Skip to main content


9_9_01
ภาพแสดงลักษณะของโลก Earth


มีคนพูดบ่อยๆ ว่า โลกของเราเล็กลงเรื่อยๆ แคบลงเรื่อยๆ

นั่นคงเพราะ เราสื่อสารกันง่ายขึ้น ทั้งทางโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต จะไปเรียนที่ไหน ทวีปใด เราก็ยังพูดคุยกันได้แทบทุกวัน เวลาเพื่อนคนไหนหายไปไม่ติดต่อกันนานๆ เผลอๆ ก็ไปเจอกันในเวบบล็อกหรือ ชุมชนออนไลน์ สักพักก็หาทางเจอกันจนได้

 

เราคงไม่คิดว่า วันหนึ่ง คำว่า “โลกเล็กลง” นั้นจะหมายถึง “โลกที่มีขนาดเล็กลงไปจริงๆ” เล็กกว่าที่เราเคยรับรู้ แม้เราจะจินตนาการได้ยากอยู่ว่าโลกของเรามันใหญ่โตขนาดไหน และมันจะสำคัญหรือเปล่าที่มันจะเล็กลง ใหญ่ขึ้น หดตัวหรือขยาย ซึ่งคงต้องขอบอกว่า มันก็สำคัญมากทีเดียวค่ะ

 9_9_02

ภาพจำลองขนาดของโลก เมื่ออยู่กับดาวอื่นๆ ภาพจาก 4to40.com


ในอดีต ใครได้ที่เรียนวิทยาศาสตร์ จะมีวิธีคำนวณขนาดของโลก ภายใต้สมมุติฐานที่ว่า 1. โลกมีสัณฐานเป็นทรงกลม 2.มีระยะห่างจากดวงอาทิตย์เยอะมาก 3.มีขนาดเล็กกว่าดวงอาทิตย์เยอะเลย และ 4. แสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องมาโลกเป็นแสงขนานซึ่งกันและกัน


ทั้งหมดนี้ทำให้เราทราบว่า ดวงตะวันอยู่สูงที่สุดจากขอบฟ้าคือเวลาเที่ยงตรง ถ้าปักเสาธงกลางแจ้งเงาธงก็จะสั้นที่สุด ด้วยการวัดเงายาวสั้นเหล่านี้ จนรู้ว่าพระอาทิตย์ห่างจากโลกเท่าไหร่ และคำนวณหารัศมีของโลกได้ออกมาเป็น 6378 กิโลเมตร ซึ่งเท่ากับว่าโลกมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12,756,274 กม.


 
ความยิ่งใหญ่ของโลกแม้จะมากแค่ไหน แต่ก็ยังเทียบเท่าพระอาทิตย์ไม่ได้ แถมเรายังต้องพึ่งพาพระอาทิตย์อยู่ตลอดเวลา เพราะเวลาโลกได้รับแสงแดด ก็จะเป็นกลางวัน ช่วงไหนไม่ได้รับแสงก็จะกลายเป็นกลางคืน กลางวันและกลางคืนนั้นยาวไม่เท่ากันทั้งปีเพราะแกนโลกเอียง ช่วงปลายปีฤดูหนาวขั้วโลกเหนือหันออกจากพระอาทิตย์เลยทำให้กลางวันสั้นกว่ากลางคืน ส่วนเดือนกันยายนเช่นตอนนี้ ขั้วเหนือใต้นั้นห่างเท่ากัน ทำให้กลางวันยาวเท่ากับกลางคืนพอดี


9_9_03
ภาพจำลองขนาดของโลก (Earth) เมื่ออยู่กับพระอาทิตย์(Sun) ภาพจาก 4to40.com



อย่างไรก็ตามที่เรารู้กันมาตลอดนั้น คือการคำนวณจากทฤษฎีในอดีต แต่ในยุคนี้ที่เทคโนโลยี
สามารถวัดขนาดของโลกได้แม่นยำเหมือนตาเห็น นักวิจัยได้ประกาศว่า จริงๆ แล้วโลกมีขนาดเล็กกว่าที่คิดไว้เยอะเลย นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับว่า ตอนนี้ โลกยังหดสั้นเข้าไปอีกจากที่วัดไว้เมื่อ
5 ปีก่อน ถึง 5

 

5 มิลลิเมตรเหมือนจะเล็กนิดเดียว เล็กกว่าปลายดินสออีก แต่นักวิทยาศาสตร์เขาบอกว่า ถ้าโลกเล็กกว่านี้อีกนิดเดียว เราก็อาจจะไม่มีที่อยู่ซะด้วยซ้ำ เพราะว่าการหดของโลกนี้ส่งผลรุนแรงต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ การระบุตำแหน่งสำคัญของดาวเทียมดวงต่างๆ ที่เคยทำหน้าที่วัดระดับน้ำขึ้นน้ำลงของทะเล ถ้าการคำนวณผิดพลาด การวัดระดับน้ำก็ผิดพลาดไปด้วย นั่นก็ทำให้เราคาดคะเนอะไรได้ยากขึ้นนั่นเอง



9_9_04
ภาพจำลองการคาดคะเน การหดตัวของโลก ที่มีขนาดเล็กลง ตั้งแต่ปี คศ.1900-2050



การหดตัวของโลกนั้นมีผลต่อภูมิอากาศ และการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ซึ่งมีคนตั้งข้อสังเกตว่า นอกเหนือจากภาวะโลกร้อนแล้ว ก้อนน้ำแข็งที่ละลายไปอย่างรวดเร็ว หรือปรากฏการณ์ที่ทะเลสาบ ทั่วโลกหายไปเฉยๆ ถึง
125 แห่ง นั้นอาจมากจากการบีบรัดตัวของโลกที่หดลงก็เป็นได้ รวมทั้งปรากฏการณ์อีกมากมายที่ตามมา เช่น น้ำทะเลมีมากขึ้น แผ่นดินไหว หรือการยุบตัวของผืนโลก



9_9_05
ประมวลภาพ โลกที่แสนบอบบาง จากเวบไซต์ www.asianoffbeat.com/



นับตั้งแต่ปีที่แล้ว หรือ
2007 เป็นต้นมา นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาเรื่องการหดตัวของโลกกันอย่างขมีขมัน โดยดูจากสถิติที่ผ่านมาและมีการคำนวณไปอนาคต ว่าในปี 2050 โลกก็จะเล็กกว่าที่เราคิดและเคยคำนวณจากเงาเสาธงไปเยอะทีเดียว


ตอนนี้นอกจากนักวิทยาศาสตร์แล้ว ชาวชุมชนออนไลน์อย่างในเวบไซต์
ww.xanga.comนั้นคิดกันเล่นๆ ว่าถ้าโลกหดลงไปอีกจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในจินตนาการ เช่นว่า มนุษย์จะถูกจำกัดให้เหลือน้อยลง เช่น จาก 100% ฝั่งเอเชียจะเหลือ 57 % ยุโรปเหลือ 21 % อัฟริกันจะเหลือแค่ 8% จะมีผู้หญิงเหลือ 52% ส่วนผู้ชายก็จะมี 48% คนขาวจะเหลือแค่ 30% และผู้คนแค่ไม่กี่ส่วนจะครอบครองพื้นที่โลกถึง 59%


ปิดท้ายด้วยการอ่านคำทำนายของนอสตราดามุสเกี่ยวกับโลกหดตัวของนอสตราดามุส ที่บอกบอกเอาไว้ในคำพยากรณ์ว่า “บัดนี้โลกเล็กลงกว่าเดิม จะมีสันติภาพเป็นเวลานาน ประชากรเพิ่มขึ้น ผู้คนท่องเที่ยวได้โดยตลอด แต่สงครามจะก่อหวอดขึ้นอีกครั้ง”


ข้อมูลอ้างอิง

www.creationscience.com
www.astropt.org
www.xanga.com

www.news.bbc.co.uk

http://www.doodaw.com

http://hvo.wr.usgs.gov/

www.imagineeringezine.com

www.asianoffbeat.com/CrazyPictures/Fragile-Earth.jpg


บล็อกของ dinya

dinya
หลายวันก่อนผู้เขียนเถียงกันเล่นๆ กับเพื่อน เรื่อง "ดวงตาของควาย" ที่บอกว่ามันตื่นกลัวสีแดงเป็นพิเศษ สามารถตกมันได้เหมือนช้าง เวลาเห็นสีแดงจัดๆ ในอากาศร้อนๆ แต่อีกคนบอกว่าไม่จริงเลย ควายน่ะมองเห็นทุกอย่างแค่สีขาวดำ ก็เลยมีมุกขำๆ กันเล่นว่า "แล้วเคยเป็นควายด้วยเหรอ" :P จะว่าไปแล้วเรื่องนี้เถียงกันให้ตายก็คงไม่มีใครชนะ ก็เราไม่ใช่สัตว์เหล่านั้น แต่ด้วยความพยายามของมนุษย์ จึงมีการวิจัยและศึกษามากมายเกี่ยวกับความเป็นไปของสัตว์ชนิดต่างๆ และมีข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรู้สึก การมองเห็น การได้ยิน การรับรู้รส กลิ่น สี ของสัตว์ประเภทต่างๆ…
dinya
ตอนแรกตั้งใจว่าจะเขียนถึงเรื่องของฝนดาวตก  ซึ่งมักจะมีให้เห็นมากที่สุดในช่วงกลางเดือนธันวาคมของทุกปี แต่สัปดาห์นี้ตื่นเต้นนิดหน่อยกับเรื่องของปรากฏการณ์  "พระจันทร์ยิ้ม"  ซึ่งผู้สื่อข่าวเตือนว่าอย่าลืมชมความน่ารักๆ  บนท้องฟ้าได้ตั้งแต่หลังพระอาทิตย์ตกดิน  นั่นคือ 17.40 น.  จนถึง  20.30 น. ของคืนวันที่ 1 ธันวาคม 2551
dinya
ภาพของปัจจุบันและอดีตของทะเลสาบในตะวันออกเฉียงเหนือของ Aotea มีคนบอกว่า ชิลี เป็นประเทศที่มีเรื่องน่าตื่นเต้นไม่น้อยเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ อย่างเช่น ทะเลสาบที่สวยงามในเขตแมกกัลลันส์ ห่างจากกรุงซานดิอาโก้ ไปประมาณ 2,000 กิโลเมตร ที่นั่นเคยมีน้ำอยู่เต็มทะเลสาบ มีสิ่งมีชีวิต มีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม และดำรงอยู่เช่นนั้นมานานร่วม 30 ปี ด้วยพื้นที่ 10-12 เอเคอร์ หรือประมาณ 10 เท่าของสนามฟุตบอล แต่แล้ววันหนึ่ง อยู่ๆ ทะเลสาบนั้นก็แห้งเหือด อันตรธานหายไปเสียเฉยๆ ทั้งที่คนยืนยันว่าก่อนหน้าที่ทะเลสาบจะหายไปไม่ถึง 1 เดือน ก็ยังเห็นน้ำมีอยู่เต็มทะเล สิ่งที่เหลืออยู่แทนที่ความงามของทะเลสาบ…
dinya
การทำนายนั้นอยู่คู่กับสังคมของเรามานาน โดยเฉพาะการทำนายธรรมชาติ เช่นการดูสีของท้องฟ้า ก้อนเมฆ สายลม ดวงดาว แม้กระทั่งการมองเห็นด้วยจิต ที่สามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและธรรมชาติได้ เหมือนที่เคยฮือฮากันไปเมื่อหลายปีก่อน เมื่อนาย กอร์ดอน (Gordon-Michael Scalion) ชาวอเมริกันที่เคยเสียชีวิตเมื่อปี 1979 แต่กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็อ้างว่า ได้รับพรสวรรค์ที่หยั่งรู้อนาคต เขามักจะเดินทางไปอยู่บนพื้นที่สูงๆ บนภูเขา แล้วมองลงมาเห็นภาพในอนาคต โดยเฉพาะภาพของเมืองที่เปลี่ยนไป และโลกที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ คนที่เชื่อถือนายกอร์ดอนนั้นมีไม่น้อย เพราะได้เคยฝากผลงานการทำนายที่แม่นยำเอาไว้ เช่น…
dinya
ภาพแสดงลักษณะของโลก Earth มีคนพูดบ่อยๆ ว่า โลกของเราเล็กลงเรื่อยๆ แคบลงเรื่อยๆ นั่นคงเพราะ เราสื่อสารกันง่ายขึ้น ทั้งทางโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต จะไปเรียนที่ไหน ทวีปใด เราก็ยังพูดคุยกันได้แทบทุกวัน เวลาเพื่อนคนไหนหายไปไม่ติดต่อกันนานๆ เผลอๆ ก็ไปเจอกันในเวบบล็อกหรือ ชุมชนออนไลน์ สักพักก็หาทางเจอกันจนได้  เราคงไม่คิดว่า วันหนึ่ง คำว่า “โลกเล็กลง” นั้นจะหมายถึง “โลกที่มีขนาดเล็กลงไปจริงๆ” เล็กกว่าที่เราเคยรับรู้ แม้เราจะจินตนาการได้ยากอยู่ว่าโลกของเรามันใหญ่โตขนาดไหน และมันจะสำคัญหรือเปล่าที่มันจะเล็กลง ใหญ่ขึ้น หดตัวหรือขยาย ซึ่งคงต้องขอบอกว่า มันก็สำคัญมากทีเดียวค่ะ
dinya
ช่วงนี้มีโอกาสได้เห็นสายรุ้งบ่อย เรียกว่าวันเว้นวันก็ว่าได้ เวลาเห็นรุ้งจะคิดว่าเป็นวันดีๆ เพราะว่ากันว่า ทุกแห่งทุกหนนั้นมีรุ้งเกิดขึ้นเสมอ อยู่ที่ว่าเราจะยืนในตำแหน่งที่มองเห็นหรือเปล่า  บางคนบอกว่า รุ้งตัวเดิม หากเรายืนอยู่คนละมุมเราจะเห็นแสงแตกต่างกัน เหมือนเป็นรุ้งคนละตัว ดังนั้น ธรรมชาติได้ทำให้เราทุกคน มีรุ้งของตัวเอง ที่มองเห็นเฉพาะตัว ไม่มีทางเหมือนกันนั่นเอง ตั้งแต่เด็กๆ เราเห็นรุ้งมี 7 สี  ไล่จาก ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง พอโตมาถึงรู้ว่า รุ้งมีสีเยอะมากๆๆ ไล่ตั้งแต่สีม่วงไปจนถึงสีแดง แต่เราเห็นเฉพาะสีหลักๆ อย่างที่รู้กันว่ารุ้งธรรมชาตินั้นเกิดหลังฝนตก…
dinya
ในช่วงนี้ คำว่า Storm Surge หรือ Tidal Surge หรือที่ไทยเรียกว่า คลื่นพายุซัดฝั่ง น่าจะทำให้ใครๆ วิตกอยู่บ้าง เพราะมีความคล้ายคลึงกับการเกิดสึนามิ มีรูปแบบการเคลื่อนตัวของคลื่นขนาดใหญ่พัดเข้าชายฝั่ง แต่ที่แตกต่างกัน คือ สึนาเกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ของแผ่นดินไหวใต้ทะเล ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนส่งผลให้เกิดคลื่นขนาดยักษ์ แต่ Storm surge จะเกิดขึ้นโดยมีตัวแปรจากพายุ หลังจาก ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ออกมาเตือนให้รับมือกับภัยพิบัติในกรุงเทพฯ และถึงกับประกาศลาออกเพราะไม่มีหน่วยงานสนใจเรื่องนี้ ผู้เขียนเลยคิดถึงคำว่า “ถ้า” ซึ่งมีความหมายได้สองอย่าง คือ…
dinya
เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว (2550) ช่างภาพชาวรัสเซียผู้หนึ่ง อ้างว่าหลังจากไปเดินเล่นที่ท่าเรือในทะเลแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของอเมริกาอยู่ดีๆ เขาก็เห็นแสงส่องลงมาจากฟ้าซึ่งมีก้อนเมฆเคลื่อนตัววนไปมาแปลกๆ จากนั้นไม่นานก็เกิดพายุงวงช้างพุ่งลงทะเล เขาได้นำสองภาพนี้มาแปะไว้ในเวบบล็อก ที่ชื่อ www.englishrussia.com ซึ่งมีผู้ชมมาวิจารณ์กันว่า นี่เป็นเพียงภาพที่ถูกตกแต่งด้วยโปรแกรม Photoshop เท่านั้นเอง ไม่ใช่ภาพที่จะถ่ายได้จริงๆ หากแต่ช่างภาพรัสเซียนั้นอธิบายว่านี่เป็นภาพที่สร้างจำลองขึ้นจากสถานที่จริงและวินาทีที่เขาได้พบจริงๆ ถึงไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่พออ่านเจอเรื่องนี้เลยอดคิดไม่ได้ว่า ก่อน  “…
dinya
หลายคนเคยบอกว่า ไม่น่าเชื่อที่ชื่อสวยๆ อย่าง นากรี รูซา นิดา เกศนา สาลิกา คัมมุริ ฯลฯ และอีกหลายชื่อที่มีความหมายน่ารักๆ ถึง ต้นไม้ ดอกไม้ ภูเขา ทะเล แม่น้ำ ฯลฯ เหล่านี้จะเป็นชื่อของพายุไปได้ อาจเพราะความจริงแล้วพายุ หรือวาตภัยส่วนใหญ่นั้นมีพิษสงทำลายล้าง ทำความน่าสะพรึงกลัวกับพวกเราชาวโลกไม่น้อยนั่นเอง เรื่องน่ารู้ฯ ตอนนี้เลยอยากเอาชื่อพายุมาเล่าสู่กันฟังค่ะ ภาพเมฆฝนและพายุในจังหวัดเชียงใหม่ ปลายเดือน กรกฎาคม 2551 ชื่อของพายุนั้น ว่ากันว่า เดิมทีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ตั้งชื่อพายุทั่วโลกมาโดยตลอด เพราะสมัยก่อนสหรัฐนั้นถือว่าเป็นผู้นำด้านนี้ มีอุปกรณ์พร้อมในการตรวจสภาพอากาศ…
dinya
ก่อนจะนั่งลงเขียนคอลัมน์นี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่า 72 ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง 7 ประเทศ กำลังผจญกับวิกฤตพายุถล่มและน้ำท่วมชนิดที่ยังรอการช่วยเหลือและสรุปยอดผู้เสียชีวิตยังไม่ได้ เริ่มตั้งแต่เยอรมนี เจอพายุหนักทางตอนใต้ของประเทศ จนต้องปิดถนน บ้านหลายหลังพังพินาศ มาถึงประเทศยูเครน ที่มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 16 คน ประชาชน 2 หมื่นกว่าคนอยู่ในความมืดเพราะไม่มีไฟฟ้า ตามด้วยโรมาเนีย ที่ประกาศอพยพคนออกจากเมืองนับสิบเพราะน้ำกำลังท่วมอย่างหนัก ส่วนพายุที่กระหน่ำเกาะเหนือของ นิวซีแลนด์ นั้นมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 3 คน และผู้สูญหายอีกหลายคน ดูเหมือนฝั่งยุโรปอาจจะดูไกลไปหน่อย กลับมาที่เอเชียของเราที่…
dinya
ตอนที่แล้วเล่าถึง “หลุมยุบ” หรือ Sinkhole ในต่างประเทศไปแล้ว คราวนี้มาดูหลุมยุบในบ้านเรากันบ้างนะคะ ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตั้งแต่เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิเป็นต้นมา (2547) หลายคนบอกว่า มีข่าวหลุมยุบให้ฟังอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่รู้ว่ามีมากน้อยแค่ไหน มาดูตัวเลขที่กันดีกว่าค่ะ หลุมยุบในประเทศไทย ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา กรมทรัพยากรธรณีแจ้งว่า มี “หลุมยุบ” ที่ได้รับแจ้งและเข้าไปตรวจสอบแล้วถึง 53 หลุม ใน 16 จังหวัด แน่ะ ไม่นับรวมกับที่เราสังเกตไม่เห็น อยู่ลึกจนไม่มีใครพบ หรือ พบแล้วแต่ไม่ได้แจ้งนะคะ ในวันเดียวกับเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ คือ 26 ธันวาคม 2547 นั้น เกิดขึ้นพร้อมกันทีเดียว 19 จุด…
dinya
สองภาพข้างบนนี้ดูเหมือนเป็นทะเลสาบสวยๆ ที่มีน้ำใสๆ เย็นๆ น่าไปเที่ยวเล่น พายเรือ ถ่ายรูปหรือดำน้ำ ทำนองนั้นไหมคะ ? แต่รู้ไหมว่า เนี่ยแหละ มันคือหน้าตาของ El Zacatón Cenote หรือ “หลุมยุบ” (sinkhole) ที่มีความลึกที่สุดในโลกล่ะ !