Skip to main content

เมื่อครั้งยังเด็ก ความบันเทิงหนึ่งของเด็กต่างจังหวัดที่อยู่ในตลาดจะได้ชมก็คือการมาเยือนของนักเล่นกล ที่ผมเรียกอย่างนี้นอกจากจะเพราะชินกับภาษาตลาดแล้ว คำว่านักมายากลดูจะรุ่มร่ามไปไม่น้อย สำหรับผมนักเล่นกลดูจะตรงไปตรงมามากกว่า 

เมื่อนักเล่นกลมาเยือน พวกเขาจะมาด้วยรถกระบะเก่าๆ หลังรถมีลังงูหลายลัง มีพระสมเด็จเจ็ดสี เนื้อว่าน หรือน้ำมันจิ้งเหลนสำหรับชายหนุ่มที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ยาฟอกไต หรือสมุนไพรแก้พิษงู เป็นต้น เหมือนว่าในรถจะมีความลับไม่รู้จบ และเด็กอย่างผมก็อยากจะรู้ว่าพวกเขามีอะไรให้ตื่นเต้นอีก

เมื่อรถมาถึง พวกเขาจะเลือกลานกว้าง แล้วประกาศด้วยเสียงเพลงอินเดีย น่าจะเป็นเพลงประกอบหนังองคุลีมาล เพราะคุ้นๆ คำว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ หรือเพลงที่คล้ายๆ กับเพลงสวด

เมื่อนักเล่นกลปูเสื่อ ทำพิธีบวงสรวงจะบอกเตือนว่าคนมีของอย่าได้แทรกแซงเลย พวกเขาแค่ทำมาหากินเท่านั้น หากรังแกกันจะเป็นบาปกรรมเวรกันเสียเปล่า จากนั้นธูปกำใหญ่จะถูกจุดเซ่นไหว้ มีกลองพราหมณ์ที่แกว่งส่งเสียงปุๆ รัวๆ

นักเล่นกลจึงประกาศว่าจะเริ่มการแสดง โดยการเรียกกุมารทอง หรืออับดุล

อับดุลที่ผมรู้จักคนแรกช่างน่าสนุก เพราะนักเล่นกลจะขอให้ทีมงานนอนใต้ผ้าขาวระหว่างเรียกอับดุลประทับทรง เมื่ออับดุลประทับทรงก็จะถามว่ามาแล้วใช่ไหมลูก พี่คนนี้ใส่เสื้อสีอะไร กางเกงสีอะไร ฯลฯ พอให้เราได้ตื่นเต้น

 

เมื่อเราเริ่มเบื่อ นักเล่นกลก็จะเพิ่มสีสันด้วยการตัดคอชายผู้ถูกอับดุลเข้าทรง แล้วทดสอบด้วยการหมุนหัวของชายคนนั้นเป็นรอบๆ เหมือนลูกมะพร้าว 

เมื่อคนดูฮือฮาชายเล่นกลจะเริ่มขายของ ไม่ว่าจะเป็นยาถ่ายพยาธิตัวตืดแถมกำชับว่าถ้าถ่ายออกมาให้เอามาขาย พวกเขารับซื้อ ยิ่งยาวยิ่งได้ราคาดี และที่แน่ๆ กว่าจะได้ตัวตืดออกมาพวกเขาก็เผ่นแน่บไปไกลแล้ว

หรือจะเป็นยาฟอกไต ที่เอาน้ำสีเหลืองที่อ้างว่าเป็นฉี่แล้วใส่ยาแค็ปซูลเข้าไปทำให้ฉี่ใส พวกเขาอ้างสรรพคุณมากมาย

เมื่อขายไม่ได้ ก็จะเริ่มเรียกวิญญาณอับดุลออกไปจากร่างทีมงาน แล้วหันมาปล่อยงู

 

นักเล่นกลสัญญาว่าจะปล่อยงูจงอางที่ตัวใหญ่ที่สุด ดุร้ายที่สุดออกมา อย่าเพิ่งไปไหน

ผมยืนคอย ตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงเวลานี้เป็นห้วงเวลานานแสนนาน ดวงตะวันบ่ายคล้อย ผู้คนที่เดินอยู่รอบตัวผมหายไปกว่าครึ่ง แต่ก็มีคนกลุ่มใหม่หลั่งไหลกันเข้ามาตามเสียงเพลงจากเครื่องขยายเสียงที่แผดเสียงแหลมออกมาในบางครั้ง

ผมคิดไปถึงว่าผมออกจากบ้านมานานจนพ่อแม่ต้องเริ่มห่วงแน่ๆ

แต่ความอยากเห็นงูตัวใหญ่ยักษ์ของนักเล่นกลมีมากกว่า

"กล กล กล กล กล กลเป็นของโกหก...กลางวันเล่นกล กลางคืนเล่นก้น" นักเล่นกลย้ำและเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากสาวแก่แม่ม่าย

"อย่าเพิ่งไปไหนนะครับ เราจะปล่อยงูจงอางแล้ว" นักเล่นกลร้องพลางจับงูตัวเขื่องออกจากลังแล้วบอกว่านี่เป็นแค่ตัวลูก อย่าเพิ่งรีบไปไหน

ผมเพิ่งสังเกตว่าหน้าตาเขาดูดี น่าจะเรียกว่าระดับดาราเลย แต่ใส่หมวกที่เขาเรียกว่าหมวกกระโปกแพะราวกับเป็นอวัยวะสำคัญ สวมแว่นเรย์แบนดูโก้อีกต่างหาก

ผมทนกับความเมื่อยล้าไม่ไหว นักเล่นกลยังยืนยันว่าใกล้เวลาจะปล่อยงูจงอางยักษ์แล้ว

ผมขยับตัว เตรียมวิ่งหนีหากงูเห่าในมือนักเล่นกลหลุดจากมือเขา ในมือเขาถือไมโครโฟนที่หุ้มด้วยผ้าเช็ดหน้า คงซับน้ำลายมามากจนดูหมองคล้ำ

 

ผมลังเลว่าจะรออีกไหม เพราะทุกครั้งที่นักเล่นกลสัญญา เขาไม่เคยปล่อยงูจงอางใหญ่ยักษ์ที่ว่าได้จากป่าทางใต้ให้เราดูเลย คงขายยาหรือเครื่องรางของขลัง 10 บาท 20 บาท

 

วันนี้ก็เช่นกัน 

 

เขาขายของรอบที่สองเสร็จ บางคนให้สินน้ำใจเป็นค่ายกครูเล็กน้อย

 

แต่ไม่มีใครเคยเห็นงูจงอางยักษ์ที่ว่าสักครั้ง

 

จนผมเลิกสนใจที่จะแวะเวียนเข้าไป

 

เรื่องราวของนักเล่นกลก็จางหายไป

 

ปีสองปีมานี้ เสียงของเขาก้องขึ้นมาใหม่ ซ้ำๆ

 

"กล กล กล กล กล กลเป็นของโกหก..."

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บล็อกของ บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ

บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ตรุษจีนปีนี้ผมไม่ได้กลับบ้าน คงอยู่เงียบๆ เหมือนเคย แต่บรรยากาศของตรุษจีนของชาวจีนโพ้นทะเลไม่ว่าที่ไหนๆ ก็จะต้องมีเสียงของเติ้งน้อยเป็นเพลงประกอบราวกับเพลงบังคับของเทศกาล อดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึงความเก่าความหลังที่ชีวิตวกวนพาไปเดินเล่นไกลถึงนิวยอร์ค
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ผมเคยเขียนงานชุด จริยธรรมของการพบพาน (The Ethics of Encounter) เอาไว้เมื่อหลายปีก่อน เพื่อนำเสนอสิ่งที่เป็นไปได้ในสถานการณ์ของการเชิญหน้า ว่าในการปะทะสังสรรค์กันของมนุษย์กับคนแปลกหน้าย่อมเกิดภาวะพิเศษ ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามหรือสันติภาพก็ได้ หลายปีมานี้ผมพบว่าปัญหาหนึ่งของสังคมไทยก็คือการปะทะกั
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
v\:* {behavior:url(#default#VML);} o\:* {behavior:url(#default#VML);} w\:* {behavior:url(#default#VML);} .shape {behavior:url(#default#VML);}
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ผมได้รับชวนจากมิตรสหายท่านหนึ่งให้เข้ามาเขียนบล็อกที่นี่ หลังจากไปโพสต์ต่อท้ายข่าวซุปเปอร์แมนลาออกจากเดลี่เทเลกราฟไปเขียนบล็อก ผมบ่นไปทำนองว่า อยากออกไปทำงานอย่างอื่นบ้าง มิตรสหายท่านนั้นเลยยื่นข้อเสนอที่ยากปฏิเสธ เพราะผมอ่านข่าวในประชาไทอยู่นานแล้ว ก็อยากมีส่วนร่วมด้วย ประการหนึ่ง