Skip to main content


ที่มาภาพ
: www.oknation.net/blog/fontree/2008/08/20/

 

 

อีกคืนค่ำ,ผมถวิลหาคำปลอบโยนของอา

เป็นไงบ้าง อยู่ได้ไหม...ชีวิต”

นั่นคือถ้อยคำของอาเคยไถ่ถาม

น้ำเสียงยังกังวานหากอุ่นอ่อนโยน

อาเหมือนดอกไม้กลางป่าอวลกลิ่นหอม

อาคงรับรู้ว่างานข่าว งานเขียน มันยากหนักเพียงใด

ที่ถามเพราะอาเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน...”

ผมได้แต่พยักหน้าบอกไป “อยู่ได้ครับอา...”

ในขณะหัวใจผมตื้นตันในถ้อยคำห่วงใยนั้น

\\/--break--\>

อีกคืนค่ำ ผมถวิลหาคำสนทนาของอา

ได้ข่าวมีที่สวนกี่ไร่นะ...”

สี่ห้าไร่ครับอา...”

เฮ้ย ไม่ใช่น้อยๆ นะ ถ้ารู้จักดูแลมัน...”

จริงสิ, ใครหลายใครต่างบอกว่าอาเป็นนักตกแต่งป่า

สวนทูนอินจึงกลายเป็นสวนสวรรค์บนโลก

ธรรมชาติ มนุษย์ และสรรพสิ่ง

นั้นสอดคล้องเกื้อหนุนสัมพันธ์กัน

 

อีกคืนค่ำดึกหนาว

ผมกับนักเขียนหนุ่ม นั่งในห้องทำงานชั้นบน

นิ่งฟังอาเล่าประสบการณ์งานเขียน สารคดี งานถ่ายภาพให้เรารับรู้

ว่างานทุกงานนั้นต้องรู้ลึก รู้รอบ มากเพียงใด

ใช่, การบอกเล่าค่ำคืนนั้น

ทำให้เรามองเห็นภาพ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม)

ขับรถไต่บนถนนลูกรังขรุขระกันดารย่านจอมบึง ราชบุรี ในวัยหนุ่ม

กดเก็บภาพ เขียนการเดินทางของนกพลัดถิ่น

จากไซบีเรียหนีหนาวมาพักที่นั่น
กาลเปลี่ยน เวลาผ่าน นานนักนาน

ทว่า อา'รงค์ ยังคงจดจำ ลึกซึ้งและแม่นยำ

เหมือนกับว่าเพิ่งประสบพบพาน วานนี้ วันนี้เอง

อีกคืนค่ำ, ผมถวิลหาคำปลอบโยนของอา

การเดินทางคือสายตาของนักเขียน”

"แถวชายแดนเวียงแหง เชียงดาว มีวัตถุดิบมากมาย

มีเรื่องราวให้เขียนไม่มีวันหมดหรอก..."
ผมเชื่อเช่นนั้นจริงๆ ครับอา

และผมกำลังหัดเขียน เขียนและเขียน...

 

อีกคืนค่ำ, ผมมีโอกาสขึ้นไปเยี่ยมอา

อาถอดสายออกซิเจนออก ก่อนหยิบแฟ้มเรื่องสั้นของผมวางตรงหน้า

อามีบางอย่างอยากวิจารณ์งานให้...”

นั่นคือถ้อยคำที่ผมยังจดจำและก้องอยู่ในโสตประสาท

ทุกครั้งยามผมเหน็ดหน่ายในการงาน --ในโลกงานเขียน
ผมถวิลหาถ้อยคำปลอบโยนอันอุ่นอ่อนโยนของอาทุกครั้ง
"
เขียนต่อไป...แล้ววันหนึ่งเราจะรู้ว่าเราเหมาะจะเป็นอะไร..."

 

แหละคำพูดของอานั้น- - คือแรงบันดาลใจ

หนุนนำทำให้ผมหวนคืนกลับบ้านเกิด

กลับไปทำสวน ปลูกต้นไม้ และเขียนหนังสือ

เขียนหนังสือแห่งชีวิต ทำสวนจิตวิญญาณ

เขียนหนังสือแห่งชีวิต ทำสวนจิตวิญญาณ

คำพูดของอานั้น- - คือแรงบันดาลใจ

คำพูดของอานั้น- - คือแรงบันดาลใจ

 

 

 

บล็อกของ ภู เชียงดาว

ภู เชียงดาว
        ผมมองเห็นพลังในตัวผู้ชายคนนี้ ตั้งแต่เขาเปิดประตูลงจากรถ หลังจากเรายืนทักทายกัน เขาเอื้อมไปหยิบกล้องถ่ายรูปขนาดกะทัดรัดที่วางบนเบาะหน้ารถ มากดเก็บภาพหลายมุมรอบๆ สวนและบ้านปีกไม้ ในขณะที่ผมกำลังถือไม้กวาดทางมะพร้าวกวาดใบสักแห้งหล่นกองเต็มลานดินรอบโคนต้น ผมหอบใส่ตะกร้าไม้ไผ่ยัดๆ ไปเทไว้หลังบ้าน ตั้งใจไว้ว่าเมื่อเก็บเศษใบไม้ใบหญ้าได้มากพอ จะทำปุ๋ยหมักเก็บไว้ พอหันไปมองเขาอีกที ผมเห็นเขาจัดแจงลงมือทำในสิ่งที่รักและชอบเรียบร้อยแล้ว เขานั่งหลบมุมอยู่ระหว่างโรงรถกับต้นตะขบที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา ข้างกายเขามีอุปกรณ์เขียนรูป กระดาษ กระดาน จาน สีน้ำ พู่กัน น้ำ…
ภู เชียงดาว
    เมื่อเอ่ยชื่อ...คนมากมายต่างรู้จักเขา… จริงสิ, ใครต่อใครบอกไว้ว่า เขากลายเป็นตัวแทนของคนหนุ่มสาว ของความรัก ความหวัง และความฝันของใครหลายคน กระทั่งมีคนให้สมญานามแด่เขา ‘เจ้าชายโรแมนติก’
ภู เชียงดาว
  กี่ครั้งที่เราทุกข์ กี่ครั้งที่เราล้ม กี่ครั้งที่เราจม อยู่ในท้องทะเลน้ำตา…
ภู เชียงดาว
ที่มาภาพ : www.oknation.net/blog/fontree/2008/08/20/     อีกคืนค่ำ,ผมถวิลหาคำปลอบโยนของอา “เป็นไงบ้าง อยู่ได้ไหม...ชีวิต” นั่นคือถ้อยคำของอาเคยไถ่ถาม น้ำเสียงยังกังวานหากอุ่นอ่อนโยน อาเหมือนดอกไม้กลางป่าอวลกลิ่นหอม อาคงรับรู้ว่างานข่าว งานเขียน มันยากหนักเพียงใด “ที่ถามเพราะอาเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน...” ผมได้แต่พยักหน้าบอกไป “อยู่ได้ครับอา...” ในขณะหัวใจผมตื้นตันในถ้อยคำห่วงใยนั้น
ภู เชียงดาว
ใกล้สิ้นปีทีไร เชื่อว่าหลายคนคงแอบบ่นกับตัวเองอยู่เงียบๆ ลำพัง “ชีวิตเราเดินทางมาไกลจังเลย” “ทำไมมันถึงหนักหนาสาหัสอย่างนี้” “แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป...” “สิ่งไหนเล่าที่เราต้องการ...” “แล้วอะไรคือความสุขที่แท้จริง...”
ภู เชียงดาว
เหน็บหนาวใช่ไหมหัวใจเจ้า             โศกเศร้าใช่ไหมหัวใจหวัง ยามสายลมเลาะภูรับรู้-ดัง               แว่วฟังเหมือนดั่งเพลงร้าวราน ใครบางคนสับสน บ่นถึงเจ้า   ไยวิถีจึงเหน็บหนาวแตกร้าวฉาน ไม่มีแล้วหรือ...จิตวิญญาณ                                        …
ภู เชียงดาว
        ที่มาภาพ : โอ ไม้จัตวา http://blogazine.prachatai.com/user/omaijattava/post/2171
ภู เชียงดาว
ยามหมอกขาวห่มคลุมดอย และลมหนาวพัดมาเยือนเมืองเหนือคราใด ทำให้ผมอดครุ่นคำนึงถึงวิถีเก่าๆ เมื่อครั้งเที่ยวท่องไปตามภูเขา ทุ่งไร่ สายน้ำ และชุมชนของพี่น้องชนเผ่านั้นไม่ได้ แน่ละ ในเส้นทางที่ย่ำไปนั้น มักเจอทั้งเรื่องราวมากมายให้เรียนรู้ พานพบ และหยุดทบทวนดูภาพผ่านในบางสิ่ง และละทิ้งภาพผ่านในบางอย่าง แต่โดยรวมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทุกข์สุข สดชื่นรื่นรมย์ หรือปวดปร่าในห้วงลึก เราไม่อาจเกลี่ยทิ้งไปได้ เพราะนั่นล้วนคือวิถีแห่งความจริงทั้งสิ้น...