Skip to main content

เ ชิ ญ ช ว น กั น สั ก ห น่ อ ย


ด้วยหัวใจผมรักธรรมชาติ และแน่นอนผมรักบทเพลงของชีวิตรวมถึงบทกวีที่ไหวเต้นเป็นจังหวะมาจากส่วนลึกของจิตใจผู้เป็นกวี


จริง ๆ แล้วผมอยากบอกเล่าเรื่องราวของคนกลุ่มหนึ่ง แถบบ้านผม"คนเขาปู่" (บ้านเขาปู่ อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง) ที่ตัวผมเองก็จำชื่อกลุ่มของพวกเขาได้ไม่แน่ชัดนัก (น่าจะชื่อเครือข่ายคนต้นน้ำ/หรืออะไรสักอย่างที่คล้ายชื่อนี้) เรามีโอกาสพบปะพูดคุยกัน 2-3 ครั้งก่อนหน้านี้และบ่อยขึ้น จนพบหัวใจบางอย่างในดวงตาพวกเขา จึงคิดเรื่องกิจกรรมบางอย่างร่วมกันเพื่อผืนป่าเล็ก ๆ เด็กๆ และบ้านเกิดที่เป็นชุมชนเชิงเทือกเขาบรรทัดอันทอดตัวยาวเป็นบ้านไพรให้มวลสัตว์ซึ่งในอดีตก็เคยเป็นบ้านไพรให้กับเหล่านักสู้ "ภูบรรทัด" มาก่อน


ในวงสนทนาทุกคนชอบเพลงเพื่อชีวิต ชอบวงดนตรีคาราวาน และศรัทธา "สุรชัย จันทิมาธร" รวมถึงวิถีของเขา และนั่นจึงเป็นเหตุให้เราทำกิจกรรมบางอย่างร่วมกัน

 

24_06_1



กิจกรรมของพวกเขาหวังเพื่อสมทบทุนสร้าง "ศูนย์เรียนรู้ชุมชนคนเขาปู่" เอาเป็นว่าไม่ขอพูดมากให้สงสัยกัน ผมขออนุญาตเล่าต่อด้วยโปสเตอร์ใบนี้ก็แล้วกัน

 

ปล. ดนตรีในสวน ชวนบุญเข้าบ้าน สนใจช่วยเขาก็ติดต่อไปได้โดยตรงที่ผู้ประสานงานโครงการ คุณปรารภ หลินมา 087-2939798

 

แถมให้อ่านโครงการของพวกเขาก็แล้วกัน

 

24_06_2 

 

ค่ายเยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อม: คอนเสิร์ต คน ป่า สายธาร ตำนานชีวิต

 

ความเป็นมา (หลักการและเหตุผล)

จากการพบปะพูดคุยกันของกลุ่มพลังมวลชน ผู้นำทางปัญญา ข้าราชการและผู้นำภายในชุมชน พบว่าปัญหาเร่งด่วนของชุมชนทั่วไปและโดยเฉพาะชุมชนเขาปู่ อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง ที่จะต้องดำเนินการแก้ไขโดยเร่งด่วนคือ ปัญหาเยาวชนมั่วสุมและประพฤติตนไปในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่นมั่วสุมเสพยาเสพติด เล่นการพนัน และมั่วสุมทางเพศ ซึ่งเป็นปัญหาสังคมที่บั่นทอนความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติเป็นอย่างมาก และปัญหาสำคัญเร่งด่วนอีกประการหนึ่งซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วทุกมุมโลกในปัจจุบันนี้คือ ปัญหาอันเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศวิทยาอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อนซึ่งเกิดจากการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และการเผาผลาญพลังงานอย่างมหาศาลในแต่ละวัน ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก ทำให้สภาพอากาศเกิดการแปรปรวน ทั่วทุกพื้นที่ของโลกเกิดภัยพิบัติตามธรรมชาติต่างๆ เช่น อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว สึนามิ ฯลฯ ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงและเกิดบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ เช่น การเกิดสึนามิ เมื่อ 26 ธันวาคม 2547 การเกิดพายุไซโคลน "นาร์กีส" ที่ประเทศพม่า การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ปรากฏการณ์น้ำแข็งในขั้วโลกเหนือละลาย และการเกิดภัยแล้งในหลายพื้นที่ของโลก ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร สินค้าเกษตรซึ่งจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตมีราคาแพง เกิดการแย่งชิงอาหารในหลายประเทศซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น


จากปรากฏการณ์ที่กล่าวมาข้างต้นกลุ่มพลังมวล ผู้นำทางปัญญา ข้าราชการและผู้นำภายในชุมชนตำบลเขาปู่ ได้เห็นความสำคัญของปัญหาและได้ดำเนินการจัดกิจกรรมค่ายเยาวชนสำนึกรักษ์บ้านเกิดไปแล้วเมื่อวันที่ 14-16 ธันวาคม 2550 ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญเพื่อดึงเอาเยาวชนที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการมั่วสุมต่างๆ จากสิ่งชักจูงใจในสังคม โดยเฉพาะสื่อรูปแบบต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อทัศนคติของเยาวชน ซึ่งทำให้เยาวชนมีวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่เหมะสม และขาดจิตสำนึกที่มีต่อสังคม ซึ่งจากการจัดกิจกรรมในครั้งนั้นปรากฏผลตอบรับจากเยาวชนที่มาร่วมเข้าค่าย ผู้ปกครอง และคนในชุมชนเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่จะดำเนินกิจกรรมในลักษณะนี้ต่อไป ซึ่งคาดหวังว่าผลของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ สังคมไทยให้มีความมั่นคงเข้มแข็ง และจะเป็นส่วนหนึ่งในการธำรงรักษาไว้ซึ่งโลกสวยงามใบนี้ให้คงอยู่ตราบชั่วลูกหลานต่อไป


สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ได้มีการเชิญนักคิดนักเขียนเพื่อสังคมร่วมพูดคุยเสวนาเพื่อให้ข้อคิดแก่เยาวชนและผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมได้เห็นถึงคุณค่าและความสำคัญในการอยู่ร่วมกับทรัพยากรธรรมชาติอย่างเกื้อกูลกันและกัน และได้กำหนดให้มีการแสดงคอนเสิร์ต "คน ป่า สายธาร ตำนานชีวิต" ขึ้น โดยจะนำรายได้ที่เหลือจากการใช้จ่ายทั้งหมดใช้ในการสร้างแหล่งเรียนรู้ชุมชนคนเขาปู่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้หลักการใช้ชีวิตโดยใช้ภูมิปัญญาของท้องถิ่น และเพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวมจิตใจของคนตำบลเขาปู่ต่อไป

 

วัตถุประสงค์


การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญดังนี้

1. เพื่อให้เยาวชนและผู้เข้าร่วมกิจกรรมตระหนักและเห็นความสำคัญของปัญหาที่เกิดจากการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและการใช้พลังงานอย่างขาดความยั้งคิด

2. เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้แก่เยาวชนและผู้เข้าร่วมกิจกรรม

3. เพื่อให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ห่างไกลจากแหล่งมั่วสุมต่างๆและได้ผู้นำเยาวชนที่เป็นแกนหลักในการพัฒนาชุมชนต่อไป

4. เพื่อสร้างความรักความสามัคคีและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชุมชน

 

เป้าหมาย (กิจกรรม)

 

"ค่ายเยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อม"

1. กำหนดให้มีการเข้าค่ายเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน

2. เยาวชนอายุระหว่าง 13 -18 ปีร่วมเข้าค่าย จำนวน 100 คน โดยเป็นเยาวชนในชุมชน และโรงเรียนต่างๆ

3. ผู้ปกครองและผู้สนใจร่วมติดตามการเข้าค่ายพักแรมจำนวน 500 คน

4. เยาวชนร่วมปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่ให้แก่ป่าต้นน้ำจำนวน 1,000 ต้น


"คอนเสิร์ตคน ป่า สายธาร ตำนานชีวิต"

1. มีผู้เข้าร่วมชมคอนเสิร์ตจำนวน 1,000 คน

2. มีศิลปิน นักร้อง กวี และปราชญ์ชาวบ้านเข้าร่วมการแสดงคอนเสิร์ตและเสวนาความเป็นมาและเป็นไปของคน ป่า สายธาร และชีวิต

3. มีรายได้จากการจัดคอนเสิร์ตเพื่อใช้เป็นทุนในการสร้าง "ศูนย์เรียนรู้ชุมชนคนเขาปู่" จำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 บาท

 

สถานที่จัดกิจกรรม

จัดกิจกรรม ณ วัดถ้ำเก่า หมู่ที่ 11 ต. เขาปู่ อ.ศรีบรรพต จ. พัทลุง ซึ่งเป็นศูนย์รวมทางด้านจิตใจของประชาชนในตำบลเขาปู่ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของวัดถ้ำเก่าและเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง ในปัจจุบันกลุ่มพลังมวลชนได้ร่วมกันพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานทีปฏิบัติธรรม โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ของชุมชนต่อไป


หน่วยงานที่รับผิดชอบ

กลุ่มพลังมวลชนตำบลเขาปู่ เครือข่ายคนต้นน้ำตำบลเขาปู่ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาปู่


ที่ปรึกษา

อาจารย์สถาพร ศรีสัจจัง ศิลปินแห่งชาติ

คุณจิระนันท์ พิตรปรีชา นักเขียนซีไรท์

ผู้ประสานงาน

นายปรารภ หลินมา สถานที่ติดต่อ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลเขาปู่ อ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง โทร. 074 - 689292 / 087 -2939798

 

บล็อกของ ปรเมศวร์ กาแก้ว

ปรเมศวร์ กาแก้ว
ผมเริ่มรับพฤติกรรมหล่อนไม่ได้เสียแล้ว ยิ่งนานวันเข้า รากฝอยของความเกียจคร้านก็ชอนไชแตกงามไปทั่วฝ่ามือและฝ่าเท้าบอบบางของหล่อน การงานทุกอย่างจึงต้องตกเป็นหน้าที่ของผมไปโดยปริยาย ทั้งที่ก่อนนั้นหล่อนเองต่างหากที่เป็นฝ่ายคิดเสนอโปรเจ็กยั่วใจเหล่านั้นขึ้นมาเพื่อหวังพัฒนาหน้าที่การงานที่หล่อนรับผิดชอบอยู่ ผมเริ่มสงสัยถึงเรื่องการมีจิตสาธารณะ จิตอาสาหรือการมีหัวใจ ความเป็นมนุษย์ของตัวเองว่ามันบกพร่อง หรือสั่นคลอนไปแล้วหรือไร ถึงได้คิดประหวั่นพรั่นพรึงกับพฤติกรรมของหล่อนได้ถึงเพียงนี้ หรืออีกนัยหนึ่ง ความละเอียดอ่อนต่อมิติทางสังคมบางอย่างของผมอาจหล่นหายไประหว่างการร่วมงานกับหล่อนเสียบ้างแล้ว
ปรเมศวร์ กาแก้ว
แม้ผ่านวันเพ็ญเดือนสิบสองที่น้ำนองเต็มตลิ่งไปนานแล้ว แต่น้ำในคลองข้างบ้านผมยังนองปริ่มตลิ่งอยู่เช่นเดิม แถมลมมรสุมยังพัด "ฝนหยาม"(ฝนประจำฤดู) มาซัดหลังคาบ้านให้คนเหงาได้นอนฟังกล่อมใจไม่สร่างมาหลายวันแล้วแน่นอนว่าฤดูฝนหยามจะพา "น้ำพะ"(น้ำนอง) มาด้วย ทุ่งข้าวสีเขียวจมอยู่ใต้น้ำ และแน่นอนคนหาปลาทุกเพศทุกวัยจะออกมาดักปลากันอย่างสนุกสนานดั่งรอคอยมาแรมปีปีนี้ฝนโปรยปักษ์ใต้อยู่แรมเดือน ยางพาราราคาต่ำ นาข้าวเสียหาย กระนั้นเลย คนที่นี่ก็ยังพอมีความสุขพอประทังกันบ้าง "กัด"(ตาข่ายดังปลา) ถูกนำมาชะล้างและ "วาง"ลงในห้วยเดิม คัน "เบ็ดทง"(เบ็ดสำหรับปักทิ้งไว้กลางทุ่งและค่อยกลับไปตรวจตราเป็นช่วง ๆ บน "ผลา"(…
ปรเมศวร์ กาแก้ว
สวัสดีครับพี่... ผม..เมศเองครับ ผมยังรู้สึกเหมือนเสียงหัวเราะและแรงมือที่ตบลงบนบ่าผม ก่อนเสียง “ไอ้เมศ...กูรักมึง...กูรักมึง” ของพี่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน... ในเสียงนั้นยังคงไหวหวานมาตลอด แม้ผมจะไม่ได้ยินเสียงพี่มานานแล้วก็ตามที สิ่งเดียวที่ทำให้ผมเชื่อว่าพี่จะอยู่กับเราไปตลอด คือความรักที่เราแลกเปลี่ยนกันตอนพี่บียังอยู่กับเรา หนึ่งปีผ่านไปแล้ว ดูเหมือนผมจะรู้สึกว่าเราใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ทั้งที่ไม่ได้เจอกันเลยสักครั้งแม้ในยามค่ำคืนที่โลกของความฝันชวนดวงดาวพริบแสงมาเยือนก็ตาม
ปรเมศวร์ กาแก้ว
เมื่อเดือนแปดตามจันทรคติมาถึง “ลมหัวษา” (ลมต้นฤดูพรรษา) โหมแรงมาทางตะวันตกเฉียงใต้ พัดจีวรและผ้าอาบน้ำฝนใหม่ของพระหนุ่มแรกพรรษาและพระเก่าหลายพรรษาพลิ้วลมอยู่ไหวๆ ลมช่วงนี้อาจพัดแรงไปจนถึงปลายเดือนเก้าที่ “ลมออก” พัด “ฝนนอก” (มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ) ห่าใหญ่มาเติมทะเลสาบสงขลา (ที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดพัทลุง) อีกครั้งตอนผมยังเด็กกว่านี้ (เมื่อสองสามปีก่อน.....ฮา) ผ้าเหลืองบนกุฏิไหวลมไม่เคยสวยเท่าตอนนี้มาก่อน แม้ครอบครัวของผมจะคุ้นชินกับผ้าเหลือง (จีวร) เพราะ “พ่อเฒ่า” (ตา) ของผมบวชครองผ้าเหลืองมาตั้งแต่วัยหนุ่มใหญ่จนปลิดลมหายใจชราของชีวิตสิ้นไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน…
ปรเมศวร์ กาแก้ว
เ ชิ ญ ช ว น กั น สั ก ห น่ อ ยด้วยหัวใจผมรักธรรมชาติ และแน่นอนผมรักบทเพลงของชีวิตรวมถึงบทกวีที่ไหวเต้นเป็นจังหวะมาจากส่วนลึกของจิตใจผู้เป็นกวีจริง ๆ แล้วผมอยากบอกเล่าเรื่องราวของคนกลุ่มหนึ่ง แถบบ้านผม"คนเขาปู่" (บ้านเขาปู่ อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง) ที่ตัวผมเองก็จำชื่อกลุ่มของพวกเขาได้ไม่แน่ชัดนัก (น่าจะชื่อเครือข่ายคนต้นน้ำ/หรืออะไรสักอย่างที่คล้ายชื่อนี้) เรามีโอกาสพบปะพูดคุยกัน 2-3 ครั้งก่อนหน้านี้และบ่อยขึ้น จนพบหัวใจบางอย่างในดวงตาพวกเขา จึงคิดเรื่องกิจกรรมบางอย่างร่วมกันเพื่อผืนป่าเล็ก ๆ เด็กๆ…
ปรเมศวร์ กาแก้ว
ปรเมศวร์ กาแก้ว
ช่วงเดือนหกตามจันทรคติที่ผ่าน ดอกผักบุ้งกลางทุ่งทางปักษ์ใต้ได้บานรับฝนโปรยกันทั่ว เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นฤดูฝนปรัง  เติมความชุ่มชื่นให้ผืนดินหลังฤดูเก็บเกี่ยว รอการไถปลูกนอกฤดูกาล แม้ในบางพื้นที่ ทุ่งนาได้กลายเป็นกล้าข้าวพื้นเมืองสีเขียวจำพวก ‘ข้าวเล็บนก’ ‘ข้าวสังข์หยด’ ‘ข้าวเฉี้ยง’ ‘ข้าวไข่มดริ้น’ ฯลฯ ไปแล้ว ที่ลุ่มริมทะเลสาบเจิ่งนองด้วยน้ำที่เอ่อมาจากพรุ  วาระอย่างนี้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาทุกปีไม่เหนื่อยหน่าย
ปรเมศวร์ กาแก้ว
หลังมื้อค่ำ ดาวไถทอประกายวาวอยู่บนฟ้าทางทิศเหนือแทนดวงไฟในคืนแรม ปู่เคยเล่าว่ามันเป็นสัญลักษณ์ให้นัก เดินทางกลางราตรีได้จดจำเส้นทางเพื่อความอุ่นใจขณะที่เรากำลังนอนดูดาวอยู่ระเบียงนอกชานหลังบ้าน สายลมบางเบาพัดเอาควันไฟจากกองที่จุดไว้ไล่ยุงให้วัว สามตัวในคอกของปู่ผ่านร่องกระดานไม้เก่าคร่ำโชยผ่านจมูกของเรา  หลังมื้อค่ำเรามักมานอนนับดาวเล่นอย่างนี้เสมอๆ ปู่นั่งถัดขึ้นไปที่ประตูซึ่งยกระดับขึ้นเหนือระเบียงนอกชานไม้เล็กน้อย  เราทั้งสามลุกขึ้นมานั่งใกล้ๆ ปู่  ปู่ลูบหัว เราทั้งสามเบาๆ แล้วโอบตัวบ่าวมาแนบกาย นัยน์ตาปู่ใสและเปล่งประกายอย่างอ่อนโยน  “อยู่บ้านปู่สนุกมั๊ย” …
ปรเมศวร์ กาแก้ว
ขณะที่แดดเช้าเก็บผีตากผ้าอ้อมไม่ทันหมด เครื่องจักรลูกหมาสีแดงยังคำรามเสียงดังไปทั่วท้องนา มันคำรามมาตั้งแต่เมื่อค่ำวานจนตลอดทั้งคืน  ปู่ออกจากบ้านมาตั้งแต่เมื่อค่ำวานพร้อมกับเพื่อนบ้านคนอื่นๆ เพื่อมาเฝ้ามองมันอย่างตั้งอกตั้งใจ เราเดินเลาะชายป่าไปทางท้ายวัด  ท้องนาสีเหลืองถูกเก็บเกี่ยวเหลือแต่ซังข้าวรอการไถกลบเพื่อ ปลูกใหม่อีกครั้งในฤดูทำนา   ปู่นั้งอยู่ริมบึงถัดจากที่เรายืนไปสองบิ้งนารวมอยู่กับตาเขียว ตาไข่ และคนอื่นๆ คนชนบททางภาคใต้เรียกรถไถนาเดินตามกันว่า “รถจักรลูกหมา” ปู่เคยบอกว่าประโยชน์ของมัน มากมาย นอกจากไถนาได้แล้ว …
ปรเมศวร์ กาแก้ว
ผมผลักประตูออกจากบ้านตั้งแต่เช้า  จ้อยนัดพวกเราไว้ที่ศาลากลางหมู่บ้านเหมือนทุกวัน  วันนี้บอยจัดแจงเตรียมเม็ดหัวครกมาด้วย แปลกจริงขณะที่บอยบอกชื่อของมัน บ่าวหัวเราะกับชื่อ แปลกๆ แล้วบอกบอยว่าที่บ้านเราเขาเรียกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ วันนี้เราจะเล่นขว้างหัวงูระหว่างทางสู่ศาลากลางหมู่บ้านกระจัดกระจายไปด้วยผีตากผ้าอ้อมขาวไปทั้งทุ่ง  บ่าว นั่งลงจ้องมองอย่างพินิจและยิ้มก่อนที่แดดเช้าจะรีบเก็บผีตากผ้าอ้อมเสียหมดทีละน้อยตั้งแต่เมื่อวานที่เราพากันไปเก็บเม็ดหัวครกหลังบ้านจ้อย เราเลือกเอาผลสุกที่เม็ดจะเป็น สีน้ำตาลเข้มแล้ว …
ปรเมศวร์ กาแก้ว
บนศาลากลางหมู่บ้านวันนี้ไม่มีเสียงเอ็ดตะโรของเด็กๆ  ขณะที่ฟ้าใส ดวงอาทิตย์คล้อยบ่ายทิ้งไว้เพียงเศษเปลือกลูกยางที่แหลกแล้วและ ใบตองห่อขนมเกลื่อนพื้นอีกฟากหนึ่งเป็นถนนสายเล็กๆ เราเดินตามทางนั้นไปเลี้ยวอ้อมป่าละเมาะสู่อีกหมู่บ้านทางตะวันตกตามคำชวนของขาว สองข้างทางเป็นผืนนาไกลสุดตา  ปู่เคยบอกว่าแถวนี้มีที่นาของปู่รวมอยู่ด้วยแล้วช่วงเก็บเกี่ยวจะพาเรามาเที่ยวเล่นกันเด็กๆ ชักย่านเดินตามกันเต็มถนนตัดกลางทุ่งนาไปทางตะวันตกขณะที่แดดบ่ายโดนเมฆขาวบดบังเป็นร่มเงาและลมทุ่งผัดแผ่วๆ  ไล้เนื้อตัวเรา  อีกไม่ไกลข้างหน้าเป็นหมู่บ้านริมธารเล็กๆ ที่ขาวและเพื่อนๆ อาศัยอยู่…
ปรเมศวร์ กาแก้ว
เหมือนฟ้าดำเก็บดาววิบวาวดวงและเหมือนแดดโชติช่วงกลับหุบหายเมื่อผีเสื้อปีกงามพบความตายและเหมือนฝันเกลื่อนรายเส้นทางจรใต้ใจรู้สึกโลกหมุนกลับขาวพลิกดำขลับใจโหยอ่อนดูสิน้ำตาฉันหลั่งบทกลอนผ่าวแต่ไม่ร้อนอย่างเคยเป็นยินไหม “จเรวัฒน์  เจริญรูป”ใจดั่งจะจูบแม้ทุกข์เข็ญโลกทั้งโลกรู้ความเยียบเย็นใครเล่ารู้ความเป็นของกวีเถิดพรุ่งนี้พบกันบนฟ้ากว้างพบในความอ้างว้างโค้งรุ้งสีฉันจะจำเธอไว้-ใจกวีพบในงามความดี-ฤดีดาล“จเรวัฒน์” จากแล้วเหมือนยังอยู่เหมือนยังนั่งเคียงคู่ ครูเขียนอ่านเรารู้เธอจะเป็นเช่นตำนานผู้สร้างความต้านทานทระนงอาลัยยิ่งกับการจากไปของกวีหนุ่มผู้มุ่งมั่นในงานกวีนิพนธ์ป ร เ ม ศ ว ร์ …