Skip to main content

 

พรุ่งนี้ 2 กพ. 57 เป็นมากกว่าวันเลือกตั้ง เลือกตั้งครั้งนี้แท้จริงคือประชามติโดยปริยายว่าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศจะเอาเลือกตั้งหรือจะเอาลากตั้ง

ที่ผู้เขียนสรุปเช่นนี้ก็เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ละเมิดสิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าของประชาชนนับล้านเมื่อวันที่ 26 มค. และยังคงขัดขวางการขนส่งบัตรเลือกตั้งไปยังหลายพื้นที่ในภาคใต้

และที่มีนัยยะสำคัญกว่านั้น กลุ่ม กปปส. ยังยืนกรานที่จะตั้งสภาประชาชน หรือสภาลากตั้งที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเพื่อบริหารประเทศเป็นเวลาปีครึ่งโดยปราศจากฉันทามติจากสังคมและความชอบธรรมใดๆ

แต่พวกเขาก็ยังโกหกโดยไม่สำนึกใดๆว่าพวกเขามิได้ต่อต้านการเลือกตั้ง

เป็นที่ชัดแล้วว่าการพยายามกำจัด ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ โดยไม่สนใจเรื่องวิธีการอันชอบธรรมได้สร้างปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นให้กับสังคมไทยเช่นการละเมิดสิทธิในการเลือกตั้งของประชาชนหลายสิบล้านที่ต้องการไปใช้สิทธิ ซึ่งคนเหล่านี้มิใช่เป็นเพียงแต่ผู้ที่สนับสนุนยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยเท่านั้น

การเสนอสภาลากตั้ง หรือสภาที่ปราศจากฉันทานุมติจากประชาชนทั้งประเทศ สะท้อนมุมมองดูถูกไม่ไว้ใจคนส่วนใหญ่ว่าจะสามารถใช้เหตุผลเลือกผู้แทนที่ทำหน้าที่แทนประชาชนได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ

การมองไม่เห็นหัวประชาชนส่วนใหญ่มิอาจนำมาซึ่งประชาธิปไตยอย่างที่ กปปส. อ้างได้เลย หากมีแต่จะฉุดลากสังคมไทยกลับไปสู่ยุคศักดินาสมัยใหม่ที่ประชาชนส่วนใหญ่อยู่ใต้อาณัติของคนส่วนน้อยโดยมิมีสิทธิมีเสียงทางการเมืองอย่างแท้จริง

สภาพที่ต่างฝ่ายต่างมองอะไรเป็นขาวเป็นดำก็ไม่ได้ช่วยอะไร ในขณะนี้ฝ่าย กปปส. ไม่ยอมให้มีการแสดงความเห็นเท่าทันเจ้า ฝั่งแดงก็มักเฉยเมยกับด้านมืดของ ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย ทำให้ฝั่ง กกปส. ซึ่งมีผู้ชุมนุมที่จริงใจหวังดีต่อสังคม (ตามมุมมองในอุดมคติแบบพวกเขา) รู้สึกว่าจะใช้วิธีใดล้มยิ่งลักษณ์ย่อมทำได้และทนไม่ไหวแล้ว

อย่างไรก็ตาม การคุกคามระบบหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง (universal suffrage) โดย กปปส. ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมากกว่าคุณเอา ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ หรือไม่

ไม่ว่าคุณจะเอา ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ คุณควรออกไปใช้สิทธิวันพรุ่งนี้ เพราะมันได้กลายเป็นการต่อสู้ระหว่างเลือกตั้งกับลากตั้งโดยปริยาย

สำหรับผู้เขียน ไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นโมฆะในที่สุด เพราะการขัดขวางจาก กปปส. หรือไม่ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการไปยืนยันใช้สิทธิเพื่อส่งสัญญานให้โลกเห็นชัดว่าคนจำนวนมากไม่เอาลากตั้งและจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาปล้นสิทธิทางการเมืองของพวกเขาไป

 

 

บล็อกของ ประวิตร โรจนพฤกษ์

ประวิตร โรจนพฤกษ์
1) กว่า 90% ของผู้เสียชีวิตคือผู้ชุมนุมธรรมดา -ปี 2553 จากร้อยศพผมนึกได้เพียงชื่อ เสธ.แดง กับพันเอกร่มเกล้า2) กว่า 99% ของผู้อยู่แนวหน้าเวลาเกิดเหตุเผชิญหน้าปะทะคือผู้ชุมนุมธรรมดา หาใช่แกนนำไม่ –แกนนำมักคอยปลุกปั่นท่ามกลาง ‘มวลมหาประชาชน’ หรือม็อบจากบนเวทีแนวหลัง
ประวิตร โรจนพฤกษ์
ถึงเวลา countdown ความคลั่งชาติแล้วสินะพวกพี่น้องใครจับจ้องรอดูทีวี ถ่ายทอดสดศาลโลกบ้างฆ่ากันตายกี่ล้านศพในนามความคลั่งชาติเกลียดกันนานกี่ศตวรรษในนามชาตินิยมดูถูกคนรวมกี่ชาติในนามวัฒนธรรมอันดีงามทิ้งบ้านทิ้งครอบครัวไปกี่รอบเพื่อไปตายแทนชนชั้นนำ
ประวิตร โรจนพฤกษ์
การพยายามผลักดัน พรบ.นิรโทษกรรมเหมาเข่งสุดซอยโดยอย่างเร่งด่วนโดยพรรคเพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร เป็นการผลักภาระการสังหารประชาชนโดยมิต้องรับผิดชอบใดๆให้เป็นมรดกเลือดตกทอดแก่ลูกหลานชาวไทย