Skip to main content
"โลกนี้ยังมีเพื่อน" คือหนังสือรวมนิทานยอดเยี่ยม รางวัลมูลนิธิเด็ก หนังสือเล่มนี้รวมนิทานไว้ทั้งหมด 7 เรื่องด้วยกัน ตั้งชื่อเล่มตามชื่อนิทานที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจากการประกวดในปีที่ 12


นอกจาก "โลกนี้ยังมีเพื่อน" ซึ่งได้รับรางวัลนิทานยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีเรื่องนิทานเรื่อง "นักวาดพู่กันวิเศษ" ที่โดดเด่นจนได้รับรางวัลความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม ส่วนที่เหลืออีก 5 เรื่องได้รับรางวัลชมเชย


"โลกนี้ยังมีเพื่อน" เขียนโดย "ศรีเกศมณี" เป็นเรื่องราวของตุ๊กตาสองตัวที่มีชีวิตจิตใจ รู้จักคิด รู้จักเจ็บเหมือนสิ่งมีชีวิตทั่วไป ตุ๊กตาทั้งสองตัวมีความแตกต่างกันมาก ตัวหนึ่งเป็นตุ๊กตาไม้ผอมกะหร่อง ชื่อ "ไม้ซีก" กับตุ๊กตาผ้าตัวอ้วนที่ชื่อ "กระสอบ" ทั้งสองตัวโคจรมาพบกันด้วยความบังเอิญ


ตุ๊กตาไม้ "ไม้ซีก" นั้นเป็นหนี้บุญคุณของตุ๊กตาผ้า "กระสอบ" เพราะ "กระสอบ" ได้ช่วยชีวิตเขาไว้จากการจมน้ำ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา "ไม้ซีก" ก็คอยติดสอยห้อยตาม "กระสอบ" ไปไหนมาไหนอยู่เสมอ แต่ "กระสอบ" เป็นตุ๊กตาที่ขี้หงุดหงิดและไม่ค่อยชอบใจที่ "ไม้ซีก" ติดตามเขาไปทุกหนทุกแห่งเหมือนเงาตามตัว อันที่จริง "กระสอบ" ไม่ได้รังเกียจ "ไม้ซีก" เพียงแต่ว่าเขาเขินอายที่จะมีเพื่อน

"เพื่อนเรอะ... ฉันไม่ชอบคำนี้หรอก ฉันอยู่คนเดียวสบายดี" กระสอบว่า

"แต่คนเราต้องมีเพื่อนนะ เพื่อนช่วยไม่ให้นายเหงาไงล่ะ" ไม้ซีกบอก

"ฉันไม่เปลี่ยนใจ ฉันไม่ต้องการเพื่อน นายไปเสียเถอะ" กระสอบพูดหนักแน่น (หน้า 13)


ทั้งสองตัวโต้เถียงกันแบบนี้เสมอ แต่ก็คืนดีกันอย่างรวดเร็วโดยลืมไปแล้วว่าเคยงอนกันด้วยเรื่องอะไร


"ไม้ซีก" ได้มีโอกาสตอบแทนบุญคุณที่ "กระสอบ" เคยช่วยชีวิตเขาไว้ด้วยการช่วยชีวิต "กระสอบ" กลับคืน


หลังจากที่ทุ่มเถียงกันครั้งแล้ว ครั้งเล่า ด้วยเรื่องที่ว่า "กระสอบ" ไม่ต้องการให้ "ไม้ซีก"ติดตาม ทั้งคู่จึงตกลงกันว่าหลังจากที่เดินข้ามสะพานข้างหน้าแล้วจะแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง


"ไม้ซีก" เดินข้ามไปก่อน เขาตัวเบาจึงเดินผ่านสะพานไม้ผุ ๆ ไปได้อย่างสบายในขณะที่ "กระสอบ" นั้นมีน้ำหนัก อุ้ยอ้าย เขาค่อย ๆ ย่องไปจนเกือบถึงปลายสะพานอีกฝั่งหนึ่งได้อยู่แล้ว แต่สะพานไม้เกิดหักขึ้นมาเพราะรับน้ำหนักของกระสอบไม่ไหว "กระสอบ" หล่นลงไปลอยคออยู่ในลำธาร น้ำซึมเข้าไปในตัวเข้าเรื่อย ๆ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจนเขาใกล้จะจม


"ไม้ซีก" ยื่นขาของเขาลงไปเพื่อให้ "กระสอบ" เกาะไว้ ตุ๊กตาทั้งสองฉุดกันไปมาอย่างทุลักทุเล ที่สุดแล้ว "ไม้ซีก" ก็สามารถดึงเพื่อนขึ้นมาได้สำเร็จทั้งคู่จึงกลายเป็นเพื่อนรักที่ขาดกันไม่ได้ แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นตุ๊กตาไม่มีราคาที่ถูกทอดทิ้งแต่ก็ยังมีเพื่อนที่คอยช่วยเหลือกันและกัน ชีวิตจึงไม่เลวร้ายจนเกินไปเพราะโลกนี้ยังมีเพื่อน


"นักวาดพู่กันวิเศษ" เขียนโดย "สุริยัน สุดศรีวงศ์" เป็นนิทานที่ได้รับรางวัลความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม จินตนาการของผู้เขียนเรียกได้ว่า "บรรเจิด" เสียจนดูเหมือนว่าแทบจะหาที่สิ้นสุดไม่ได้


เริ่มที่สายรุ้งของนางฟ้าน้อยถูกเครื่องบินไอพ่นวิ่งชนจนเส้นโค้งรุ้งขาดปลิวหายไป นางฟ้าน้อยต้องหาทางแต่งแต้มสายรุ้งให้กลับมาประดับประดาท้องฟ้าเหมือนเดิมให้ได้ พญาวิหคแนะนำว่าต้องไปหา "คุณบรรจง" จิตรกรเอกที่เก่งที่สุดบนโลกมนุษย์เพื่อให้ช่วยวาดสายรุ้งให้ เขาเคยช่วยเหลือเทวดาน้อยที่ทำดาวเหนือจมหายไปในทะเลโดยใช้พู่กันทองคำวาดดาวเหนือขึ้นมาใหม่ที่ดูเหมือนของจริงมาก


จิตรกรเอกบอกแก่นางฟ้าน้อยว่าการวาดภาพรุ้งกินน้ำเป็นงานที่ไม่ง่ายเลยเพราะสีสันสดสวยหลากหลายนั้นต้องใช้แม่สีที่หายากยิ่งเท่านั้นจึงจะวาดได้ เขาจึงออกเดินทางไปยังดินแดนสามแห่งเพื่อสาแม่สีสามสี


ที่แห่งแรกที่จิตรกรเอกไปก็คือภูเขาที่สูงที่สุดในโลก สูงเหนือก้อนเมฆทุกก้อนจึงอยู่ใกล้ชิดดวงอาทิตย์มากที่สุด พืชผลบนภูเขาแห่งนี้มีสีแดงสดสวยเพราะได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่โดยมีคนแคระเคราแดงเป็นเจ้าของภูเขา คนแคระเคราแดงยินดีที่จะมอบสีแดงให้โดยการคั้นเอาจากน้ำมะเขือเทศ


สถานที่ต่อมาที่จิตรกรเอกต้องเดินทางไปคือก้นทะเลที่ลึกที่สุด อันเป็นถิ่นที่อยู่ของนางเงือกเพื่อเสาะหาสีน้ำเงิน ราชินีเงือกยินดีที่จะมอบสีน้ำเงินที่บรรจุอยู่ในเปลือกหอยสังข์ให้โดยไม่ขัดข้อง


"อันว่าสีน้ำเงินที่เรามอบให้แก่ท่านนั้น นับเป็นสุดยอดของแม่สีโดยแท้ ทำขึ้นมาจากน้ำหมึกสีน้ำเงินของปลาหมึกยักษ์ตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่สะดือทะเล" (หน้า 35)


เสร็จแล้ว จิตรกรเอกก็ออกเดินทางเพื่อตามหาสีเหลืองต่อไป เขาเดินทางไปยังทะเลทราย ขี่อูฐเร่ร่อนอยู่นานเจ็ดวัน เจ็ดคืนจนกระทั่งได้พบกับกองคาราวานของเหล่าภูตทะเลทราย พอภูตทะเลทรายรู้ความประสงค์ของจิตรกรเอกแล้วก็ยินดีที่จะให้สีเหลืองที่กลั่นออกมาจากแสงจันทราแก่จิตรกรเอกไป


ถึงตอนนี้ยังขาดพู่กันวิเศษ จิตรกรเอกจึงขับจรวดมุ่งหน้าไปยังดวงจันทร์ เขาเจอกับกระต่ายจึงหยิบผักกาดขาวออกมาให้ จากนั้นก็ขอขนหางของกระต่ายเพื่อนำไปทำพู่กัน กระต่ายน้อยไม่ขัดข้อง ทุกอย่างพร้อมแล้ว จิตรกรเอกผูกตัวเองกับว่าวตัวใหญ่ นางฟ้าน้อยคือถือจานสีช่วยเหลืออยู่ใกล้ ๆ ยอดจิตรกรตวัดพู่กันวาดแต่งท้องฟ้า รุ้งกินน้ำกลับคืนมาอีกครั้ง


จะเห็นได้ว่าจินตนาการของผู้แต่งนั้นไม่มีที่สิ้นสุด จากเรื่องนี้ไปเรื่องนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกพร้อมที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของจินตนาการได้เสมอ นิทานทั้ง 7 เรื่องแล้ว มีภาพประกอบสวยงามเหมาะสำหรับเด็ก ๆ และเหมาะสำหรับใครก็ตามที่อยากเรียกวันคืนวัยเยาว์กลับมา.

 

 

บล็อกของ นาลกะ

นาลกะ
เย็นวันหนึ่ง สายรุ้งออกไปเล่นฟุตบอลเหมือนเคย แต่วันนี้แม่ของเขาไม่ไปด้วย เพราะมีเพื่อนของแม่มาหาที่บ้าน สายรุ้งจึงไปกับเด่นสองคน สายรุ้งใส่ชุดกีฬาสีขาวตัวโปรด ใส่รองเท้าสีแดงที่แม่เพิ่งซื้อให้ใหม่ ส่วนเด่นใส่สีแดงทั้งชุด“ใส่ชุดนี้แล้วทำประตูได้ทุกที” เด่นคุย สายรุ้งนำฟุตบอลไปด้วย เขาใส่ไว้ในตะกร้าด้านหน้าของจักรยาน แล้วก็บึ่งไปยังสวนสาธารณะพร้อมเด่นเหมือนเคย มีเพื่อนบางคนรออยู่แล้ว พวกเขากำลังเล่นลิงชิงบอลกันอยู่เป็นการวอร์มร่างกาย จากนั้นก็แบ่งทีมกัน พอแบ่งทีมเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เล่น แต่วันนี้มีเด็กสองคนที่สายรุ้งไม่เคยเห็นมาก่อนมาขอเล่นด้วย“สองคนนี่เพิ่งย้ายมา” เด่นกระซิบ “…
นาลกะ
ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว สายรุ้งใช้เวลาอยู่กับแม่เกือบตลอด มีเพียงที่เขาออกไปเที่ยวเล่นกับเด่นหรือไปที่บ้านคุณตาเท่านั้นที่ห่างจากสายตาแม่ คุณตาจะสอนให้เขาปลูกต้นไม้ ให้เขาเห็นความสำคัญของต้นไม้ที่มีต่อชีวิตและต่อสิ่งแวดล้อม“ต้นไม้แทบไม่เหลือแล้ว” คุณตาบ่น “มีแต่หมู่บ้านจัดสรร”,คุณตาชอบบ่นเกี่ยวกับหมู่บ้านจัดสรรอยู่บ่อย ๆ คุณตาบอกว่าหมู่บ้านจัดสรรทำลายสิ่งแวดล้อม แต่สายรุ้งยังไม่เข้าใจว่าหมู่บ้านจัดสรรจะทำลายสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรแม่จะหาโอกาสพาสายรุ้งไปทำกิจกรรมต่างๆ อยู่บ่อยครั้งเพื่อไม่ให้สายรุ้งเบื่อที่ต้องอยู่แต่ในบ้าน   เย็นวันหนึ่งแม่พาสายรุ้ง เด่นและสุนัขโอเว่นไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ…
นาลกะ
เมื่อมะม่วงต้นใหญ่ที่หน้าบ้านหักโค่นลง คุณปู่ เด่น และสายรุ้งก็จัดการเลื่อยออกเป็นท่อน ขัดอย่างดี แล้วทำเป็นโต๊ะกับม้านั่ง สายรุ้งมักจะชอบนั่งทำการบ้านตรงนั้น สัตว์หลากชนิดที่เลี้ยงไว้ก็จะเข้ามาห้อมล้อมสายรุ้ง โดยเฉพาะเจ้าโอเว่น สุนัขแสนรู้ ที่ชอบกระโดดให้ดูอยู่เสมอแล้วเวลาที่เด่นหรือเพื่อน ๆ มาหาสายรุ้งที่บ้าน โอเว่นก็มักจะอวดการกระโดดสูงให้เพื่อน ๆ ของสายรุ้งชม แต่แล้วก็เกิดเหตุร้ายก็เกิดขึ้นกับโอเว่น จนต้องนอนซมไปหลายวัน คืนหนึ่งมีฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาทั้งคืน ลมก็พัดแรง แล้วพอรุ่งเช้าปรากฏว่ากิ่งไม้หักรานไปหลายกิ่งเพราะแรงลมพัดกระหน่ำ ใบไม้หล่นเกลื่อนกราดเต็มลานหน้าบ้าน…