Skip to main content
   "ผีน้อยโลกมายา" คือวรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทานแว่นแก้ว โดยได้รับรางวัลชมเชยจากการประกวดประจำปี 2544 เขียนโดย วันทนีย์ วิบูลกีรติ และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค


"ผีน้อยโลกมายา" เล่าถึงเรื่องราวของผีน้อยขี้สงสัยที่อาศัยอยู่ในดินแดนมายาอันเป็นดินแดนของผีที่ความทุกข์ไม่อาจกล้ำกราย ผีน้อยมีพ่อเป็นพระจันทร์และแม่คือดวงดาว มีพี่สาวใจดีชื่อพี่ดารา แม้ว่าในดินแดนมายาจะมีความสงบสุขและเสียงหัวเราะ แต่ความช่างสงสัยใคร่รู้ทำให้ผีน้อยยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี


ผีน้อยหาคำตอบจากการถามผีที่มีอาวุโสกว่า แต่ผีอาวุโสบางตนก็แสดงความรำคาญกับการช่างถามของเขา ผีบางตนก็บอกว่าผีน้อยเป็นผีจอมยุ่ง ผีขี้เกียจ(ดูเหมือนผีน้อยจะเป็นเพศชาย-เขามีหน้าตาเหมือนมนุษย์ที่เป็นเด็กผู้ชายวัยแปดขวบทุกประการ แต่เมื่อผีน้อยใช้พลังมายาอำพรางตัวตนของเขาไว้ เขาก็จะมีลักษณะเหมือนขวดตุ๊กตาที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงได้ตลอดเวลา,หน้า 9)


ในที่สุดผีน้อยตัดสินใจที่จะหาคำตอบด้วยตนเอง ผีน้อยตัดสินใจเดินทางออกจากดินแดนมายาอย่างเงียบเชียบสู่โลกมนุษย์

 

บนโลกมนุษย์ ผีน้อยได้รู้จักกับเด็กกำพร้า 3 พี่น้องที่พ่อแม่ตายด้วยโรคเอดส์ ดูเหมือนว่าเรื่องราวแบบฝัน ๆ ในตอนแรกจะเปลี่ยนมาเป็นดรามาเมื่อผีน้อยได้รู้จักสนิทสนมรับรู้เรื่องราวน่ารันทดของ 3 พี่น้อง


3 พี่น้องอาศัยอยู่โดดเดี่ยวในบ้านเช่าเก่า ๆ ด้วยความรังเกียจที่คนเป็นเอดส์เคยตายในบ้านหลังนี้ เจ้าของบ้านเช่าซึ่งเป็นหญิงขายบริการจึงปล่อย 3 พี่น้องอาศัยไปพลาง ๆ


"หัวปลี" คือพี่ชายคนโตที่อายุ 16 ปี รับหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวทำงานอยู่ในร้านเป็ดย่างและจะนำเศษอาหารกลับบ้านไปให้น้อง เขาพยายามต่อสู้เพื่อไม่ให้น้องสองคนคือ "ต้นตอง" กับ "ก้านกล้วย" ต้องไปอยู่สถานสงเคราะห์


"ก้านกล้วย" น้องสาวอายุ 6 ขวบ พิการเดินไม่ได้ความพิการทางร่างกายของก้านกล้วยถูกทดแทนด้วยการช่างฝัน ช่างจินตนาการ เธอมีเพื่อนเป็นสัตว์ที่หลายคนขยะแขยง เช่น แมงมุม แมลงสาบ หนู


เด็กทั้ง 3 คนไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่มีใครอยากคบหาสมาคมด้วยเพราะพ่อแม่ตายด้วยโรคเอดส์ ผีน้อยรับรู้ความเป็นไปของเด็กเหล่านี้และพยายามปกป้องไม่ให้ "ผีร้าย" ครอบงำและชักนำไปสู่ด้านที่เลวร้าย


3 พี่น้องดีใจที่ได้ผีน้อยมาเป็นเพื่อนรับรู้และรับฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้ ผีน้อยเปรียบเสมือนความหวังถึงสิ่งที่ดีกว่าของเด็กทั้ง 3 แต่แล้วโศกนาฎกรรมก็เกิดขึ้นเมื่อเจ้าของบ้านเช่าต้องการไล่ 3 พี่น้องออกไปเพื่อจะเปลี่ยนบ้านเช่าสกปรกเป็นสถานบริการ


พี่น้องทั้ง 3 ถูกไฟคลอกตาย ลูกสาวคนเดียวของเจ้าของบ้านเช่าซึ่งเข้ามาคบหากับเด็กทั้ง 3 ก็ตายไปด้วยโดยที่ผีน้อยช่วยอะไรไม่ได้เพราะไม่อาจต้านทานพลังอำนาจของผีร้ายมากมายหลายตน


หนังสือเล่มนี้มีความโดดเด่นแตกต่างจากเล่มอื่น ๆ ที่ได้รับรางวัลประเภทเดียวกันทั้งความสามารถในการใช้ภาษาที่พิถีพิถันกว่าเล่มอื่น ๆ ที่เคยอ่าน การนำเรื่องราวรันทดสอดแทรกเข้ากับจินตนาการ ผู้แต่งได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพตนเองที่จะเขียนวรรณกรรมเยาวชนในระดับที่ดียิ่ง ๆ ขึ้น

           "โอ้ เจ้าดาวดวงน้อย ลอยมาจากฟากฟ้า
เปล่งแสงสีเย็นตา มองแล้วน่าชื่นใจ

ฝากรอยยิ้มเล็ก ๆ ไปกับใบไม้หนึ่งใบ

ลมหอบพาเธอไปเป็นของขวัญแด่ดวงดาว

ฉันจะร้องเพลงกล่อมเจ้าทารกในสวรรค์

พ่อผู้เป็นพระจันทร์ส่งยิ้มลงมากับแสงสีขาว

แม่เคยเป็นดวงดาวปัดเป่าความปวดร้าว

ส่วนฉันคือพี่ชายที่มาจากดาวมายา

ทุกครากล่อมน้องทุกคืน

ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา..." (หน้า 57)


อย่างไรก็ตาม ดูแล้ว "ผีน้อยในดินแดนมายา" จะคล้าย "แคสเปอร์" ผีน้อยของฮอลลีวูดไปหน่อย นอกจากนี้การใช้สัญลักษณ์ก็ดูจะเป็นแบบฉบับตายตัว เช่น แสงสีดำ-ผีชั่วร้าย/แสงสีขาว-ผีดี การแทรกความคิดข้อคิดที่คลุมเครือก็มีอยู่ประปรายเช่นเรื่อง "การสอนให้รู้จักวิธีหาปลา" ซึ่งดูจะผิดที่ผิดทางเพราะเด็กทั้ง 3 นั้น "ไม่มีเครื่องมือ" หรือความสมเหตุสมผลในเรื่องที่ให้ลูกสาวคนขายบริการมีบุคลิกแบบปัญญาชน หรือการตอกย้ำค่านิยมที่ดูเหมือนจะต่อต้านมาตลอดคือความน่ารังเกียจ/ชั่วร้ายของหญิงขายบริการที่สุดท้ายเผาบ้านเช่าและทำให้ลูกตนเองตายไปด้วย.

 

 

 

บล็อกของ นาลกะ

นาลกะ
เย็นวันหนึ่ง สายรุ้งออกไปเล่นฟุตบอลเหมือนเคย แต่วันนี้แม่ของเขาไม่ไปด้วย เพราะมีเพื่อนของแม่มาหาที่บ้าน สายรุ้งจึงไปกับเด่นสองคน สายรุ้งใส่ชุดกีฬาสีขาวตัวโปรด ใส่รองเท้าสีแดงที่แม่เพิ่งซื้อให้ใหม่ ส่วนเด่นใส่สีแดงทั้งชุด“ใส่ชุดนี้แล้วทำประตูได้ทุกที” เด่นคุย สายรุ้งนำฟุตบอลไปด้วย เขาใส่ไว้ในตะกร้าด้านหน้าของจักรยาน แล้วก็บึ่งไปยังสวนสาธารณะพร้อมเด่นเหมือนเคย มีเพื่อนบางคนรออยู่แล้ว พวกเขากำลังเล่นลิงชิงบอลกันอยู่เป็นการวอร์มร่างกาย จากนั้นก็แบ่งทีมกัน พอแบ่งทีมเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เล่น แต่วันนี้มีเด็กสองคนที่สายรุ้งไม่เคยเห็นมาก่อนมาขอเล่นด้วย“สองคนนี่เพิ่งย้ายมา” เด่นกระซิบ “…
นาลกะ
ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว สายรุ้งใช้เวลาอยู่กับแม่เกือบตลอด มีเพียงที่เขาออกไปเที่ยวเล่นกับเด่นหรือไปที่บ้านคุณตาเท่านั้นที่ห่างจากสายตาแม่ คุณตาจะสอนให้เขาปลูกต้นไม้ ให้เขาเห็นความสำคัญของต้นไม้ที่มีต่อชีวิตและต่อสิ่งแวดล้อม“ต้นไม้แทบไม่เหลือแล้ว” คุณตาบ่น “มีแต่หมู่บ้านจัดสรร”,คุณตาชอบบ่นเกี่ยวกับหมู่บ้านจัดสรรอยู่บ่อย ๆ คุณตาบอกว่าหมู่บ้านจัดสรรทำลายสิ่งแวดล้อม แต่สายรุ้งยังไม่เข้าใจว่าหมู่บ้านจัดสรรจะทำลายสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรแม่จะหาโอกาสพาสายรุ้งไปทำกิจกรรมต่างๆ อยู่บ่อยครั้งเพื่อไม่ให้สายรุ้งเบื่อที่ต้องอยู่แต่ในบ้าน   เย็นวันหนึ่งแม่พาสายรุ้ง เด่นและสุนัขโอเว่นไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ…
นาลกะ
เมื่อมะม่วงต้นใหญ่ที่หน้าบ้านหักโค่นลง คุณปู่ เด่น และสายรุ้งก็จัดการเลื่อยออกเป็นท่อน ขัดอย่างดี แล้วทำเป็นโต๊ะกับม้านั่ง สายรุ้งมักจะชอบนั่งทำการบ้านตรงนั้น สัตว์หลากชนิดที่เลี้ยงไว้ก็จะเข้ามาห้อมล้อมสายรุ้ง โดยเฉพาะเจ้าโอเว่น สุนัขแสนรู้ ที่ชอบกระโดดให้ดูอยู่เสมอแล้วเวลาที่เด่นหรือเพื่อน ๆ มาหาสายรุ้งที่บ้าน โอเว่นก็มักจะอวดการกระโดดสูงให้เพื่อน ๆ ของสายรุ้งชม แต่แล้วก็เกิดเหตุร้ายก็เกิดขึ้นกับโอเว่น จนต้องนอนซมไปหลายวัน คืนหนึ่งมีฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาทั้งคืน ลมก็พัดแรง แล้วพอรุ่งเช้าปรากฏว่ากิ่งไม้หักรานไปหลายกิ่งเพราะแรงลมพัดกระหน่ำ ใบไม้หล่นเกลื่อนกราดเต็มลานหน้าบ้าน…