Skip to main content

อินเตอร์เนต & การเมือง

พิณผกา งามสม

ปรากฏการณ์เคลื่อนไหวทางการเมืองบนเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นในไทยอยู่ขณะนี้ เป็นพื้นที่การต่อสู้ใหม่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเมืองไทยไม่กี่ปี่ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสื่อกระแสหลักก็เปลี่ยนหรือขยายเป้าหมายจากการช่วงชิงพื้นที่ในตลาดสิ่งพิมพ์มาสู่ตลาดแห่งใหม่ในโลกไซเบอร์

นักวิชาการด้านสื่อสารสนเทศ สังคมวิทยา และรวมถึงนักรัฐศาสตร์ในโลกก็เริ่มขยายการศึกษาวิจัยมาสู่พื้นที่ใหม่ที่เรียกว่าอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเช่นกัน โลกวิชาการระดับนานาชาติผลิตงานศึกษาวิจัยถึงบทบาทของอินเตอร์เน็ตกับการแสดงออกทางการเมืองอย่างกว้างขวาง และมีข้อเสนอว่า อินเตอร์เน็ตสามารถเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดในโลกจริง เป็นต้นว่า การได้แสดงออกอย่างฉับพลันทันที การมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยปราศจากข้อจำกัดเรื่องระยะทาง เป็นต้น

น่าสนใจว่า การปฏิบัติต่อพื้นที่สาธารณะแห่งใหม่นี้ในสังคมไทยกลับได้รับการต้อนรับที่ค่อนข้างเฉยชาจากนักวิชาการเมืองไทยอยู่พอสมควร มิหนำซ้ำยังให้ราคากับการโพสต์ข้อความในอินเตอร์เน็ตต่ำกว่างานวิชาการที่ได้การตีพิมพ์ ดังเช่นกรณีที่สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เคยพบกับข้อกล่าวหานี้ในช่วงแรกๆ ที่เขาเริ่มเข้ามาสร้างวิวาทะในเว็บบอร์ดต่างๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันนี้ ที่การสื่อสารในโลกอินเตอร์เน็ตมีบทบาทยิ่งต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทย ทั้งเพื่อต้านระบอบทักษิณ และทั้งในแง่การต้านการรัฐประหาร จะต้านเผด็จการศักดินา หรือเผด็จการทุนนิยมสามานย์ก็ตามแต่ สังคมไทยได้ใช้เครื่องมืออันใหม่นี้อย่างเมามันและมีประสิทธิภาพยิ่ง...นี่ไม่ใช่สิ่งใหม่ในโลก แต่มันเกิดขึ้นในหลายๆ ที่ ด้วยบริบทที่แตกต่างกันไป

 

กรณีศึกษามาเลเซีย รัฐบาลมั่นคง สื่อกระแสหลักอ่อนแอ สังคมออนไลน์เข้มแข็ง
ยังไม่มีใครพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างการกดทับในโลกจริง กับการระเบิดออกในโลกอินเตอร์เน็ต แต่หากพิจารณากรณีที่เกิดขึ้นในประเทศมาเลเซีย ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการรัฐสภา ผนวกกับเศรษฐกิจแบบพวกพ้องของรัฐบาลที่นำโดยแนวร่วมพรรคแห่งชาติมาเลเซีย หรือ อัมโน ซึ่งดำเนินมาต่อเนื่องยาวนานนับแต่การเกิดขึ้นของประเทศที่ชื่อมาเลเซีย การแสดงความเห็นอย่างวิพากษ์วิจารณ์และการรวมกลุ่มกันในที่สาธารณะนั้นอาจนับเป็นความผิดได้หลายกระทง โดยมีกฎหมายความมั่นคงภายใน หรือกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติเป็นเครื่องมือในการปราบปรามอย่างรุนแรง

ในข้อด้อยมีข้อดี เมื่อรัฐบาลที่มีเสถียรภาพสูงมากอย่างอัมโนวางแนวทางการพัฒนาชาติระยะยาว และสามารถดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่อง โครงการที่เป็นหนามยอกอกรัฐบาลอัมโนก็ได้ผลเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นคือโครงการ Multimedia Super Corridor ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาไอทีขนาดที่ฝันว่าจะเป็นฮับของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยทีเดียว โดยแนวทางนี้ ในเวลาไม่ช้านาน ประชากรชาวมาเลเซียราว 28 ล้านคนจะสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ถึง 14 ล้านคน นั่นคือครึ่งหนึ่งของคนมาเลเซียทั้งหมด และหายนะของอัมโนก็มาถึง.....

นักกิจกรรมทางสังคมที่ต้องพบเจอเครื่องกีดขวางนานาประการจากกฎหมายอันเคร่งครัด และแนวปฏิบัติอันเฉียบขาดในการกวาดล้าง หรือทำให้ผู้เห็นต่างเงียบเสียงลงในโลกจริง พวกเขาหันมาสู่การเป็น ‘บล็อกเกอร์’ และใช้พื้นที่ของตัวเองอย่างทรงประสิทธิภาพ การเลือกตั้งมาเลเซียครั้งล่าสุด ที่พรรคฝ่ายค้านได้คะแนนเสียงเป็นประวัติการณ์นั้น มีนักกิจกรรมที่เป็นบล็อกเกอร์อยู่ 4 คน ในจำนวนนั้น มี เทียน ฉัว ( www.tianchua.net) ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารของพรรคเกออาดิลัน ซึ่งเป็นพรรคแกนนำของฝ่ายค้านอยู่ในขณะนี้

ในโลกจริง เทียน ฉัว ถูกจับเข้าคุกเนื่องจากการเคลื่อนไหวด้านสิทธิแรงงานและการเมืองหลายครั้ง แต่ในอินเตอร์เน็ต บล็อก (blog) ของเขาเป็นบล็อกยอดนิยม

เทียน ฉัว เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งในระดับปัจเจก แต่สิ่งที่ผลักเทียน ฉัว เข้าสู่รัฐสภาของมาเลเซียมีมากกว่านั้น

โดยแนวนโยบายของ Muiltimedia Super Corridor เอง มีข้อจำกัดในการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร มิฉะนั้นย่อมเป็นจุดอ่อนในทางการค้าพาณิชย์ แม้ว่าจะมีมีกฎหมายถึง 9 ฉบับที่คนใช้อินเตอร์เน็ตในมาเลเซียจำต้องระมัดระวังก็ตาม

เมื่อรัฐบาลมาเลเซียผลัดมือสู่นายกฯคนใหม่ผู้มีเสน่ห์ทางการเมืองด้อยกว่ามหาเธร์อย่างเทียบชั้นกันไม่ได้ การเคลื่อนไหวในมาเลเซียผ่านอินเตอร์เน็ตนั้นดูเหมือนจะเติบโตผกผันกับความนิยมในรัฐบาลอัมโนเลยทีเดียว ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บล็อกเกอร์และนักท่องอินเตอร์เน็ตของมาเลเซียรวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหวประเด็นทางการเมืองทั้งในโลกไซเบอร์ครั้งใหญ่อย่างน้อย 3 ครั้ง ประเด็นแรกเป็นเรื่องคดีฆาตกรรมที่เกี่ยวพันกับนักการเมืองระดับสูงในรัฐบาล ที่กิจกรรมในโลกไซเบอร์นานาชาติคุ้นเคย กรณีของอาทันตูยา (Altantuya) หญิงสาวชาวมองโกเลียซึ่งถูกฆาตกรรม กลายเป็นข่าวใหญ่ แต่สื่อกระแสหลักรายงานว่า เธอเป็นนางแบบธรรมดาๆ ทว่าในโลกไซเบอร์ บรรดาบล็อกเกอร์ให้ข้อมูลตรงกันว่า เธอเป็นนายหน้าค้าอาวุธ และการฆาตกรรมครั้งนี้เกี่ยวพันกับการคอร์รัปชั่นในรัฐบาลอย่างแยกไม่ออก

กรณีที่ 2 เมื่อบล็อกเกอร์ชื่อดัง 2 ราย เจฟ อุย (www.jeffooi.com) และ ซูซาน ลูน (sloone.wordpress.com) ถูกหนังสือพิมพ์นิวสเตรทไทม์ ฟ้องละเมิดเนื่องจากบล็อกเกอร์ทั้งสองอาจหาญไปวิพากษ์วิจารณ์การรายงานข่าวของนิวสเตรทไทม์ ซึ่งถือหุ้นใหญ่โดยบริษัทการลงทุนของอัมโน บล็อกเกอร์ชาวมาเลย์ได้รวมตัวกันสื่อสารประเด็นนี้ไปยังนักกิจกรรมในโลกไซเบอร์อื่นๆ และได้รับความร่วมมือในการรณรรงค์กรณีดังกล่าวอย่างกว้างขวาง

กรณีสุดท้ายที่เขย่าขวัญรัฐบาลมาเลเซียครั้งใหญ่ คือขบวนการ BERSIH ซึ่งเป็นการรวมตัวกันกว่า 40 องค์กรระหว่างพรรคฝ่ายค้าน และองค์กรแรงงาน รวมถึงองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในมาเลเซียเพื่อเรียกร้องการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์และเป็นธรรม หัวหาดในการสื่อสารอยู่ที่ http://bersih.org

พลังการสื่อสารผ่านเว็บไซต์ที่ดำเนินมายาวนานได้ระเบิดออกเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2550 เป็นการเดินขบวนของนักเคลื่อนไหวและประชาชนชาวมาเลเซียกว่า 40,000 คน โดยใช้เวลาถึง 2 วัน 2 คืน นี่เป็นเรื่องไม่ปกติสำหรับมาเลเซียที่กฎหมายความมั่นคงถูกใช้อย่างเข้มงวด และสิ่งที่เขย่ารัฐบาลมาเลเซียตามมาติดๆ ก็คือผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมานั่นเอง

ถามว่า แล้วสื่อมวลชนที่ควรจะอยู่ข้างประชาชนไปอยู่ไหนเสียเล่า คำตอบคือ อยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของพรรครัฐบาล ภายใต้การนำของอัมโน สื่อกระแสหลักล้วนถือหุ้นโดยรัฐบาล และสื่อกระแสหลักที่ทรงอิทธิพลที่สุดก็หนีไม่พ้น นิวเสตรทไทม์ ซึ่งทำหน้าที่กระบอกเสียงของรัฐบาล กระทั่งเป็นสื่อในฝันของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตผู้นำของไทยเลยทีเดียว

ไทย : การตั้งไข่ของนักเคลื่อนไหวโลกไซเบอร์ภายใต้ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
เราอาจจะยังไม่เห็นว่า บล็อกเกอร์ที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นกระบอกเสียงให้ความคิดของตัวเองรวมถึงการหวังผลในทางการเมืองเท่าใดนัก รวมไปถึงการใช้พื้นที่ในอินเตอร์เน็ตเป็นการประกาศความคิดหรือความเชื่อ หรือทฤษฎีใหม่ดังปรากฏมากขึ้นๆ ในโลกไซเบอร์ฝั่งตะวันตก สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์ของไทยที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมากที่สุด น่าจะได้แก่การย้ายพื้นที่จากโลกของสิ่งพิมพ์มาสู่โลกออนไลน์ของสื่อกระแสหลักทั้งหลาย ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะเป็นสิ่งที่สื่อสิ่งพิมพ์ทั่วโลกทำกันอยู่แล้ว ทั้งเพื่อเปิดพื้นที่ทางการตลาด และเพื่อการสื่อสารที่มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวในโลกอินเตอร์เน็ตของไทยที่แปรมาเป็นพลังทางการเมืองย่อมไม่อาจดูเบา เมื่อเว็บบอร์ดสาธารณะอย่าง ‘พันทิบ’ ถึงกับต้องปิดโต๊ะราชดำเนินไปอย่างน้อย 2 ครั้งหลังการรัฐประหาร เพราะไม่อาจรับมือกับ ‘วอร์รูม’ ได้

ด้านสื่อกระแสหลักอย่าง ‘ผู้จัดการ’ ที่เคยเป็นสื่อใหญ่อันดับต้นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ฟุบลงไปเพราะพิษเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 หันมาเปิดแนวรบด้านอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงการใช้สื่ออื่นๆ โหมประโคมข้อมูลด้านลบของรัฐบาลทักษิณ จนมีผู้ออกมาเดินถนนเพื่อขับไล่รัฐบาลดังกล่าวถึงกว่า 200,000 คน และยังคงเป็นหัวหอกในการต้านทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับทักษิณ ชินวัตร รวมถึงการประกาศตัวเป็นฝ่ายกษัตริย์นิยมอย่างสุดขั้ว

แต่เมื่อพิจารณาดูตัวเลขของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในไทยพบว่า มีเพียง 8 ล้านคน จากประชากร 67 ล้านคน แม้แต่ตัวเลขผู้เข้าถึงอินเตอร์เน็ตก็ยังตามหลังมาเลเซียอยู่ เมื่อดูตัวเลขผู้เข้าชมจะพบว่า เว็บไซต์ที่ผู้เข้าชมมากที่สุดคือ www.sanook.com มีผู้คลิกต่อวันประมาณ 300,000 ไอพี และเมื่อหันมาดูที่เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ในขณะนี้  www.manager.co.th มียอดการคลิกเข้าชมอยู่ราวๆ 180,000 ไอพี ต่อวันซึ่งตกลงจากยอดประมาณ 300,000 ไอพี ในช่วงที่กระแสขับไล่ทักษิณขึ้นสูง เว็บไซต์เล็กๆ อย่าง ‘ประชาไท’ ที่มีคนอ่านอยู่ที่ราวๆ 12,000 ไอพี ได้ตัวเลขผู้เข้าอ่านจำนวนเท่านี้นับจากการเกิดรัฐประหาร และเว็บไซต์ฟ้าเดียวกันกำลังเพิ่มขึ้น 4 เท่า แต่ก็ยังคงเป็นตัวเลขหลักพันเท่านั้น

ในขณะที่ผู้จัดการหันมาเปิดแนวรบด้านอุดมการณ์กับเว็บไซต์เล็กๆ 2 รายดังกล่าว และอาจทำให้คนทำงานในเว็บไซต์เล็กๆ นี้เผลอคิดไปว่าตัวเองโตขึ้น และสำคัญขึ้น ในอีกด้าน ยอดคลิกของผู้จัดการที่ลดลงเกือบครึ่ง ก็อาจจะบอกได้ว่า ผู้จัดการเองนั้นกำลังเล็กลงๆ นี่ยังไม่เท่ากับตัวเลขที่หลอกหลอนว่า ประชากรทั้งหมดในโลกอินเตอร์เน็ตของไทยมี 8 ล้านกว่าคน แต่เข้ามาอ่าน 3 เว็บไซต์นี้รวมกันแล้วไม่ถึง 200,000 ....นี่กลับมาสู่ทฤษฎีพื้นฐานที่ว่าด้วยอุปสรรคของอินเตอร์เน็ตที่ว่า

ประชากรในอินเตอร์เน็ตถูกคัดสรรแล้ว อย่างน้อยโดยฐานะทางเศรษฐกิจ  คำถามกลับไปยังการเคลื่อนไหวทางการเมืองในโลกอินเตอร์เน็ตของไทย ใครคือประชากรกลุ่มนี้ และมันพูดแทนประชากรในโลกจริงๆ ของไทยได้หรือเปล่า

และท้ายสุด การเกิดขึ้นของการรัฐประหาร กระแสการต้านรัฐประหาร และการต่อสู้กันในโลกไซเบอร์ที่ดำเนินอยู่ขณะนี้จะเป็นจังหวะก้าวที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง สำหรับผู้สนใจศึกษาการเคลื่อนไหวและการพัฒนาของอินเตอร์เน็ตที่มีผลต่อพลังทางการเมืองไทย ไม่ว่าคนที่อยู่ในปัจจุบันจะเขียนมันอย่างไร แต่การศึกษาและตีความที่จะเกิดขึ้นภายหลัง ย่อมเป็นเป็นอิสระโดยตัวของมันเอง


อ้างอิง
Balgos, C.A. Cecile, Across the border: Southeast Asian Chroniles, Southeast Asian Press Alliance, Bangkok, 2005.

Gan, Steven, Gomez,James and Johanen, Uwe. Asian Cyberactivistm: Freedom of Expression and Media Censorship. 2004.

Jr. MacIver. J. William and Birdsall F.William F.,  Technological evolution and the right to communicate: the implication for Electronic Democracy, New Zealand, 2002

Lai, On-Kwok. Cultural (Re-)Presentation of Global Civil Society and Global Citizenship in the Cyber Age: Positioning Transnational Activism in a Globalizing World www.inst.at/trans/16Nr/15_1/lai16.htm

Lewis,Glen, Virtual Thailand: the Media and culture politics in Thailand, Malaysia and Singapore, Routledge Curzon, London, 2006

บล็อกของ หัวไม้ story

หัวไม้ story
ชื่อบทความเดิม : เยือนสวนทูนอิน อ่านชีวิต ความคิด 75 กะรัต 'รงค์ วงษ์สวรรค์  ภู เชียงดาว : เรียบเรียง/รายงาน   หมายเหตุ : นี่เป็นมุมมองชีวิต ความคิด ว่าด้วยการเมือง ทหาร การปฏิวัติ สุขภาพ และการเขียนหนังสือ ของ ' รงค์ วงษ์สวรรค์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี 2538 ที่ได้ถ่ายทอดออกมา เมื่อ 20 พ.ค.2550 ณ สวนทูนอิน โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  รายงานชิ้นนี้เคยตีพิมพ์ ใน ‘นิตยสารขวัญเรือน' ปักษ์แรก กรกฎาคม 2550 ผู้เขียนขออนุญาตนำมาเรียบเรียง/รายงาน ใน ‘ประชาไท' อีกครั้ง เพื่อเป็นการไว้อาลัยและรำลึกถึงการจากไปอย่างสงบของพญาอินทรีแห่งวรรณกรรม เมื่อค่ำของวันที่ 15 มี.ค.…
หัวไม้ story
“การคุมประชากรด้วยข้อมูลและแนวคิดที่โกหกอาจจะไม่นำไปสู่ประเทศไทยที่สำเร็จได้ แต่กลับเป็นการทำลายการพัฒนาและอนาคตของสังคมไทยเอง”ธงชัย วินิจจะกูล3 มี.ค. 2552
หัวไม้ story
ทีมข่าวการเมือง หลังจากวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เคลื่อนขบวนจากสนามหลวงมาชุมนุมล้อมทำเนียบรัฐบาลและปักหลักพักค้างชุมนุมอยู่หลายคืน โดยมีข้อเรียกร้องคือ 1.ดำเนินคดีกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 2.ปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 3.นำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ และ 4.ให้ยุบสภา การชุมนุมเป็นไปอย่างต่อเนื่องหลายคืนโดยสงบเรียบร้อย ผู้ชุมนุมยอมให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและคณะรัฐมนตรีเข้าไปทำงานในทำเนียบ โดยไม่มีการกระทบกระทั่งเกิดขึ้น จนแม้แต่นายอภิสิทธิ์ และรองนายกรัฐมนตรีอย่างนายสุเทพ…
หัวไม้ story
  เอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือภูมิภาคที่ไม่เคยเป็นตัวแสดงหลักในเกมอำนาจโลกเลยนับจากยุคอาณานิคมมาจนถึงยุคโลกาภิวัตน์ การร่วมตัวกันของชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในนามอาเซียนเป็นความพยายามอย่างหนึ่งของชาติในภูมิภาคนี้ที่จะเสริมสร้างอำนาจในการต่อรองทางเศรษฐกิจในระดับโลก ในยุคสงครามเย็น ภูมิภาคนี้ถูกแบ่งให้เป็น 2 ค่าย ตามบรรยากาศการเมืองโลก แต่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ผู้นำค่ายสังคมนิยม ในช่วงทศวรรษที่ 90 ประเทศในภูมิภาคอาเซียนก็หันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน บทหนทางเสรีนิยมเดียวกัน ซึ่งประเทศเหล่านี้ถูกปฏิบัติในฐานที่เป็นชายขอบแดนของอำนาจต่อรองเช่นเดิม…
หัวไม้ story
 ทีมข่าวการเมือง   "พฤติกรรมของคนกลุ่มหนึ่งที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ ไม่อยู่ในขอบข่ายของสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการใช้กฎหมู่ละเมิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง คือ เป็นราชาธิปไตยยิ่งกว่าองค์พระราชาธิบดี อันเป็นอันตรายต่อราชบัลลังก์ยิ่งนัก ดังที่พวก Ultra Royalist ในฝรั่งเศสสมัยหนึ่งทำให้พระราชวงศ์บูร์บองล่มสลายมาแล้ว" สุพจน์ ด่านตระกูลสถาบันวิทยาศาสตร์สังคม (ประเทศไทย)มีนาคม 2549 1."ลุงสุพจน์" หรือ สุพจน์ ด่านตระกูล นักคิด นักเขียนวัย 86 ปี เสียชีวิตอย่างสงบ หลังล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เมื่อคืนวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมาชาญวิทย์ เกษตรศิริ นักประวัติศาสตร์…
หัวไม้ story
[บันทึกคำปราศรัย 'กษิต ภิรมย์' ถึง 'ฮุน เซน' ในการชุมนุมพันธมิตรฯ เมื่อ 15 ต.ค. และ 27 ต.ค. 2551 โปรดอ่านเพื่อให้เห็น ‘วิสัยทัศน์' และ ‘ท่าที' ต่อประเทศเพื่อนบ้านของรัฐมนตรีผู้ซึ่ง ‘อภิสิทธิ์'  ลงทุน 'อุ้ม'] โดย ทีมข่าวการเมือง ประชาไท  กษิต ภิรมย์ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อ 22 ธันวาคม 2551 (ที่มา: Daylife.com/Reuters) เส้นไหน โควตาใครกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กลายเป็นสายล่อฟ้า รัฐบาล ‘มาร์ค 1' เพราะข้อครหาว่าเป็นรัฐมนตรีโควตา ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' จากบทบาทปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาธิปไตยอยู่บ่อยครั้งนับตั้งแต่ ‘เฟส 1 - 2549'…
หัวไม้ story
  "เขาไม่ให้ผมประกันตัว เขาบอกกลัวผมหลบหนี ผมจะหนีไปไหน ผมเป็นคนไทยนะ จะให้ผมไปไหน ผมจ่ายภาษีปีละหลายหมื่นบาท แต่วันนี้ผมรู้สึกเหมือนเป็นแค่คนที่มาอาศัยแผ่นดินอยู่ เขาไม่ให้ผมประกันตัว เขาบอกว่าผมจะทำความผิดซ้ำ จะทำลายหลักฐาน ผมจะทำทำไม ในเมื่อถ้าทำแล้วมีแต่น้ำตา และมันไม่ใช่น้ำตาของผมคนเดียว แต่เป็นน้ำตาของคน 5 คน คือครอบครัวผม ลูกเมียผม ชีวิตผมตอนนี้มีแต่น้ำตา" สุวิชา ท่าค้อ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพรายล่าสุด เอ่ยปากผ่านม่านน้ำตาที่ไหลพร่างพรูต่อหน้าแผ่นกระจกบางๆ ที่กั้นระหว่างเขาและผู้สื่อข่าวสุวิชามีการเครียดมาก ร้องไห้เกือบตลอดเวลา…
หัวไม้ story
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ ‘นิวส์ออฟเดอะเวิลด์' ของอังกฤษ มีผู้เข้าชมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากที่เคยมีคนแค่ ‘หลักพัน' คลิกเข้ามาอ่านข่าวประเภทสีสันบันเทิงซุบซิบดารา แต่ทันทีที่สื่อกระแสหลักอย่างสำนักข่าวบีบีซี เอพี รอยเตอร์ หรือไทม์ของอังกฤษ รายงานว่าเว็บนิวส์ออฟเดอะเวิลด์ มีการเผยแพร่ ‘คลิปหลุด' ของ ‘เจ้าชายแฮรี่' รัชทายาทลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ยอดผู้เข้าชมก็พุ่งแตะหลัก 50,000 คนภายในเวลาไม่กี่วัน สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือการถกเถียงอย่างจริงจังในชุมชนพลเมืองอินเตอร์เน็ต ว่าด้วยเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ, สิทธิส่วนบุคคล, เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น…
หัวไม้ story
 Photos by : Berd Whitlock , from : http://www.flickr.com/photos/rwhitlock/3167211359/     - ทีมข่าวความมั่นคง -  หลังบรรยากาศเฉลิมฉลองคริสมาสต์เพียง 2 วัน และอีกเพียงไม่กี่วันก็จะเป็นวันขึ้นปีใหม่ แต่สำหรับชาวปาเลสไตน์ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2551 มันไม่ใช่วันแห่งความสุขรื่นรมย์เหมือนที่อื่นๆ แต่กลับเป็นวันที่แสนเจ็บปวด เลือดไหลรินและน้ำตาไหลนอง ในวันนั้นอิสราเอลลงมือส่งหน่วยปฏิบัติการทางอากาศเข้าโจมตีที่ทำการรัฐบาลฮามาส รวมไปถึงบ้านเรือนของผลเรือน ปฏิบัติดังกล่าวต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 800 ราย
หัวไม้ story
  ทีมข่าวการเมือง"สิ่งที่เขาเขียนนั้นเป็นเพียงการกล่าวถึงเรื่องความสัมพันธ์ลับๆ ของพระราชวงศ์ในลำดับที่ใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์โดยไม่แม้แต่จะเอ่ยนามว่าเป็นพระราชวงศ์พระองค์ใด ข้อความที่เขียนนั้นยาวเพียง 2 ประโยค จากหนังสือที่พิมพ์เผยแพร่แค่ 50 เล่ม แต่เขาอยู่ในคุกไทยมาแล้ว 4 เดือนเต็มๆ โดยคำร้องขอประกันตัวถูกปฏิเสธไปแล้ว 4 ครั้ง"ย่อหน้าข้างบนเป็นการให้ข้อมูลจากองค์การผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน ซึ่งแสดงความวิตกกังวลในระดับที่หนักขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิเสรีภาพในประเทศไทย โดยจดหมายอิเล็กโทรนิกส์ที่ส่งไปยังเครือข่ายนักกิจกรรมด้านเสรีภาพในการแสดงความเห็นทั่วโลก…
หัวไม้ story
 ทีมข่าวการเมืองภายในประเทศ สื่อไทยและรัฐบาลใหม่ดูจะยังดำเนินไปตามขนบที่เป็นมายาวนานคือยังอยู่ในช่วงเวลาน้ำผึ้งพระจันทร์ แต่นอกพรมแดนรัฐไทยออกไป กลับเป็นบรรยากาศที่แตกต่าง ข้อมูลข่าวสารที่ถูกรายงานออกไปดูจะไม่เป็นมิตรต่อรัฐบาลใหม่ของประเทศจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้สักเท่าใด น้ำผึ้งไม่หวาน พลันที่ประเทศไทยได้รัฐบาลใหม่ที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ สิ่งที่รอยเตอร์แนะนำเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยก็คือ....
หัวไม้ story
โดย ทีมข่าวการเมือง   000 “ติดใจทฤษฎีแมลงสาบ กลัวว่าพรรคคู่แข่งจะว่า แต่ดูแล้วตอนนี้รัฐบาลชุดนี้ทำตัวเหมือนแมลงสาบเหมือนกัน ในแง่ชอบความสกปรก ความมืด ที่สำคัญคือขยายตัวได้เร็วมาก ปีกว่าๆ ก็แพร่พันธุ์ได้มากมาย ตนคิดว่าหลักการปฏิรูปที่แท้จริงคือทุกคนต้องเข้าใจในสิทธิเสรีภาพ หากนักการเมืองคิดถึงแต่อำนาจก็ไม่มีทางปฏิรูปได้สำเร็จ เพราะการปฏิรูปต้องผ่องถ่ายอำนาจ ไม่ใช่ใช้อำนาจได้ตามใจและกลัวว่าจะมีการตรวจสอบได้ตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนด” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์7 เมษายน 2545 000 “เราได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชน…