Skip to main content

โมะโชะมาแล้ว” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น เมื่อเห็นร่างชายวัยปลายกลางคนเดินเข้ามา สายตาทุกดวงจึงมองไปที่ โมะโชะ เขาคือผู้นำในการขับขานเพลงธา เขาต้องเรียนรู้และพิสูจน์ตัวเองมาหลายปีกว่าเขาจะได้รับตำแหน่งนี้ หน้าที่รับผิดชอบสำหรับตำแหน่งนี้คือการเป็นผู้นำในการขับขานธาในพิธีกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชนเช่น งานแต่ง หรืองานตาย


บางชุมชนทั้งหมู่บ้านไม่มีโมะโชะเลย เวลามีงานต้องไปยืมหรือเชื้อเชิญโมะโชะจากชุมชนอื่นที่อยู่ใกล้ ว่ากันว่าชุมชนที่สมบูรณ์นอกจากต้องมีผู้นำชุมชนตามประเพณีที่เรียกว่า ฮี่โข่ ต้องมีจำนวนหลังคาในชุมชนมากกว่า 30 หลังคาเรือนแล้ว โมะโชะยังเป็นดัชนีหนึ่งที่เป็นตัวชี้วัดความสมบูรณ์แบบของชุมชน


ยิ่งค่ำลงบรรยากาศยิ่งหนาวเย็นมากขึ้น ภายในบ้านผู้ตาย เด็กชายสองคนเริ่มหยิบเทียนด้วยมือซ้ายแล้วจุดเทียน เมื่อเทียนติดไฟเด็กชายลุกขึ้นเดินวนซ้ายรอบๆ ศพ จนครบสามรอบ เด็กทั้งสองไปตั้งเทียนไว้ที่ส่วนห้วของศพเล่มหนึ่ง และส่วนท้ายของศพเล่มหนึ่ง จากนั้นเด็กส่งสายตาชักชวนโมะโชะและคนเฒ่ามาร่วมเด็กวนทางซ้าย


เพลงธา ได้ถูกจุดเสียงผ่านเด็กชาย โดยที่มีโมะโชะคอยบอกเนื้อและทำนองอยู่ข้างหลัง เพลงธาบทแรกที่ถูกขับขาน เป็นธา หมวดเลปลือแหมะ หรือส่องหน้าศพ เป็นธาที่พินิจพิเคราะห์ผู้ตายเพื่อรำลึกถึงวันวานที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าแต่รุ่งเช้าก็ขึ้นมาใหม่ พระจันทร์แม้ดับไปนานนับวัน แต่ก็ยังกลับมาปรากฎให้เห็น พระจันทร์จากไปพระอาทิตย์ก็มาแทนสลับกันไป แต่ผู้ตายนั้นจากไปไม่กลับมา จึงมาร่วมรำลึกโดยการส่องหน้าให้เห็นและจดจำชัดเจนอีกครั้ง ดังบทธาที่ว่า


จิเหม่หมื่อซี หมื่อโอะดิ จิเหม่ลาซีลาโอะดิ

หมื่อแลเล่อลาอะเก่อบลิ ลาลอเล่อหมื่ออะเก่อบลิ

...........................................................................


ดวงอาทิตย์ตายฟื้นคืนชีพได้ พระจันทร์ตายฟื้นคืนชีพได้

ดวงอาทิตย์คาบเกียวกับจันทร์ อาทิตย์ไปดวงจันทร์โผล่มา


ต่อด้วยธา หมวด ธาแหน่หมื่อ เหน่ลา หรือธา ชี้ทางให้คนตาย เนื่องจากคนปกาเกอะญอมีความเชื่อว่าโลกของคนตายกับโลกของคนเป็นนั้นมันตาลปัตรตรงกันข้าม ทิศเหนือของคนเป็นจะเป็นทิศใต้ของคนตาย ยอดไม้ของคนเป็นจะเป็นรากไม้ของคนตาย จึงต้องบอกและชี้ทางให้คนตายเพื่อที่เขาจะไม่ลืม ให้คนตายสามารถกลับสู่โลกแห่งคนตายได้อย่างถูกต้องโดยไม่หลงทาง จนต้องกลับมารบกวนและรังควานคนเป็นอีก ดังบทธาที่ว่า


เนอ ที ถ่า แกะ เลอ ที คี เส่ ข่อ ธิ แกะ เส่ จ๊อ คี

หมื่อ ลอ นึ เนอโช เส่อ กุ๊ย หมื่อ ลอ นึ แฮ ธ๋อ โข่ คี

...........................................................................


ขุนห้วยคือสบห้วยของเจ้า ยอดไม้คือรากไม้ของเจ้า

ดวงอาทิตย์เจ้าขึ้นทางตะวันตก ตะวันตกดินกลับทิศทาง


จากนั้นจะต่อด้วย ธา หมวด โข่เส่ คะมอ หรือหมวดที่ว่าด้วยยมทูตและยมบาล ที่เป็นผู้เอาชีวิตของผู้ตายไปสู่โยมโลกและเป็นผู้พรากผู้ตายไปจากครอบครัวพี่น้องและคนในชุมชน เพื่อให้ผู้ตายรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วไม่มีใครบนโลกของคนเป็นปรารถนาจะให้ผู้ตายจากไป แต่ยมบาลได้สั่งยมทูตให้เป็นคนเอาชีวิตของผู้ตายไป ดังบทธาที่ว่า


โข่เส่โดะ เลอ คะมอ ปู หมื่อ เฉ่ เฉ่ อะ ฉุ่ย อูยู

โข่เส่โดะ อะ ซะ แชะ แอะ แฮ แชะ ซี ปวา เละ อะ แม

...............................................................................


โข่เส่โดะ ในดง คะมอ เช้าเช้ามาหมาเห่ามาหอน

โข่เส่โดะ ผู้ไร้น้ำใจ มาพรากมนุษย์ไปจากกัน


ในหมวด ธา โข่เส่ คะมอ นั้นเด็กชายยังคงนำการเดินวนอยู่ โดยมีโมะโชะ ตามอยู่ข้างหลัง หนุ่มๆ สาวๆเ ริ่มตามมากขึ้น และในช่วงท้ายๆ เด็กๆ เริ่มทยอยกันกลับไปนอน คนหนุ่มสาวเริ่มมีบทบาทในการขับขานมากขึ้น



บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
รุ่งเช้าวันที่ 10 กันยาฯ ทีมทั้งหมดเริ่มซ้อมเพื่อทบทวนกระบวนท่าฟ้อน ท่ารำ ท่วงท่าทำนอง จังหวะจะโคน ก่อนตระเวนออกศึก การซ้อมเริ่มต้นด้วยเพลงในอัลบั้มหิมพานต์ 2nd World ของพี่ทอด์ด ทองดี ต่อด้วยเพลงของ ซอ สมาชิกวง the sis ตามด้วยเพลงของลานนา คัมมินส์ รวมทั้งเพลงของมือระนาดและมือโปงลาง หมอแคน จนมาปิดท้ายที่เพลงของผม
ชิ สุวิชาน
บรรยากาศจากเทือกเขาสแครนตัน   หลังจากที่นักดนตรี นักร้อง นักรำมาถึงกันครบองค์ทั้งหมดแล้ว จึงเริ่มมีการแกะกล่องสัมภาระที่ขนเครื่องดนตรีและเครื่องไม้เครื่องมือประกอบการแสดงที่มาจากเมืองไทย ผมเริ่มแกะพลาสติกกันกระแทกที่ห่อเตหน่ากูไว้ เตหน่ากูได้โผล่ออกมารับแสงรับลมอีกครั้ง
ชิ สุวิชาน
รุ่งเช้าตื่นมา อากาศเย็นค่อนไปถึงหนาว ในขณะที่คณะที่มาด้วยกันยังนอนหลบกันอย่างเมามันจากอาการเพลียเพราะการเดินทาง ผมเดินลงไปในห้องครัวเผื่อเจออะไรที่ทานได้บ้าง หน้าห้องครัวเจ้าของบ้านได้ติดรูปคนในครอบครัว รูปลูกชายสองคน ที่ผมแปลกใจคือมีรูปหนึ่งที่ไม่ใช่รูปของผู้ชาย เป็นรูปคล้ายนางฟ้ามีข้อความเขียนว่า “Bless this home”  ทำให้นึกถึงบ้านคนไทยที่มีการเขียนหน้าบ้านต่างๆหลายอย่างเช่น “มั่งมีศรีสุข” บ้าง “บ้านนี้อยู่แล้วรวย” บ้าง
ชิ สุวิชาน
การรอคอยที่ไทเปสิ้นสุดลง เมื่อประตูสู่นิวยอร์กได้เปิดออกให้ผู้โดยสารเดินเข้าไปในเครื่องบิน ระยะทางกว่าสิบสี่ชั่วโมง ผมอยู่กับเพลง World Music ซึ่งเป็นเมนูที่มีให้เลือกจากสายการบิน บางเพลงมีเสียงระนาด ขลุ่ย และมีจังหวะหมอลำปะปนด้วยได้กลิ่นไอดนตรีไทยเป็นอย่างสูง ผมจึงยกหูฟังให้พี่สานุ นักดนตรีและโปรดิวเซอร์จากกรุงเทพฟัง เขาฟันธงเลยว่าเสียงทั้งหมดเป็นการ Samp มาทั้งนั้น ไม่ใช่เสียงจริงดั้งเดิมที่คนเล่นมา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการฆ่าความน่าเบื่อของการอยู่บนเครื่องเป็นเวลานานได้เป็นอย่างดี  
ชิ สุวิชาน
ก่อนเดินทางมีการแถลงข่าวที่กรุงเทพ มีผู้สนับสนุนทั้งกระทรวงการต่างประเทศและบริษัทบุญรอดฯมาร่วม หลังงานแถลงข่าวมีการสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนที่มาในงาน
ชิ สุวิชาน
ความจริงแล้วผมมีกำหนดการนัดสัมภาษณ์ขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปประเทศอเมริกาในวันที่ 2 กันยายน 2552 ขณะที่กำหนดการในการเดินทางไปประเทศดังกล่าวคือเช้าวันที่ 3 กันยายน 2552 หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ แผนกำหนดการเดินทางอาจมีปัญหาได้ ฉะนั้นทางบริษัท ลาเวลล์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ประสานและเป็นผู้อำนวยการการเดินทางในครั้งนี้ ได้ขอทำเรื่องเร่งรัดการสัมภาษณ์ให้เกิดขึ้นก่อนการสัมภาษณ์เดิม
ชิ สุวิชาน
  บรรยากาศงานมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย คำรบที่สาม เป็นไปอย่างเรียบง่ายเล็กๆ กะทัดรัด ตามประเด็นหัวข้อที่นำเอาเรื่องของ "การจัดการทรัพยากรบนพื้นที่สูงในรูปแบบโฉนดชุมชน" ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้อาวุโสชนเผ่าทางภาคเหนือต่างมากันอย่างครบครันเช่นเดิม
ชิ สุวิชาน
เขาเดินลงไปท้ายหมู่บ้าน พร้อมกับบทเพลง" อย่าให้น้ำตาไหลริน"ของ ฉ่า เก โดะ ที  แม่จ๋า อย่าปล่อยให้น้ำตาได้มีโอกาสไหล            บัดนี้อายุลูกครบ สิบหกบริบูรณ์แล้วดั่งกฎของชายชาติทหารทุกประทศมี                  ลูกต้องทำหน้าที่เพื่อการปฏิวัติพ่อได้สละชีพจนแม่เลี้ยงลูกอย่างกำพร้า             อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่ลำเค็ญ แม่ทนถึงคราวลูกชายคนโตต้องไปทำหน้าที่ต่อ     …
ชิ สุวิชาน
สงครามตามชายแดนไทย-พม่าริมแม่น้ำเมยได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ทางการพม่าออกมาปฏิเสธไม่มีส่วนกับสงครามที่เกิดขึ้นดังกล่าว โดยบอกว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างชนเผ่ากะเหรี่ยงด้วยกันเอง คือระหว่างกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) กับกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (DKBA) ผลของการสู้รบทำให้ประชาชนชาวกะเหรี่ยงด้วยกันเองที่อยู่ในพื้นที่การสู้รบ ต้องหนีภัยจากการสู้รบ หลายชุมชนต้องฝ่าเสียงกระสุนปืน หลายชุมชนต้องฝ่าดงและเสียงระเบิด ในขณะที่เดินฝ่าความตายเพื่อหนีตายนั้น ต้องทำด้วยความเงียบ ความรวดเร็ว ต้องเก็บแม้กระทั่งเสียงร้องไห้
ชิ สุวิชาน
เพลงต่อเพลง ถูกเล่น ถูกร้อง ถูกเล่า ถูกถ่ายทอดออกมาล้วนมีที่มาที่ไปไม่แตกต่างจากเจตนารมณ์ของพ้อเหล่ป่าที่ทำตอนที่ยังชีวิตอยู่ เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง อาจารย์ลีซะกับพี่นนท์ก็โยนเวทีมาให้ผม ขณะที่ผมกำลังอยู่ในอาการสับสนเพราะไม่รู้จะเล่นเพลงอะไรดี สิ่งที่เตรียมเล่นเตรียมพูดในขณะที่เดินทาง เล่นไม่ได้พูดไม่ได้ มันเป็นประเด็นเปราะบางสำหรับพื้นที่นี้ งานนี้อีกครั้งหนึ่ง!
ชิ สุวิชาน
จังหวะที่ผมลุกขึ้นและตามเจ้าของบ้านเพื่อไปกินข้าว สายตาผมแวบไปมองเห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งเหมือนคุ้นเคยกันมานาน ทั้งที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขาก็จ้องหน้าผมเหมือนรู้จักมักคุ้นกับผมเป็นอย่างดี  "โพโดะ (หลาน) คืนนี้มีการขับธาไหม?" เขาถามผมเหมือนรู้ว่าใจผมต้องการอะไร แต่สีหน้าเขาเหมือนแสดงอาการไม่มั่นใจในบางอย่างออกมา"โอ้โห ต้องมีซิ" ผมตอบโดยไม่ต้องเดาว่าเขาคือโมะโชะคนหนึ่งแน่นอน
ชิ สุวิชาน
ทุกครั้งที่เดินทางผ่านหมู่บ้านแม่แฮใต้ ตำบลปางหินฝน อำเภอแม่แจ่ม ไม่มีครั้งไหนที่เลยผ่านร้านขายของชำเล็กๆริมทาง ที่มีผู้เฒ่าปากแดงด้วยน้ำหมากนั่งเฝ้าอยู่ มีของที่จำเป็นพื้นฐานสำหรับชีวิตคนภูขายซึ่งมักเป็นอาหารแห้ง ขนมขบเคี้ยวและยารักษาโรคเบื้องต้น  แต่ร้านขายของชำเล็กๆ ถึงเล็กมากแห่งนี้มีมากกว่านั้น มีเรื่องเล่าให้หัวเราะ ให้อมยิ้ม ให้ขบคิด และมีบทธาให้เก็บเกี่ยวมากมาย