Skip to main content

วิทยากร บุญเรือง

 
ก่อนที่คนเสื้อแดงจะได้รับการยอมรับนับถืออย่างทุกวันนี้ เราผ่านอะไรมามากมาย และมาวันนี้เราอาจจะลืมอะไรไปมากมายเช่นกัน
ทุกวันนี้การสอดแทรกประเด็นประชาธิปไตยเพื่อผูกโยงกับมวลชนคนรักทักษิณเป็นเรื่องหลักๆ ที่เราพูดถึงกัน โดยจุดสำคัญที่ฝ่ายที่เรียกว่าตนเองเป็น“ฝ่ายที่เป็นปัญญาชน-ฝ่ายที่ต้านลัทธิเสรีนิยม” สามารถมายืนข้างคนรักทักษิณได้อย่างไม่เคอะเขิน ก็คือการที่คุณทักษิณได้รับการเลือกตั้งมาตามวิถีประชาธิปไตยแล้วถูกโค่นอำนาจโดยการรัฐประหาร
แต่เมื่อตอนที่คุณทักษิณยังไม่ถูกรัฐประหารนั้น แทบที่จะไม่เห็น “ฝ่ายที่เป็นปัญญาชน-ฝ่ายที่ต้านลัทธิเสรีนิยม” ออกมาร่วมกับ คาราวคนจน กลุ่มคนที่ได้ไปลงทะเบียนคนจน กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มโอทอป กลุ่มคนรักทักษิณที่ออกมาเย้วๆ เชียร์คุณทักษิณและช่วยปกป้องคุณทักษิณจากการโจมตีโดยฝ่ายอนุรักษ์นิยมเลย
แล้วเมื่อย้อนกลับไปค้นแคะหาว่า กลุ่มคนรักทักษิณเหล่านี้ทำไมถึงรักคุณทักษิณ ความฉลาดหลังเหตุการณ์ของนักวิชาการทั้งหลายก็ได้อธิบายว่าเป็นเพราะนโยบายของคุณทักษิณ ที่ทำให้คนจนรู้สึกมีศักดิ์ศรีมากขึ้นเมื่อหย่อนบัตรเลือกตั้งแล้วได้ในสิ่งที่เขาต้องการ ทั้งในเรื่อง 30 บาท เรื่องโอทอป เรื่องกองทุนหมู่บ้าน เรื่องแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ฯลฯ (แต่ก่อนรัฐประหารพวกชอบฉลาดหลังเหตุการณ์เหล่านี้อธิบายสิ่งเหล่านี้อย่างเป็นระบบว่าเป็นความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ ก็ว่ากันไป)
เมื่อย้อนกลับไปค้นแคะนโยบายเหล่านั้นว่าเป็นนโยบายในแนวทางอะไร ก็จะพบได้ว่าส่วนใหญ่แล้วว่ามันเป็นนโยบายที่นำประเทศเข้าเข้าสู่ระบบเสรีนิยม สร้างคนเป็นผู้ประกอบการณ์ สร้างคนให้บริหารการมีเครดิตทางการเงิน สร้างคนให้เอาอะไรต่อมิอะไรมาค้าขาย กระตุ้นให้เกิดการบริโภคจับจ่าย ส่วนเรื่องนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคก็เป็นนโยบายสังคมสงเคราะห์ของรัฐเสรีนิยมทั่วไป
ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า กลุ่มคนรักทักษิณที่ต่อสู้เพื่อปกป้องคุณทักษิณส่วนหนึ่งนั้น เขาออกมาปกป้องนโยบายแบบเสรีนิยมที่คุณทักษิณนำมาใช้
ส่วนเรื่องการนำเหตุผลว่าการออกมาปกป้องคุณทักษิณเป็นเรื่องหลักการด้านประชาธิปไตย ที่เขาได้ไปเลือกใครตามวิถีประชาธิปไตยเสียงข้างมากแล้วเสียงข้างน้อยไม่ยอมรับ ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องเช่นกัน แต่ผมจะไม่กล่าวถึงในข้อเขียนชิ้นนี้ เพราะมีคนเขียนมากแล้วและกระแสนี้ก็กำลังเป็นเรื่องกระแสหลักรองรับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในปัจจุบัน
ส่วนกลุ่มคนที่ต้องเผื่อใจไว้เจ็บในสมรภูมิการต่อสู้ครั้งนี้คือ “ฝ่ายที่เป็นปัญญาชน-ฝ่ายที่ต้านลัทธิเสรีนิยม” ที่มายืนข้างคนรักทักษิณในทุกวันนี้ เพราะถ้าคุณมาเข้าร่วมคนเสื้อแดงและคุณยังมีจุดยืนแน่วแน่ว่าจะยกระดับความคิดชาวบ้าน ให้เกินระดับความเป็นเสรีนิยมธรรมดาๆ นั้น หากฝ่ายเสื้อแดงชนะ คุณทักษิณได้กลับมาหรือคนที่สานต่อคุณทักษิณก็ยังเป็นฝ่ายเสรีนิยม แน่นอนว่ากลุ่มคนรักทักษิณส่วนใหญ่ก็จะกลับไปใช้ชีวิตหากินตามวิถีเสรีนิยมปกติ และ “ฝ่ายที่เป็นปัญญาชน-ฝ่ายที่ต้านลัทธิเสรีนิยม” ที่เข้ามาตีกินคนเสื้อแดงเหล่านี้ที่หวังจะยกระดับความคิดบ้าบออะไรก็คงจะผิดหวังไม่น้อย
เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันเพื่อให้เผื่อใจเจ็บเอาไว้ก่อน
ในอีกด้านหนึ่งฝ่ายต่อต้านเสรีนิยมอย่างคนชายขอบที่ได้รับผลกระทบจากรัฐและบรรษัทใหญ่ พวกเอ็นจีโอพันธมิตร ก็ยังรวมตัวกันเหนียวแน่น ไม่สนใจเรื่องประชาธิปไตยอะไร ถ้ามองคนเหล่านี้ให้เป็นธรรมหน่อยก็เหมือนว่าพวกเขามีจุดยืนชัดเจน เพียงแต่น่าหมั่นไส้หน่อยว่าพวกนี้มีอภิสิทธิ์ในการเคลื่อนไหวเพราะมีศัตรูคนเดียวกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม ก็คือคุณทักษิณ
หลายคนอาจจะเถียงได้ว่าแม้แต่ฝั่งการเมืองที่อยู่ตรงข้ามทักษิณ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเอง ก็ใช้เทคนิควิธีการเสรีนิยมในการบริหารประเทศ หรือใช้ออกนโยบายในการหาเสียง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง
แต่นโยบายเสรีนิยมที่คุณทักษิณหยิบยื่นให้ประชาชนนั้นมีเสน่ห์มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการดึงให้ทุนต่างๆ บริษัทต่างๆ เข้ามาเล่นการเมืองอย่างเปิดเผยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ การเคารพชาวบ้านด้วยการทำโพลล์ความต้องการของชาวบ้านมาพัฒนาเป็นนโยบาย การทำนโยบายเสรีนิยมมีพลังในสังคมได้ก่อนพวกลอกเลียนแบบที่ตามมา และสั่นคลอนพลังอนุรักษ์นิยมได้มากเท่าที่สุดเท่าที่พรรคการเมืองไทยเคยใช้วิถีทางเสรีนิยมนี้ในการบริหารประเทศ
ดังนั้นการบ้านของ“ฝ่ายที่เป็นปัญญาชน-ฝ่ายที่ต้านลัทธิเสรีนิยม” จึงถือว่าเป็นงานที่หนักเอาการมิใช่น้อย ที่ต้องให้กลับไปย้อนคิดว่า หากการต่อสู้ครั้งนี้พ้นผ่าน พวกคุณจะต้องทำอะไรต่อ ทบทวนความคิดที่ว่าระบบทุนนิยมไม่ดีอย่างไร หรือทบทวนว่าระบบทุนนิยมมันดีอย่างไรก่อน ที่จะหน้ามืดตามัวด่าทุนนิยมเสรีนิยม โดยไม่มองโลกความเป็นจริง ไม่สร้างรูปธรรมขึ้นมาให้ชาวบ้านเห็นเพื่อแข่งกับระบบที่คุณเกลียดกลัวนี้
ส่วนคนรักเสรีนิยมแบบทักษิณ หากคุณทักษิณกลับมาแล้วทะลึ่งทำตัวบ้าบอ บริจาคทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของหลวงไว้ทำเพื่อคนยากจน ให้ทานคนยากจน เดินไปไหนให้คนกราบไหว้บูชา ละจากทางโลกมุ่งแต่ทางธรรม ก็อาจจะมีคนหมดศรัทธาในตัวคุณทักษิณไปบ้างเหมือนกัน
และสำหรับผม หากคุณทักษิณ แม้จะกลับมาไม่ได้เป็นวีระบุรุษประชาธิปไตย แต่ก็ภาวนาขอให้คุณทักษิณกลับมาเป็น “พ่อค้า” เหมือนเดิม เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าการค้าขายในระบบเสรีนิยมบนพื้นฐานความเป็นจริงเป็นอย่างไร หรือหากมีบุญได้กลับมาบริหารประเทศอีกครั้ง ก็ต้องมีนโยบายส่งเสริมให้คนมีโอกาสผ่านระบบทุนนิยม ระบบเสรีนิยม ให้โอกาสคนเข้าถึงทุน ความรู้ในการทำธุรกิจ ส่งเสริมให้คนคิดนวัตกรรมใหม่ๆ ให้คนมีโอกาสได้แข่งขันกัน มีสวัสดิการสำหรับผู้ที่แข่งขันกับคนอื่นแล้วพ่ายแพ้ให้สามารถฟื้นกลับขึ้นไปแข่งขันในโลกทุนนิยมที่เป็นจริงได้
ขอย้ำอีกครั้งว่า ฉันรัก “ทักษิณ” เพราะ “ทักษิณ” สอนให้ฉัน (คนธรรมดาสามัญ) รัก “เสรีนิยม”

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 หอกหักจูเนียร์  ขณะที่นั่งปั่นข้อเขียนชิ้นนี้ ยังมีสองเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และผมต้องอาศัยการแทงหวยคาดเดาเอาคือ1. การเลือกนายกรัฐมนตรี (จะมีในวันที่ 15 ธ.ค. 2551)2. การโฟนอินเข้ามายังรายการความจริงวันนี้ของคุณทักษิณ (จะมีในวันที่ 13 ธ.ค. 2551)เรื่องที่ผมจะพูดก็เกี่ยวเนื่องกับสองวันนั้นและเหตุการณ์หลังสองวันนั้น ผมขอเน้นประเด็น การจัดการ - การบริหาร "ความแค้น" ของสองขั้ว I ขอแทงหวยข้อแรกคือ ในวันที่ 15 ธ.ค. 2551 หากว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะถูกโหวตให้เป็นนายก และพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล (ขออภัยถ้าแทงหวยผิด แต่ถ้าแทงผิด…
Hit & Run
ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจ  หลังการประกาศชัยชนะของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลังการยุบพรรค แล้วล่าถอยในวันที่ 3 ธ.ค. พอตกค่ำวันที่ 3 ธ.ค. เราจึงกลับมาเห็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แทนที่สนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ จะปราศรัยบนเวที หรือหลังรถปราศรัย ก็กลายเป็นเสวนา และวิเคราะห์การเมืองกันในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ ASTV อย่างไรก็ตาม สนธิ ลิ้มทองกุล ก็พยายามรักษากระแสและแรงสนับสนุนพันธมิตรฯ หลังยุติการชุมนุมเอาไว้ โดยเขาเผยว่าจะจำลองบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไว้ในห้องส่ง เพื่อแฟนๆ ASTV โดยเขากล่าวเมื่อ 3 ธ.ค. [1] ว่า “พี่น้องครับ…
Hit & Run
พิชญ์ รัฐแฉล้ม            นานมากแล้วที่ “ประเทศของเรา” ประสบกับสภาพความมั่นคงและเสถียรภาพที่แหว่งวิ่นเต็มทน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความหวังในความสำเร็จของการจัดการกับปัญหายิ่งเลือนรางไปทุกที ทุกเรื่อง ทุกราว กำลังถาโถมเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อมารวมศูนย์ ณ เมืองหลวงมิคสัญญีแห่งนี้ จนกระแสข่าวรายวันจากปักษ์ใต้ อีสาน...แผ่วและเบาเหมือนลมต้นฤดูหนาว   สื่อต่างๆ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ประโคมข่าวจากเมืองหลวงกระจายสู่ทุกอณูเนื้อโลก ช่างน่าตกใจ! ภาพแห่ง “ความรุนแรง” ของฝูงชนขาดสติและไม่เหลือแม้สายใยในความเป็นมนุษย์ร่วมกัน ถูกกระจายออกไป…
Hit & Run
  ธวัชชัย ชำนาญ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นห้วงเวลาที่คนไทยทั่วทุกสารทิศ เดินทางเข้ามาร่วมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ "พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ" ความยิ่งใหญ่อลังการที่ทุกคนคงรู้ดีที่ไม่จำเป็นต้องสาธยายเยอะ  แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ความสงบเงียบของบ้านเมืองที่ดูเหมือนมีพลังอำนาจอะไรบางอย่างมากดทับกลิ่นอายของสังคมไทยที่เคยเป็นอยู่กลิ่นอายที่ว่านั้น..เป็นกลิ่นอายของความขัดแย้ง ความเกลียดชังของคนในสังคมที่ถูกกดทับมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บบอร์ด pantipจันทร์ ในบ่อ เชื่อว่าหลายคนคงได้ชมรายการตีสิบเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเชิญ ‘คุณต้น' อดีตนักร้องวง ‘ทิค แทค โท' บอยแบนด์ไทยสไตล์ญี่ปุ่นรุ่นแรกๆ ที่โด่งดังราวสิบปีก่อนมาออกรายการ เพื่อเป็นอุทธาหรณ์แก่สังคมเรื่องผลเสียจากการใช้ยาเสพติดคุณต้นสูญเสียความทรงจำและมีอาการทางสมองชนิดที่เรียกว่า ‘จิตเภท' จากการใช้ยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าและยานอนหลับชนิดรุนแรง จนหลายปีมานี้เขาได้หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงและจดจำใครไม่ได้เลย คุณแม่เคยสัญญากับคุณต้นไว้ว่า หากอาการดีขึ้นจะพามาออกรายการตีสิบอีกครั้งเพื่อทบทวนเรื่องราวในอดีต เพราะคุณต้นและเพื่อนๆ…
Hit & Run
  คนอเมริกันและลามถึงคนทั่วโลกด้วยกระมัง ที่เหมือนตื่นจากความหลับใหล พบแดดอ่อนยามรุ่งอรุณ เมื่อได้ประธานาธิบดีใหม่ที่ชนะถล่มทลาย คนหนุ่มไฟแรง ผิวสี เอียงซ้ายนิดๆ ผู้มาพร้อมสโลแกน "เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน และเปลี่ยน" แม้ผู้คนยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะเปลี่ยนได้ไหม เปลี่ยนไปสู่อะไร (เพราะอเมริกาไม่มีหมอลักษณ์ฟันธง หมอกฤษณ์คอนเฟิร์ม) แต่ขอแค่โลกนี้มีหวังใหม่ๆ ความเปลี่ยนแปลงสนุกๆ ก็ทำให้ชีวิตกระชุ่มกระชวย ท้องฟ้าสดใสกว่าที่เคยเป็นได้ง่ายๆ   มองไปที่อื่นฟ้าใส แต่ทำไมฝนมาตกที่ประเทศไทยไม่เลิก บ้านนี้เมืองนี้ ผู้คนพากันนอนไม่หลับ ฟ้าหม่น ฝนตก หดหู่มายาวนาน นานกว่าเมืองหนึ่งใน ‘100…
Hit & Run
    ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย ส่วนตัวความจริงแล้วไม่อยากยุ่งเพราะเป็นคนรักสงบและถึงรบก็ขลาด แต่ไม่ยุ่งคงไม่ได้เพราะมันใกล้ตัวขึ้นทุกที ระเบิดมันตูมตามก็ถี่ขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ใครเป็นตัวโกง ใครเป็นพระเอก เลยขอพาหันหน้าหาวัดพูดเรื่องธรรมะธรรมโมบ้างดีกว่า แต่ไม่รับประกันว่าพูดแล้วจะเย็นลงหรือตัวจะร้อนรุมๆ ขัดใจกันยิ่งกว่าเดิม ยังไงก็คิดเสียว่าอ่านขำๆ พอฆ่าเวลาปลายสัปดาห์ก็แล้วกัน.....
Hit & Run
< จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ >หลังจากอ่าน บทสัมภาษณ์ของซูโม่ตู้ หรือจรัสพงษ์ สุรัสวดี ในเว็บไซต์ผู้จัดการรายสัปดาห์ออนไลน์ แล้วพบว่าสิ่งหนึ่งที่ควรชื่นชมคือ ความตรงไปตรงมาของจรัสพงษ์ที่กล้ายอมรับว่าตนเองนั้นรังเกียจคนกุลีรากหญ้า ที่ไร้การศึกษา โง่กว่าลิงบาบูน รวมไปถึง “เจ๊ก” และ “เสี่ยว” ที่มาทำให้ราชอาณาจักรไทยของเขาเสียหาย เป็นความตรงไปตรงมาของอภิสิทธิ์ชนที่ปากตรงกับใจ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ที่คงไม่ได้ยินจากปากนักวิชาการ หรือนักเคลื่อนไหวคนไหน (ที่คิดแบบนี้) (เดี๋ยวหาว่าเหมารวม)
Hit & Run
  ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านไป ความวุ่นวายในเมืองหลวงเริ่มคลีคลาย แต่ความสับสนและกลิ่นอายของแรงกดดันยังบางอย่างภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองยังคงคลุกรุ่นอยู่ไม่หาย... ไม่รู้ว่าน่าเสียใจหรือดีใจที่ภารกิจบางอย่างทำให้ต้องเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ก่อนหน้าเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่เรียกกันว่า "7 ตุลาทมิฬ" เพียงข้ามคืน สิ่งที่เกิดขึ้นในความทรงจำจึงเป็นเพียงอีกเรื่องราวของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ถึงขณะนี้ยังไม่รู้ถึงข้อมูลที่แน่ชัดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสูญเสียเกิดจากอะไร เพราะใครสั่งการ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น อย่างไร ฯลฯ คำถามมากมายที่ยังรอคำตอบ   …
Hit & Run
   (ที่มาภาพ: http://thaithai.exteen.com/images/photo/thaithai-2550-11-4-chess.jpg)หลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ความขัดแย้งทางชนชั้น การปะทะกันระหว่าง "ความเชื่อในคุณธรรม vs ความเชื่อในประชาธิปไตย" เริ่มปรากฏตัวชัดขึ้นเรื่อยๆ และได้ก่อให้เกิดความรุนแรงจากมวลชนทั้งสองกลุ่มฝั่งคุณธรรม อาจเชื่อว่า หากคนคิดดี ทำดี ปฏิบัติดีแล้ว เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมในขณะนี้คือ จริยธรรมของคนที่ข้องเกี่ยวกับการเมือง ดั้งนั้น จึงพยายามกดดันให้นักการเมืองเข้ากรอบระเบียบแห่งจริยธรรมที่ตนเองคิด หรือไม่ก็ไม่ให้มีนักการเมืองไปเลยฝั่งประชาธิปไตย อาจเชื่อว่า…
Hit & Run
Ko We Kyawเมื่อวันเสาร์ สัปดาห์ก่อน มีการจัดงาน ‘Saffron Revolution, A Year Later' ที่จัดโดยคณะผลิตสื่อเบอร์ม่า (Burma Media Production) หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อรำลึกถึง 1 ปี แห่งการปฏิวัติชายจีวร นอกจากการเสวนาและการกิจกรรมเพื่อเป็นการรำลึกแล้ว ภาคบันเทิงในงานก็มีความน่าสนใจเพราะมีการแสดงจากคณะตีเลตี (Thee Lay Thee) ที่มีชื่อเสียงจากพม่าการแสดงในวันดังกล่าว เป็นการแสดงในเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี 2551 หลังจากเคยจัดการแสดงมาแล้วในเดือนมกราคม และการแสดงการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยนาร์กิส เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในพม่า…
Hit & Run
  ขุนพลน้อย       "ผมรู้สึกภูมิใจยิ่งที่สามารถคว้าเหรียญทอง สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย แต่ก็แอบน้อยใจบ้างที่เงินอัดฉีดของพวกเราจากรัฐบาลน้อยกว่าคนปกติ นี่ถ้าได้สักครึ่งหนึ่งของพวกเขาก็คงดี"น้ำเสียงของ ‘ประวัติ วะโฮรัมย์' เหรียญทองหนึ่งเดียวของไทย ในกีฬา ‘พาราลิมปิกเกมส์ 2008' หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงดึกวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2551 เป็นไปอย่างมุ่งมั่นระคนทดท้อการต้อนรับนักกีฬาในหมู่คนใกล้ชิดและในวงการมีขึ้นอย่างอบอุ่น แต่ความไม่เท่าเทียมกันเมื่อเปรียบเทียบกับนักกีฬาที่ได้รางวันใน ‘โอลิมปิก' คงเป็นภาพที่สะท้อนมองเห็นสังคมแบบบ้านเราได้ชัดเจนขึ้น…