Skip to main content

 

                    “บางคนบอกว่า Casablanca หรือ Citizen Kane คือหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก แต่ผมคิดว่า เป็น Jason and the Argonauts มากกว่านะ” ทอม แฮงค์กล่าวขึ้นในงานประกาศรางวัลออสการ์ปี 1992 เพื่อมอบรางวัลเกียรติยศด้านเทคนิคให้กับ ชายผู้สรรค์สร้างเทคนิคพิเศษอันน่าตื่นตาตื่นใจในโลกภาพยนตร์มากกว่าสี่สิบ อย่าง เรย์มอนด์ เฟเดอริค แฮร์รี่เฮาเซ่น หรือที่รู้จักกันในวงการภาพยนตร์ว่า เรย์ แฮร์รี่เฮาเซ่นนั้นเอง ซึ่งถือว่า เทคนิคที่ชื่อว่า Stop Motion นั้นเป็นเทคนิคพิเศษที่สร้างความอัศจรรย์ให้กับโลกภาพยนตร์มากนักต่อนักและยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้กำกับหลายคนที่ต่างได้แรงบันดาลจากเขาไปด้วย
 
 
                   จากผลงานภาพยนตร์กว่า 16 เรื่อง แต่ชื่อของเรย์ แฮร์รี่เฮาเซ่นกลับโด่งดังยิ่งกว่าผู้กำกับเสียอีก เพราะ สิ่งที่ปรากฏบนจอนั้นมันช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก หลายคนคงไม่เคยลืมฉากอันตระการตาทั้ง ฉากกองทัพกระดูกต่อสู้กับเหล่านักรบของเจสัน การเผชิญหน้าของเพอร์ซีอุสและเมดูซ่า การต่อสู้ของซินแบดกับเจ้าแม่กาลี และอื่น ๆ อีกมากมายที่กลายเป็นแรงบันดาลใจยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลกภาพยนตร์
 
 
                   “ตอนที่เราพบกันครั้งแรก เรย์มีน้ำใจเข้ามาดูการทดสอบภาพโครงสร้างไดโนเสาร์ดิจิตอลครั้งแรกของ Jurassic Park เขาสุดยอดมาก ทุกคนในห้องนั้นรวมทั้งตัวของผมได้แรงบันดาลใจจากงานที่เป็นจุดเปลี่ยนทางความคิดสร้างสรรค์ของเขา ทุกสิ่งที่เขาทำเป็นแรงบันดาลใจ ครั้งแรกที่ผมเอาดินน้ำมันมาปั้นตอนเด็ก ๆ ผมก็พยายามเลียนแบบนตัวละครมหัศจรรย์ที่เขาสร้างในหนัง ผมคารวะเขาทุกวัน” สตีเว่น สปีลเบิร์ก
 
                  “งานสร้างในหนังของผมคือ ลูกหลานนอกสมรสของเรย์ หุ่น Terminators ก็มีรากเหง้ามาจาก Jason and the Argonauts ที่ผมเคยดูตอนอายุ 7 ขวบ มันทำให้ผมใจสั่นอยากทำอะไรแบบนั้นบ้าง ผมอยากรู้ว่า มันทำได้ยังไง มันผลักดันผมให้เดินทางสู่เส้นทางของการสร้างเรื่อง สร้างตัวละคร และอยากเป็นผู้กำกับหนัง หนังของเรย์ ภาพมหัศจรรย์ของเขา ความฝันของเขา ฝันร้ายที่มีชีวืต ทุกอย่างที่เขาใส่เข้ามาในจิตใจเราปีแล้วปีเล่า เป็นตัวจุดประกายจินตนาการของคนทำหนังรุ่นแล้วรุ่นเล่า พวกเราเป็นหนี้บุญคุณ เรย์ ขอบคุณมาก” เจมส์ คาเมร่อน
 
                  “ระหว่างการถ่ายทำหนังภาคแรก The Fellowship of the rings ฉากแบบแฮร์รี่เฮาเซ่น ของผม คือตอนต่อสู้กันในอุโมงค์โทรลในสุสานบาลิน ผมอยากให้สัตว์ประหลาดมีท่าทางและแก๊กแบบที่เคยเห็นในหนังของเรย์ คนสู้กับสัตว์ประหลาด เอาหินหรือหอกขว้างใส่มัน และพระเอกกระโดดขี่หลังมัน ทุกอย่างจะอยู่ในฉากนี้ทั้งหมด ผมได้เติมเต็มความฝันในวัยเด็กแล้ว” ปีเตอร์ แจ็คสัน
 
                  “แซม ถามผมว่า อยากทำเมคอัพเอ็ฟเฟกต์หรือทำอนิเมชั่นสต๊อปโมชั่นให้กับหนัง ผมเอาบทของเขามาอ่านก่อน และพบว่าทุกอย่างในหนังใหญ่โตมาก ๆ มีทั้งปีศาจและฉากที่ต้องใช้เอฟเฟกต์ซับซ้อนไปหมด สุดท้ายผมเลือกทำสต๊อปโมชั่น เพราะมันเป็นโอกาสอันที่จะได้สร้างสรรค์งานที่แตกต่างจากไอดอลของผม เรยฺ แฮร์รี่เฮาเซ่น” ทอม ซัลลิแวน มือเอ็ฟเฟกต์จาก Evil dead 1,2 และ Army of Darkness
 
                   “แซมเขียน Army of darkness ออกมาด้วยเจตนาที่จะนำความสดใหม่มาให้กับแฟรนไชส์ Evil dead เขาต้องการที่จะทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมายของคนดูและจะต้องเป็นสิ่งที่คนดูไม่เคยเห็นมาในหนังเรื่องอื่น ๆ ขณะเดียวกัน มันเป็นงานที่หยิบองค์ประกอบในแบบแฮร์รี่เฮาเซ่นมาใช้เพื่อคารวะ ไม่ใช่แค่ Jason and the Argonauts แต่ยังรวมไปถึง The Seventh voyage of Sinbad  และผลงานเรื่องอื่น ๆ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่ Army of darkness จะส่อกลิ่นอายหนังแอ็คชั่นพีเรียด ซึ่งอัดแน่นไปด้วยเทคนิค Stop Motion” วิลเลี่ยม เมซ่า มือวิชวลเอ็ฟเฟกต์จาก Army of Darkness
 
                  นี่ยังไม่รวมทั้งผู้กำกับสุดเพี้ยนอย่าง ทิม เบอร์ตัน ที่ออกปากว่า ตัวเองเป็นสาวกผลงานของ เรย์ แฮร์รี่เฮาเซ่น เช่นเดียวกับ หลุยส์ เลอแตริเยร์ ผู้กำกับ Clash of the titan ฉบับสร้างใหม่ก็เป็นคนชื่นชอบผลงานของเรย์ แฮร์รี่เฮาเซ่นด้วยเช่นกัน
 
                 แน่นอนว่า หลายคนต่างฉงนสงสัยว่า ทำไมกันหน่อ หนังสัตว์ประหลาดเทคนิคโบราณเรื่องนี้จึงครองใจคนทั่วโลกมากว่าศตวรรษ ทั้ง ๆ ที่งานของเขาครั้งหนึ่งถูกหมางเมินจากเวทีรางวัลออสการ์ หรือกระทั่งบล็อกออฟฟิตเสียด้วยซ้ำไป แต่เหตุใดถึงมีคนชื่นชอบมันอยู่จนกระทั่งถึงบัดนี้
 
                 คำตอบย่อมชี้ไปที่ความนิยมจากการที่มันเฉายในทีวีและเป็นวีดีโอที่ทำให้ หนังเรื่อง Jason And Argonauts หรือ อภินิหารขนแกะทองคำ ภาพยนตร์ที่เรียกว่าเป็นสุดยอดผลงานของเรย์ แฮร์รี่เฮาเซ่นก็ว่าได้ เพราะหนังเรื่องนี้ต่างถูกพูดถึงทุกยุคทุกสมัยราวกับไม่มีวันตายไปจากโลกภาพยนตร์นี้ไปเลย
 
 
                 สำหรับผมเองหากมองย้อนไปนอกจาก Evil dead ที่ผมเป็นสาวกของหนังชุดนี้แล้ว หนังอีกเรื่องที่พ่อมักจะเช่ามาให้ชมเสมอก็คงไม่พ้นหนังเรื่องนี้ ผมได้ว่าครั้งหนึ่งคลุมคลั่งอยากเป็นเจสัน อยากสู้กับพวกสัตว์ประหลาดในตำนานอย่างยักษ์เทลอส อยากตีกับฮาร์ปี้ อยากตีกับมังกร นั่นเองที่ทำให้บ้ามากจนถึงขั้นเอาตัวของเล่นมาสร้างเป็นเรื่องต่อสู้กันเป็นเรื่องราวกันไปเลย
 
               คิดแล้วผมก็คงได้อิทธิพลมาจากชายคนนี้ไม่น้อยครับ
 
                ยิ่งนึกย้อนไปถึงตัวเองตอนนี้เรียกได้มาเยอะอยู่จริง ๆ
 
               หลายคนพูดว่า หนังของเรย์นั้นล้าสมัยไปแล้ว ยิ่งใน CG นั้นยิ่งล้าสมัยเกินไป แต่สิ่งที่หนังของเรย์ยังคงสะท้อนให้เห็นอยู่ก็คือ มุมมองความเชื่อมั่นในมนุษย์ว่า
 
               ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้
 
 
                การเดินทางเพื่อไปเอาขนแกะทองคำของเจสันและพรรคพวกนั้นอาจจะเป็นภารกิจที่ยาวนานยิ่งนัก และเต็มไปด้วยอันตรายตลอดการเดินทาง ใครจะคาดคิดว่า มนุษย์จะสามารถเอาชนะเหล่าอสูรต่าง ๆ ที่เทพเจ้าสร้างขึ้นเพื่อปกปักษ์และทดสอบพวกเขาก่อนจะไปสู่ขนแกะทองคำได้ในที่สุด
 
               การเดินทางของเจสันในโลกภาพยนตร์นั้นน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่า
 
               หลายคนคงตื่นตะลึงกับภาพการเผชิญหน้าของเจสันกับยักษ์เทลอส ยักษ์เหล็กที่เฝ้าเกาะสมบัติที่ดูไม่มีทางเอาชนะได้ หรือกระทั่งการต่อสู้กับฮาร์ปี้ นกปีศาจในตำนานกรีก รวมทั้งการเผชิญหน้ากับผาหินที่มีชีวิตเพื่อพบกับเจ้าสมุทรโพไซดอน 
 
               และยิ่งน่าตื่นตะลึงเมื่อเขาได้เดินทางไปสู่มหานครคอร์คีสและได้พบกับเมเดีย สาวงามผู้ได้รับฉายาแม่มด ลูกสาวของราชาแห่งคอร์คีส ทั้งคู่ได้ร่วมมือกันขโมยขนแกะทองคำจากมังกรเจ็ดหัวที่เฝ้าสมบัติอยู่ก่อนและเผชิญหน้ากับกองทำโครงกระดูก
 
              และกองทัพโครงกระดูกนี่เองที่ทำให้หลายคนต้องตื่นตะลึง
 
 
              “โมเดลโครงกระดูกสูง 8-10 นิ้ว ผมสร้างมาใหม่อีกหกตัว อีกตัวเป็นของเก่าจาก Sinbad ตอนที่อาซีเตดสั่งให้พวกมันไปฆ่าเจสันเป็นฉากที่ผมภูมิใจมากที่สุด ผมให้ชายสามคนต่อสู้กับโครงกระดูกเจ็ดตัว แต่ล่ะตัวมีชิ้นส่วนห้าชิ้นที่จะต้องขยับในแต่ล่ะเฟรมย่อมหมายความว่า แต่ล่ะเฟรมมีชิ้นส่วนที่ต้องขยับอย่างน้อย 35 ชิ้น แต่ล่ะชิ้นจะต้องสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของนักแสดง บางทีผมนั่งแอนิเมททั้งวันอาจจะได้ภาพปรากฏบนจอไม่ถึงหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำ สุดท้ายฉากนี้ใช้เวลานานกว่าสี่เดือนครึ่ง” เรย์ แฮร์รี่เฮาเซ่นเล่าถึงความยากลำบากของการสร้างฉากนี้ที่เมื่อออกสู่สายตาของหลายคนก็ต้องทึ้งที่ได้เห็นหุ่นพวกนี้ต่อสู้กับคนเสมือนมีตัวจริง ๆ ออกนี่เองที่ส่งผลให้หนังเรื่องนี้และฉากถูกเล่าขานสืบต่อกันนานน่ะเอง
 
              แต่เหนือสิ่งอื่นใด หนังเรื่องนี้สะท้อนให้เราเห็นความพยายามมนุษย์ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่พยายามสานความฝันของตัวเองให้เป็นจริงแม้ว่าจะมีอุปสรรคมากแค่ไหนก็ตาม
 
              ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้
 
 
             เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่ชื่อว่า เรย์ แฮร์รี่เฮาเซ่นที่ได้สรรค์สร้างผลงานของเขาให้กลายเป็นแรงบันดาลใจต่อคนทั้งโลกว่า อย่ายอมแพ้
 
             ขอให้เรย์ แฮร์รี่เฮาเซ่นหลับให้สงบครับ ผลงานของคุณจะยังอยู่ในความทรงจำตลอดไป
 
               ป.ล. เรย์ แฮร์รี่เฮาเซ่นเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมาด้วยวัย 92 ปี พะโล้ทุกเรื่องกับมิสเตอร์อเมริกันจึงขอไว้อาลัยเขาไว้ด้วยบทความจากความทรงจำนี้ครับ 
 
 
 
ข้อมูลประกอบการเขียนจาก นิตยสาร Filmax , Starpic และ Bioscope 
 

บล็อกของ Mister American

Mister American
           ความสำเร็จครั้งมโหฬารของภาคที่สี่ของแฟรนไชส์ Jurassic Park อย่าง Jurassic World นั้นเรียกได้ว่า เป็นการหักปากกานักสังเกตที่คาดเดาว่า ภาคต่อของไดโนเสาร์ภาคนี้อาจจะทำเงินได้ไม่มากนัก ทว่า การเปิดตัวในอเมริกากว่า 200 ล้านเหรียญในเวลาเพียงสามวันจนทำลานสถิติของ
Mister American
              ท่ามกลางความเงียบงันสถาวะเงินฝืดที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยปีนี้มีสภาพเรียกว่า ย่ำแย่ที่สุดในหลายปี ผู้คนไม่ยอมจับจ่ายใช้สอยกันยกเว้นเพียงจำเป็นทำให้สถาวะของประเทศค่อนข้างเงียบ บริษัทหลายบริษัทต่างเจ็บตัวเข้าเนื้อกันไปตาม ๆ กันทำให้หลายคนคาดการณ์ว
Mister American
            “บางระจัน บางระจัน บางระจัน ไม่อาจยืนอยู่ทุกวันเพ็ญเดือนสิบสอง บางระจัน บางระจัน บางระจัน ไม่อาจยืนอยู่ถึงวันเพ็ญเดือนสิบสอง”
Mister American
                ถ้าให้พูดล่ะก็นี่ก็เป็นเวลาครบรอบสามปีแล้วกระมั้งครับนับจากการล่มสลายของค่าย Bliss publishing  ค่ายหนังสือยักษ์ใหญ่ที่ปิดตัวลงไปและทำให้กระแสหนังสือเล่มเล็กอย่างไลท์โนเวลนั้นกลายเป็นหนังสือกระแสหลักที่หลายค่ายพากันกระโจนเข้ามาร่วมสมรภูม
Mister American
            เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้นวงการภาพยนตร์ไทย ไม่สิ ต้องบอกว่า วงการภาพยนตร์เมอร์เชียลอาร์ตของโลกนั้นต้องสูญเสียปรมาจารย์ สุดยอดนักสู้ของโลกไปอย่างไม่มีวันกลับ แม้ว่า ชื่อเสียงของชายคนนั้นจะแทบไม่เป็นที่สนใจของสื่อหรือคนไทยมากนัก หลายคนถึงกับงุนงงว่
Mister American
            ย้อนเวลากลับไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เราคงได้เห็นนโยบายคืนความสุขให้กับประชาชนของ คสช อย่างการเปิดโรงภาพยนตร์เมเจอร์ให้ชมภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาคที่ 5 กันไปบ้างแล้ว  แน่ล่ะว่า หลายคนคงจดจำภาพของบรรดาผู้คนที่พากันยื้อแย่งก
Mister American
        ต้องบอกว่า นี่คือ อนิเมะที่มาแรงแซงทางโค้งที่สุดในซีซั่นที่ผ่านมาเลยทีเดียว ท่ามกลางกระแสอนิเมะฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมามากมายและหลายคนคาดว่า อนิเมะที่ถูกดัดแปลงมาจากไลท์โนเวลชื่อเดียวกันของ ยู คามิยะ นักเขียนการ์ตูนที่อ
Mister American
              ท่ามกลางความวุ่นวายของการเมืองไทยที่ถึงจุดพลิกพันอีกครา หลังเกิดการัฐประหารขึ้นอีกครั้งได้ส่งผลกระทบต่อวงการภาพยนตร์โดยรวม แน่ล่ะว่าภาพยนตร์ไทยที่สามารถทำรายได้มหาศาลในตอนนี้นั้นคงไม่พ้นหนังอย่าง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาคที่ 5 ยุทธหัตถีที่กวาดร
Mister American
          ถ้าพูดถึงหนังซัมเมอร์บล็อกบัสเตอร์ในปีนี้ที่ผมอยากดูใจจะขาดชนิดว่า แทบคลั่งแบบรอไม่ไหวแล้วที่จะต้องไปดูให้ได้นั้นย่อมไม่มีหนังเรื่องไหนทำให้ผมเกิดอาการคลั่งได้มากพอ ๆ กับหนังเรื่อง ก็อตซิลล่า (Godzilla) ของ กาเรธ เอ็ดเวิร์ด ที่เป็นการนำก็อตซิลล่
Mister American
        ถ้าพูดถึงหนังสือที่ขายดีมาแรงแซงทางโค้งในช่วงเวลาที่แสนซบเซาและน่าเบื่อนี้ แน่นอนว่า ชื่อของไลท์โนเวล หนังสือนิยายแปลไทยจากญี่ปุ่นที่กลายเป็นหนังสือกระแสแรงในงานหนังสือที่ผ่านมาสองสามปีนี้ แน่นอนว่า สาเหตุที่มันเข้าถึงคนอ่านได้ง่ายจนกลายเป็นหนังสือชายดีในทุกงานหนังสือน
Mister American
                สิ่งที่คริสโตเฟอร์ โนแลน ได้ทิ้งเอาไว้ในไตรภาคหนังซุปเปอร์ฮีโร่ The Dark Knight  นั้นก็คือ การตั้งคำถามว่า การมีแบ๊ทแมน หรือ ซุปเปอร์ฮีโร่นั้นคือ สิ่งที่ควรจะมีอยู่ในสังคมต่อไปหรือไม่ แน่นอนว่า ประเด็นนี้ตัวโนแลนได้ตอบไ