกเปิดตั้งแต่หน้า A เพลงฝนเดือนกันยา เพลงบูโหลน เพลงจันทร์แหว่ง เพลงบ้านน้อยในป่าใหญ่ เพลงร้องเพลงใต้ถุนบ้าน จนกลับด้านหน้าม้วนเทปเป็นหน้า B ที่เริ่มต้นด้วยเพลงรำตง ต่อด้วยเพลงดาระอั้ง และก็มาถึงเพลงอีกเพลงซึ่งผมรู้สึกว่าไม่เคยได้ยินพี่นนท์ร้องที่ไหนมาก่อนเลย แต่ผมกลับรู้สึกคุ้นๆกับเนื้อเพลงของเพลงนี้


*”ตะโกนใบไม้ทุกใบอย่าเปิดทาง ให้ความมืดยาวนานแดดอย่ามา

ให้สายน้ำกลั้นใจหยุดไหลอย่าไปเลย เธออย่าไปเลย

ในวันเธอสาวเธอสวยอยู่ป่าดอย ดอกไม้งามยังคอยจ้องมองเธอ

ลายผ้าทอมือหลากสีห่มตัวเธอ เธอถักทอเอง

วันคืนล่วงเลยผ่าน ไข้ป่ามาเกาะกินเธอ ละเมอเพ้อข้างกองฟืนหยิบยาต้มรากไม้

อีกคืนที่ลมหนาวใกล้ผ่านรับเธอไป บ้านนองน้ำตา

เส่อเล.....เส่อเล...... อือ.......อือ.............

เส่อเล....อือ.......... อือ........อือ............”



น้องนนท์ เอาเพลงจากธาบลือมาทำเป็นเพลง” พ่อผมบอกกับผมขณะที่กำลังขับรถอยู่ ธาบลือ ซึ่งเป็นธาสำหรับคนตาย พี่นนท์รู้หรือไม่รู้? และทำไมไม่เคยได้ยินพี่นนท์นำเพลงนี้ไปร้องที่ไหนเลย? ยังเป็นคำถามที่ค้างอยู่ในใจผม แม้ว่าบทเพลงอื่นที่เปิดในรถยนต์จะมาแทนที่แล้วก็ตาม


เราเล่นดนตรีเป็นฤดูกาล” เป็นคำพูดที่พี่นนท์เคยบอกกับผม หมายความว่าในการเล่นดนตรีของพวกเราจะเปิดเทอมใหญ่ในช่วงหน้าหนาวไปจนถึงหน้าร้อน ในส่วนหน้าฝนนั้นจะเป็นฤดูกาลเพาะปลูกของชุมชนทำให้กิจกรรมงานรื่นเริงในชุมชนมีน้อย ถือเป็นฤดูกาลสำหรับการสร้างงาน


อาจเป็นด้วยเหตุนี้ ทำให้เวลาในการนัดหมายพูดคุยกันกว่าจะลงใช้ต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากเดือนพฤศจิกายนเป็นฤดูเริ่มต้นในการตระเวนเล่นดนตรีแล้ว หากพี่นนท์ว่างผมกลับไม่ว่าง หากผมว่างพี่นนท์กลับไม่ว่าง สลับสับเปลี่ยนอย่างนี้หลายยก จนต่างคนต่างว่าง นั่นหมายความว่าเป็นช่วงที่ไม่มีใครเชิญไปที่ไหนนั่นเอง


พี่ได้ฟังเรื่องราว เส่อเล ครั้งแรกจากพี่ลีซะ” พี่นนท์เริ่มต้นเล่าที่มาที่ไปของเพลงให้ผมฟัง


เส่อเล เป็นเรื่องราวของผู้หญิงสาวปกาเกอะญอที่เสียชีวิตก่อนที่จะได้แต่งงาน เมื่อหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานตาย จะมีการแขวนเสื้อผ้าของเขา ณ ตรงปากทางเข้าหมู่บ้าน เสื้อผ้าของผู้ตายจะถูกตากไว้เต็ม ในเวลาที่ตะวันใกล้ตกดินนั้น แสงอาทิตย์จะส่องมาที่เสื้อผ้าที่ถูกแขวนเหล่านนั้นแลดูแวววาว จนดูแล้วทำให้ใจหวิวๆ

พี่ได้ยินเรื่องราวแล้ว พี่รู้สึกว่ามันติดอยู่ในหัวพี่ จนพี่นำมาเขียนเป็นเพลงโดยใช้ตัวละครผ่านเส่อเล แต่เขียนไปเขียนมาพี่เขียนไม่จบ พี่เลยค้างไว้”


เมื่อเพลงที่เขียนไว้ค้างอยู่ พี่นนท์จึงแสวงหาข้อมูลเพิ่มจากคนที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของเส่อเล โดยเฉพาะคนใกล้ตัว ฉะนั้นเมื่อเจอพาตี่ทองดี พี่นนท์จึงไม่ทิ้งโอกาส


พี่ทองดี ผมกำลังเขียนเพลงค้างไว้ เกี่ยวกับเรื่องของเส่อเล พี่พอมีบทเพลงธา ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างมั้ย?” การเก็บข้อมูลเพลงเริ่มขึ้นอีกครั้ง


มี แต่พูดตอนนี้ไม่ได้!! เพราะเรากำลังนั่งรถอยู่ จะให้พูดก็ไม่ได้ ร้องก็ไม่ได้” พาตี่ทองดีตอบ

เค้าห้ามพูดในบ้าน ห้ามร้องในบ้าน” พาตี่ทองดีย้ำอีกครั้ง แต่ด้วยความอยากรู้พี่นนท์ก็หว่านล้อมพาตี่ทองดีจนแกเริ่มใจอ่อน


เอาจริงนะน้องนนท์ ขับรถดีดีนะ” พาตี่ทองดียอมทำตามความอยากรู้ของพี่นนท์


บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
การนอนและนอนอย่างเดียวในรถตู้ไม่ใช่เรื่องง่าย  บางทีปวดฉี่ บางครั้งปวดหลัง ทุกครั้งที่รถแวะจอดเติมน้ำมันหรือแวะทำอะไร ผมก็มักจะตื่นด้วยทุกครั้ง  จนได้รับการต่อว่าจากคนที่นั่งมาด้วยกันด้วยความเป็นห่วงว่าผมจะรับช่วงการขับรถต่อได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ชิ สุวิชาน
คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่คนฟังเพลงเป็นคนไทย แต่ที่พิเศษกว่าที่อื่นเนื่องจากคนไทยเป็นคนจัดงานกันเอง เป็นการจัดงาน ”Thai Festival in Texas” ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการจัดปีละครั้ง ทุกๆปีจะจัดในเดือนเมษายน แต่ปีนี้มาจัดกันในเดือนกันยายนเนื่องจากต้องการให้กิจการทัวร์ ของ Himmapan 2nd world เป็นจุดเด่นของงานในปีนี้ ภายในงานมีการขายอาหาร เสื้อผ้า ของไทย มีการจัดซุ้มนวดแผนไทยมาบริการ
ชิ สุวิชาน
จาก Houston มุ่งสู่ Dallas ระหว่างทางผมได้มีโอกาสเป็นสารถีอีกครั้ง ระหว่างทางที่ขับรถอยู่ผมก็เหลียวซ้ายและขวาบ้าง ผมเห็นตัวที่อยู่ข้างทาง วัวก็ไม่ใช่ ควายก็ไม่เชิง เมื่อเดินทางมาถึงDallas ที่ หมาย ซึ่งมีพี่น้องคนไทยรอรับ จัดแจงที่อยู่ที่กินเป็นอย่างดี “ที่นี่ มีคนปกาเกอะญอไหมครับ?” เป็นคำถามแรกที่ผมถามที่ Dallas
ชิ สุวิชาน
วันนี้ผู้หญิงได้รับอนุญาตให้ไปเดินซื้อของที่ Outlet ส่วนผู้ชายหลังจากทานอาหารเช้า ต้องเดินทางไปติดตั้งเครื่องเสียงเพื่อเล่นในเย็นวันนี้
ชิ สุวิชาน
หัวค่ำ พี่แพท นายกสมาคมไทย เท็กซัส พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีน  ภายในร้านมีคนเอเชียจากหลายประเทศ ทั้ง สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ลาว เวียดนาม รวมทั้งพี่ไทย  แต่ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาอังกฤษคุยกันยกเว้นคนเวียดนามที่ไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษในร้านนอกจากพูดภาษาของตนเอง 
ชิ สุวิชาน
การเริ่มต้นใหม่ หลังจากที่สังคยานาดำเนินขึ้น จุดหมายวันนี้อยู่ที่ร้าน Home plate grill เป็นร้าน sport club ของคนไทย ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสนามเบสบอลทีม Houston Astros ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม ทางคณะทีมงานได้ไปเชิญชวนแฟนๆเบสบอลมาฟังดนตรีก่อนเกมจะเริ่ม ทำให้ในร้านเริ่มมีคนทยอยเข้ามา บ้างมานั่งดื่มก่อนเข้าไปดูเกมในสนาม บ้างเข้ามาซื้อเพื่อไปดื่มในสนาม
ชิ สุวิชาน
ข้าวเย็นมื้อหนักจบลง ตัวแทนสมาคมไทย-เท็กซัส ได้พาคณะไปที่พักผู้หญิงพักที่บ้านคนไทย ผู้ชายพักที่วัดไทยที่อยู่ใกล้ๆ ชื่อ”วัดป่าศรีถาวร” ซึ่งมีที่พัก มีห้องน้ำที่อยู่ในขั้นสะดวก พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่นี่เป็นกันเองนอกจากบริการที่พักแล้ว ยังให้ข้าวปลาอาหารให้ทานอีกเล่นเอาทีมงานผู้ชายต่างซึ้งไปตามๆกัน
ชิ สุวิชาน
สายๆของวันที่ 20 กันยา เราเดินทางออกจาก Austin ต่อไปเมือง Houston มีกำหนดการเล่นบ่ายสามโมงถึงห้าโมงเย็น เมื่อเดินทางไปถึงสถานที่เล่น ตัวแทนจากสมาคมไทย-เท็กซัส ได้มาต้อนรับและพาไปดูเวทีซึ่งเป็นที่คล้ายตลาดสดหรือตลาดนัดที่เมืองไทย มีอาหาร เสื้อผ้า ของเล่น รูปร่างหน้าตาและสัดส่วนรูปร่างของคนแถวนี้ใกล้เคียงเมืองไทย เพียงแต่ไม่พูดภาษาไทย พูดภาษาสเปนมากกว่าภาษาอังกฤษ
ชิ สุวิชาน
ออกจากพิพิธภัณฑ์ Alamo เราออกเดินทางต่อไปยัง Austin ระหว่างทางแวะทานข้าวที่ร้านอาหารไทย ผมไม่ทิ้งโอกาสที่จะถามหาคนในเผ่าพันธุ์ของผม
ชิ สุวิชาน
การเดินทางยังดำเนินต่อ บทเพลงในรถยังเป็นเพื่อน มีทั้งเพลงที่ดัง มีทั้งเพลงไม่ดัง บางเพลงเคยได้ฟังมาบ้าง บางเพลงไม่เคยรู้จัก “เพลงที่ดังกว่า ไม่ได้ดีกว่าเสมอไป คนที่ดังกว่าไม่ได้เก่งกว่าเสมอไป” ทอด์ดสรุปให้ฟัง “แต่อย่างผมไม่ดัง และไม่เก่งด้วย” ผมสรุปของผมในใจ
ชิ สุวิชาน
มีเวลาพัก หลังจากเล่นที่ Thai Thani Resort  วันหนึ่งได้มีโอกาสไปพายเรือเล่นที่ทะเลสาบระยะทางประมาณชั่วโมงเศษจากสแครนตั้น  รุ่งเช้า ออกเดินทางจากสแครนตั้นมุ่งสู่ตอนใต้ของอเมริกา เป้าหมายอยู่ที่ Texas ระยะทางเกือบสองพันไมล์ ขบวนรถตู้สามคัน บรรทุกทีมงานยี่สิบกว่าชีวิตพร้อมอุปกรณ์เครื่องเสียง เครื่องดนตรี เดินทางเต็มที่วันแรกจนตีสอง ทุกคนยอมแพ้ทั้งคนขับและคนนั่ง ถ้าเครื่องดนตรีและเครื่องเสียงพูดได้ ก็คงขอพักเช่นกัน จึงค้างกันที่เมือง Bristol รัฐ Tennessee
ชิ สุวิชาน
หลังคอนเสริตจบลงที่นิวยอร์ก เราเดินทางกลับสแครนตันในคืนนั้นเลย กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสี่ ทำให้หลังจากถึงที่นอนไม่เกินห้านาที เสียงกรนจากรอบข้างเริ่มดังขึ้น เหมือนมีการเปิดคอนเสริตประสานเสียง มีทั้งเสียงเบส เทนเนอร์ อัลโต โซปราโน ครบครัน กว่าผมจะหลับได้เล่นเอาฟังจนอิ่ม