Skip to main content

 

แผนการเดินทางครั้งนี้เริ่มจากการคุยเรื่องทำหนังสือไกด์บุ๊คของฉันกับน้องแอน น้องแอนเธอเพิ่งกลับจากหลวงพระบางมา เธอไปอยู่ 15 วัน และรู้สึกประทับใจประกอบกับเธอมีสต๊อครูปในมือ และข้อมูลจำนวนหนึ่ง ความที่ฉันชอบจับแพะชนแกะอยู่แล้ว นึกขึ้นมาได้ว่า มีเพื่อนอีกคนเคยบอกให้ทำไกด์บุ๊คหลวงพระบาง อิฉันเลยจับเพื่อนชนน้อง แต่น้องแอนบอกว่าทำคนเดียวว้าเหว่เกินไป จึงชวนอิฉันทำด้วยกัน ช่วยกัน ทั้งเรื่องข้อมูลและภาพถ่าย โดยน้องแอนจะเน้นทำภาษาอังกฤษ


เพื่อนก็ตกลงว่าทำได้เลย แล้วจะพิมพ์ให้ คราวนี้ก็ถึงเวลาต้องคิดถึงการไป รวมถึงค่าใช้จ่าย อิฉันก็เป็นแกะหาแพะมาจ่ายค่าเดินทางให้ โดยเสนอโครงการทำสกู๊บให้กับนิตยสารมหานที นิตยสารฟรีก๊อบปี้ที่เน้นเรื่องราวของประเทศที่อยู่ในลุ่มแม่น้ำโขง คือ ไทย พม่า ลาว จีน กัมพูชา และเวียดนาม นิตยสารออกมาได้ 8 เล่ม ยังไม่เคยออกพื้นที่ต่างประเทศเป็นจริงเป็นจัง โดยเฉพาะในด้านการตลาด

 

เราสองคนเสนอพามหานทีไปแอ่วเมืองลาวให้กับเขา ทำสกู๊บ แนะนำหนังสือ และเปิดตลาด โดยเน้นพื้นที่หลวงพระบาง วังเวียง และเวียงจันทน์ โดยมหานทีจ่ายค่าเดินทางที่พักและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้ทั้งหมด...น่ารักจริง ๆ  โดยเฉพาะเรื่องที่พักของหลวงพระบางนั้น เต็มตั้งแต่เดือนกุมพาพันธ์ เพราะเป็นช่วงสงกรานต์  มหานทีผู้น่ารักก็ไม่ย่อท้อ ขอรายชื่อโรงแรมจากฉันไปแล้วส่งอีเมลขอบาร์เตอร์กับหน้าโฆษณาหนึ่งหน้า เราได้ที่พักช่วงสงกรานต์ที่หลวงพระบาง !!! ฉันดีใจสุด ๆ เพราะจากไม่มีที่พักจนคิดว่าจะต้องนอนวัด ตอนนี้ได้นอนวัง(เก่า) คือโรงแรมแกรนด์ หลวงพระบาง

 

ถ้ามีธุรกิจของตัวเองคงตั้งชื่อว่า บริษัทจับแพะชนแกะไม่จำกัด

 

ใกล้ถึงเวลาเดินทางแล้ว ความที่เซ็ตเวลาไว้ถึง 9 วัน จึงต้องอันเชิญมารดาของอิฉันมาอยู่บ้านกับประชากรแมวทั้ง 3 ตัว สิ่งแรกที่ทำก่อนไปคือ อ่านข้อมูลทั้งหมดของลาว ทั้งด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การเมือง ภูมิศาสตร์ ฯลฯ อ่านด้วยความอิน และจินตนาการเต็มสูบ เพราะบรรพบุรุษของฉันเดินทางมาจากหลวงพระบาง ในสมัยรัชกาลที่ 4 จากข้อมูลประวัติศาสตร์ บอกว่าช่วงนั้นฝรั่งเศสเข้ายึดลาว เมืองหลวงพระบางแตก มีการเดินทางของผู้คนออกมาจากที่นั่น หม่อนของฉันหิ้ววรรณคดีในใบลานมาหนึ่งเรื่อง ซึ่งรู้สึกว่าเท่มาก ๆ นึกถึงการเดินทางที่ยากลำบาก เปรียบเทียบกับสงครามสมัยนี้ เมื่อเมืองแตก จะมีใครสักกี่คนหิ้ววรรณคดีหนีภัยสงคราม

 

นอกจากอ่านแล้วก็มาถึงเรื่องการสื่อสารในลาว ของฉันใช้ดีแทค  สำหรับดีแทค ที่ลาว โทรกลับเมืองไทยนาทีละ 31 บาท ถ้าเมืองไทยโทรไปเรารับสายที่ลาว เราเสียนาทีละ 37 บาท ส่วนคนโทรเสียปกติตามโปรโมชั่น miss call คิดเป็นรับสายหนึ่งนาทีคือ 37 บาท sms จากไทยไปลาวอัตราปกติ รับที่ลาวไม่เสียเงิน ส่งsms จากลาวมาไทย ครั้งละ 12 บาท ใช้อินเตอร์เน็ตจากมือถือคิดเป็นกิโลไบต์ละ .45 สต. เปิดเน็ตหน้านึงเสียประมาณ 450 บาท

 

สัปดาห์หน้าอิฉันจะอยู่ที่หลวงพระบาง หว้งว่าจะส่งเรื่องราวเรื่องลาวกลับมาต่อตอนนี้ได้ ส่วนสัปดาห์ต่อไปอยู่ที่เวียงจันทน์

 

แล้วจะถ่ายรูปมาฝากนะ

 

 

 

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
ได้มีโอกาสไปแอ่วเมืองน่านเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หลังจากไม่ได้ไปมาเป็นสิบปี ไปคราวนี้คนที่ไปด้วยก็แทบไม่เคยไปเลย มีเราคนเดียวที่มาบ่อยที่สุด กระนั้นก็นับได้ประมาณสี่ครั้ง ความที่เมืองน่านเป็นเมืองที่จะว่าไกลก็ไกล จะว่าไม่ไกลก็ไม่ไกลนัก ขับรถจากเชียงใหม่ 5 ชั่วโมงรวมเวลาพักรถกินกาแฟที่เด่นชัย ขับรถเส้นทางนี้ขอแนะนำร้านกาแฟสดเด่นชัย ตรงริมแม่น้ำ เชิงสะพานทางไปลำปาง กาแฟเค้าดีจริงๆ หรือหากใครดื่มกาแฟไม่ได้ ถ้าได้ผ่านไปที่อ.ร้องกวาง จ.แพร่ แวะตลาดสด มีร้านหนึ่งขายเมี่ยง ใช้อมตอนขับรถง่วง ๆ ได้ผลดี เพราะเมี่ยงเป็นใบชาชนิดหนึ่งมีคาเฟอีนเหมือนกัน เราชอบกินเมี่ยงเพราะไม่ขับปัสสาวะเหมือนกาแฟ  
โอ ไม้จัตวา
  รูปนี้ก็ต้องจับกล้องนิ่ง ๆ เพราะถ่ายท้องฟ้าตอนเย็น
โอ ไม้จัตวา
 คำถามเดิม ถ่ายยังไงให้ดีให้สวย คำตอบแบบกำปั้นทุบกล้องเลยคือ มองให้เห็นความงาม ซึ่งตรงนี้ขอเน้นย้ำว่า “ความงามเป็นเรื่องปัจเจก” เป็นเรื่องของใครของมัน กล้องก็ของเรา เราถ่ายเราก็เอาไปดู และชื่นชมอย่างน้อยก็กับตัวเอง คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างไม่ต้องสนใจ ถ้าเราเห็นว่างาม...ถ่ายเลย
โอ ไม้จัตวา
  หลายคนถามว่าถ่ายรูปอย่างไรให้สวย ช่วยสอนหน่อยได้ไหม ความที่ไม่ได้ร่ำเรียนเรื่องการถ่ายภาพมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ทำให้เราสอนเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้เช่นกัน คำตอบที่บอกไปส่วนใหญ่จะบอกแบบโยนกล้องให้แล้วไปหาเอา
โอ ไม้จัตวา
  ไปกินปลาสะแงะมาแล้ว รสชาติและเนื้อคล้าย ๆ กับปลาคังน่ะ ร้านที่ไปกินเป็นร้านอาหารอร่อยด้วยรสมือคนปรุง ชื่อร้านน้องเบส ขอแนะนำ เป็นห้องแถวสองคูหา นอกจากปลาสะแงะที่น่าลิ้มรสแล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้อีกเมนูหนึ่งของร้านนี้คือ เห็ดหอมทอดซีอิ้ว ที่มีน้ำจิ้มสีเขียวสูตรของร้านนี้โดยเฉพาะ อร่อยจริง ๆ
โอ ไม้จัตวา
ภาพจาก www.thailandoutdoor.com ไปปายคราวที่แล้ว ได้ยินชื่อปลาสะแงะในเมนูร้านอาหารร้านอร่อย (ร้านน้องเบส เห็ดหอมทอดอร่อยด้วยน้ำจิ้มสีเขียว) แต่ก็ไม่ได้กิน ถามใครก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นปลาอะไร ดียังไง ทำไมต้องปลาสะแงะ จนกระทั่งมาเจอข้อเขียนของคุณ’รงค์  วงษ์สวรรค์ ที่เคยเขียนไว้ถึงปลาชนิดหนึ่งชื่อปลาไหลหูดำ “ปลาไหลหูดำ  โอว  หี่  เหมา  ปรุงรสน้ำแดงกับเห็ดหอมและผักบุ้ง--เอ้งฉ่าย   ปลานี้อิมพอร์ทเข้ามาจากฮ่องกงราคาแพงและมีกินในฤดูเดือนเท่านั้น แต่บางคนบอกความลับว่า  พรานปลาแถบลุ่มน้ำตาปีภาคใต้นำมาส่งอย่างไม่เปิดเผยเพื่อการผดุงราคาเหนือกว่าปลาอื่น…
โอ ไม้จัตวา
http://blog.palungjit.com/uploads/s/saochiangmai/3152.mp3 เพลงน้องน้อยแพนด้า สำหรับดาวน์โหลดค่ะ แพนด้าไม่ใช่หมี แพนด้าคือแพนด้า
โอ ไม้จัตวา
  ความที่ปายเป็นเมืองโรแมนติก เมืองที่อยู่สบาย ล้อมรอบด้วยภูเขา มีแม่น้ำเล็ก ๆ ไหลผ่าน เหมือนภาพในฝัน ในนิทานยังไงยังงั้น จึงมีผู้คนจำนวนหนึ่งย้ายนิวาสสถานมาอาศัยอยู่ที่ปาย บางคนมานอนอ่านหนังสือ พักผ่อน เช่าบ้านอยู่นาน ๆ เป็นจุดแวะพักในซอกมุมหนึ่งของโลก ก่อนจะออกเดินทางต่อไป  
โอ ไม้จัตวา
ดอกไม้ริมทาง ใครจะนึกบ้างว่าเมืองที่ “อะไรก็ปาย” ในพ.ศ.นี้ เคยเป็นดินแดนสำหรับเนรเทศผู้กระทำความผิดมาก่อน ย้อนหลังไปไกลเจ็ดร้อยกว่าปี เมื่อเริ่มสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นในพ.ศ. 1839 ในสมัยราชวงศ์มังรายปกครองเชียงใหม่นี้ ปายก็เป็นเมืองหน้าด่านเมืองหนึ่งของเชียงใหม่ ในชื่อว่า “เมืองน้อย” ซึ่งปัจจุบันบ้านเมืองน้อย (อยู่ระหว่างปายกับอ.เวียงแหง) เป็นหมู่บ้านของชาวปกากญอ อยู่ต้น ๆ ของแม่น้ำปาย
โอ ไม้จัตวา
  ได้เวลาพารถคันน้อย ๆ ไปออกกำลังกายอีกแล้ว คราวนี้ไปแบบไม่รู้อะไรเลย บ้านวัดจันทร์ ฉันรู้จักในนามป่าสนวัดจันทร์ ความที่ชอบต้นสนสองใบ สามใบ และไม่เคยแยกออกสักทีว่าอย่างไหนสองใบ หรือสามใบ แต่ที่ชอบคือใบฝอย ๆ เวลามองไกล ๆ แล้วดูเป็นฟู่ ๆ สวยดี ใบสนไม่มีน้ำ ยามหน้าแล้งจึงยังเขียวอยู่เนื่องจากมีน้ำมันอยู่ข้างใน
โอ ไม้จัตวา
คนปาย
โอ ไม้จัตวา
ตื่นเช้ามาด้วยอาการแฮ้งค์ดาวแดงอย่างสุดชีวิต ความที่เคมีในร่างการเริ่มปฏิเสธดาวดาวสีแดงดวงนี้ ทำให้ชีวิตฉันง่ายขึ้นเมื่อต้องชะตากับลีโอ จนเพื่อนร่วมทางบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่กินลีโอ