Skip to main content


 

เคยคิดอยากเขียนนิยาย ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงเหมือนกัน แต่ฝีมือการเขียนยังไม่เข้าขั้น และที่สำคัญเวลายังไม่เอื้ออำนวย เพราะต้องทำงานเป็นนางแบกโกอินเตอร์ ทำงานทุกวันฮ่ะ (นางแบก คือทำงานอาชีพแบกถาด บนเรือสำราญเจ้าค่ะ)

สัปดาห์นี้อยากเขียนเรื่องจริงจากประสบการณ์ของชายคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของชาน่า ที่เค้ากล้าเผยความเป็นเกย์ต่อครอบครัว ความจริงมันไม่เป็นเพียงแค่ความกล้า หากแต่เป็นสถานการณ์พาไป และอยากให้รับรู้ ยามเมื่อถึงเวลา เนื้อเรื่องและเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงจากครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนครอบครัวหนึ่ง เรียบเรียงโดยชาน่า ล้านนา ค่ะ



วัฒน์ หนุ่มไทยเชื้อสายจีนที่เติบโตมาท่ามกลางวิถีชีวิตของคนไทยในเมืองกรุง ด้วยเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่เมืองไทยหลายชั่วอายุคน การใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมของเขาไม่ต่างอะไรไปกับคนไทยครอบครัวจีนทั่วไปเลย พออายุเลยเพญจเพส เขาบรรลุนิติภาวะด้วยวัยวุฒิที่สังคมกำหนดแล้ว แต่ภาวะทางจิตในสายตาของผู้ปกครองยังมองเขาเหมือนเด็กเสมอ และแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง สำหรับปัญหาที่ค้างคาใจมาโดยตลอดตั้งแต่จำความได้ กับบทบาทของชีวิตครอบครัวที่เกิดขึ้น

แก...บอกพ่อแม่เหอะ ฉันคิดว่าท่านรู้ เพราะยังไงท่านก็เลี้ยงแกมา มีเหรอจะไม่รู้อ่ะ”
มันจะดีเหรอเธอ... ถ้าหากฉันบอกทางบ้านแล้วเค้ารับไม่ได้ล่ะจะทำยังไง”



กลางค่ำคืนของปลายฝนต้นหนาว และแล้วก็มาถึงวันที่วัฒน์คิดว่า “สักวันคงต้องมาถึง” วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี หลังจากฝนฟ้าตก ๆ หยุด ๆ ตามช่วงฤดูกาล ทุกคนภายในบ้านนั่งทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันอย่างพร้อมหน้า พอทานอาหารเสร็จจึงนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยตามประสาครอบครัวที่อยู่กันอย่างอบอุ่น เหตุการณ์เหมือนกับเป็นลางสังหรณ์ ไม่ต้องรอให้วัฒน์ได้เอ่ยปากพูดเกริ่นถึงเรื่อง แต่สถานการณ์มันก็พาไปเองด้วยความบังเอิญ แม่เปิดฉากเริ่มต้นด้วยคำถามที่วัฒน์ไม่อยากจะเชื่อเลย

วัฒน์...ทำงานเหนื่อยมั้ยลูกวันนี้ แม่ขอถามเราหน่อยนะ ขอให้ตอบแม่ตามความเป็นจริงนะลูก ... อือ... เรามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” แม่นั่งยิ้มเหมือนมีอะไรในใจที่น่าค้นหา กับคำถามที่เป็นปริศนาแปลก ๆ
ก็ไม่มีอะไรนี่ครับแม่ ผมก็ปกติดีทุกอย่าง ทำไมเหรอแม่” วัฒน์ถามแม่กลับอย่างงงๆกับการเกริ่นเรื่องคำถามของแม่
นี่จดหมายของลูกใช่มั้ย นนท์ส่งมาให้”
ใช่ครับ.... แม่เปิดอ่านเหรอ แม่เปิดอ่านทำไม นั่นมันจดหมายที่นนท์จ่าหน้าซองถึงผม” วัฒน์เห็นซองจดหมายที่รู้อย่างเต็มอกว่าเป็นจดหมายของใคร เพราะจำลายมือและซองได้เป็นอย่างดี คงไม่ได้เป็นของคนแปลกหน้าคนไหน หากแต่เป็นจดหมายของแฟนผู้ชายที่เป็นคนคุ้นเคย ที่เคยมากินนอนที่บ้านของวัฒน์ประจำ ซึ่งทางบ้านของเค้าก็รู้จักหนุ่มคนนี้ดีเหมือนเป็นลูกชายอีกคน เพราะนนท์เป็นเพื่อนสมัยเรียนของวัฒน์ที่รู้จักมักจี่กับครอบครัวของวัฒน์ เพราะเค้าเคยบอกพ่อแม่ของวัฒน์ว่า ขอเป็นลูกชายอีกคน นนท์เค้าเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่จากไปนานแสนนาน
เราเป็นแฟนกับนนท์เหรอ... !!!! ...”
ที่แม่เข้าใจถูกแล้วครับ ผมเป็นเกย์ ผมรักนนท์และนนท์เค้าก็รักผมครับ”

 

แค่นี้ล่ะ เรื่องทั้งหมดก็กลายจากหน้ามือเป็นหลังเท้าทันทีทันใด
อ๋อ...มันอย่างนี้นี่เอง” แม่ของวัฒน์ได้รับคำตอบจากปากของลูกชายคนโตของครอบครัวอย่างเต็มหู อย่างเสียงดังฟังชัด
กูคิดว่ากูคงอยู่ร่วมกับมึงไม่ได้แล้วล่ะ”
ตกลงพวกมึงหลอกกูมาตลอดเลยเหรอ ที่มานอนค้างที่บ้าน มา(....ร่วมเพศภาษาบ้าน ๆ ...)กันในบ้านของกู มึง...ไอ้(...วรนุช...) ไอ้สัตว์เดรัจฉานนนนนนน...” เสียงของผู้เป็นพ่อ กราดด่าหน้าดำหน้าแดง ด้วยความโมโหอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้

 


วัฒน์ใจหายแว๊บ เหมือนโลกกำลังจะแตก หัวใจกำลังสลาย พายุกำลังกระหน่ำเข้าในใจอย่างเสียไม่ได้
มึงมีเวลาสามสิบนาที ให้ออกจากบ้านกูไปเดี๋ยวนี้แล้วอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก....” ประโยคที่พ่อพูดออกมาก้องในหู วัฒน์แทบเสียสติ พร้อมกับรุดไปที่ห้อง ที่บอกให้รู้ว่าสถานการณ์นี้อยู่ต่อไปคงไม่ได้แล้ว
นี่มันอะไรกันเหรอ ถามกันตรง ๆ ก็บอกกันตรง ๆ นึกว่าจะรับได้ นึกว่าจะรู้แล้ว ...ทำไมมันเป็นอย่างนี้” วัฒน์ถามพ่อแม่ด้วยความสงสัยและขุ่นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น แต่ก็นึกในใจเสมอว่า ถ้าสักวันมันถึงเวลาก็คงเป็นเวลาที่โลกจะเปิดเผยของมันเอง

ทันทีทันใดนั้น วัฒน์เห็นภาพของผู้เป็นพ่อที่กำลังกริ้วโกรธ เข้ามากระชั้นชิดตัวของเขา พร้อมกับง้างมือจะตบด้วยความโมโหสุดชีวิต
ด้วยสัญชาติญาณของมนุษย์ วัฒน์ยกมือขึ้นป้องกันตัวเอง
นี่มึงคิดจะสู้กูเหรอไอ้วัฒน์ ไอ้ลูกเนรคุณ”
ผมไม่ได้สู้พ่อ แต่ทำไมพ่อต้องตบหน้าผมด้วย ผมเป็นเกย์แล้วไม่ดีตรงไหนครับ”
มึงยังจะมาเถียงอีกเหรอไอ้วัฒน์ ...”
ไอ้วัฒน์.... เสียแรงที่กูเลี้ยงมึงมา ไอ้ลูก....(วรนุช...หอสระเอียไม้โท..)..” แม่ของวัฒน์ก็เสียใจไม่น้อยทั้งด่าและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
ผมถามพ่อกับแม่หน่อยเหอะว่า ผมมัน...(วรนุช) ตรงไหน ผมทำทุกอย่างเพื่อพ่อแม่ ครอบครัวและน้อง ๆ ผมเป็นคนดี ทำดีมาโดยตลอด แค่เป็นเกย์แล้วมันผิดตรงไหน”
พ่อกับแม่จะให้ผมออกจากบ้านไปใช่มั้ย ... นับจากตอนนี้เป็นต้นไป ถ้าใครถามให้บอกเค้าว่า ลูก...(วรนุช) คนนี้มันหนีไปเอง มันไม่รักดีที่เกิดมาเป็นเกย์” วัฒน์บอกกล่าวลาทั้งน้ำตาอาบแก้มอย่างเสียใจ

วัฒน์เสียใจมากที่พ่อแม่ด่าไล่ ยังกะหมูกะหมา ทั้งๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาหลังจากเขาเรียนจบก็ช่วยกิจการงานที่ธุรกิจที่บ้าน ยอมทิ้งงานที่รักและเคยทำมาดูแลงานธุรกิจครอบครัว ช่วยทำทุกอย่างตั้งแต่ภารโรงยันผู้จัดการบริษัท จนฐานะและกิจการทางบ้านเจริญรุ่งเรือง กับเรื่องแค่เกิดมารักเพศเดียวกัน ทำไมต้องด่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดความสงสัยพอตอบตามความจริงก็รับไม่ได้ หรือพ่อแม่จะหลอกตัวเองมาตลอด พอรู้ความจริงจึงรับไม่ได้

ผมจะทำยังไงดี ผมไม่รู้จะไปทางไหน ผมไม่มีเงินเก็บเลย เงินที่ได้มาจากครอบครัวก็ให้พ่อแม่หมด มีติดตัวแค่ไม่ถึงพันบาท” วัฒน์พูดกับตัวเองอย่างน่าสงสารชะตาฟ้าผ่า พรางเก็บข้าวของพร้อมจะออกไปตามความต้องการของพ่อและแม่ในตอนนั้น

วัฒน์ตัดสินใจขอไปอยู่กับเพื่อนสนิท ซึ่งเค้าอยู่กับครอบครัวที่น่ารักมาก พ่อแม่เป็นคนธรรมะธรรมโม มีจิตใจดี หนึ่งชั่วโมงที่เก็บของและรอรถแท็กซี่ที่โทรไปเรียกนั้น มันสุดแสนจะรันทดและทรมานมากที่สุดในความรู้สึกถูกคนที่เค้ารักและรักเค้าไล่ออกจากบ้านอย่างไม่แยแส
--------

ไม่ต้องเสียใจนะลูก พ่อแม่เค้ารักเรามาก เค้าคงผิดหวังอย่างแรง และตอนนี้เค้ากำลังโกรธอยู่ ลูกอย่าไปโกรธเค้านะ มาอยู่กับเพื่อนสักระยะ พอสบายใจแล้วค่อยกลับไปคุยกับพ่อแม่ละกันนะลูก” แม่ของเพื่อนปลอบและให้กำลังใจ
--------



ผ่านไปสามเดือน เหมือนกับสามปีที่ทรมานใจ และกลุ้มใจโดยตลอดของชีวิตที่ลิขิตเป็นเช่นนี้ พ่อแม่ของวัฒน์ตามหา ทั้งโทรเข้ามือถือ หรือให้ญาติคนอื่นโทรหา แต่วัฒน์ก็มีฐิถิในตัวเองสูงพอ ทุกสายที่เขารู้ว่าเป็นเบอร์มือถือของญาติ เขาจะตัดสายทิ้งไม่รับแม้แต่คนเดียว ทุกครั้งที่กดตัดสายเหมือนการกดทำลายความเจ็บปวดที่ไม่มีวันลืมหาย

วัฒน์ทราบข่าวจากญาติว่า ธุรกิจครอบครัวที่เขาเคยทำตอนนี้ตกต่ำมาก แทบจะอยู่ไม่รอด ผลพวงจากช่วงเศรษฐกิจตกต่ำทั่วประเทศ อีกอย่างขาดแรงกำลังจากวัฒน์ที่เคยเป็นหัวหลักของงาน
ถ้าเจอวัฒน์ฝากบอกเค้าด้วยให้เค้ากลับบ้าน ทางบ้านไม่โกรธแล้ว ..พ่อแม่ขอโทษและให้อภัยเขาเสมอ...”

สามเดือนที่ผ่านไปกับการเผยตัวเองให้ทางบ้านรู้นั้น เป็นช่วงที่ทรมานและทุกข์มากที่สุดในชีวิตของเขา ไม่ว่าจะกินนอน ยังผวาตื่นทั้งน้ำตา ทั้งฝันร้าย ต้องเร่ร่อนหางานทำ ไม่มีเงิน ไม่มีที่อยู่ ถึงแม้จะอาศัยอยู่กับเพื่อนคนสนิท แต่วัฒน์ก็ไม่อยากรบกวนครอบครัวของเพื่อนเป็นเวลานาน และยังไม่รู้ว่าชีวิตจะดำเนินต่อไปทางไหน เค้าติดต่อกับน้องชายและน้องสาว ด้วยความรักและห่วงหาอาทร แต่ก็ห้ามไม่ให้ทั้งสองบอกพ่อกับแม่
-----

เกือบปีที่ทรมานผ่านไป วัฒน์สมัครไปทำงานบริษัทหนึ่งที่อยู่ต่างประเทศ โดยทำงานด้านการบริการเริ่มต้นในต่ำแหน่งที่ลำบากมาก แต่เค้าก็ทนอย่างสุดตัว

และแล้วความรักระหว่างชายกับชายของเขาก็ไปไม่ถึงฝั่ง หลังจากที่วัฒน์ไปทำงานที่ต่างประเทศ นนท์ก็เปลี่ยนไป เริ่มคบชายใหม่

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กริ๊งงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงง ๆ
ฮัลโหล..” เสียงผู้หญิงรับ ที่คุ้นเคยว่าเป็นเสียงของแม่ของวัฒน์
หวัดดีครับ....” วัฒน์สนทนากับเสียงของคนรับโทรศัพท์
วัฒน์เหรอลูก.... อยู่ไหนลูก แม่คิดถึง แม่ขอโทษ กลับมาบ้านเรานะ พ่อกับแม่รออยู่”
ผมกลับตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ.... เพราะว่าผมไม่ได้อยู่เมืองไทย ผมมาทำงานอยู่อเมริกาครับ แล้วผมจะโทรมาใหม่นะ แค่นี้นะครับ” วัฒน์ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก เพราะทั้งน้ำตาและความโศกเศร้ามันทำให้พูดออกมาไม่ได้เหมือนมีอะไรติดเสียงและความรู้สึก
.........................................................................................................


สามปีผ่านไป วัฒน์ได้เลื่อนขั้นจากหน้าที่ผู้ช่วยกุ๊กฝึกหัด สู่ตำแหน่งบ๋อยที่ด้อยค่า ณ วันนี้เขาสร้างรายได้เดือนละเป็นแสน ปีละล้าน ส่งเงินกลับบ้าน พร้อมกลับไปเยี่ยมพ่อและแม่ จนทุกวันนี้วัฒน์เป็นเสาหลักของครอบครัว ที่โกยรายได้ให้ปีละเป็นล้าน ๆ
เมื่อก่อนฉันเคยมีคนโตเป็นผู้ชาย ทุกวันนี้เขาจะเป็นอะไรก็ไม่สำคัญแต่ที่สำคัญลูกฉันเป็นคนดี เขาเลี้ยงพ่อและแม่และน้อง ๆ ....”

-----------------------------------------------------------------------------


ขอบคุณ วัฒน์ (นามสมมุติ) สำหรับ Base on True story ที่ถ่ายทอดเรื่องราวให้ชาน่าเรียบเรียงเพื่อเป็นประโยชน์และสาระสำหรับผู้อ่านคอลัมน์ “พาเม้าท์ชีวิตชาวเกย์”

ไม่ว่าลูกของคุณจะเป็นเพศอะไร ความสำคัญอยู่ที่คุณงามความดีและคุณค่าของคนมิใช่หรือ..

 

 

บล็อกของ ชาน่า

ชาน่า
ภาษาใครคิดว่าไม่สำคัญ บางคนบอกว่า แหม ... บางครั้งไม่จำเป็นต้องพูด ใช้ภาษาใบ้เอาก็ได้ แต่บังเอิญคนที่คุณใบ้ด้วยไม่เก็ตก็แย่สิฮะ.. หากพอมีเวลาว่างใช้เวลาในการศึกษาภาษาเพิ่มเติมชาน่าว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ดีทีเดียว  อย่างเวลาชาน่าไปแต่ละเมืองแต่ละประเทศนั้น จำเป็นต้องพอรู้ว่าไปไหนมา สามวาสองศอก หรือแม้แต่ภาษาเฉพาะในหมู่ชาวเรา ทำให้  "ง่ายสำหรับคุณค่ะ"
ชาน่า
วันนี้เรือจอดอยู่ประเทศบาฮามัส พรุ่งนี้จะเข้าฟลอริด้า นั่งทำงานเป็นโอเปอเรเตอร์รับโทรศัพท์จองห้องอาหารคนเดียว  เสี้ยวหนึ่งของวันทำงาน จู่ ๆ ก็เกิดอาการเป็นสุข จนต้องระบาย หยิบปากกามาจิกเขียน ถ่ายทอดความสุข ส่งตรงสู่เมืองไทย  
เค้าบอกว่า คนเราจะสุขหรือทุกข์นั้นขึ้นอยู่ที่ใจ บางครั้งกว่าจะสุขได้ก็ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างไม่ว่าจะเรื่องของสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การเมือง สังคม ส่วนตัว และจิตใจ เป็นต้น
บางครั้งเจ้า “ความทุกข์”  มักจะมาเยือน  นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาสามัญบ้าน ๆ ทั่วไป ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ปุถุชนคนเดินดินอย่างเราท่านทั้งหลาย   แต่เราจะหาวิธีการดับทุกข์เช่นไร…
ชาน่า
ชีวิตที่ต้องเกี่ยวข้องของคนหลากเพศชายจริง หญิงแท้ หรือแม้แต่เกย์ กะเทย นั้นย่อมมีปะปนกับชนและคนทุกชนชั้นวงการไม่เว้นแม้แต่ชีวิตของนักศึกษา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตแห่งชาติ เป็นลูกเป็นหลานเราๆ ท่านๆ เนี่ยล่ะฮะวันนี้ชาน่าอ่านข่าวคราวจาก นสพ.คงชักเล็ก พิมพ์ผิดฮ่า คมชัดลึก เกี่ยวกับชีวิตของกะเทยหรือสาวประเภทสองที่ต้องแต่งตัวเป็นนักศึกษาหญิงไปมหาวิทยาลัย จึงหยิบมาฝากผู้อ่านประจำคอลัมน์ “พาเม้าท์ชีวิตชาวเกย์” ณ ประชาไทกันบ้างเชื่อหรือไม่ว่า ชีวิตของคนเป็นเกย์ อีแอบ นั้นไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องของความขัดแย้งในการแต่งกายเลย เพราะพวกเค้าก็คือเพศชายดีๆ ที่คุณเห็นนั่นแหล่ะ…
ชาน่า
ความรักหากใครไม่เคยสัมผัสก็ยากจะอธิบายให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงแก่นและก้นบึ้งของหัวใจ “ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์”  ประโยคหนึ่งที่เคยได้ยินมาแต่ไหนแต่ไร ตอนเป็นเด็กไร้เดียงสา ก็แค่อ่าน ได้ยิน และเข้าใจ แต่ไม่ได้สัมผัส รับรสของความรักและความทุกข์โลกวันนี้ได้ผ่านเข้า และผ่านไปจากบทเรียนและประสบการณ์ของชีวิตโลกแห่งความจริงกับสิ่งที่ฝันบางครั้งมันห่างไกลกันเหลือคณานับ  ทุกคนฝันอยากมีรักที่สวยงาม รักที่ทำให้ชีวิตนี้มีความสุข แต่หากเมื่อไหร่ รักนั้นไม่เป็นดังหวัง  ไม่เหมือนในฝัน มันย่อมเกิดทุกข์กับความรักคนที่ไม่เคยอกหัก  ก็เพราะเขาไม่เคยมีความรัก…
ชาน่า
ช่วงพักร้อนสามเดือนที่ผ่านมาได้ไปงานเปิดตัวหนังสือของเพื่อนที่ เอสพลานาด ทางทีมงานและสำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ ได้มอบหนังสือเล่มนี้ ...   “ตัดทิ้ง” ชีวิตจริงของสาวประเภทสอง  ซึ่งเขียนและดัดแปลงมาจากวิทยานิพนธ์ของ คุณวารุณี แสงกาญจนวนิช   อ่านแล้วต้องขอยกนิ้วให้ ว่าเป็นอีกหนังสือคุณภาพที่อ่านแล้วโดนฮ่ะ  ได้สาระและความรู้อีกหลายเรื่องราวที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน ชีวิตจริงของชาน่านั้นเป็นเกย์ ไม่ได้เป็นกะเทย แต่ที่ต้องแต่งสาวเป็นพรางชมพู ก็เพราะไม่อยากให้ทางบ้านรู้ (อันที่จริงคือไม่อยากให้คุณแม่ทราบ แค่คนเดียวเท่านั้นที่แคร์ความรู้สึก…
ชาน่า
 “ฮีธ เลดเจอร์” ขวัญใจชาวเกย์, พระเอกBrokeback Mountainเกิด – แก่ – เจ็บ – ตาย นั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้งก็ยากจะทำใจได้  โดยเฉพาะหากใครสักคนอันเป็นที่รัก และผูกพัน แม้กระทั่งแค่ชื่นชม ปลื้ม ๆ ของคุณจากไปก่อนวัยอันสมควร   “เค้าหลับสบายไปแล้วล่ะ คงเหลือแต่เราที่จะก้าวต่อไป สู้ต่อไปตราบเท่าที่ลมหายใจยังอยู่แม้มันจะทรมาน ปวดร้าวแค่ไหน  ขอเวลาตั้งตัว ขอทำใจหน่อยได้ไหมคนดี”วันที่ 23 ม.ค. 2008 เป็นวันที่พระเอกในดวงใจของผมจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาผู้นั้นคือ  ฮีธ เลดเจอร์ หนุ่มน้อยหน้าไม่หล่อแต่เร้าใจวัยซาวแปด  ชาวออสซี่ …
ชาน่า
การแสดงความรักและความใคร่ที่ขาดไม่ได้สำหรับชาวเกย์ ส่วนหนึ่งคงหนีไม่พ้นการร่วมเพศ แต่จะเป็นเพศร่วมแบบไหนคงทายได้ไม่ยากนัก  ซึ่งอันที่จริงแล้วก็เป็นธรรมชาติของเกย์ กะเทยที่ต้องใช้ทวารยังหวานอยู่ภายในร่างกายเพื่อประกอบกามกิจ (อยู่บ้าง)  ซึ่งภาระนี้จะตกอยู่กับฝ่ายรับ จนเกย์คิงหลายคนบอกว่า “ผมไม่ชอบรับ ผมชอบรุก เพราะเป็นฝ่ายรับมันเจ๊บบบบ เจ็บ”  ขออนุญาตทำความเข้าใจกับคนที่ยังอ่อนต่อวิชาเกย์ศาสตร์ ว่า ฝ่ายรับคือ ผู้ให้ (ทวารยังหวานอยู่) ส่วนฝ่ายรุกคือผู้กระทำ
ชาน่า
คงไม่มีใครจะกล้าปฎิเสธได้ว่า ความใฝ่ฝันของเกย์กะเทย เก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์ อยากจะทำหน้าที่ของการประกวดความงาม คุณค่าที่เธอคู่ควร ไม่ว่าจะเป็นเวทีใด ๆ ก็ตามที่จัดขึ้น ตอนเป็นเด็กชายอยู่บ้านนอกคอกนา เคยไปงานฤดูหนาวที่ทางจังหวัดหรืออำเภอเค้าจัดประกวด “นางฟ้าจำแลง” ตอนนั้นด้วยความไร้เดียงสา ใคร่รู้เยี่ยงนัก คำว่านางฟ้าจำแลงคืออะไร พอเติบโตขึ้นจึงเริ่มเข้าใจความหมายและเข้าใจตัวเองมากขึ้น “ฉันอยากเป็นนางฟ้าจำแลงจังเลย” พร่ำบ่นพึมพำในใจคนเดียว เพราะอิชั้นมีแววตั้งแต่จำความได้แล้วล่ะฮะ “โฉมเอย โฉมงาม อร่ามแท้แลอรุณ.......” เพลงที่ใช้ประกวดเมื่อครั้งจำความได้…
ชาน่า
ส่งท้ายปลายปี  ความหนาวเข้ามาเยือนเหมือนใจหวิว ๆ  หลายคนเปรียบเปรยถึงความอ้างว้างว้าเหว่ ในช่วงฤดูหนาว  ช่างเข้ากันนัก  แต่ที่นี่ในต่างแดนเขตทะเลแคริบเบี้ยน สำหรับคนท้องถิ่นไม่รู้จักคำว่าหนาวเหน็บนอกจากอากาศเย็น ๆ  ณ วันนี้ที่เกาะท้องฟ้ามืดมน ตั้งเค้าฝนจะตก  บ่อยครั้งที่ฝนฟ้าและอากาศเป็นใจมักจะปล่อยใจฝัน แบบบิวด์อารมณ์ได้ไม่ยากนักสำหรับหัวโปกไร้นม อารมณ์เกินหญิงของเกย์อย่างเรา  ฉันนั่งอยู่บาร์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งของเกาะ Antigua and Barbuda เขตทะเลแคริบเบี้ยน  หลังจากที่เราสามคนเกย์เพื่อนรัก พากันออกจาก รีสอร์ทหรูราคาสี่ร้อยล้านเหรียญ หรือที่รู้จักกันดี…
ชาน่า
สังคมที่เปิดกว้างและยอมรับโลกแห่งความเป็นจริงได้เกิดขึ้นอีกระดับหนึ่ง เมื่อได้เห็นหนังไทย หนังดี หนังเด่นแนวหน้าแห่งปีนี้  เรื่อง “รักแห่งสยาม” หนังที่สะท้อนให้เห็นถึงความรักหลากอารมณ์ ของสังคมเมืองไทย ในความเหมือนที่แตกต่างของสังคม(อีกแล้วครับท่าน) เป็นกระแสแรงได้จิต สั่นสะเทือนหลายริกเตอร์ เขย่าให้เห็นถึงภาพสะท้อนของสังคมไทยในยุคปัจจุบัน  เมื่อ  “รักแห่งสยาม”  ผ่านสายตามหาชน   ทั้งพลพรรคคนรักเกย์ แอนตี้เกย์ รักครอบครัว รักเพื่อน รักแฟน รักเพศไหนๆ ยังไงก็ตาม“คงเป็นหนังวัยรุ่นกุ๊กกิ๊ก ทั่ว ๆ ไป  สปอยหรือเปล่าน๊า”“แหวะ ... หนังเกย์ แน่ ๆ เลยเท้อออ !”“โอ้โห…
ชาน่า
กลับมาตามหัวใจเรียกร้องอีกครั้งหลังจากพักร้อนเมืองไทย  กลับไปอ่านหนังสือของสาวสองเภท หรือสาวประเภทสองที่บุกตลาดเมืองไทยตามแผงหนังสือชั้นนำทั่วไป  อดไม่ไหวจึงขอหยิบมาฝากแนะนำเผื่อใครสนใจอยากอ่านเรื่องราวหลากหลาย มากมายมุมมอง สามารถอ่านได้จากหนังสือที่สาว ๆ เธอเขียนถ่ายทอดเพื่อเป็นสื่อสร้างสรรค์ผ่านตัวหนังสือ มีเล่มไหน ยังไงบ้างนั่งปูเสื่ออ่านได้ค่ะเกริ่นนำส่วนตัวก่อนว่า  สมัยก่อนตอนอยู่นอกเมือง ไม่ใช่เมืองนอก (บ้านนอก) เคยอ่านนิตยสารเล่มหนึ่ง จำไม่ได้ว่าเป็นสกุลไทย หรือขวัญเรือน  มีคอลัมน์ที่เค้าเขียนถึง “กะเทยไทยในต่างแดน” ตอนนั้นยังเป็นเด็กชาย อีแอบ ไม่แสดงออก…
ชาน่า
ห่างหายไปนานหลังจาก เปิดตัวหนังสือ “เม้าท์แตก...ชาวเรา” ได้สองวันก็ลัดฟ้า กลับไปทำงานต่อที่เรือสำราญ ณ อเมริกา  กว่าจะตั้งตัวได้เหนื่อยเอาการทีเดียวค่ะหมกมุ่นกับการทำงานและการปรับตัวสักระยะ จึงเริ่มออกไปพักผ่อนหย่อนใจ ตามประสาคนทำงาน ลอยล่องท่องไป ในโลกกว้าง  วันว่างหลังการทำงานหนักเป็นนางแบกอินเตอร์ (แบกถาดอาหารคาวหวาน)วันนี้หลังจากทำงานกลางวันรับจองห้องอาหารทางโทรศัพท์เสร็จจึงรีบออกไปเที่ยวหาดเกย์ ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนชาวเกย์อันเลื่องชื่อของพลเมืองชาวเกาะของประเทศอเมริกา ที่อยู่ทะเลแคริบเบี้ยน  นามว่า “ St.Thomas”  U.S.V.I ย่อมาจาก United State Virgin Island.…