Skip to main content
สาละวิน,ลูกรัก


เช้าวันที่สองของการไปคลอด ในมือของแม่ยังคงว่างเปล่า ทั้งที่ทุกคนในห้องหลังคลอดต่างมีห่อของขวัญอยู่ในมือกันคนละห่อ


พ่อของลูกเทียวไปมาระหว่างห้องหลังคลอด ซึ่งอยู่ชั้นบนของห้องรอคลอด กับห้องพักเด็กอ่อน ที่อยู่ไกลออกไปอีกหนึ่งช่วงตึก ที่นั่นมีห่อของขวัญของแม่นอนอยู่ในตู้อบเล็กๆ ขนาดเท่ากับตัวลูก


พยาบาลบอกว่าน้ำหนักของลูกน้อยไปหน่อย เกือบจะตกเกณฑ์ ซ้ำยังมีอาการติ้กแมกนีเซียม ลูกจึงต้องได้รับการดูแลจากพยาบาลอย่างใกล้ชิด


พ่อบอกว่ามีเด็กนอนในตู้อบที่ว่าหลายคนมาก พ่อยังไม่ทันเห็นหน้าลูกชัดๆ เพียงแต่มองผ่านตู้กระจกเข้าไป โดยมีพยาบาลชี้บอกว่าลูกนอนตู้ตรงไหน ทำให้พ่อกลัวว่าเด็กจะสลับตัวกันได้


แม่บอกพ่อว่าไม่ต้องกังวล เพราะแม้ว่าแม่จะได้เห็นหน้าลูกเพียงไม่กี่วินาที แต่แม่ก็มั่นใจว่าแม่สามารถจำลูกได้ทันทีที่ได้เห็นหน้ากันอีกครั้ง


ในห้องหลังคลอดนี้ แม่มีความรู้สึกที่แตกต่างไปจากห้องรอคลอดอย่างริบรับ เสียงร้องระงมของเด็กทารก สลับกับเสียงที่ดังโหวกเหวกไม่เป็นภาษาของบรรดาพ่อแม่ละญาติที่มาเยี่ยม กลับกลายเป็นความรู้สึกอบอุ่นมากกว่าความรำคาญ


แม่สังเกตเห็นแววตาแห่งความปลาบปลื้ม ที่ฉายออกมาจากดวงตาของผู้เป็นพ่อแม่ แม้ว่าแต่ละคนจะมาจากต่างชาติต่างภาษา แต่เสียงร้องไห้จ้าของบรรดาลูกๆ คือภาษาสากลที่แสดงถึงความต้องการ การเอาใจใส่ดูแลและน้ำนมอุ่นๆจากอกแม่ ที่ต่างตอบสนองลูกด้วยดวงใจที่ไม่แตกต่างกัน


ในห้องหลังคลอดซึ่งเป็นห้องรวม มีเด็กที่เกิดวันเดียวกันกับลูก และก่อนหน้าลูกสองสามวัน ซึ่งยังคงพักฟื้นอยู่อย่างน้อยสามวัน นับดูแล้วมากกว่าสิบคน ทำให้แม่รู้สึกว่าการเกิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุด ซึ่งยังคงคู่โลกใบนี้มานานแสนนาน ที่ชีวิตใหม่เกิดขึ้นอยู่ทุกวินาที


แม้จะมีพัฒนาการการควบคุมการเกิดให้ลดน้อยลง แต่มนุษย์ก็ยังคงต้องดำรงวิถีแห่งเผ่าพันธุ์ เฉกเช่นเดียวกับความตายที่มาเยือนห้องดับจิตอยู่ทุกโมงยาม


เช้าวันนี้แม่ก็พบกับความแปลกใจที่พ่อออกไปซื้อกับข้าว แล้วกลับมาพร้อมกับดอกกุหลาบในมือ แม่ลืมไปแล้วว่า ลูกเกิดก่อนวันเกิดแม่เพียงหนึ่งวันเท่านั้น


พ่อของลูกที่ไม่มีวันลืมวันเกิดของแม่ แฮปปี้เบริ์ดเดย์แม่ด้วยดอกกุหลาบสีแดงหนึ่งดอกและเค้กวันเกิดที่พอเพียงที่สุดในโลก


มันเป็นเค้กก้อนเล็ก ๆ ราคาเพียงห้าบาท แต่แม่กลับรู้สึกว่ามันเป็นเค้กวันเกิดที่อร่อยที่สุดในโลก


แม่อยากจะฉลองวันเกิดนี้พร้อมกับลูก เพราะเป็นวันเกิดแรกที่แม่ไม่ได้เป็นผู้เกิดมาอย่างเดียว แต่กลายมาเป็นผู้ให้กำเนิดลูกอีกคน


แม่รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของแม่ ที่ได้ให้กำเนิดแม่เมื่อยี่สิบแปดปีก่อนอย่างลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นมา

และแล้วการรอคอยที่จะได้พบหน้าลูกอีกครั้งอย่างทรมานก็จบลง เมื่อพยาบาลอุ้มลูกเข้ามาที่เตียงของแม่ โดยไม่รีรอแม่โผเข้าไปรับลูกมาจากมือของพยาบาล ทั้งที่ยังไม่ทันอ่านชื่อที่ป้ายข้อมือ แม่รู้ทันทีว่าต้องเป็นลูกของแม่อย่างแน่นอน


สาละวินตัวน้อย หลับตาพริ้มในผ้าอ้อมสีขาว ผมของลูกดำขลับยาวระลงมาที่ใบหน้าเล็กๆ คล้ายจอนผม ตัวของลูกแดงนิดๆ ดูบอบบางจนแม่อุ้มลูกไว้ไม่ถูก


พยาบาลเข้ามาสอนวิธีการอุ้ม ซึ่งจะทำให้หน้าของลูกแนบเข้ากับทรวงอกของแม่ และสะดวกต่อลูกในยามที่ลูกต้องการดื่มน้ำนมอุ่นจากอกแม่


ความเป็นแม่ของมนุษย์และสัตว์นั้น อาจจะเกิดได้กับสัตว์ทุกชนิดทั้งสัตว์เลือดเย็นและสัตว์เลือดอุ่น แต่ก็คงจะน้อยกว่าสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม


เพราะความผูกพันและความรู้สึกท่วมท้นที่มีต่อกันหลังจากตัดสายสะดือแล้ว คงจะหลั่งไหลสู่กันด้วยการเป็นผู้รับและผู้ให้น้ำนมอุ่นจากทรวงอกแม่


อาจจะมีแม่ใจบาปไม่กี่คนที่ทิ้งลูกแดงๆ ไว้ได้ ทั้งๆ ที่เต้านมคัดไปด้วยน้ำนม ซึ่งเป็นการฝืนธรรมชาติ ไม่ต่างจากการให้ลูกดื่มนมจากขวดทั้งที่น้ำทิพย์ที่สมบูรณ์ที่สุดมีอยู่กับตัวเอง


แม่เคยคิดว่า การประกวดความสวยงามของผู้หญิงโดยวัดสัดส่วนหน้าอก เอว สะโพก ว่ามีความสมวัดส่วนมากแค่ไหนนั้น เป็นการอุปโลกน์ขึ้นของมนุษย์โดยแท้

 

ความจริงควรจะวัดกันว่า น้ำนมที่ออกมาจากสองเต้านั้นต่างหาก ที่มีคุณภาพและมากพอที่จะเลี้ยงทารกหรือไม่

 

เพราะหากจะหาประโยชน์และคุณค่าที่แท้จริงของเต้านมของผู้หญิง ที่พระเจ้าสร้างสรรค์ไว้ให้แต่แรกนั้น ก็เพื่อไว้ผลิตน้ำนมสีขาวเปี่ยมคุณค่าให้แก่ลูกน้อยเท่านั้นเอง

 

สำหรับแม่แล้วหลังจากได้ห่อของขวัญมาอยู่ในมือแม่กลับพบว่า ความตั้งใจที่จะให้ลูกได้ดื่มนมจากอกแม่นั้นต้องพบกับอุปสรรค เพราะลูกที่ถูกจับกรอกด้วยนมชง (เพราะหมอจะไม่ให้ทารกดื่มนมจากขวดนม) ทำให้ลูกไม่ชินที่จะดูดนมจากแม่


และแม่เองเนื่องจากไม่ได้ให้ลูกดูดนมทันทีหลังคลอด ทำให้น้ำนมไม่ไหลเช่นคนอื่นที่ได้รับการกระตุ้นจากดูดของทารกทันทีหลังคลอด


แม่จึงรู้สึกคัดเต้านมอย่างมาก พยาบาลบอกว่าต้องพยายามให้ลูกดูดนมเราก่อน แล้วสมองของเราจะไปสั่งการให้น้ำนมไหลตามธรรมชาติ


น้ำตาของแม่รินไหลทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของลูกร้องขอกินนม ราวกับว่าจะทดแทนน้ำนมที่ไม่ยอมไหลริน

ลูกจะมีอาการตัวเหลืองเพราะขาดสารอาหาร เมื่อไม่ได้ดื่มน้ำนมอย่างพอเพียงจนแม่ต้องใจอ่อนอุ้มลูกไปให้พยาบาลกรอกนม ทั้งๆ ที่รู้ว่าหากลูกยังถูกกรอกน้ำนมอยู่เรื่อยๆ จะทำให้ลูกไม่ยอมดูดนมแม่

 

พ่อของลูกคอยปลอบโยนแม่อยู่ใกล้ๆ ให้ใจเย็นๆ ไม่ต้องอ่อนแอ ไม่ต้องร้องไห้ ลูกต้องรับรู้ถึงความรักที่พ่อแม่มีให้และดูดนมแม่ในที่สุด

 

เมื่อเราสองคนพยายามอยู่นานกว่าหกชั่วโมง ลูกค่อยๆ ดูดนมแม่ ซึ่งรินไหลออกมาช้าๆ เมื่อลูกดูดนมแม่เป็นแล้ว ทำให้น้ำนมค่อยๆ ไหลรินมากขึ้นเรื่อยๆ จนมากพอที่จะทำให้ลูกอิ่มได้ และหลับในอ้อมอกแม่ในที่สุด

 

ความพยายามให้นมลูกนั้น มันเป็นความทรมานใจอย่างที่สุด พอๆ กับในวันที่แม่ต้องหย่านมลูกในอีกหนึ่งปีต่อมา ซึ่งแม่จะบันทึกถึงให้ลูกได้รับรู้ต่อไป

 

เมื่อสายน้ำสีขาวข้นหลั่งไหลจากทรวงอกแม่สู่ลูก สายใยแห่งความรักความผูกพันก็พรั่งพรูสู่หัวใจดวงน้อยของลูกและหัวใจที่พองโตของแม่อย่างไม่รู้จักจบสิ้น

 

รักลูก

แม่

 

 

บล็อกของ เจนจิรา สุ

เจนจิรา สุ
12 ตุลาคม 2550 ยามสายของวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่สนามบินแตกตื่นไปกับผู้คนที่เดินทางไปรับผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนคนใหม่ โดยเฉพาะเมื่อเห็นหญิงกระยันสวมห่วงทองเหลืองที่ขัดจนแวววาว เดินอย่างเป็นระเบียบมาเข้าแถวต้อนรับผู้ว่าฯ คนใหม่อย่างพร้อมเพียงบางคนที่มารอขึ้นเครื่องเข้ามากดชัตเตอร์ขอถ่ายรูปพวกเธอที่แต่งชุดกระยันเต็มยศ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มะลิ เด็กสาวกระยันคนหนึ่งถูกเลือกให้กล่าวคำต้อนรับท่านผู้ว่าฯ ด้วยเหตุผลที่เธอสามารถอ่านหนังสือภาษาไทยได้ชัดเจนที่สุด แม้ว่าเธอจะประหม่าบ้างกับกล้องถ่ายรูป ผู้คน และภารกิจที่เธอจะต้องทำ แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี…
เจนจิรา สุ
25 กันยายน 2550 หมู่บ้านใหม่ค่อนข้างจะคึกคักตกเย็นมีเสียงดีดสีตีเป่าร้องรำทำเพลงเป็นเพลงพื้นบ้าน  เสียงซึงประสานเสียงโม่งสอดรับกับท่วงทำนองเนื้อร้องของแม่เฒ่า เอื้อนไต่บันไดเสียงคลอปี่ไม้ไผ่ผิวหวิวไหวขึ้นลง ไล่เลียงไปไม่ทันสุดบันไดเสียงก็โยนกลับไป-มาเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าตกอยู่ในหมู่บ้านลี้ลับกลางป่าเปลี่ยวดึกดำบรรพ์ที่ไหนสักแห่งที่เคยอยู่อาศัยเมื่อนานมาแล้ว ต่างจากหมู่บ้านเดิมลิบลับ ที่นี่ไม่มีแบตเตอรี่พอเพียงสำหรับเปิดเพลงจากซีดี ไม่มีทีวีให้รุมดู แต่มีกาน้ำชาอุ่นบนกองไฟที่ล้อมวงไปด้วยเด็กๆ หนุ่มสาว จนถึงคนเฒ่าคนแก่ ปรึกษาหารือถึงวิถีชีวิตของวันพรุ่งนี้…
เจนจิรา สุ
20 กันยายน 2550 เจ้าเขียวสะอื้น (มอเตอร์ไซค์คู่ชีพ) ส่งเสียงครางกระหึ่มอุ่นเครื่องอยู่ใต้ถุนบ้าน ก่อนที่มันจะต้องเดินทางไกลในเส้นทางที่ฟ้าสวยแต่พื้นดินแสนขรุขระตรงกันข้าม สามีฉันจึงจัดแจงเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เช็คเครื่อง และเพิ่มตะกร้าหลังให้มันเพื่อบรรทุกสัมภาระที่ขนย้ายไปไม่หมด  ชาวบ้านหลายครอบครัวได้ย้ายไปดำเนินชีวิตที่หมู่บ้านใหม่ก่อนหน้าฉันหลายวันแล้ว แต่ฉันติดตรงที่ต้องพาลูกไปฉีดวัคซีนตามที่หมอนัด จึงยังอาศัยอยู่ที่บ้านแม่สามีไปพลางก่อนเช้านี้เราจึงตัดสินใจจะเดินทางไปหมูบ้านใหม่กัน สำหรับฉันค่อนข้างจะตื่นเต้นเพราะยังไม่เคยเห็นบ้านใหม่ของตัวเองสักที …
เจนจิรา สุ
12 กันยายน 2550 และแล้วก็มาถึงวันที่ทุกคนรอคอย เมื่อวันที่ย้ายต้องเลื่อนออกมาจากกำหนดเดิมอีกสองวัน แสงแดดดูเหมือนจะเป็นใจสาดส่องให้ถนนเส้นทางสายห้วยเดื่อ- ห้วยปูแกงที่เคยชื้นแฉะและเป็นหลุมบ่อจากน้ำฝนแห้งสนิท
เจนจิรา สุ
5 กันยายน 2550 ยามเช้า,ตื่นขึ้นด้วยเสียงเลื่อยไม้, เสียงค้อนตอกตะปู,เสียงสังกะสีกระทบพื้นดังโครมคราม ไก่หลายตัวที่เคยขันปลุกทุกเช้า ถูกเชือดเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงคนที่มาช่วยลงแขกรื้อบ้านตั้งแต่เมื่อวานและเช้านี้ บ้านหลายหลังพังพาบเป็นกองไม้ รอวันขนย้ายไปที่แห่งใหม่ เด็กๆ วิ่งตึงตังในห้องกลางเพราะต้องมานอนรวมแออัดกันที่บ้านย่า ก็คือบ้านสามีของฉัน แม่บ้านและเด็กสาววุ่นวายอยู่ในครัว เหตุการณ์ชุลมนเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน ชาวบ้านมาขอคำปรึกษาเรื่องบ้าน ฉันจึงตัดสินใจกดหมายเลขโทรศัพท์ต่อสายพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับปลัดหนุ่มที่ดูแลพื้นที่“ปลัดฯหรือคะ คือฉันมีเรื่องรบกวนจะเรียนถาม…
เจนจิรา สุ
31สิงหาคม2550 22.40 น.ฉันลุกขึ้นเปิดดวงไฟจากแบตเตอรี่อีกครั้ง หลังจากที่ลุกขึ้นมาโทรศัพท์สนทนากับเพื่อนที่เชียงใหม่ ระบายความกลัดกลุ้มด้วยคำพูดแต่ดูเหมือนเมื่อปิดไฟลง ดวงตาก็เบิกโพลงไปกับความคิดฉันจึงปล่อยความคิดโลดแล่นไปกับปลายปากกานับถอยหลังไปอีกสิบวัน หมู่บ้านที่ฉันอาศัยอยู่นี้ก็จะถูกย้ายไปที่แห่งใหม่ ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยให้ไปรวมกับหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปติดชายแดนไทย-พม่าทางฝั่งทิศตะวันตก    เนื่องจากชาวบ้านที่นี่อาศัยอยู่กับนายทุนมานานกว่า 12 ปี ด้วยสัญลักษณ์ที่พิเศษแตกต่างกว่าชนเผ่าอื่น “กะยัน” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่ากะเหรี่ยงคอยาว…