Skip to main content

‘นายยืนยง’

20080220 ภาพปกโศกนาฎกรรมอิมเพรสชั่นนิสม์

ชื่อหนังสือ      :    เถ้าถ่านแห่งวารวัน    The Remains of the Day
ประเภท            :    วรรณกรรมแปล
จัดพิมพ์โดย    :    แพรวสำนักพิมพ์
พิมพ์ครั้งที่ ๑    :    กุมภาพันธ์   ๒๕๔๙
ผู้เขียน            :    คาสึโอะ  อิชิงุโระ
ผู้แปล            :    นาลันทา  คุปต์

เราต่างเดินเท้าผ่านเวลาของวันคืน วนรอบอยู่ในสังคม ในโลก และในเรา  
ชีวิตอาจเป็นเรื่องน่าเศร้า อาจเป็นมากกว่าโศกนาฏกรรมในนวนิยาย หรือชีวิตจะไม่ใช่...

เคยถามตัวเองว่า ทำไมการเผชิญหน้ากับปัญหาที่ล้อมรุมเข้ามาจึงเป็นความยากหนึ่งที่หลายครั้งถึงกับต้องยอมจำนน แต่ทำไมเมื่อเราเลือกหยิบหนังสือบางเล่มเพื่อผ่อนเกลียวของความเศร้า หนังสือนั้นกลับตรึงเราไว้กับเรื่องราวเหล่านั้นทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเราสักนิด ขณะเดียวกันเรายังมองเห็นตัวตนของเราในนั้นได้ โดยเฉพาะกับนวนิยาย

นอกเหนือจากการได้สนทนากับตัวละครในเรื่องแล้ว ระหว่างการอ่านอันดื่มด่ำ เราก็ค้นพบว่าปัญหาอันทุกข์เศร้าที่มีอยู่กลับไม่เผยตัวตนให้เจ็บปวด หรือที่ผ่านมาชีวิตเราช่างไร้สุนทรียะ เราจึงได้เสพมันราวกับกระหายเต็มประดา

นวนิยายแต่ละเรื่องต่างมีรสสัมผัสผิดแผกกันไป ความพริ้งเพริศของภาษา บรรยากาศเร้าชวนหลงใหล ตัวละครที่มีบุคลิกโดดเด่นสะดุดตา ซึ่งประกอบกันเป็นนวนิยายนั้น ล้วนผ่านกลวิธีการเขียนของนักเขียน โดยแต่ละคนก็ย่อมคิดค้นหาศิลปะการเล่าที่เหมาะสม แตกต่าง และสร้างสรรค์ใหม่

ทฤษฎีว่าด้วยศิลปะการเขียนมีให้ศึกษาไม่รู้จบ แม้นเรื่องราวเหล่านั้นจะถูกถ่ายทอดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่รสสัมผัสที่ได้กลับไม่เคยเหมือนเดิม ดังเช่นที่เราเคยเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของระบบศักดินาแบบอังกฤษ รู้จักธรรมเนียม มารยาท แบบแผนต่าง ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของคนอังกฤษมาบ้างแล้ว แต่กับนวนิยายเล่มนี้เราจะต้องตื่นตะลึงกับการถ่ายทอดอย่างร่วมสมัยแต่คงไว้ซึ่งความคลาสสิคยิ่ง

เถ้าถ่านแห่งวารวัน บทประพันธ์ของคาสึโอะ อิชิงุโระ เป็นนวนิยายที่เขียนออกมาได้อย่างหมดจดงดงามและประณีตที่สุด และเหมาะสมยิ่งที่ได้รับรางวัลเกียรติยศ BOOKER PRIZE ปี 1989   

คาสึโอะ อิชิงุโระ เกิดที่เมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1954 และย้ายไปพำนักที่ประเทศอังกฤษเมื่อปี 1960  สำเร็จการศึกษาด้านภาษาอังกฤษและปรัชญาจากมหาวิทยาลัยเคนต์ที่แคนเทอร์เบอรี ผลงานของเขาล้วนโดดเด่นและได้รับรางวัลแทบทั้งสิ้น

นอกจากนั้น ต้องยกย่อง นาลันทา คุปต์ผู้ถ่ายทอดจากภาษาอังกฤษสู่ภาษาไทยให้เราได้อ่าน ต้องชื่นชมในการเลือกใช้คำ การวางประโยคอันสละสลวยและมีนัยยะต่อความรู้สึกนึกคิดอีกด้วย

นวนิยายที่ประณีตและโดดเด่นยิ่งเรื่องนี้ เปี่ยมด้วยความสดใหม่ ลึกซึ้งและอ่อนโยน  แต่ข้อสำคัญน่าศึกษาสำหรับนักอ่านหรือนักเขียนก็คือศิลปะแห่งการเล่าเรื่องนั่นเอง         

การจะพิจารณาถึงข้อดังกล่าวนั้นเราไม่อาจแยกในส่วนที่เป็นรูปแบบของการเล่าออกจากแนวคิดทางด้านศีลธรรมของเรื่องได้ชัดเจน แม้จะบอกได้อย่างชัดเจนว่าศีลธรรมของเรื่องมุ่งเน้นในการอธิบายถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ในสถานภาพที่ต่างกัน รวมทั้งเหตุผลของการนับถือตนเองด้วย
        
เถ้าถ่านแห่งวารวัน เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าผ่านมุมมองของตัวละครเอกที่เป็นพ่อบ้านในคฤหาสน์ดาร์ลิงตันฮอลล์ ในยุคที่ความสับสนระหว่างกลุ่มชนที่ยึดถือขนบแบบแผนอันมีมาเนิ่นนานกับความคิดที่จะก้าวให้ทันโลกสมัยใหม่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

นวนิยายเรื่องนี้ได้สนทนากับผู้อ่านด้วยอารมณ์ของโศกนาฏกรรมตลอดทั้งเรื่อง แต่เราจะไม่เห็นหยาดน้ำตาหรือร่องรอยของความเศร้าโศกนั้นเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะรุนแรงร้ายกาจเพียงใดในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง แต่สำหรับพ่อบ้านอย่างสตีเวนส์ ผู้สูญเสียพ่อและคนรัก รวมทั้งตระหนักในความพ่ายแพ้ต่อยุคสมัยของเจ้านายผู้ที่เขามอบความจงรักภักดีไว้แทบเท้า

จากที่ได้เกริ่นไว้ว่ารูปแบบของศิลปะการเล่าเรื่องนั้นน่าสนใจศึกษาเพียงไร อาจสรุปได้อย่างชัดถ้อยชัดคำว่า เถ้าถ่านแห่งวารวันเป็นโศกนาฏกรรมอิมเพรสชั่นนิสม์ที่ประณีตงามยิ่ง โดยเน้นย้ำว่าผู้เขียนได้ใช้วิธีการที่ละเลยต่อรูปแบบดั้งเดิม ทั้งยังมีทีท่าไม่สนใจต่อเอกภาพของเรื่อง แต่องค์ประกอบทุกส่วนล้วนเป็นบูรณภาพอย่างร้ายกาจเหลือเชื่อ เป็นความประสานลงตัวที่ชวนให้ตื่นตะลึงทีเดียว

ว่าด้วยการละเลยรูปแบบ หาใช่มีความหมายไปในทางที่เรียกกันไปอย่างไร้ความรับผิดเลย หากหมายถึงการละเลยรูปแบบซึ่งจงใจร้อยรัดไว้อย่างประณีตเหมือนอย่างจิตรกรรมในแนวทางของอิมเพรสชั่นนิสม์ โดยผู้เขียนอาศัยหลักจิตวิทยาและมานุษยวิทยาเป็นแนวทางในการตรึงผู้อ่านไว้กับเรื่องโดยตลอด เป็นวิธีที่เรียกว่าเร้าความสนใจไปเรื่อย ๆ แทนที่จะทำให้ผู้อ่านใฝ่หาถึงแต่ตอนจบอันสมบูรณ์อย่างเดียวเท่านั้น และถือเป็นวิธีการที่ยากยิ่ง เนื่องจากการเน้นความเป็นไปของเรื่องราวในระหว่างการดำเนินเรื่อง ต้องอาศัยความสอดคล้องมากกว่าบูรณภาพของเรื่อง แต่ยิ่งอ่านไปเรื่อย ๆ ก็จะพบว่าช่างเต็มไปด้วยบูรณภาพยิ่ง แม้กระทั่งการเปรียบเปรยในช่วงแรก ยกตัวอย่างหน้า 37
    
เมื่อผมยืนอยู่บนชะง่อนผาสูงยามเช้าและมองเห็นผืนดินเบื้องหน้านั้น ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่หาได้ยากยิ่ง แต่ไม่มีทางจะเป็นอื่นไปได้นั้นได้อย่างชัดเจน  นั่นคือความรู้สึกว่ากำลังอยู่เบื้องหน้าความยิ่งใหญ่ เราเรียกแผ่นดินของเรานี้ว่า บริเตนใหญ่ และก็อาจจะมีบางคนที่เชื่อว่านั่นออกจะเป็นการทะนงตัวไปเสียหน่อย แต่ผมก็กล้าพูดว่า เพียงแค่ภูมิทัศน์ของประเทศเราก็พอให้ใช้คำคุณศัพท์ที่เลิศลอยนั้นได้อย่างไม่ละอายแล้ว  ...ฯลฯ ...  

ผมก็จะบอกว่าเป็นเพราะไม่มีความน่าตื่นตาหรือน่าทึ่งอย่างโจ่งแจ้งนั่นแหละที่ทำให้ความงามของประเทศเราพิเศษกว่าใคร สิ่งสำคัญคือความเยือกเย็นของความงามนั้น ความรู้สึกสงบใจของมัน เหมือนกับแผ่นดินรู้ตัวว่างดงาม รู้ตัวว่ายิ่งใหญ่และไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องประกาศก้อง เมื่อเทียบกันแล้ว ทิวทัศน์ประเภทที่มีให้เห็นในที่อย่างแอฟริกาหรืออเมริกานั้น ถึงแม้จะน่าตื่นเต้นเพียงไร แต่ผมก็แน่ใจว่าผู้ที่มองอย่างเป็นกลางจะเห็นว่าด้อยกว่าเพราะการป่าวร้องอย่างไม่สมควรนั่นเป็นแน่...

จากย่อหน้าดังกล่าว จะเห็นว่ากระแสความคิดของสตีเวนส์เมื่อได้เห็นทัศนียภาพของประเทศ แม้เป็นจะเป็นเพียงส่วนเสี้ยวเล็กน้อยของนวนิยายทั้งเล่ม แต่เราจะได้พบกับเรื่องราวย่อย ๆ ที่เป็นความสมดุลเชื่อมโยง สอดคล้องกันไปทั้งหมดกับเรื่องราวย่อยอื่นของเรื่องและประสานกันได้อย่างแนบเนียนกับบูรณภาพและศีลธรรมของเรื่อง

นอกเหนือจากข้อสำคัญดังกล่าวแล้ว ยังมีการประสานขององค์ประกอบอื่นอีกมากมาย เช่นตัวละครที่มีทั้งจากการแต่งขึ้นใหม่และตัวละครที่มีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์ เช่น จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ นักเขียนบทละคร, ศาสตราจารย์เมย์นาร์ด เคนส์ นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษผู้ได้รับสมญานามว่าบิดาแห่งวิชาเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ หนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญของเขาคือ การวิพากษ์สนธิสัญญาแวร์ซายส์ว่าจะทำให้เศรษฐกิจของยุโรปทั้งหมดต้องพินาศ (หน้า 84 ) ฯลฯ   ภายใต้มุมมองและกระแสคิดของสตีเวนส์ พ่อบ้านประจำคฤหาสน์ฯ ที่ถูกกระตุ้นด้วยสภาพแวดล้อม ผู้คน สังคมภายนอกคฤหาสน์ เรื่องราวในอดีตอันยิบย่อยก็ค่อย ๆ ผลิเผยออกมาเป็นเรื่องราวจากความทรงจำ

ศิลปะการเล่าเรื่องดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น อาจเรียกได้ว่าเป็นดุมล้อแห่งสุนทรียภาพที่เฝ้าปลอบประโลมมนุษยชาติได้เลยทีเดียว  แม้บางคนอาจเคยรู้สึกว่า ทำไมต้องเสียเวลากับเรื่องโศกนาฏกรรมด้วยเล่า ในเมื่อชีวิตจริงน่าเศร้าเสียยิ่งกว่านิยาย

แต่กับโศกนาฏกรรมอิมเพรสชั่นนิสม์เล่มนี้
ทำให้เราคงอยู่กับความเศร้าโศกได้อย่างเข้าอกเข้าใจ ทั้งสุขุมเยือกเย็นและสง่างาม.


            

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ‘ นายยืนยง ’ ชื่อหนังสือประเภทจัดพิมพ์โดยพิมพ์ครั้งที่ ๑ผู้เขียน ผู้แปล  : ::::::เดวิด หนีสุดชีวิต   ( I am David )วรรณกรรมแปล   /  นวนิยายเดนมาร์ก สำนักพิมพ์ นานมีบุ๊คส์ทีนกันยายน   พ.ศ.๒๕๔๙Anne Holmอัจฉรัตน์  ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตของโลกในสภาวะต่าง ๆ ทั้งเศรษฐกิจและธรรมชาติ มนุษยชาติต่างผ่านพ้นมาแล้วซึ่งวิกฤตนานัปการ แม้แต่ในนามของสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่ผงฝุ่นแห่งความทรงจำเลวร้ายทั้งมวล เหมือนได้ล่องลอยไปตกตะกอนอยู่ภายในใจผู้คน ครอบคลุมแทบทุกแนวเส้นละติจูด แม้นเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเพียงไร แต่ตะกอนนั้นกลับยังคงอยู่ โดยเฉพาะในงานวรรณกรรม เดวิด…
สวนหนังสือ
โดย ‘นายยืนยง’ ชื่อหนังสือ      :    ภาพเหมือน  ( The Portrait ) ประเภท    :        วรรณกรรมแปล จัดพิมพ์โดย    :    สำนักพิมพ์ คมบาง พิมพ์ครั้งที่ ๑    :    ตุลาคม ๒๕๔๔ ผู้เขียน        :    นิโคไล  โกโกล ผู้แปล        :    ดลสิทธิ์  บางคมบาง    จากต้นฉบับภาษาอังกฤษของ  CHRISTOPHER  ENGLISH …
สวนหนังสือ
โดย ‘นายยืนยง’ชื่อหนังสือ :    ไตร่ตรองมองหลักประเภท :                บทความพุทธปรัชญา     จัดพิมพ์โดย :    สำนักพิมพ์ศยามพิมพ์ครั้งที่ ๒ :    กันยายน  พ.ศ. ๒๕๔๓  :  แก้ไขปรับปรุงผู้เขียน :    เขมานันทะบรรณาธิการ :    นิพัทธ์พร  เพ็งแก้ว ในกระแสนิยมปัจจุบัน  แม้พุทธศาสนาจะอยู่ในรูปสภาพที่เป็นกิจการค้าความเชื่อมากมายเพียงไร  และคงไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะมีตรายี่ห้อใดบ้าง …
สวนหนังสือ
โดย นายยืนยงเรื่อง สายรุ้ง รุ่งเยือน    สำนักพิมพ์  เคล็ดไทยผู้แต่ง ณรงค์ยุทธ  โคตรคำ ประเภท กวีนิพนธ์ฟ้าครึ้มอยู่อย่างนี้สักสองสามวันได้ เมฆขมุกขมัวเกาะกันเคว้งคว้าง พากันลอยล่องไปตามแรงลม   …ลมเย็นต้องผิวเนื้อสัมผัส รู้สึกได้ถึงลมหนาวอันสะท้านใจ  โอหนอ... ลมหนาวแรกของปลายมิถุนายน  โอหนอ... กวีนิพนธ์ถ้าเอ่ยชื่อ ณรงค์ยุทธ โคตรคำ กับลมหนาวแสนประหลาดของเดือนมิถุนายน  ชื่อนี้คงไม่คุ้นหู ไม่ว่าในกลุ่มแขนงใด ๆ แต่การที่หนังสือกวีนิพนธ์ ชื่อ สายรุ้ง รุ่งเยือน มีประโยคเปิดหน้าปกว่า  รวมบทกวีคัดสรรเล่มแรกของ ณรงค์ยุทธ โคตรคำ นั้น …