Skip to main content

             ท่ามกลางความวุ่นวายในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งในรัฐสภา ทั้งบนท้องถนน เราได้เห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อปรากฏขึ้นต่อสายตาของใครหลายคน ภาพเหล่านั้นทำให้ใครหลายคนต่างเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับระบอบที่ถูกเรียกประชาธิปไตยว่า ช่างไม่มีความสงบสุขเลยแม้แต่น้อย หลายคนถึงสิ้นหวังกับระบบนี้และคิดว่า ควรได้เวลาเปลี่ยนแปลงมันเสียทีแต่ว่า คำถามคือ ควรจะเปลี่ยนแปลงมันไปในทางใดกัน นั้นคือสิ่งที่หลายคนที่เบื่อหน่ายเองก็ไม่รู้คำตอบนั้นราวไร้ทางออกลงไปทุกที

 

หากเปรียบแล้วมันคงถูกเรียกว่า ภาวะสุดทาง นั้นเอง
 
 
แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องหนึ่งที่หลายคนพลาดที่จะชมภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแบบน่าเสียดายในช่วงที่หนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ จนกระทั่งหนังออกแผ่นมาให้ชมถึงที่บ้านก่อนที่เราจะได้พบว่า นี่คือหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดของผู้กำกับยุทธเลิศ ซึ่งฝีมือการทำหนังไม่ค่อยเสถียรสักเท่าไหร่ เพียงแต่สิ่งที่โดดเด่นของเขายังคงอยู่เสมอนั้นก็คือการเล่าเรื่องของคนตัวเล็กๆ ชายขอบของสังคมไทยควบคู่ไปด้วยการตีประเด็นใหญ่ๆของสังคมไปด้วย ไล่มาจากมือปืนในมือปืนโลกพระจัน, คนไทยในต่างแดน,ผีสาวในบุปผาราตรี,กระเทย คนงานพม่าในโกยเถอะเกย์ และอีกมากมายที่ล้วนแล้วแต่เป็นเหมือนชิ้นส่วนของกระจกที่สะท้อนให้เห็นภาพของสังคมไทยได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเขาก็กลับมาตั้งคำถามเกี่ยวกับคนชายขอบอีกครั้งกับการหยิบหนังมือปืนที่สร้างชื่อให้ออกมาซอยเป็นสามภาคที่เล่าเรื่องคู่ขนานกันไป โดยที่ออกฉายก่อนคือ มือปืนดาวพระเสาร์ และ มือปืนดาวพระศุกร์หรือหมาแก่อันตรายนั้นเอง และคราวนี้ประเด็นของหนังไปไกลยิ่งกว่าหนังไทยหลายเรื่องเสียอีกเพราะในฉากหน้าของหนังมือปืนเรื่องนี้มีสภาพเป็นการจำลองภาพสังคมไทยในเวลานี้ได้อย่างชะงักงันยิ่ง
 
จะเรียกว่าเป็นหนังที่ว่าด้วยสังคมประชาธิปไตยยุคไทยๆนั้นเอง
 
จากมาร์ค มือไรเฟิ่ล นกเขาไม่ขันกับคริส หญิงสาวที่หมดสิ้นซึ่งความรักในมือปืนดาวพระเสาร์นั้นนำมาสู่เรื่องราวของมือปืนรุ่นเก๋าที่มีชื่อว่า เป๋ อูซี่หรือเป๋ ท่าทราย ที่พึ่งออกมาจากคุก ผู้ที่ได้รับรู้ความลับว่า ตัวเขานั้นมีลูกสาวที่เกิดกับภรรยาที่เลิกรากันไปนานแล้ว และที่สำคัญลูกสาวของเขาตอนนี้ก็เป็นตำรวจหญิงอนาคตไกล ซึ่งมีอีกด้านหนึ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือ เธอเป็นเลสเบี้ยนหรือทอมนั้นเอง อันที่จริงทั้งคู่ไม่รู้จักซึ่งกันและกันจนกระทั่งวันหนึ่งโชคชะตาได้เล่นตลกให้เธอต้องออกไล่ล่าเขาที่เป็นคนที่ทำให้พ่อบุญธรรมของเธอต้องตาย เธอต้องออกไล่ล่าเขาโดยที่ในใจนั้นเธอตั้งคำถามว่า เขาเป็นใครกันแน่
 
 
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในหนังชุดนี้ก็คือ การหาญกล้าหยิบตลกคาเฟ่มารับบทนำ ซึ่งก็เป็นมาตั้งแต่หนังเรื่องแรกของเขาอย่าง มือปืนโลกพระจันแล้วที่เอาพวกเขามารับบทนำ ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขามีทีท่าในโลกภาพยนตร์ในฐานะตัวประกอบหรือตัวตลกที่มีเอาไว้เสริมให้ขำเท่านั้น ไม่ได้มีใครคิดว่าพวกเขาจะสามารถมารับบทนำได้จนกระทั่งการมาของหนังเรื่องมือปืนโลกพระจันที่ได้เปลี่ยนสถานะของพวกเขาทุกคนไปตลอดกาล จากตลกคาเฟ่กลายเป็นตลกทีวีและกลายเป็นดารานำที่ขาดไม่ได้ในหนังเรื่องต่างๆ ซึ่งต้องขอบคุณความโด่งดังของหนังเรื่องนั้นที่ทำให้ตลกมีคุณค่ามากขึ้นในสายตาของคนไทย และแน่นอนว่า เมื่อพวกเขามาสวมบทเป็นอาชีพชายขอบอย่างมือปืน อาชีพที่หลายคนไม่มีใครอยากทำหากไม่มีความจำเป็นจริงๆ สิ่งเราได้เห็นก็คือ การที่คนชายขอบได้รับบทชายขอบจริงๆขึ้นมาเลยเกิดภาพความสมจริงขึ้นมาอย่างยิ่งราวกับเป็น วัตถุอันเดียวกันเสียอีก
 
เราคงสงสัยว่า ทำไมพวกเขาต้องเป็นมือปืนกันในเมื่อพวกเขาสามารถทำอาชีพอื่นได้ คำตอบก็ง่ายอย่างยิ่งด้วยคำง่ายๆว่า
 
เพราะเงินนั้นเอง
 
 จริงๆแล้วหากมองทะลุไปในเชิงโครงสร้างของประเทศไทย เราได้รับรู้ว่าในสังคมแบบนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การศึกษาแต่เป็นเงินต่างหาก เพราะถ้าไม่มีเงิน คุณก็ไม่อาจจะเข้าโรงเรียนหรือทำอย่างอื่นได้ ชีวิตของคุณก็ไม่มีวันดีขึ้นหากไม่มีเงินมากๆ คำพูดที่ว่า การศึกษาคือการลงทุนนั้นก็เสมือนเป็นนิยามที่ทำให้เรารับรู้ได้ถึงภาพความสำคัญของเงินได้ทีเดียว และนั้นก็โยงไปถึงคำถามที่ยุทธเลิศได้ตั้งเอาไว้นั้นก็คือ
 
ระบอบประชาธิปไตยของไทยนั้นล้มเหลวจริงหรือ
 
เขามองว่าระบอบประชาธิปไตยนั้นล้มเหลวต่อการสร้างความหวังให้กับประชาชน ในเรื่องนี้เราได้เห็นพรรคการเมืองต่างๆมากมายออกหาเสียงจะทำนู้นทำนี้เพื่อชักจูงให้คนไปลงคะแนนให้มากมาย บ้างก็ถึงขั้นลดแลกแจกแถมกันอย่างหนัก บ้างก็ถึงขั้นใช้เงิน ใช้อิทธิพลทุกวิถีทางเพื่อซื้อเสียงหรือหาทางทำให้ตัวของพวกเขาได้เข้าไปนั่งในสภา รวมทั้งพฤติกรรมมากมายของนักการเมืองที่ต่างด่าทอ สาดโคลนกันไปมา เล่นเกมการเมืองเพื่อความได้เปรียบของตัวเองตลอดเวลาโดยที่ไม่สนใจใดๆประชาชนที่เลือกพวกเขามากับมือได้แต่มองตาปริบๆประมาณว่า เฮ้ย เลือกไปแล้วเป็นแบบนี้ไม่เลือกมันซะดีกว่า นั้นส่งผลให้ประชาชนเบื่อการเมืองและเริ่มมองหาความหวังอื่นที่ไม่ใช่นักการเมืองละครลิงพวกนี้แทน อันเป็นภาวะที่ผมพูดไปแล้วว่า มันคือภาวะสุดทางหรือทางตัน หรืออาจจะเรียกสุญญากาศทางการเมืองนั้นเอง
 
ซึ่งในหนัง หลายคนคงแอบเชียร์ให้เป๋เอาปืนไปยิงนักการเมืองชั้วพวกนี้ให้ตายเสียให้หมดเพราะมองไม่เห็นทางว่า พวกเขาจะเป็นตัวแทนที่ดีได้อย่างไร ซึ่งนั้นก็ไม่ต่างกับการที่เราเรียกร้องหาอำนาจพิเศษให้มาจัดการกับพวกเขา(อย่างเช่น การรัฐประหาร ตุลาการภิวัฒน์ หรืออำนาจนอกระบบอื่นๆ) แน่นอนว่า มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยนอกเสียจากทำให้ทุกอย่างวุ่นวายมากไปกว่าเดิมเสียอีก (ประเด็นนี่ไปชัดเจนยิ่งใน มือปืนดาวพระเสาร์) ซึ่งหากเปรียบปืนของเป๋กับอำนาจพิเศษ เป๋ก็เป็นตัวแสดงแทนอำนาจยุคเก่าที่ล้าสมัยและตกยุค ที่ใกล้จะปลดระวางไปทุกที เราจะไปหวังได้กับชายคนนี้ที่เอาตัวเองยังไม่รอดเลย และจะไปหวังอะไรได้ว่าเขาจะมาช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมนี้ได้
 
 
ในขณะที่ตัวนางเอกของเรื่องเองก็ใช่ว่าจะเป็นความหวังของเราได้เลยสักทีเดียว เพราะตัวเธอนั้นยังไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อไปตามเพศสภาพของเธอที่ตัวจะเป็นหญิงแต่กายมีรสนิยมทางเพศอีกแบบหนึ่ง เธอมีรุ่นพี่ตำรวจที่คอยแสดงท่าทีตลอดเวลาว่าชอบเธอ ในขณะที่เธอกำลังคบกับรุ่นน้องสาวเลสเบี้ยนอยู่นั้นทำให้เธอรู้สึกสับสนตัวเองควรจะทำอย่างไรดีกันแน่ นอกจากนี้เธอยังมีคำถามในใจหลายอย่างที่ชวนให้สับสนเช่น ชายที่คนที่ฆ่าพ่อของเธอเกี่ยวพันอะไรกับแม่ และทำไมเขาต้องฆ่าพ่อของเธอด้วย นั้นคงไม่ต่างกับคนไทยหน้าซื่อตาใสสักเท่าไหร่นักที่ต่างสับสนกับชีวิตของตัวเองว่า ควรจะไปทางไหนกันแน่ ซึ่งแสดงถึงภาวะสุญญากาศทางการเมืองและเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ต่ออนาคตได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่ทำให้หนังดูจะก้าวไปไกลอย่างยิ่งก็คือ การที่หนังทำท่าด้วยการจะจบด้วยดี เมื่อเราได้เห็นเป๋เขียนจดหมายบอกเล่าความจริงให้กับเธอว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งเขาเป็นใคร เขาเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ เขาฆ่าพ่อของเธอทำไม แต่หนังกลับพลิกด้วยการให้เขาโยนจดหมายนั้นทิ้งและทิ้งเพียงคำสั้นๆแค่ว่า
 
อโหสิให้ผมด้วย
 
นั้นเป็นการบอกว่า ตอนจบแบบนิยายไม่ได้มีจริงบนโลกบวมๆใบนี้ ผมว่าไม่มีใครคิดว่า ทุกอย่างจะจบลงด้วยดีแบบนั้นหรอกครับบนโลก ซึ่งมันต่างจากตอนจบโลกสวยแบบที่หลายคนคิดว่า พ่อกับลูกจะมาเข้าใจกันกอดกันบอกผิดไปแล้วอะไรพวกนี้แล้วพวกเขาก็มีความสุขไปตลอดชีวิต 
 
เรื่องจริงไม่มีแบบนั้นหรอกครับ ในหนังก็เช่นกันแค่เป๋หยิบจดหมายออกจากด้านในเสื้อก็ยิงโดนไม่ทันได้ทำอะไรแล้วก็บ่งบอกว่า หากเขาเขียนบอกแบบนั้นไปจริงๆ นางเอกของเรื่องก็คงติดอยู่ในความทุกข์ระทมตลอดไป ดังนั้นข้อความที่ว่า อโหสิให้ผมด้วยจึงเป็นการขอให้เธออภัยให้เขาที่ไม่บอกเรื่องราวความจริงใดๆเพราะบอกไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดีนั้นเอง ดังนั้นการที่เลือกจะยอมรับเพศสภาพของตนเองด้วยการบอกรุ่นพี่ที่แอบชอบเธอว่าเธอเป็นทอมก็เป็นเหมือนการต่อต้านระบบสังคมที่วางเอาไว้แล้ว เมื่อยิ่งมองถึงภาพสัญลักษณ์อำนาจที่ปลายกระบอกปืนคือ อำนาจของผู้ชาย ถ้าเช่นนั้นการที่ผู้หญิงมาถือปืนนั้นและไล่ฆ่าพ่อนั้นมีค่าเท่ากับการเป็น ขบถต่อภาพที่สังคมอยากให้เป็นนั้นเอง
 
ที่จริงหนังเรื่องนี้ควรจะเป็นหนังที่ได้ฉายก่อนเพราะเอาจริงๆแล้ว สารของหนังค่อนข้างเก่ากว่าหนังมือปืนดาวพระเสาร์อย่างเห็นได้ชัดแจ้งที่หนังเรื่องนั้นตั้งคำถามว่า 
 
มันจะเป็นยังไง ถ้าพวกคุณฆ่านักการเมืองตายหมดแล้ว
 
มันก็ไม่ต่างกับเรื่องนี้ที่สุดท้ายแล้วอำนาจพิเศษแบบเก่าหรืออำนาจแบบพ่อก็มีวันเสื่อมสลายและยอมตายอย่างสงบ

ในคนที่รุ่นหลังก็ต้องรอความหวังกันต่อไป
 
......

บล็อกของ Mister American

Mister American
ถ้าเอ่ยชื่อของไมเคิ่ล ฮานาเก้ ถ้าไม่ใช่แฟนหนังจริงๆหลายคนอาจจะไม่รู้จักเขาเท่ากับผู้กำกับคนอื่นๆอย่าง ไมเคิ่ล เบย์ สปีลเบิร์กหรือคาเมร่อนก็ตาม แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่หลายคนมารู้จักผู้กำกับจากยุโรปได้ก็คงไม่พ้นนิยามหนังของเขาที่หลายให้คำว่า โหดเหี้ยม เลือดเย็น และน่าขนลุก โดยหนังที่หลายคนมักจะ
Mister American
(เนื้อหาบทความนี้อาจะเปิดเผยความลับของภาพยนตร์)  ผมเชื่อว่าทุกคนเคยมีความฝัน ครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ฮีโร่ของญี่ปุ่นอย่าง อุลตร้าแมน ไอ้มดแดง ขบวนการห้าสีบุกจอโทรทัศน์ หลายคนในตอนนั้นยังเป็นเด็กตัวน้อยๆที่เฝ้ารอคอยหน้าจอที่สัปดาห์เพื่อจะได้ชมฮีโร่ของตัวเองปราบปรามเหล่าร้ายในหน้าจอที่หวังยึดครองโลก เราได้สนุกสนานกับการผจญภัยของพวกเขา บางคนอาจจะถึงขั้นอยากเป็นฮีโร่กับเขาบ้างเลยทีเดียว หรือบางคนอาจจะใฝ่ฝันที่จะได้เห็นฮีโร่ตัวจริงด้วยสายตาของตัวเอง  ซึ่งเด็กชายที่ชื่อ ฟิล โคลสัน คือหนึ่งในนั้น
Mister American
ครั้งหนึ่งเมื่อภาพยนตร์เรื่อง เฉือน ของผู้กำกับก้องเกียรติ โขมศิริ ได้ลงโรงฉายชนกับภาพยนตร์รัก Feel Good อย่างรถไฟฟ้ามาหานะเธอนั้นหลายคนที่ไปชมเรื่องนี้ต่างอึ้งกับภาพความโหดร้าย ของฆาตกรต่อเนื่องของไทยที่คาดว่าจะเป็นภาพยนตร์ฆาตกรต่อเนื่องที่น่าสนใจ เรื่องหนึ่ง และมีคำถามขึ้นมาว่า