Skip to main content

 
หมู่บ้านมอแกน อ่าวบอนใหญ่ แห่งหมู่เกาะสุรินทร์ มองเห็นบ้านเรือนเป็นทิวแถวจากผืนทะเลสีคราม ,ภาพบนถ่ายจากหน้าหมู่บ้าน บนเรือหัวโทง ,ภาพล่างถ่ายจากท้ายหมู่บ้าน บนเส้นทางเดินธรรมชาติ ทั้งหมดนี้ เป็นหนึ่งในโปรแกรมมอแกนพาเที่ยว โครงการนำร่องอันดามัน สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สนใจติดต่อ 083-703-0925 ,andamanproject1@yahoo.com


จากชายหาด มองเห็นบ้านมอแกนเรียงรายเป็นแถวๆ คล้ายหมู่บ้านจัดสรร ,พื้นที่แห่งนี้ เป็นพื้นที่ที่ทางการได้จัดสรรให้หลังจากเหตุการณ์สึนามิ โดยนำมอแกนจาก 2 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านไทรเอนและหมู่บ้านอ่าวบอนน้อย มาอยู่ร่วมกันในพื้นที่ถาวรซึ่งแตกต่างไปจากวิถีเดิมของชาวมอแกนที่ชอบเดินทางเร่ร่อนไปในท้องทะเลมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ



กลางวัน เด็กๆ จะนั่งหลบแดดอยู่ใต้ถุนบ้านที่ยกสูง ,เด็กที่นี่คุ้นเคยกับท้องทะเลมาตั้งแต่เกิด ไม่กลัวแดด ผิวสีน้ำตาลแดงสนิทและไม่สนใจครีมกันแดดและครีมกัดผิวขาว



เสาสลักสำหรับประกอบพิธีไหว้ผีบรรพบุรุษหรือที่เรียกว่า ‘ลอโบง' บริเวณหน้าหมู่บ้านมอแกน อ่าวบอนใหญ่ สีสันลวดลายง่ายๆ สะดุดตาสะดุดใจนักท่องเที่ยว


คุณลุงมอแกนนอนหลับกลางวัน อย่างเพลิดเพลินอารมณ์ ,ระหว่างผมยกกล้องถ่ายแกสลึมสลือผงกหน้าจากที่นอนขึ้นมาดู ,ก่อนจะหลับต่อไปอย่างคนอารมณ์ดี



ใต้ถุนที่ยกสูงเป็นที่หลบแดดและสนามสำหรับนอนกลางวันของเด็กๆ เป็นอย่างดี


ถนนสายหลักกลางหมู่บ้านมอแกน อ่าวบอนใหญ่ เด็กชายคนนี้นุ่งผ้าถุงแม่ลายดอกพื้นเมือง ห่มคลุมไปทั้งหัว ,ดูแกออกจะงงเหมือนกันว่า คนแปลกหน้ามาทำอะไรที่นี่ "ถ่ายรูปอยู่ได้"



เด็กชายวิ่งเล่นอยู่บนชายหาดหน้าหมู่บ้าน ,แกทำหน้าย่นเมื่อผมขอถ่ายรูปแล้วบอกให้ยืนนิ่งสักหนึ่งนาที ขณะที่ในมือของเด็กน้อยกำเปลือกหอยเอาไว้ "เสียเวลาเล่นจริงๆ"



‘ก่าบาง มอแกน' เป็นเรือของชาวเลที่ใช้ขึ้นล่องกลางผืนน้ำ มาช้านาน ,ปัจจุบันมีให้เห็นน้อยมากเพราะส่วนใหญ่หันมาเปลี่ยนเป็นเรือหัวโทง ,เฉพาะที่อ่าวบอนใหญ่ หมู่เกาะสุรินทร์แห่งนี้ มีเหลือเพียง 3 ลำ ,หนึ่งในนั้นกำลังซ่อมแซมเพราะไม่ได้ใช้งานมานาน



เรือยอร์ชลำโตทอดสมอขวางเส้นขอบฟ้า, ทะเลมีคนมากขึ้น ชาวมอแกนปัจจุบันหยุดการเป็นชนเร่ร่อนมาขึ้นบกและสร้างที่อยู่อาศัยถาวร อาจจะเป็นจริงที่ว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นสัจจะธรรมหนึ่งที่ยากแก่การปฏิเสธ ,เพียงแต่ว่า ชาวเล อ่าวบอนใหญ่ จะอยู่ตรงไหนบนโลกใบนี้


บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สะพานมอญเป็นอีกที่เที่ยวยอดนิยมอีกที่ ,ที่คนส่วนใหญ่จะไป ข้อแรก ไปง่าย ข้อสอง สวยดี นอกเหนือจากนี้ ยังมีเรื่องราวของคนหลากหลายกลุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ในวันที่บ้านชื่นใจเต็มไปด้วยสายหมอก ไอชื้นหนาก่อตัวเป็นหยดน้ำ เกาะตามร่องใบสีเขียวอ่อนของยอดหญ้า ... บนทางดิน ดอกปีบสีขาวร่วงเกลื่อนดินนุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
คนกลัวลิงจากหลายเหตุผล ?? จากหน้าตา ท่าทางที่เอาเรื่อง จากความซุกซน อยู่ไม่นิ่งและอารมณ์ปรวนแปร "อย่าเข้าไปใกล้มันนะ" คุณแม่ยื้อยุดมือลูกสาวที่ยื่นขนมสีหวานไปให้ ... ขณะกดชัตเตอร์ จ๋อบางตัวกระโดดเกาะหลัง ผมคิดว่า มันคงอยากรู้อยากเห็น  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ลิง เรียนรู้การมีชีวิตจากคน ,เราเป็นบรรพบุรุษของลิงผ่านสายใยของวิวัฒนาการ ดวงตาใสแหน๋ว มองตรงมายังกล้วยและถั่วลิสงต้ม ,ไอติมปั่นสีแดงในมือเด็กน้อยถูกฉกไปดูดเลียคลายความร้อนจากอากาศยามเที่ยง ,ทั่วบริเวณพระปรางค์สามยอดแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานโต๊ะจีนลิงที่จัดเป็นประจำทุกๆ ปี
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เช้า รวมพลก่อนออกเดินทางไกล จะเห็นได้ว่าทุกคนยังสดใส ภาพนี้ถ่ายระหว่างรอรถไปส่งปากทางเข้าดงนาทาม รอยยิ้มใสใสกับผิวพรรณใสใสจะกลายเป็นสีแทนในอีกไม่ช้า  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ยาวไกล สายน้ำสีขาวหายเข้าไปในขุนเขา โขดหินและทิวป่า .. เหล่าผู้นิยมไพร ยังคงเดินทางไกล ,ยาวนาน จนเสียงหัวเราะกลายเป็นเสียงพึมพำ “เพ่ ทามมายมันร้อนอย่างงี้” นายคนหนึ่งเอ่ย “ป่าอิสานไม่เหมือนป่าภาคเหนือ” พี่ลม นายกท้องถิ่นเอ่ยอย่างนิ่มนวล ก่อนออกตัวอย่างเป็นทางการถึงความนิยมของนักท่องเที่ยวที่มักจะนิยมป่าแถบเหนือมากกว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักคิดถึงการเดินทางขึ้นเหนือ ....
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สายลมต้นฤดูหนาวกระหวัดวนบนยอดหญ้า เห็นเป็นริ้วๆ เหนือผลาญหินแห่งดงนาทาม ทุ่งดอกแดงอุบลสลับเหลืองพิมร บานสะพรั่ง ถึงแม้จะดูแห้งแล้งแต่ในโลกของธรรมชาติกลับมอบชีวิตและความสมดุล
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แดดร้อนเปรี้ยง ผ่าลงกลางหัว , เบื้องหน้า คือ ทางเดินหินที่ดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ,แต่ทุกคนต่างมีความหวังจะเดินไปให้ถึงจุดหมาย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ปลาหมึกสีชมพู ใต้ท้องทะเลสีฟ้า ,มันเอาหนวดยาวๆ เกี่ยวกระหวัด เรือสีน้ำตาลที่มีใบสีเขียว ในสายตาของใครหลายคน ,สีน้ำบนกระดาษดูเลอะเทอ ,แต่ไม่เป็นไร สำหรับน้องกายส์ ซ์ซ์ซ์ , "นี่มันเรื่อง โจรสลัดแห่งทะเลแคริบเบี้ยน ใช่ไม๊" "ไม่ใช่" น้องกายทำหน้า งง อะไรเหรอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
นิ้วเล็กๆ บรรจงแต้มสีและกาว ด้วยความตั้งใจ ,เด็กๆ มักจะไม่กังวลกับความเลอะเทอะ ,ไม่เหมือนผู้ใหญ่ เชื่อกันว่า ,ศิลปะ กว้างและลึก จรรโลงและสร้างสรรค์ ,เด็กๆ มองเห็นภาพในความว่างเปล่าของอากาศ จนกระทั่ง พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ,และความจำเป็นในชีวิตโบยตี ,เหตุผลของมันทำให้ดวงตาแบบนั้นหายไป  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สำหรับคนที่รักการเดินทาง ยาดาเป็นหนึ่งในนั้น, สำหรับเธอ โลกนี้ไร้กาลเวลา,และเขตแดน หลากเชื้อชาติ ,มีชีวิตและเรื่องราวเสมอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
หลังวันเลือกตั้งเป็นเดือนแห่งการถือศีลอดของชาวมุสลิม ,ยาดาและทีมสังเกตุการณ์การเลือกตั้งกลับมายังกรุงคาบูล์ เมืองทั้งเมืองสงบนิ่งด้วยบรรยากาศแห่งความศรัทธาและเป็นครั้งแรกที่อัลเฟรลอนุญาตให้ทีมงานออกไปเดินเล่นได้โดยไม่ต้องมีล่ามและทีมการ์ด   บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนที่เคร่งขรึม ไม่ดื่ม ไม่กิน จนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ไร้ข่าวของความรุนแรง ถึงแม้ว่า กลุ่มตาลีบันจะพยายามล้มการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่วันนี้ ถือเป็นวันอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเช่นเดียวกับชาวมุสลิมทั่วโลก ทุกคนกลายเป็นหนึ่ง ไม่ว่า พ่อค้า ข้าราชการหรือกรรมกร ชิกเก้น สตรีท เป็นถนนสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว…