Skip to main content

อาภัสสร สมบุลย์วัฒนากุล


12_07_01

 

 

เสียงเพลงเดือนเพ็ญจากการขับร้องของฉันจบลง ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้เข้าร่วมงานสามร้อยกว่าคน ที่หอประชุมในมหาวิทยาลัยพายัพ เชียงใหม่ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา งานนี้ร่วมจัดโดยเพื่อนพ้องจากพม่าที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่และเพื่อนพ้องคนไทย เพื่อช่วยระดมทุนไปให้พี่น้องชาวพม่าผู้ประสบภัยจากพายุไซโคลนนาร์กิส ฉันบอกพวกเขาว่าฉันไม่ใช่นักร้อง แต่อยากมาร้องเพลง...เพื่อร่วมเป็นกำลังใจให้ทั้งผู้ประสบภัย และเพื่อนชาวพม่าที่อยู่ในไทย ให้สู้ต่อไปอย่างมีความหวัง

 

คืนนั้น ฉันได้เพื่อนใหม่อีกมากมาย นับตั้งแต่วันแรกที่เราไปจัดดนตรีเปิดหมวกที่ถนนคนเดินเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม แทบไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาเพียงสามชั่วโมงจะมีผู้ร่วมบริจาคกับเราถึงสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เรา จัดกิจกรรมสืบเนื่องกันมาในภายหลัง

ภารกิจต่อมาในคืนนั้น คือนำข่าวสารจากคณะทำงานที่ตั้งขึ้น หลังจากการจัดเวที “เพื่อนพม่า” เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่หอประชุมเล็กมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปให้กับทีมทำงานที่คลินิกแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก แม้จำนวนเงินที่เราระดมไปช่วยเหลือ ประมาณหนึ่งแสนแปดหมื่นบาทจะน้อยนิด เมื่อเทียบกับองค์กรต่างประเทศที่ขนมาเป็นกองทัพ แต่พลังใจและพลังความคิดจากเพื่อนๆมากมายหลายองค์กร จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระยะยาวในภายหลัง

 

ค่ำคืนนั้นจบลง ที่หลังรถกระบะพร้อมกับเพื่อนร่วมทางที่แทบไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เสียงเพลงที่หอประชุมพายัพยังก้องอยู่ในหัว พอที่จะเป็นกำลังใจให้ตัวเองในช่วงเวลาอันเหนื่อยล้ามานานกว่าสองอาทิตย์ ฉันบอกตัวเองว่า...ฉันคงไม่ตายหรอก แต่คนอีกนับแสนนับล้านที่พม่า กำลังจะตายลงทุกวันๆ ...

 

พวกเราไปถึงแม่สอดประมาณตีสี่ ฉันอาบน้ำจิบกาแฟอ่านข่าวสารและรายงานต่างๆจากหนังสือพิมพ์ เกี่ยวกับสถานการณ์ในพม่า รอเวลาที่เราได้รับคำบอกว่า เราจะต้องไปงานศพที่ฝั่งพม่าในตอนเช้า ซึ่งหมอซินเทียร์จากคลินิกแม่ตาวคงจะไปร่วมงานด้วย ฉันไม่ได้ถามซักอะไรมาก คิดเแต่เพียงว่า คงเป็นเพื่อนสักคนของเขาที่จากไป และเราควรไปแสดงความเคารพเพื่อจะได้สานไมตรีกับเพื่อนใหม่ๆ อีก

 

เวลาผ่านไปเพื่อนร่วมทางเริ่มทยอยตื่น เรื่องราวและรายละเอียดเกี่ยวกับ “งานศพ” เริ่มกระจ่างขึ้นมาเรื่อยๆ สถานที่ที่เรากำลังจะไปคือกองบัญชาการของ KNU และผู้ที่เสียชีวิตคือ Saw Ba Thin ซึ่งก็เปรียบเหมือนประธานประเทศของรัฐกระเหรี่ยงนั่นเอง ฉันแอบอึ้งอยู่เงียบ ๆ เมื่อรู้ว่าเพื่อนใหม่ของฉันวันนี้ คือกองทัพที่ฉันได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ ถึงการต่อสู้เพื่อปกป้องเผ่าชนของเขาจากรัฐบาลทหารพม่า ภาพความตายและความน่ากลัวของสงคราม ลอยเข้ามาในห้วงคิดคำนึงเป็นระยะๆ จากนั้นฉันก็ไม่รู้อะไรเลย...

 

รถของเราผ่านไปทางอำเภอทางสองยาง และศูนย์ลี้ภัยแม่หละ ที่เต็มไปด้วยกระท่อมมุงหญ้าคากระจายอยู่บนดอยสูงหลายลูก ฉันจำได้คลับคล้ายคลับคลา...ว่าฉันเคยโบกรถผ่านมาที่นี่ เมื่อเกือบสิบปีก่อนสมัยยังเป็นเด็กนักศึกษา


ตอนนั้นฉันกับเพื่อนนั่งอยู่ข้างหลังรถกระบะ ฉันเข้าใจว่าตัวเองมองเห็นทิวเขาสีน้ำเงินสดอยู่ลิบๆ แต่เมื่อเข้าไปใกล้จึงได้รู้ว่า ที่แท้เป็นเต็นท์พักชั่วคราวของผู้อพยพจากฝั่งพม่า


เมื่อรถข้างหน้าเริ่มติดขัดทำให้รถของเราช้าลง ผู้คนนับร้อยนับพันที่อยู่ข้างทาง ได้เดินสวนรถของเรามา ภาพใบหน้าที่แบกความทุกข์หนัก...เหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งโลกของพวกเขา ยังติดตาฉันมาจนทุกวันนี้ ฉันได้เรียนรู้ต่อมาอีกหลายปีให้หลัง ว่าทำไมพวกเขาต้องหนีตายข้ามมาฝั่งไทย ได้รู้ถึงความโหดร้ายทารุณของรัฐบาลทหารพม่า...ที่ฆ่าคนได้ไม่เลือก แต่สิ่งที่ฉันรู้นั้น...เทียบไม่ได้กับสิ่งที่เพื่อนมนุษย์ในพม่า-ต้องทนทุกข์มานานกว่าห้าสิบปี

 

เรือหางยาวพาพวกเราข้ามฟากฝั่งของแม่น้ำเมยไปสู่บริเวณงาน ฉันแปลกใจเล็กน้อยที่เขาไม่ได้ตรวจกระเป๋าฉันเลย และแปลกใจมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเพื่อนใหม่ที่ฉันอาศัยร่วมทางมาด้วยได้รับการทายทักจากเพื่อนชาว KNU ไปตลอดทาง ซึ่งนับจากริ้วรอยประสบการณ์บนใบหน้าแล้ว พวกเขาเหล่านั้นน่าจะมีตำแหน่งสูงๆ กันแทบทุกคน ฉันเองก็ได้รับการแนะนำไปตลอดทาง ว่าเป็นส่วนหนึ่งของทีมร่วมจัดงานระดมทุนช่วยผู้ประสบภัย เป็นใบเบิกทางที่ประกันว่าฉันมาดี ไม่ได้มีเลศนัยใดๆแอบแฝง และสังเกตเห็นว่า มีคนมาถ่ายรูปฉันเป็นระยะๆ ในใจแอบคิดว่า...คงได้ขึ้นแบล็คลิสท์ของรัฐบาลทหารพม่าเป็นแน่

 

ฉันอยากถ่ายรูปทหาร เคี้ยวหมาก แบกปืน ที่ยืนอยู่ทั่วไป ตัดกับภาพช่อดอกกุหลาบมากมาย ที่ประดับอยู่ทั่วงาน...

ตลอดวันนั้น ฉันได้พูดคุยกับเพื่อนใหม่มากมายหลายคน นอกจากการต่อสู้และวีรกรรมของพวกเขาแล้ว ฉันได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ ได้ยินเสียงหัวเราะพูดคุยยามเขาหยอกล้อกัน ฉันดีใจที่ได้เห็นเขามีความสุขกันบ้าง แม้จะเป็นเวลาเพียงน้อยนิด เพื่อนร่วมทางของฉันบอกว่าเขาไม่ได้เจอเพื่อนเก่าเหล่านี้มากว่าสิบปี ฉันดีใจมากที่ได้มาร่วมรับรู้ถึงความรู้สึกของพวกเขา และยิ่งทำให้ฉันตระหนักมากขึ้นไปอีกว่า เขาก็เป็นคนเหมือนกับเรา..

 

ในที่สุดเราได้พบหมอซินเทียร์ ใบหน้าสงบงามของหมอท่ามกลางแดดบ่ายอันแผดเผา ช่วยทำให้ฉันมีพลังได้อย่างประหลาด ฉันได้รับการบอกเล่าว่าหมอเป็นนักศึกษาแพทย์ที่หนีออกมาจากพม่าตั้งแต่ปี 1988 ที่มีการลุกขึ้นต่อต้านเผด็จการของนักศึกษา หมอและเพื่อนได้มาเปิดคลินิกที่แม่ตาวที่รักษาคนไม่เลือกว่าเป็นชาติหรือศาสนาใด จนได้รับการยอมรับจากทั้งทางรัฐบาลไทยและต่างประเทศ หมอได้รับรางวัลแมกไซไซ ด้วยความดีและความเป็นมนุษย์ที่แท้ของหมอ

 

คุณหมอยินดีที่จะร่วมงานกับทีมของเรา ซึ่งหมอบอกว่าช่วงนี้ที่คลินิกยังไม่มีปัญหาในเรื่องงบประมาณ แต่ความต้องการเฉพาะหน้าคือความรู้ในการฟื้นฟูจิตใจของผู้ประสบภัยที่เริ่มอพยพหนีตายออกมากันเรื่อยๆ คุณหมอจะนัดประชุมทีมในวันรุ่งขึ้นซึ่งเราสามารถเข้าร่วมประชุมกับทีมของหมอได้ ฉันโล่งใจไปหนึ่งเปลาะ เพราะอย่างน้อยเงินน้อยนิดของเราจะสามารถกระจายไปให้กับองค์กรที่ทำงานช่วยเหลือใต้ดินในพม่าอื่นๆ ที่ยังไม่มีชื่อเสียงได้ด้วย

 

ตอนเย็นเราข้ามฟากแม่น้ำเมยกลับมาด้วยความเบิกบานใจ

 

รุ่งขึ้นอีกวัน ฉันรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว เพราะแรงกระแทกกับรถกระบะมาตลอดคืน เพื่อนๆ ที่เชียงใหม่ทยอยโทรมาถามข่าวคราว ด้วยความตื่นเต้นระคนตกอกตกใจและเป็นห่วง ว่าเราข้ามไปถึงฝั่งพม่าได้อย่างไร แถมยังเป็นกระเหรี่ยง KNU เสียอีก ฉันแอบภูมิใจอยู่เล็กๆ ว่าอย่างน้อยชาตินี้ ฉันก็ได้สัมผัสกับพวกเขาแล้ว

 

เราไปถึงแม่ตาวคลินิกในตอนเกือบเที่ยง เพื่อนร่วมทางของฉันบอกว่าสภาพคลินิกแออัดกว่าปกติ ผู้คนเดินเข้าเดินออกกันตลอดเวลา ภาพชายหนุ่มนุ่งโสร่งกับใบหน้าคล้ำคมคายที่มีแป้งสีเหลืองปะอยู่ตามใบหน้า เริ่มชินตาฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันได้รับการเชื้อเชิญอย่างสุภาพ ให้เข้าไปในห้องประชุม ที่ให้การต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น แม้ใบหน้าเหล่านั้นจะปนเปื้อนไปด้วยความอ่อนล้า...

 

มีจุดตรวจของทหารอยู่แทบทุกไมล์ ถ้าเราขนของไปมากๆ ก็จะถูกยึด แล้วพวกเขาก็จะบอกเราว่า เขาจะเอาไปแจกเอง เราต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะให้พวกทหารพม่าไปตลอดทาง จะมีคนมายืนรอรับของอยู่ข้างถนน เขาไม่มีบ้าน ไม่มีที่กำบังฝน มีทั้งเด็กและคนท้อง”

 

พี่ๆ บอกเล่าเรื่องราวข้างในให้พวกเราฟัง ฉันพยายามขบคิดว่าสองมือของฉันจะทำอะไรได้บ้าง

 

พวกเราไว้ใจรัฐบาลทหารพม่าไม่ได้ ถึงแม้พวกเขาจะให้คำสัญญาว่าจะรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ก็ไม่ได้หมายความว่าเงินเหล่านั้นจะไม่เข้ากระเป๋าพวกเขาเอง คนที่สูญเสียทุกอย่างจะข้ามมาฝั่งไทยมากขึ้น แต่การข้ามมาฝั่งไทยไม่ใช่การแก้ปัญหา เราต้องเปลี่ยนแปลงจากในพม่าให้ได้” เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งที่ KNU บอกฉัน

 

การเดินทางจากแม่สอดของฉันจบลงบนรถทัวร์มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ ฟ้ายังครึ้มดำไปด้วยเมฆหม่น ปรอยฝนยังคงโปรยปรายมาเป็นระยะ ฉันหวังว่าพรุ่งนี้-คงจะมีฟ้าสีทองของวันใหม่ สาดส่องมาให้ผืนแผ่นดินและผู้คนอีกครั้ง

 

คนพม่ารู้มานานแล้วว่ารัฐบาลทหารพม่าไม่ใช่คน แต่ไซโคลนนาร์กิส เพิ่งทำให้คนทั้งโลกได้รู้ว่ารัฐบาลทหารพม่าไม่ใช่คน-ในวันนี้นี่เอง ! ”

 

........................

 

(แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเกือบสองเดือนแล้ว แต่สถานการณ์ข้างในพม่าแทบจะไม่แตกต่างไปเลย การช่วยเหลือและฟื้นฟูยังมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนต่อไป ปัจจุบันพวกเราได้รวมตัวกันก่อตั้งกลุ่ม “ เพื่อนเชียงใหม่เพื่อฟื้นฟูผู้ประสบภัยนาร์กิส” ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มนักศึกษา อาสาสมัคร กลุ่มประชาสังคม องค์กรพัฒนาเอกชน และสถาบันวิชาการ ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วยกันระดมทุนและรณรงค์เกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนในประเทศพม่า ซึ่ง เราจะจัดกิจกรรมเวทีสาธารณะและคอนเสิร์ตระดมทุนกันอีกครั้งในชื่องาน 60 วันหลังนาร์กิส” วันที่ 11 กรกฎาคม 2551 ที่หอประชุมเล็กมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เวลา 13.00- 21.00 .)

บล็อกของ ที่ว่างและเวลา

ที่ว่างและเวลา
ดอกเสี้ยวขาว เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนพี่น้องลาหู่บ้านนาน้อย ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และได้กำลังใจอย่างเต็มเปี่ยมอีกครั้ง เมื่อได้ร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือพิธีมอเลเว ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการเคารพธรรมชาติ อย่างนอบน้อม ไก่ หมู ข้าว อาหาร ผลไม้ ของเซ่นไหว้ที่พี่น้องชาวบ้านร่วมกันนำมาบูชา ถูกจัดเตรียมไว้ พร้อมที่จะทำพิธีกรรม บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ กลิ่นธูปได้ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณงาน ท่ามกลางความเชื่อที่มีต่อผืนป่า ผีป่า ที่คอยปกปักรักษาดงดอยแห่งนี้   อะโหล ปุแส ผู้นำบ้านนาน้อย ได้อธิบายคำว่า มอ เลเว คำว่า มอ…
ที่ว่างและเวลา
อาภัสสร สมบุลย์วัฒนากุล  เสียงเพลงเดือนเพ็ญจากการขับร้องของฉันจบลง ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้เข้าร่วมงานสามร้อยกว่าคน ที่หอประชุมในมหาวิทยาลัยพายัพ เชียงใหม่ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา งานนี้ร่วมจัดโดยเพื่อนพ้องจากพม่าที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่และเพื่อนพ้องคนไทย เพื่อช่วยระดมทุนไปให้พี่น้องชาวพม่าผู้ประสบภัยจากพายุไซโคลนนาร์กิส ฉันบอกพวกเขาว่าฉันไม่ใช่นักร้อง แต่อยากมาร้องเพลง...เพื่อร่วมเป็นกำลังใจให้ทั้งผู้ประสบภัย และเพื่อนชาวพม่าที่อยู่ในไทย ให้สู้ต่อไปอย่างมีความหวัง คืนนั้น ฉันได้เพื่อนใหม่อีกมากมาย…
ที่ว่างและเวลา
อัจฉรียา เนตรเชยต่อจากตอนที่แล้วผู้เขียนกับเพื่อนชาวเวียดนามถกเถียงกันว่า ความจริงแล้วชาวม้งดำที่นี่ “เวรี่แอ็กทีฟ” ในระบบตลาด แต่ทำไมในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เช่น ที่โรงแรม ร้านอาหาร หรือมัคคุเทศน์ (ซึ่งก็เป็นธุรกิจหนึ่งในระบบตลาด) แทบจะไม่มีชาวม้งดำเข้าไปเป็นลูกจ้างเลย เพื่อนเวียดนามบอกว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าเพราะพวกเขามีการศึกษาต่ำ
ที่ว่างและเวลา
อัจฉริยา  เนตรเชยเมื่อสัปดาห์ก่อนผู้เขียนซึ่งเป็นนักเรียนเรียนภาษาเวียดนามที่ฮานอยได้ใช้เวลา 3 วันไปเป็นนักท่องเที่ยวที่ซาปา (Sa Pa) เมืองในหมอกบนพื้นที่สูงของภาคเหนือของเวียดนาม ภูเขาที่นี่สูงเสียดฟ้าสลับซับซ้อนกันหลายลูกจริงๆ จนภูเขาบ้านเราสมควรถูกเรียกว่า “ฮิล” มากกว่า “เม้าเท่นท์” นาขั้นบันไดก็มีให้เห็นกันอย่างดาษดื่นจนกลายเป็นโลโก้ของเมืองนี้ หมู่บ้านม้งดำ และเย้าแดงกลางหุบเขา น้ำตกและลำธารใสๆที่ไหลผ่านกลางหมู่บ้านมีให้เห็นตลอดสองข้างทาง ทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนอันสุดแสนจะโรแมนติกของคู่รัก เมื่อต้นปีใครๆ ก็บอกว่าหิมะตกที่ซาปาสวยงามมาก...อยากเห็น (…
ที่ว่างและเวลา
สัมภาษณ์-เรียบเรียง : บัณฑิต เอื้อวัฒนานุกูลรศ.ดร.กฤษดาวรรณ หงศ์ลดารมณ์ เคยเป็นอาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความเชี่ยวชาญภาษาทิเบต ทำวิจัยเรื่องทิเบตมานานนับ 10 ปี เคยเดินกราบอัษฎางคประดิษฐ์ (เดิน 3 ก้าว ก้มกราบ 1 ครั้ง) บนเส้นทางของนักแสวงบุญอันเก่าแก่ทุรกันดาร ณ เขาไกรลาสเป็นระยะทางกว่า 80 กม. ปัจจุบันเป็นประธานมูลนิธิพันดารา (Thousand Stars) ซึ่งเป็นองค์กรสร้างการแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องพุทธศาสนาแบบวัชรยานในสังคมไทย และยังคงเดินทางไปทิเบตอยู่เสมอมิว เยินเต็น บวชเรียนใต้ร่มกาสาวพัตร์ของพุทธศาสนาวัชรยานในบ้านเกิดที่ทิเบตมานาน 27 ปี เป็นผู้ติดตาม อ.กฤษดาวรรณ…
ที่ว่างและเวลา
ภู เชียงดาวพะโด๊ะ มาน ซาห์อดีตเลขาธิการสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง กี่ชีวิต…ที่เคว้งคว้างกลางป่ากี่ร่างที่ผวาลอยละลิ่วลับดับสูญนี่คือผลพวงของสงครามนี่คือการกระทำของศัตรูผู้โหดเหี้ยม ผู้บาปหนาและน่าละอายที่คอยกดขี่ข่มเหง เข่นฆ่า ผู้คนหญิงชาย, บริสุทธิ์ผู้รักสันติและความเป็นธรรมเถิดไม่เป็นไร...เราจะไม่ทุกข์ ไม่ท้อใบไม้ใบหนึ่งถูกปลิดปลิวร่วงหากบนก้านกิ่งนั้นยังคงมีใบอ่อนแตกใบให้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันยังคงมุ่งมั่นกันอยู่ใช่ไหม นักรบผู้กล้ากับความฝัน ความกล้าในแผ่นดิน ‘ก่อซูเล’ปลุกเร้าจิตวิญญาณเพื่อสืบสานตำนานการต่อสู้เพื่อรอวันทวงคืนผืนแผ่นดินเกิดยังจำกันได้ไหม...…
ที่ว่างและเวลา
‘ดอกเสี้ยวขาว’   การที่ต้องลำบากเดินลัดเลาะไปตามร่องเขา ไต่ขึ้นไปบนความสูงชัน นานหลายชั่วโมง เพียงเพื่อไปกวาดใบไม้บนสันดอยสูงนั้น หลายคนอาจมองเป็นเรื่องธรรมดาไม่สำคัญ แต่สำหรับผมกลับมองว่า นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่และไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ที่นั่น, บนสันดอยสูง...พวกเขาช่วยกันกวาดใบไม้ ก่อนที่จะจุดไฟเผา ซึ่งไม่ได้ไปคนเดียว แต่ไปร่วมกันหมดทุกหลังคาบ้าน มีทั้งผู้เฒ่า เด็กเยาวชน ผู้ใหญ่ ผู้นำทางศาสนา ฯลฯ “ตอนนี้ถ้าทางการเขาสั่งห้ามเผาป่า จะทำได้มั้ย?...” ผมลองแหย่ถามชาวบ้าน “แล้วถ้าเขาสั่งห้ามกินข้าว เราจะทำได้มั้ย...ถ้าเชื่อ เราก็ไม่ได้กินข้าว ไม่ได้กินอะไรเลย...”…
ที่ว่างและเวลา
เรื่อง/ภาพโดย วัชระ สุขปาน ลำธารสีเทา ขัดเงา จนเกิดริ้วสีเงิน ฝูงปลาพลิกพลิ้วตัว สะท้อนแสงกลับไปบอกเวลากับดวงอาทิตย์
ผักกูดอ่อน ยอดใบบอน ยอดผักหนาม ฟ้อนอรชรอยู่ริมคุ้งน้ำ ถ้ายังไม่มีใครไปเก็บ ก็จะเป็นสุมทุม ที่วัวควายชอบซุ่มตัวต้นไม้ล้มขวางลำธารโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นเพราะธรรมชาติ ก็พอเป็นสะพานใช้ข้ามไปถึงเขียงนา ก็ยังมีขนุน มะม่วง ส้มโอ ถั่ว ข้าวโพดสาลี พริก มะเขือ และพืชผักๆ ฯลฯ ให้ได้เห็น และเก็บกินก่อไฟ ต้มน้ำชา นั่งสนทนา และ บ้างเคี้ยวเมี่ยง สูบยาขี้โย
ที่ว่างและเวลา
ธีรเชนทร์  เดชานักสังคมสงเคราะห์1“หนูมีแม่อยู่สองคนค่ะ” เสียงของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งบอกเล่าให้ฟัง “วันนี้หนูมาหาแม่อีกคนหนึ่งของหนู…”“แล้วหนูจำได้ไหมว่าแม่หนูรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง” ผมลองเอ่ยถามเธอดู ภายหลังคำถาม เด็กหญิงทำท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง....เธอนิ่งนานในความเงียบงัน.....แต่ในแววตาที่ไร้เดียงสานั้น เหมือนจะบอกกับผมอยู่อย่างนั้นว่าเธอจำแม่ของเธอได้ดี...เธอจำได้นะ...ผมไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงให้คำตอบในสิ่งที่ผมถามเธอก่อนหน้านี้ไม่ได้  แม่...ที่เธอกำลังมาหาในวันนี้นั้น คือแม่แท้ๆ ที่อุ้มท้องเธอมา เป็นแม่ผู้ให้กำเนิด แต่ด้วยเหตุผลและความจำเป็นบางอย่าง…
ที่ว่างและเวลา
‘ลีนาร์’ “ยามเมื่อเราต่างพูดถึงความสุข จะเกิดพลังขึ้นและสร้างคุณค่าขึ้นมาได้”คำกล่าวจากใบหน้ายิ้มแย้มของ ลิซ่า คาเมน เจ้าของภาพยนตร์สารคดีเรื่อง H-FACTOR: where is your heart? ที่เธอและลูกสาวสำรวจธรรมชาติของความสุขของผู้คนข้ามทวีปผ่านคำถามง่าย ๆ ‘ความสุขของคุณคืออะไร’ย้อนไปในวันหนึ่ง ขณะที่ลิซ่าปั่นจักรยานผ่านตอนเหนือของประเทศอินเดีย เธอฉุกคิดขึ้นมาว่าจะทำอย่างไรให้ชาวอินเดียจะแสดงออกถึงความสนุกและความสุขอย่างแท้จริงท่ามกลางความอัตคัดขัดสนที่ยังคงดำเนินอยู่ในเวลานั้น นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของหัวข้อหลักของสารคดีซึ่งเธอและเคย์ล่า ลูกสาววัย 9 ขวบของเธอ…
ที่ว่างและเวลา
‘โถ่เรบอ’หนังสือนวนิยายขนาดสั้น เรื่อง  “เพลงรักช่อดอกไม้” ของ ‘พิบูลศักดิ์ ละครพล’ ที่เคยตีพิมพ์เป็นตอนๆ ใน ‘สกุลไทย’ เมื่อปี 2520 ก่อนสำนักพิมพ์จันทร์ฉายจะนำมารวมเล่มครั้งแรก ในปี 2521 นั้นเปิดฉากด้วยเนื้อเพลงปกาเก่อญอ ที่ชื่อ “แพลาเก่อปอ”“แพลาเก่อปอ ในคืนพระจันทร์ส่องแสง ฉันนั่งเหม่อมอง คอยจ้องแทะนาเต่อกาฉันคอยแสนคอย บะฉ่าเตอถี่บะนา เส่ นอ ถ่อแย เมื่อฉันเคียงคู่กับเธอแมแหม่แคอี ฉันต้องอยู่เดียวเปลี่ยวดายมองหาคู่เคียง บะฉ่าเตอถี่เลอบาโอ้ยอดดวงใจ  แคอีเนอโอะแพแลโปรดจงเห็นใจ เกอหน่าเยอพอคีลา”เพลงนี้ติดหูชาวปกาเก่อญอยาวนานมากว่าสามสิบปี ถือได้ว่าเป็นเพลงยุคแรกๆ…
ที่ว่างและเวลา
‘ฐาปนา’ ผมพบเขาในวันที่เชียงใหม่ยังเปียกปอนจากสายฝน เขาแต่งกายเรียบง่าย บุคลิกคล้ายนักบวช ดูแข็งแรงเหมือนคนอายุสามสิบกว่าๆ  เมื่อได้สนทนา แม้น้ำเสียงเป็นกันเอง แต่ก็แฝงความเคร่งครัดไม่น้อย เขาคือผู้ริเริ่มการเขียน “แคนโต้” บทกวีสามบรรทัดจำนวนสี่ร้อยบทเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ,เป็นผู้ก่อตั้งเวบไซต์ ไทยแคนโต้ (www.thaicanto.com) เมื่อสองปีที่แล้ว และกลายเป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุดของบทกวีสามบรรทัด มีแคนโต้นับพันนับหมื่นบท ปรากฎอยู่ในเวบไซต์แห่งนี้ล่าสุด เขามีผลงานวรรณกรรมขนาดยาวแปดร้อยหน้า ที่ชื่อ “โรงเรียนที่เงียบที่สุดในโลก”โดดเดี่ยว และ เด็ดเดี่ยว น่าจะเป็นคำจำกัดความที่ชัดเจนที่สุดสำหรับตัวเขา…