Skip to main content

"ไม่ว่าจะสูงต่ำดำขาว ทุกคนล้วนมีชีวิตเฉกเช่นเดียวกัน ไม่มีชีวิตของใครที่มีค่ามากกว่าของใคร ท่านทั้งหลาย...ประโยคสุดท้ายในเพลง Imagine ของ จอห์น เลนนอน ไม่ได้มีความหมายแบบนี้หรอกหรือ"

Chapman Lennon

สวัสดีคุณ มาร์ค เดวิด แชปแมน วันนี้ฉันอยากเขียนอะไรบางอย่างถึงนาย ฉันรู้ ๆ ฉันน่าจะเขียนเป็นภาษาที่นายอ่านออกเพราะอย่างน้อยนายก็ยังไม่ตาย เพียงแต่การเชียนในครั้งนี้ขอฉันเป็นฝ่ายสนทนากับนายทางเดียวอย่างเอาเปรียบหน่อยก็แล้วกัน

ถึงแม้นายจะอายุขึ้นเลขห้าแล้ว แต่ฉันก็ขอถือวิสาสะเรียกอย่างสนิทสนมแบบเพื่อนร่วมรุ่นว่า "นาย" เพราะ ฉันคิดว่า การที่ฉันเขียนถึงนายในครั้งนี้เป็นเพราะว่าฉันพยายามจะเข้าใจในตัวนาย และทุกครั้งที่ฉันสร้างจินตภาพของตัวนายขึ้นมา มันไม่ใช่ภาพของตัวนายที่ค่อย ๆ แก่ตัวลงในคุก Attica เลย แต่มันมักจะเป็นภาพของตัวนายตอนอายุ พอ ๆ กับฉัน ในตอนนั้น...

ใช่ๆ ฉันหมายถึงตอนนั้น ในแปดธันวาของเมื่อยี่สิบปีกว่าที่แล้ว วันที่ต่อมาจะกลายเป็นวันที่ใครหลายคนพากันรำลึกถึงความตายของชายผู้หนึ่ง ชายผู้ที่นายเคยชื่นชม และชายผู้ที่นาย (เคย) เกลียด 'จอห์น เลนนอน' ถูกต้อง! ทุกคนจะพากันรำลึกคนๆ นี้ พูดถึงความดีงามของคนๆ นี้ พูดถึงเพลงของเขา เพลงที่คนทั่วโลกแซ่ซ้องอย่าง Imagine พูดถึงการตายของเขา พูดถึงราวกับว่ามันเป็นการสูญสลายของอุดมคติทั้งมวลกระนั้นแล ฮ่าๆ แต่นายรู้แต่แรกแล้วสินะ ว่าอุดมคติมันสลายไปตั้งแต่แรกแล้ว คนที่ชื่อ จอห์น เลนนอน มันไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้นสำหรับนาย

แล้วมันจะมีสักกี่คนกันที่คิดถึงนาย จะว่าไปก็มี มีแน่ๆ ละ แต่เหล่าบรรดาผู้ศรัทธาในตัวเลนนอนทั้งหลายคงเห็นนายเป็นฆาตกรสินะ พวกเขาอาจจะอยากตะโกนใส่หน้านายว่า "ไอ่ฆาตกรโรคจิต!" หรืออะไรประมาณนั้น พวกนั้นจะมาเข้าใจความรู้สึกอะไรนาย จริงไหม! ในวันที่แปดธันวาปี 1980 ฉันอยากรู้ว่ามันหนาวหรือเปล่า กับการที่นายต้องมายืนอยู่ริมฟุตบาทบนท้องถนนของนิวยอร์ก ใครจะมาเข้าใจความรู้สึกของนายในตอนนั้นที่ต้องซ่อน .38 เย็นเยียบกระบอกหนึ่งไว้ ขณะเดียวกันก็ก็กำคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของนาย คือหนังสือเรื่อง "Catcher in the Rye" เอาไว้แนบแน่น

คัมภีร์เล่มนี้ "Catcher in the Rye" สอนว่านายคือ โฮลด์เด้น นายคือผู้ที่ต้องคอยตามรับ "เด็กๆ" ที่ตกจากหน้าผาของความเยาว์วัยไม่ให้ตกลงไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เพราะการเติบโตเป็นผู้ใหญ่สำหรับนายมันคือการที่มนุษย์ผู้หนึ่งจะถูกห่อหุ้มด้วยมายาลวง แล้วกลายเป็นจอมปลิ้นปล้อน กลายเป็นนักโกหก กลายเป็นผู้ที่ลืมอุดมคติแบบเด็กๆ ของตัวเองไป ละวางที่จะไล่ตามความฝันนั้น เพื่ออยู่กับภาพลวงของตัวเอง

แล้วคนที่ถูกจอมมายาลวงครอบงำ จนกลายเป็นปีศาจในคราบนักบุญที่จะมาทำให้เด็กๆ ตกจากหน้าผาแห่งความเยาว์วัยเพราะการลวงหลอกของมัน คนๆ นั้นสำหรับนาย คือ จอห์น เลนนอน

ความเกลียดชังที่สั่งสมในตัวนายนี้เอง มันมากพอที่จะทำให้นายลั่นไก ห้านัด นายได้ทันนับหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่นายไม่ลนลาน ไม่ลังเล ฉันเองก็ไม่อาจรู้มากกว่านี้ว่าหลังจากนั้นนายรู้สึกยังไง รู้แต่ว่านายนิ่งสงบ ยืนพลิกหน้าคัมภีร์ของนายไปเรื่อยๆ ไม่แสดงท่าทีตื่นตระหนกกับสิ่งที่ตนทำลงไป ไม่แสดงความเสียใจ ไม่แสดงความยินดี ราวกับว่าความอัดอั้นในรังเพลิงของจิตใจนาย ได้ถูกลั่นออกมาจนครบแม็กแล้ว จนมันว่าง โล่ง และสงบงัน เหลือแค่เขม่าควันเล็กๆ ลอยเวิ้งอย่างไร้ความหมาย

นี่ โฮลด์เด้น ..ไม่สิ เดวิด นายนึกถึงตอนนายเป็นเด็กๆ ได้หรือเปล่า ฉันขอโทษ นายคงเห็นว่ามันเป็นช่วงชีวิตที่เลวร้ายช่วงหนึ่งสินะ มันเป็นเรื่องธรรมดา ใครบอกว่าวัยเด็กมันจะต้องมีความสุขเสมอไปเล่า นายแค่โชคไม่ดีเท่านั้นที่ดันเกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่ขัดแย้งกัน อยู่ในโรงเรียนที่มีคนรังแกนาย แล้วนายก็อ่อนไหวเกินกว่าจะแข็งใจสู้มันได้ แม้ผู้ใหญ่บางคนจะชื่นชมความสามารถบางอย่างของนาย เด็กๆ หลายคนจะรักและเคารพนาย ถึงขั้นให้ฉายานายว่า "ผู้ไร้นาม" (Nemo) แต่มันคงไม่อาจช่วยชดเชยความเหนื่อยอ่อนต่อสิ่งที่นายพบเจออยู่ทุกวี่ทุกวันได้สินะ

ถ้างั้นสิ่งที่ทำให้นายยังคงมีกำลังใจอยู่ในโลกที่ไม่พึงปรารถนานี้ได้คืออะไรน่ะหรือ มันก็คือสิ่งๆ เดียวกับที่ตัวฉันและตัวใครหลายๆ คนทำกัน หนีไง! ...ลี้ภัยชั่วคราว ไปอยู่ในโลกความฝันแฟนตาซีสักพักให้หายเหนื่อย แล้วนายก็เติบโตมาในยุคของวงดนตรีอมตะของโลกวงหนึ่งพอดี ใช่แล้ว The Beatles วงดนตรีที่นายฟังเพื่อปลุกปลอบใจที่ไร้แรง วงดนตรีที่ทำให้จินตนาการนายโลดแล่น ทิ้งโลกใบนี้ไปได้ชั่วคราว ทำให้วัยเยาว์ของนายไม่โหดร้ายจนเกินไป

แต่เวลาเปลี่ยน สิ่งต่างๆ ก็แปรผันตาม...

จอห์น เลนนอน แต่งงานอยู่กินกับ โยโกะ โอโน วงบีทเทิลส์แตก ตัวเขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ กลายเป็นคนที่เพียงอยู่บนเตียงกับเมียแล้วเรียกสื่อมาดูก็บอกว่าเป็นการประท้วงเพื่อสันติภาพ ขณะที่ใครหลายคนข้างนอกยืนถือป้าย ชูกำปั้น อยู่กลางถนน เพียงเพื่อรอแก๊สน้ำตาและไม้กระบอง เขากลายเป็นคนที่เทศน์ถึงเรื่องความรักและสันติภาพ แต่มีเงินเป็นล้าน กลายเป็นคนที่เขียนประโยคว่า "จินตนาการสิว่าไม่มีการครอบครอง" ไว้ในเพลง Imagine แต่เขากลับครอบครองเงินจำนวนมหาศาล เป็นเจ้าของเรือยอชท์และที่ดินในเขตชนบท

ไอ่หมอนี้สำหรับนายแล้ว มันช่างโป้ปดสิ้นดี จริงไหม โฮลด์เด้น อ้า ! ไม่ใช่สิ เดวิด

Lennon is Dead Yay!

แล้วนายก็ได้รับโทษตามกฏหมาย ถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกอย่างต่ำ 20 ปี ถึงตลอดชีวิต แต่นายก็มีความประพฤติดีตลอดมาตอนที่อยู่ในคุก ซึ่งนายน่าจะรับการปล่อยตัวอย่างมีทัณฑ์บนมาตั้งแต่ปี 2000 แล้ว และมีอีกหลายครั้งที่นายน่าจะได้รับการปล่อยตัว แต่ยัยโยโกะ โอโน ก็คอยเอาแต่ขัดขวางตลอดมา ด้วยข้ออ้างชวนฝันว่า เพราะผู้ตายคือ จอห์น เลนนอน "ผู้นำแสงสว่างและความหวังมาสู่โลกทั้งใบ" แหม...จริง ๆ ในใจเธออาจจะคิดเพียงแค่ว่า "แก ! ไอ่ฆาตกรโรคจิต แกฆ่าผัวฉัน !" เท่านี้เองก็ได้ แล้วนอกจากนี้ยังมามีการล่าลายเซ็นห้ามไม่ให้มีการภาคทัณฑ์แล้วปล่อยตัวนายอีกแน่ะ แหงล่ะ! นายโชคร้ายมากที่เหยื่อของนายคือ จอห์น เลนนอน ผู้ที่มีแต่คนชื่นชมศรัทธา แล้วไอ่ความชื่นชมศรัทธานี้ทำให้ไม่มีใครสนเลยว่านายทำตัวดีขนาดไหนในคุก

ลองนึกในทางตรงกันข้ามดูสิ ถ้าเป็นจอห์น เลนนอน ฆ่านายบ้าง เผลอๆ จะมีแต่คนล่าลายเซ็นเพื่อให้ปล่อยตัวตาเลนนอนเร็วขึ้น ส่วนนายก็จะเป็นแค่เด็กเมื่อวานซืนที่ไหนไม่รู้ที่เลนนอนบังเอิญฆ่าตาย เผลอๆ จะมีแต่คนคิด (หรือหลอกตัวเอง) ว่าเป็นอุบัติเหตุด้วยซ้ำ เพราะคนที่แต่งเพลงต่อต้านความรุนแรงคนนี้จะไปฆ่าคนได้ยังไง๊ (ตลกร้ายน่ะ อย่าถือสาฉันเลย)

ความศรัทธาในตัวบุคคลบางทีมันก็น่ากลัวกว่าที่คิดนะ กรณีของนายเป็นพวกบูชาฮีโร่ไม่ลืมหูลืมตาขัดขวางไม่ยอมให้นายออกจากคุก ลองดูในประเทศฉันสิ ความศรัทธาอย่างไม่ลืมหูลืมตาในตัวบุคคลมันทำให้คนประเทศเดียวกัน อยู่ภายใต้ท้องฟ้าผืนเดียวกัน ฆ่ากันมาแล้ว...

ฆ่าอย่างเหี้ยมโหดกว่าที่นายยิงเลนนอนด้วยซ้ำ

ความเห็นอกเห็นใจเป็นเรื่องดีนะฉันว่า กระนั้นคนเรามันก็กระจายความเห็นอกเห็นใจนี้ได้ไม่เท่าเทียมกันเลย การเลือกปฏิบัติมันอาจมีบ้างในตัวมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลส ซ่อนไว้ด้วยอคติอย่างเราๆ แต่ถึงขั้นว่าอีกคนเป็นฟ้า อีกคนเป็นเหว อีกคนหนึ่งพร้อมจะได้รับความเห็นใจ ขณะที่อีกคนหนึ่งจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครสนแบบนี้ มันโหดร้ายเกินมนุษย์ไปไหม?

เลนนอน น่ะ เขาเป็นเด็กขาดความอบอุ่น ดูในเพลง Mother ที่เขาแต่งก็ได้ ว่าเขาโหยหาความรักจากครอบครัวขนาดไหน แต่ใข่ว่าครอบครัวนายเองจะสมบูรณ์ นายคงสับสนกับความขัดแย้งในครอบครัวนาย นายก็คงเคยเหงา เคยรู้สึกอยากให้ครอบครัวนาย บ้านของนาย เป็นแหล่งพำนักของจิตใจเช่นเดียวกับของใครอีกหลายคน แต่ให้ตายสิ! มีคนพร้อมจะเห็นใจความรู้สึกขาดพ่อขาดแม่ของเลนนอน แต่มีใครจะมาเข้าใจความรู้สึกของนายบ้างไหม

ฉันได้ยินได้ฟังและอ่านเจออะไรรอบตัว ก็มีแต่เลนนอนอย่างงั้น เลนนอนอย่างงี้ ส่วนนายน่ะ มาร์ค เดวิด แชปแมน มีบทบาทเป็นแค่ฆาตกร (บางทีก็เป็น "ฆาตกรโหด") ในคำบอกเล่าหรือข้อเขียนของพวกเขาเท่านั้นเอง

ไม่รู้หรอกนะ ว่านายจะได้ออกจากคุกเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ยัยโยโกะ โอโน จะให้อภัยนาย หรือบางทีนายอาจจะไม่สนก็ได้ ถ้านายได้ออกมา อดีตนักโทษมาร์ค แชปแมน อาจจะกลายเป็นเป้าให้พวกที่คลั่งเลนนอนไม่ลืมหูลืมตาประนาม หยามเหยียด กลั่นแกล้ง อีกต่างๆ นานา กระนั้นฉันก็ไม่รู้ด้วยว่านายอยู่ในคุกแล้วมีความสุขดีหรือเปล่า

เอาล่ะ ไหน ๆ ฉันก็เอานายมาใช้หากินในคอลัมน์เกี่ยวดนตรีนี่นา ฉันน่าจะพูดถึงเพลงหน่อยเป็นไร ใช่ ฉันรู้ว่ามันต้องมีคนทำเพลงรำลึกถึง John Lennon จำนวนไม่น้อยแน่ๆ แต่เพลงที่เขียนโดยใช้ชื่อของนายก็มีนะ เป็นเพลงจากวงแนว Industrial แต่งตัวบ้า ๆ ที่ชื่อ Mindless Self Indulgence น่ะ เพลงที่ชื่อ Mark David Chapman โดยส่วนตัวฉันไม่ค่อยชอบดนตรีมันเท่าไหร่เลยแฮะ แต่เนื้อหามันตลกร้ายดี พวกมันบอกว่านายจะเป็นผู้มาโปรดช่วยกวาดล้างวงดนตรีจอมปลอมให้หมดไปจากโลกแน่ะ

"When the worlds overrun
With too many bands
Who is it time for?

Mark Chapman

When they all seem absurd
He will thin out that herd
Ladies and gentlemen

Mark Chapman"

เมื่อโลกใบนี้มีวงดนตรี
ซ้าซากกันมากเกินไป
ถึงเวลาแล้วเวลาสำหรับใคร?

มาร์ค แชปแมน (น่ะสิ!)

เมื่อพวกมันเริ่มไร้สาระ
เราจะทำให้อะไร ๆ มันโล่งขึ้นเอง
ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี

มาร์ค แชปแมน"

- Mark David Chapman -

ยังไงก็เถอะ สุดท้ายแล้วถึงจะดูเหมือนพวกนี้ชู ๆ นาย แต่พวกมันก็ทำแบบล้อเลียน ๆ มันคงไม่ทำให้นายรู้สึกดีสักเท่าไหร่เว้นแต่นายมีอารมณ์ขันพอ จะมีอยู่ท่อนหนึ่งเท่านั้นที่เนื้อหาดูเหมือนจะแสดงความเข้าใจในตัวนายบ้าง

"I'm just a prisoner
In the same prison as you
We wait for other shoes to fall into position
Already obsolete
No one will miss us at all"

"ฉันก็เป็นผู้ต้องขัง
อยู่ในคุกเดียวกับคุณ
เราเพียงรอเกือกบินลอยมาตกใส่
เราพ้นสมัยไปแล้ว
ไม่มีใครจะมานึกถึงเราอีก"

มาร์ค แชปแมน เสียงปืนของนายเป็นความผิดบาปในฐานะของผู้ที่คร่าชีวิตมนุษย์ด้วยกัน แม้สำหรับหลายคนจะรู้สึกว่านายได้กระทำสิ่งที่รุนแรงเหี้ยมโหด แต่สำหรับฉันแล้วฉันรู้สึกว่า ฉันอยากบอกพวกนั้นเหลือเกิน ว่าจอห์น เลนนอนก็เป็นคนๆ หนึ่ง ที่มีเลือดเนื้อมีชีวิต เช่นเดียวกับหางเครื่องบนเวทีลูกทุ่ง เช่นเดียวกับศิลปินเร่ร่อนผู้หวังเพียงได้สร้างผลงานตามแรงปรารถนาของตน เช่นเดียวกับพระที่แอบตั้งวงเล่นไพ่เวลาเซ็งๆ เช่นเดียวกับคนขับรถตุ๊กๆ ท่ามกลางแดดเที่ยงร้อนระอุ เช่นเดียวกับนักเต้นอวดร่างเนื้อยามราตรี เช่นเดียวกับคนเข็นรถขายไก่ทอด เช่นเดียวกับคนใส่สูทให้ห้องประชุมติดแอร์ เช่นเดียวกับนักศึกษาที่นั่งหน้าจอโน๊ตบุ๊คทั้งวัน ...เช่นเดียวกับฉัน เช่นเดียวกับนาย

And the World will live as one.

ไม่ว่าจะสูงต่ำดำขาว ทุกคนล้วนมีชีวิตเฉกเช่นเดียวกัน ไม่มีชีวิตของใครที่มีค่ามากกว่าของใคร
ท่านทั้งหลาย...ประโยคสุดท้ายในเพลง Imagine ของ จอห์น เลนนอน ไม่ได้มีความหมายแบบนี้หรอกหรือ?

 

บล็อกของ Music

Music
Sum 41 เป็นอีกหนึ่งวงที่อยู่ในธารสายเชี่ยวของ Punk ร่วมสมัยไม่นานมานี้ ในแง่ของดนตรียังคงอิทธิพลส่วนหนึ่งจาก Metal โดยเจือไว้ในโครงดนตรี Pop Punk สมัยนิยม ซึ่งอิทธิพลความหนักส่วนหนึ่งคงมาจากมือกีต้าร์ที่เพิ่งออกจากวงไปอย่าง Dave Baksh อัลบั้มล่าสุด Underclass Hero จึงลดทอนซาวน์แบบ Metal ลงไป และกรุยทางอย่างเต็มที่ในความเป็น Punk ดนตรีแบบ Punk ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของการลุยไปข้างหน้านี้เองที่เหมาะกับการประท้วงดีแท้ แต่จะว่าไปความ Punk ของวงในอัลบั้มก่อนๆ ก็มากพอจะ "ประท้วง" ได้อยู่แล้วจึงไม่ใช่ว่ารูปแบบของดนตรีในแง่นี้จะเกี่ยวข้องกับทิศทางเนื้อหาที่เปลี่ยนไป…
Music
Scorpions อัลบั้มล่าสุด Humanity - Hour I เป็นอัลบั้มที่วงแมงป่องได้กลับมาผยองเดชอีกครั้ง ซึ่งดนตรีในแบบของสกอร์เปี้ยนส์ยุคเก่าได้ผสานกับดนตรียุคใหม่อย่างกลมกลืน แม้จะมีเสียงกีต้าร์หนักแน่น มีพลัง แต่เมโลดี้สวยๆ ในแบบของ Scorpions ก็ยังคงไม่เสื่อมคลายไป และแน่นอนว่าเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ Klaus Meine ซึ่งอาจจะโรยไปบ้างตามอายุไข แต่ก็ยังคงมาตรฐานและความเป็น Klaus Meine ได้อย่างเต็มเปี่ยมหากแฟนๆ ยุคเก่าของ Scorpions ได้มาฟังอัลบั้มนี้คงอาจจะทำให้ไพล่รู้สึกคิดถึงบรรดาบทเพลงสุดคลาสสิกของพวกเขาขึ้นมา ซึ่งเพลงเหล่านั้นถึงขั้นมีออกมาให้ร้องเป็นคาราโอเกะ ไม่ว่าจะเป็น Wind of Change, Always…