Skip to main content

20080321 1

เหมือนว่าอดีตกำลังกวักมือเรียกหา
เหมือนว่าปัจจุบันกำลังคลี่เผยความลับอยู่เบื้องหน้า
ฉันรู้สึกตื่นเต้น อยากก้าวย่างไปบนทางสายนั้น
ถนนความหวังและความใฝ่ฝัน

ภูเขาลูกนั้นที่ฉันคุ้นเคย
แม่น้ำสายนั้นที่ฉันฝันถึง
ป่าไม้ผืนนั้นยังตรึงไว้ในดวงตา
กับสายลมเริงร่า กลางทุ่งหญ้าสีทอง
แหละนั่นตะวันเจิดจ้า กับท้องฟ้าสีฟ้าเบิกบานสดใส

เพราะโลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่
เพราะโลกใบนี้ยังไม่โหดร้ายเกินไปนัก
ฉันจึงออกเดินทาง ไกลแสนไกล
ไปตามหาความฝันอันกว้างใหญ่
ไปค้นหาความหวังใหม่ไม่รู้จบ

เพราะโลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่
เพราะโลกใบนี้ยังไม่โหดร้ายเกินไปนัก
ฉันจึงศรัทธา คิดและฝัน...
ฉันจึงออกเดินทาง....

ชายคนหนึ่งเดินทางเพื่อบอกเล่าถึงความงดงาม
คือความหมายของชีวิต
ผ่านบทกวีในห้วงคำนึงขบถโรมานซ์
ในทุกที่ที่มีความเคลื่อนไหว
ของคนทุกข์คนยากอยู่อย่างลำบากในสังคมชนชั้น
เยี่ยงที่เป็นมา

นับผ่านถึงเวลา 5 ปี พ.ศ.2545 ถึง พ.ศ.นี้
ชายคนเดียวกัน ได้เก็บบันทึกเหตุการณ์ สะสมเรื่องราวในยามห้วงคำนึง
ไว้ด้วยภาพที่ผ่านการกดชัตเตอร์นับครั้งไม่ถ้วน
มิเพียงเพื่อความสนุกสนานหรือความสวยงาม
หากยังย่อขยายความเคลื่อนไหวของผู้คนในสังคมขณะหนึ่ง
ผ่านกล้องถ่ายรูปพกพา ไว้ในเนื้อที่ฟิล์ม มากกว่า 50 ม้วน
แล้วล้างอัด คัดสรรเนื้อหา จนเหลือเพียง 50 ภาพ
นำเสนอโดย ‘แสงดาว ศรัทธามั่น’ กวีล้านนาอิสระ

20080321 2

ขอเชิญชมผลงาน ‘ภาพถ่ายแสงดาว ศรัทธามั่น’

วันเสาร์ ที่ 22 มีนาคม 2551 เวลา 18.00 นาที เป็นต้นไป

ณ ร้านสุดสะแนน ถนนห้วยแก้ว อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่

กำหนดการสังสรรค์มิตรสหาย
17.00 น. เชิญเข้าชมภาพถ่ายและสั่งจองภาพ
18.30 น. คำต่อคำ-ก่อนกดซัตเตอร์ /อ.ประมวณ เพ็งจันทร์ ร่วมสนทนา ดำเนินรายการโดย พี่อ้อย ชุมชนคนรักษ์ป่า และน้องแอน ละครชุมชน
19.00 น. ฟรีคอนเสิร์ตกวี-ดนตรี และบทเพลงแสงดาว
อาทิ บุศ Family, โจ้ รังสรรค์ ราศีดิบ,สุวิชานนท์ รัตนพิมล,ชิ สุวิชาญ,ตุ๊ก บราสเซอรี่,สุดสะแนน ฯลฯ

จัดโดย
กลุ่มนักเขียนเชียงใหม่ (ภาคีกวี นักเขียน ศิลปิน ภาคเหนือ) ร่วมกับ ร้านสุดสะแนน ร้านหนังสือร้านเล่า ร้านลูกช้างนานามีเดียเซ็นเตอร์ และชมรมวรรณศิลป์ มช. และอีกหลายความเคลื่อนไหว

หมายเหตุ
ใครมีภาพถ่ายอ้ายแสงดาว พกติดตัวมาโชว์ในงานได้นะครับ
สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.089-8505025
 

 

 

บล็อกของ ภู เชียงดาว

ภู เชียงดาว
  เมื่อนั่งอยู่ในความเงียบ ในสวนบนเนินเขายามเช้าตรู่ เพ่งดูหมอกขาวคลี่คลุมดงดอยอยู่เบื้องหน้า ทุ่งนาเบื้องล่างลิบๆ นั้นเริ่มแปรเปลี่ยนสี จากทุ่งข้าวสีเขียวสดกลายเป็นสีเหลืองทองรอการเก็บเกี่ยว ใช่, ใครต่อใครเมื่อเห็นภาพเหล่านี้ คงรู้สึกชื่นชมภาพอันสดชื่นรื่นรมย์กันแบบนี้ทุกคนทว่าจริงๆ แล้ว พอค้นให้ลึกลงไป ก็จะพบว่า ในความงามนั้นมีความทุกข์ซุกซ่อนอยู่ให้รับรู้สึก เมื่อนึกถึงภาพเก่าๆ ของหมู่บ้าน ผ่านไปไม่กี่สิบปี  จะมองเห็นได้เลยว่าหมู่บ้านเกิดของผมมีความแปลกเปลี่ยนไปอย่างเร็วและแรง อย่างไม่น่าเชื่อ“ตอนนี้ อะหยังๆ มันก่อเปลี่ยนไปหมดแล้ว...” เสียงใครคนหนึ่งบ่นเหมือนรำพึงจริงสิ,…
ภู เชียงดาว
ผมเริ่มค้นพบว่าตัวเองนั้นไม่เหมาะกับเมือง หลังจากที่ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่มานานหลายปี ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงคิดเช่นนี้- -อาจเป็นเพราะระยะหลังรู้สึกว่าชีวิตตัวเองแปลกและป่วย บางครั้งคล้ายยินเสียงจากข้างในกำลังบอกอะไรบางอย่าง ราวกับจะบอกว่า... ‘ที่สุดแล้ว,ชีวิตต้องกลับคืนสู่เส้นทางที่จากมา’ แหละนั่น ทำให้ผมเริ่มวางแผนกลับไปใช้ชีวิตในสวนบนเนินเขาเหนือหมู่บ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากที่ปล่อยให้สวนรกร้างว่างเปล่ามานานเต็มทีจริงสิ, ผมปล่อยให้ต้นไม้ในสวนรกเรื้อและโตขึ้นตามลำพัง ไร้การดูแลเอาใจใส่ ไม่มีเวลารดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย คงเหมือนกับชีวิตตัวเองกระมัง ที่ต้องมาอยู่กับเมือง มัวแต่ไขว่คว้าบางสิ่ง…
ภู เชียงดาว
สิ่งดี ๆ ในชีวิต พ่อค้าแวะมาหาคนสวนที่เขากำลังพักผ่อนอยู่ตรงหน้ากระท่อม “สวัสดีครับคนสวน” พ่อค้าทักทาย “ผมมีข้อเสนอดีๆ มาให้ คุณคงสนใจเป็นแน่” และเมื่อเห็นทีท่าเฉยเมยของคนสวน พ่อค้าก็เริ่มพูดธุระที่เขาคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ซึ่งคนสวนจะต้องขยายพื้นที่ปลูกกุหลาบเพิ่มขึ้นและพ่อค้าจะเป็นคนเอาไปขายในเมือง “คนสวน ด้วยความชำนาญของคุณ กุหลาบของเราจะสวยงามที่สุดในเมือง” พ่อค้าสรุปด้วยท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง “ขอบคุณแต่เราไม่สนใจ” คนสวนตอบพร้อมยิ้มอย่างเคย “แต่คุณจะได้เงินเยอะ...” พ่อค้าว่า ท่าทางแปลกใจ “ผมไม่สนใจเงินทองหรอก” “ใครๆ ก็อยากได้เงินกันทั้งนั้น...” “แต่ไม่ใช่ผม…
ภู เชียงดาว
ความเรียบง่ายมีแรงดึงดูดที่ลี้ลับเพราะมันจะฉุดเราไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับทิศทางที่คนส่วนใหญ่ในโลกไปกันไปจากการทำตัวให้เด่น ไปจากการสะสมไปจากการทะนงหลงตนและจากการเป็นเป้าสายตาของสาธารณะไปสู่ชีวิตสงบ อ่อนน้อมถ่อมตน กระจ่างใสยิ่งกว่าสิ่งใดๆที่วัฒนธรรมบริโภคอย่างฉาบฉวยรู้จักกัน.                                                        …
ภู เชียงดาว
ที่มาภาพ  www.salweennews.orgที่มาภาพ www.sarakadee.comที่มาภาพ www.salweennews.orgกอดกับความเย็นเยียบอยู่อย่างนั้น, กลางป่าเปลี่ยวอ้อมอกอันบอบบางของเธอมิเคยอบอุ่นอยู่กับความมืดดำในความรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง, ชีวิตความตายเหมือนมิเคยแยกจางห่างกันเลยโอ. เด็กๆ  ตามแนวชายแดนยามใดหนาวฤดูลมแล้งแห้งโหมพัดเข้ามาสู่,หัวใจเธอนั้นเหมือนจักรับรู้รสสัมผัสชีวิตวิถีที่จำต้องระเหเร่ร่อนนั่น,คือสัญญาณความขัดแย้งอันเลวร้ายที่ซุกซ่อนอยู่ในหลืบเขารอการอุบัติเสียงแม่กระซิบบอกพวกเธอเบาๆเร็วเข้า,…
ภู เชียงดาว
  “การถอยออกไปจากสนามรบของชีวิตทำงานเงียบๆ ด้วยเป้าหมายที่สร้างสรรค์คือคำตอบหนึ่งต่อคำถามที่ว่าจะอยู่อย่างไรในสถานการณ์ที่ทุกอย่างกำลังพังทลาย”จากหนังสือ “ความเงียบ”จอห์น เลน เขียน, สดใส ขันติวรพงศ์ แปลผมไม่รู้ว่า สวนของผมนั้นกลายเป็นสวนผสมผสานตั้งแต่เมื่อไหร่...แต่ผมรู้ว่า พักหลังมานี่ เมื่อเดินทางกลับบ้านไปสวนทีไร ผมมักติดกล้าไม้เข้าไปในสวนเกือบทุกครั้ง ไม่อย่างก็สองอย่าง แวะซื้อมาจากกาดคำเที่ยง บ้างได้มาจากเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มอบให้มา พอไปถึง ก็ลงมือขุดหลุม เอาเศษฟางเศษหญ้าลงคลุกกับเนื้อดิน หย่อนต้นไม้ต้นเล็กลงไป กลบดิน รดน้ำให้ชุ่ม หรือรอให้น้ำฟ้าหล่นรดให้ฉ่ำชื้นเอง…
ภู เชียงดาว
    “...เมื่อมนุษย์จมอยู่กับฝูงชนที่ขาดความเป็นมนุษย์ ถูกผลักไปมาอย่างอัตโนมัติไปตามแรงเหวี่ยง บุคคลนั้นก็สูญเสียความเป็นมนุษย์ที่แท้ สูญเสียคุณธรรม หมดความสามารถที่จะรัก และศักยภาพที่จะกำหนดตนเอง เมื่อสังคมประกอบด้วยผู้คนที่ไม่รู้จักความวิเวกภายใน สังคมนั้นก็ไม่อาจรวมกันได้ด้วยความรัก แต่อยู่ได้ด้วยอำนาจครอบงำและความรุนแรง...” ถ้อยคำของ “โทมัส เมอร์ตัน” คัดมาจากหนังสือ “ความเงียบ” จอห์น เลน เขียน, สดใส ขันติวรพงศ์ แปล สวนบนเนินเขาเหนือหมู่บ้านเกิดของผม ตั้งอยู่ในเนื้อที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความกว้างและยาวราวสี่ห้าไร่…