Skip to main content

"ที่ซึ่งหนุ่มสาวหอบฝันมาทิ้ง" ฉันบอกเพื่อน ฟังดูน่าตกใจและดูจะเป็นคนใจร้ายไปสักหน่อย และหากว่าน้อง ๆ หนุ่มสาวที่นี่ได้ยินฉันพูดทำนองนี้ พวกเธออาจเสียกำลังใจ

เพราะการเดินทางครั้งนี้เราพบหนุ่มสาวพวกที่ฉันคิดว่าเป็นพวก"หอบความฝัน"มากมายหลายคนทีเดียว



ฉันไม่ได้พูดอย่างเลื่อนลอย แต่พูดจากสิ่งที่พบเห็น สิบกว่าปีที่แล้ว ฉันพบเพื่อนหลายคนเดินทางมาที่นี่ พวกเขามาทำที่พักนักเดินทาง ทำร้านกาแฟ เปิดร้านเช้าจักรยาน ในจำนวนผู้คนที่ฉันรู้จักในเวลานี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย พวกเขาต่างเดินทางไปอยู่ที่อื่นหมดแล้ว เหมือนหมดเวลาแห่งความฝัน


ใช่ ...บางคนหอบฝันกลับไปที่ที่เขามา หลายคนผิดหวัง ที่ตายไปแล้วก็มี

 

หนุ่มสาวที่เราพบในการเดินทางครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นนักฝันที่น่ารัก และเอื้ออาทรต่อคนแปลกหน้า เพราะนอกจากเพื่อนรุ่นหลานที่เป็นช่างภาพและเปิดร้านขายโปสการ์ดขาวดำแล้ว คนอื่น ๆ เราเพิ่งมาพบกันที่นี่เป็นครั้งแรกแต่เราสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว


เริ่มจากการปั่นจักรยาน ในระหว่างทางของจักรยานเราพบร้านกาแฟสีขาวดูสะอาดตา ตกแต่งร้านน่ารัก ที่พิเศษและทำให้ฉันหยุดทันทีก็คือ เปลนอนและร้านอ่านหนังสือ ที่ปลูกเป็นเพิงเล็ก ๆ อยู่ใกล้ ๆ และ มีคำเชิญชวนให้หยิบอ่านหนังสือ


"สวัสดีค่ะ" หญิงสาวในชุดกระโปรงขาว ดูสดใสน่ารักทักทายทักทายหญิงสูงวัยสองคนที่ยืนรออยู่หน้าร้าน

เธอบอกเราว่าเธอไปซื้อของที่ตลอดจึงเปิดร้านช้า

เพื่อนชวนคุยเรื่องการจัดร้าน เรื่องหนังสือ เธอออกตัวว่า ยังทำได้ไม่ดี หนังสือโดนแดดโดนฝน สองคนคุยกันทำให้ฉันได้รู้ว่า เธอเป็นหญิงสาวที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เธอมีร้านหนังสือเล็ก ๆ ที่โน้น เธอเอาถ่ายร้านเก่ามาให้ดู และรู้ในเวลาต่อมาว่าเธอสนใจการเขียนหนังสือ เธอเริ่มเขียนหนังสือไปบ้างแล้วโดยการเก็บข้อมูลเขียนสัมภาษณ์ให้กับนักเขียนสารคดีคนหนึ่ง


เธอมาเช่าที่ตรงนี้และทำร้านกาแฟเล็ก ๆ อยู่คนเดียว แน่นอนผู้หญิงที่มาอยู่คนเดียวได้เธอย่อมไม่ธรรมดาหรอก นอกจากมีความฝันแล้วต้องใช้พลังที่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวจริง ๆ


ในระหว่างเราพักอยู่ปายเราทั้งสองเป็นลูกค้าประจำของเธอแน่นอน ร้านกาแฟสีขาว ฉันเรียกชื่อนี้เอง

 

ออกจากร้านกาแฟสีขาว ถึงทางแยกมีปายบอกทาง ไป "ปายทะเล" แค่ชื่อก็ได้ใจไปแล้ว แต่กว่าจะถึงปายทะเล เราพบปายนาก่อน มองไปด้านหนึ่งยังมีทุ่งนา แถบนี้ยังมีการทำนา ดังนั้นการมี "ปายนา" ก็ถือว่าเป็นชื่อที่ธรรมดา แต่อยู่ในเมืองภูเขาอย่างปาย กลับมีชื่อ "ปายทะเล" อันนี้ไม่ธรรมดาแน่และไม่เป็นจริงด้วยเรียกว่าชื่อเหนือจริงถือเป็นจินตนาการล้วน ๆ


ในที่สุดเราก็หาอยู่บ้านปายทะเลเจอ ทันที่เข้าไปพบหญิงสาวคนหนึ่งเล่นหีบเพลงอยู่อยู่ ส่วนผู้ชายผมยาวนั่งอยู่กับจอคอมพิวเตอร์กดแป้นพิมพ์ลักษณะเหมือนกำลังเขียนหนังสือ


มีบ้านพักหลังเล็ก ๆ สามหลัง ด้านข้างมีแม่น้ำไหลผ่านในช่วงนี้มีน้ำเพียงน้อยนิด เราตัดสินใจอยู่ที่นี่ทันที เพราะแค่ระเบียงกว้างที่มองไปได้ไกลสุดสายตา และธารน้ำเล็ก ๆแม้ ไม่เพียงพอที่จะลงว่ายก็ขอแค่ให้ได้แช่เท้าเล่น สองอย่างนี้พอเพียงสำหรับฉัน


บ้านทั้งสามหลังรวมทั้งบ้านที่เจ้าของสองคนอยู่ด้วยออกแบบอย่างไม่ธรรมดาจริง ๆ และที่สำคัญเป็นบ้านประหยัดพลังงาน มีประตูกระจกเล็ก ๆรอบด้าน ให้แสงผ่านเข้ามาไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวัน ประตูหน้าเปิดได้กว้างรับลมพัดผ่าน ห้องน้ำหลังคาเปิดครึ่งหนึ่ง กลางวันแสงแดดส่องเข้ามาได้กลางคืนคงมองเห็นพระจันทร์และดวงดาว เราตัดสินใจกลับไปเก็บของย้ายออกจากที่พักเก่า และไม่ลืมที่จะชวนเนเน่เพื่อนใหม่มาดูด้วยเผื่อเธอสนใจจะชวนมาพักด้วยเรากางเต็นท์นอนที่ระเบียงก็ได้


"มีเน็ตใช้ด้วยนะ" ฉันบอกแต่เธอว่าเธอไม่สนใจใช้เน็ตในขณะเดินทางท่องเที่ยว "มีธารน้ำเล็ก ๆ ไหลผ่าน" ฉันพยายามต่อ

แต่เมื่อมาถึง เนเน่ถามเราว่าอยากสนับสนุนน้องเขาหรือว่าชอบจริง ๆ

ฉันตอบได้ทันทีว่า ชอบจริง ส่วนเรื่องอยากสนับสนุนนั้นก็มีส่วน แต่ชอบจริงๆ มากกว่า เนเน่บอกว่าเธอก็ชอบแต่เธออยากเดินเล่นในเมืองด้วย เราจึงต้องแยกกับเนเน่จริงๆ


หญิงสาวเจ้าของปายทะเล เธอเรียนมาทางด้านภูมิสถาปัตย์ น่าจะเป็นความรู้ส่วนหนึ่งที่เธอทำบ้านพักน่าอยู่ ส่วนชายหนุ่ม เคยอยู่ทะเลมาก่อนและชอบทะเลมาก จึงให้ชื่อที่นี่ว่า ปายทะเล และเขามุ่งหวังงานเขียน เขามีหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่เป็นหนังสือทำมือมาให้ดู


แรกเราตั้งใจจะอยู่คืนเดียวและไปแม่ฮ่องสอนต่อแต่เราพบว่าอยู่ที่นี้ก็สบายดี และบรรยากาศน่าเขียนหนังสือมาก เราอยู่ในบรรยากาศนั้นจริง ๆ เพราะหนุ่มเจ้าของที่พักนั่งทำงานทั้งวัน การออกมาอยู่เช่นนี้ความยุ่งเหยิงรุงรังไม่มีเลย ไม่มีอะไรจะต้องทำนอกจากนั่งเขียนหนังสือ และปั่นจักรยานออกไปกินอาหารกลางวันอาหารเช้าที่นี่มีบริการ มื้อเย็นปั่นจักรยานไปซื้อกับข้าวมาทำกินกับพวกเขาทั้งสอง เราจึงหยุดอยู่นานถึงสี่คืน


ที่นี่เราพบหนุ่มผู้หอบความฝันอีกหนึ่งคน เขามาเช่าบ้านหลังเล็กที่ติดกับธารน้ำที่สุด เขาบอกเราว่ากำลังจะเปิดร้านดอกไม้ที่นี่ ร้านดอกไม้ของเขาติดกับร้านน้องขายโปสการ์ดขาวดำ ผู้ชายขายดอกไม้คนนี้เป็นหนุ่มผิวเข้ม เป็นนักแปล และ เขาบอกเราว่า พวกเขากำลังรวมตัวกันทำหนังสือชื่อ "ยูโทปาย" หนังสือเพื่อเมืองปาย


เมื่อถามเขาว่าเขายอมรับความเปลี่ยนไปของปายได้ไหม เขาตอบว่า คำถามเรื่องปายเปลี่ยนไปเขาพบบ่อยมาก แต่เขายอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ แต่อย่างไรปายก็มีมุมที่เลือกได้

 

ในคืนสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ เรานั่งคุยแลกเปลี่ยนกันนานกว่าปกติ

ฉันถามชายหนุ่มว่าอะไรที่ทำให้เขามาเปิดที่พักนักเดินทางเขาบอกว่า เขาอยากจะทำอะไรสักอย่างที่สามารถอยู่ที่บ้านตัวเองได้และสร้างรายได้ได้ด้วย

น้องผู้หญิงเปิดใจว่า พ่อแม่ของเธอไม่ค่อยสบายใจที่เธอเลือกเช่นนี้


ฉันบอกเธอว่า เป็นเรื่องธรรมดามากที่ใครจะรู้สึกเช่นนั้น หากเอามาตรฐานทั่วไปมาวัด พวกที่ไม่ทำงานในระบบต้องเจอทุกคน พี่ก็เจอมาแล้ว แต่พี่ยืนยันว่าทำนสิ่งที่ดี


แต่เพื่อนของฉันผู้ดูนิ่มนวลเรียบร้อย เธอบอกกับหญิงสาวว่า

"จงมั่นคงกับการตัดสินใจของตัวเองในวันนี้ และไม่จำเป็นต้องแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ด้วยการรับผิดชอบในสิ่งที่ไม่เห็นด้วยเสมอไป เพราะผู้ใหญ่ก็ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริงและวิถีชีวิตที่แตกต่างของลูกหลานให้ได้"เพื่อนฉันพูดอย่างนี้


และเธอก็บอกฉันว่า เธอขอให้หนุ่มสาวทุกคนที่หอบความฝันอยู่มุ่งมั่นต่อไป


สวัสดีปาย 
 










 



           

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
  แล้วฉันก็คิดว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิน ฉันเดินทางไปหาเพื่อนที่กรุงเทพฯ  และบอกเธอว่า ฉันอยากจะไปเยี่ยมนักเขียนผู้ใหญ่รุ่นพี่คนหนึ่ง  เพื่อนบอกว่า ไม่ได้ไปนานแล้ว ช่วงหลังๆ ไม่ค่อยมีใครไปหาใครกัน  เมื่อถามว่าทำไม
แพร จารุ
ป่าสนวัดจันทร์   หลังจากที่เขียนเรื่องป่าสนวัดจันทร์ถูกโฆษณาว่าเป็นผืนป่าสนแห่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีชนเผ่าใช้วิถีชีวิตแบบเดิม ๆ
แพร จารุ
เมื่อเขียนเรื่อง “ป่าสนวัดจันทร์ถูกโฆษณาว่าเป็นที่สุด”  ฉันก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง เขียนถึงเรื่องอำเภอใหม่ส่งเข้ามา วันนี้จึงนำจดหมายฉบับนี้มาให้อ่านกันค่ะ  เธอเขียนมาว่า ลองเขียนเรื่องอำเภอใหม่มาให้อ่าน
แพร จารุ
ป่าสนผืนเดียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มองขึ้นบนต้นสนเหมือนหนึ่งว่ามีนกเกาะอยู่บนนั้นเต็มไปหมด จนใครบางคนเผลอถามว่า นั่นนกอะไรเกาะอยู่เต็มไปหมด หลายคนหัวเราะ ไม่ใช่นกหรอกมันคือลูกสน ที่นี่มีชื่อว่า ป่าสนวัดจันทร์ เป็นครั้งที่สองที่ฉันเดินทางมาที่นี้ห่างจากครั้งแรกเกือบยี่สิบปี ฉันไม่กล้าเดินทางไปที่นั่นเพราะรู้สึกว่ามันลำบากยากเย็นเหลือเกิน เป็นการเดินทางที่โหด ๆ ในช่วงวัยเยาว์ เพราะต้องนั่งรถไฟชั้นสามมาจากกรุงเทพฯ นานกว่าสิบสองชั่วโมง ก็รู้กันอยู่ว่ารถไฟไทยเสียเวลาเสมอ ๆ ลงจากรถไฟมีนักเขียนจากเมืองเหนือรอรับอยู่
แพร จารุ
มุสโต๊ะ (มุส-สะ-โต๊ะ) อาหารมื้อไหน ๆ ก็ต้องมีมุสโต๊ะ มุสโต๊ะก็คือน้ำพริกนั่นเอง ฉันรู้จักมุสโต๊ะครั้งแรกเมื่อเที่ยวบ้านปกาเกอญอ และนับจากวันนั้นก็ชอบมุสโต๊ะแบบปกาเกอญอทันที่
แพร จารุ
คุณทำอะไรเมื่อเช้านี้  ส่วนฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับหยิบหนังสือเล่มเล็ก ๆ จากโต๊ะกินข้าวติดมือไปนอนอ่านในเปลใต้ต้นมะขามเล็ก  หนังสือชื่อ ไม่รักไม่บอก 5 เป็นของกลุ่มภาคีคนฮักเจียงใหม่  ฉันเป็นอาสาสมัครในกลุ่มนี้กับเขาด้วย แต่ฉันไม่ได้ทำหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นฉันจึงเพิ่งได้อ่านจริง ๆ ครูโรงเรียนอนุบาลเพิ่งให้มาสิบเอ็ดเล่ม วันนั้นมีน้อง ๆ หนุ่ม ๆ จากไหนก็ไม่รู้มาช่วยกันขนหนังสือหลายกล่องที่นำมาขายในงานอำลา ‘รงค์ วงษ์สวรรค์  ฉันไม่มีของอะไรตอบแทนน้องจึงแจกพวกเขาไปคนละเล่มเหลือเก็บไว้เล่มหนึ่ง ภาพปกเป็นแม่มดหน้าตาน่ารักถือไม้เท้าวิเศษ มีข้อเขียนว่า จงสุภาพกับโลกใบนี้ (คำจากสาร…
แพร จารุ
  เล่าเรื่องงาน อำลา ’รงค์ วงษ์สวรรค์ เปิดงานไปเมื่อวันที่ 9 มกราคม ยามแดดร่มลมตก หน้าที่ของฉันในงานนี้ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลงานขายหนังสือ ฉันรับปากไปว่า “ได้ค่ะ” ทั้งที่ไม่มีความชำนาญเรื่องการขาย หรือเรียกว่าไม่มีทักษะสักนิดเดียว และมักจะคิดตัวเลขผิด วิชาคณิตศาสตร์ตั้งแต่บวกลบคูณหารไม่เก่งเลย ยิ่งวิชาเลขคณิตคิดในใจนี้ไม่ได้เลย แต่ เพราะว่าในช่วงที่เขาประชุมเรื่องการดำเนินการจัดงานฉันไมได้เข้าร่วมประชุม…
แพร จารุ
ฤดูร้อนในเมืองเชียงใหม่ค่อนข้างน่าสยองค่ะ เพราะนอกจากความแห้งแล้งที่เริ่มขึ้นในปลายฤดูหนาวนี้แล้ว เมื่อฤดูร้อนมาถึงเราก็จะพบกับกลุ่มหมอกควันที่มีทั่วเมือง สำหรับประชาชนในชนชั้นเรา ๆ นั้น เตรียมอะไรได้บ้างคะ
แพร จารุ
สวัสดีนักท่องเที่ยว ระหว่างทางนักท่องเที่ยวเจออะไรมาบ้าง ฉันมาอยู่เชียงใหม่สิบกว่าปี แต่บ่อยครั้งที่รู้สึกว่า ตัวเองเหมือนนักท่องเที่ยว
แพร จารุ
  หญิงสาวมักจะกลัวอ้วนเพราะอยากสวย เราถูกทำให้เชื่อกันว่าคนอ้วนจะไม่สวย เป็นสาวเป็นนางต้องผอมเข้าไว้ ใครไม่ผอมเหมือนนางแบบ หรือนักแสดงหน้าจอโทรทัศน์ก็จะไมได้มาตรฐาน ซึ่งความจริงแล้วบางคนผอมจนเกินไป เรียกว่าแห้งแรงน้อยไม่แข็งแรง ขาแขนมีแต่กระดูก คอโปน ไหปลาร้าลึกขนาดน้ำขังยามเมื่ออาบน้ำ
แพร จารุ
ชวนมากินกันต่อค่ะ เพื่อนนักเขียนรุ่นน้องที่เชียงดาว เล่าว่าเธอปลูกข้าวไร่ที่บ้านของเธอ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร แต่ฉันคิดว่าแค่เธอเริ่มต้นปลูกข้าวความมั่นคงทางอาหารก็เริ่มมีแล้ว ต่อมาน้องนักเขียนที่เพิ่งรู้จักยังไม่ได้เห็นหน้ากันเลย เขียนมาบอกว่า เธอปลูกข้าวได้เจ็ดกระสอบ ฉันชื่นชมยินดีกับเธออย่างจริงจังและจริงใจยิ่ง เพราะฉันมีความฝันที่จะปลูกข้าวปลูกผักไว้กินเอง แต่ไม่ได้ทำ และคิดว่าคงไม่ได้ทำ เพราะอายุปูนนี้แล้ว กล้ามเนื้อเป็นไขมัน เรี่ยวแรงหมดไปแล้ว ที่ทำได้ก็คือปลูกกล้วย ซึ่งก็เหมาะสมอยู่เพราะกล้วยเป็นอาหารนิ่ม ๆ กินง่าย…
แพร จารุ
ชวนมากินกันต่อดีกว่า   คราวนี้กินถั่วงอกผัดเห็ดสามอย่างค่ะ ดูเป็นอาหารธรรมดา ๆ นะคะ แต่พิเศษก็ตรงที่ เป็นอาหารที่ประกอบด้วยเห็ดสามอย่างนะคะ ความจริงแล้วอาหารเห็ดสามอย่างที่กินเป็นยานี้ เขาว่าหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันเป็นดีค่ะ แต่ไม่เป็นไรใช้น้อย ๆ เราเน้นความอร่อยด้วยค่ะ