Skip to main content

สองสามคืนผ่านไป ลูกชายไม่ได้มายุ่งกับพ่อ แต่คืนนี้ภายในบ้านไม้ไผ่ หลังคาตองตึงทรงปวาเก่อญอหลังเดิม ลูกชายถือเตหน่ากูมาอยู่ข้างพ่ออีกครั้ง


ลองฟังดูนะ ใช้ได้หรือยัง?” ลูกชายพูดจบเริ่มดีดเตหน่าและเปล่งเสียงร้องเพลงแบบไมเนอร์สเกลให้พ่อฟัง แต่ด้วยความตั้งใจมากไปหน่อยทำให้การเล่นบางครั้งมีสะดุดเป็นช่วงๆ แต่ลูกชายไม่ยอมแพ้และไม่ยอมหยุด เล่นและร้องให้พ่อซึ่งเป็นครูสอนเตหน่ากูให้เขาจนจบเพลง


ฮึ ฮึ ก็ดี เริ่มต้นได้ขนาดนี้ก็ไช้ได้” พ่อตอบเขาแบบยิ้มๆ

แล้วพ่อจะสอนอีกแบบหนึ่งได้หรือยัง?” เขามองหน้าพ่อ

อ๋อ ที่มาเล่นให้ฟังนี้ก็เพื่อให้รู้ว่าเล่นไมเนอร์ได้แล้ว จะขอเรียนแบบเมเจอร์ต่อว่างั้นเถอะ” พ่อรู้ทันเขา ลูกชายหันหน้าไปแม่และส่งยิ้มให้กัน


คุณสร้างเขามาคุณก็ต้องรับผิดชอบในการสอนความรู้ของคุณให้เขา งานคุณเยอะขึ้นแล้ว พ่อเอ๋ย” แม่ซึ่งกำลังปักเสื้ออยู่ข้างเตาไฟบอกพ่อ

พ่อไม่ได้สร้างคนเดียว คุณก็มีส่วนสร้างด้วย แล้วมาโยนหน้าที่ให้กันคนเดียวได้ไง” พ่อพูดเชิงแหย่แม่นิดๆ


ถ้าเป็นลูกสาว แม่ก็จะสอนเขาทอผ้าเย็บผ้า หุงข้าวหุงแกง พ่อไม่ต้องห่วง แต่ลูกชายพ่อก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ จริงมั้ย” แม่หันมาถามลูกชาย

อย่าเถียงกันเลย สอนเตหน่ากูดีกว่า” ลูกชายตัดบทของพ่อกับแม่

เออ ถูกต้อง” แม่เสริมลูกชายอีกที ขณะที่พ่อยิ้มแล้วส่ายหัวนิดๆ


จริงๆ แล้วการตั้งสายแบบเมเจอร์ ก็ไม่ต่างจากไมเนอร์มากนักหรอก เพียงแต่เปลี่ยนตำแหน่งของสายเท่านั้น เดี๋ยวพ่อจะเริ่มที่การตั้งสายเตหน่ากูแบบเมเจอร์ที่มีสายจำนวนหกเส้นก่อนนะ” พ่อบอกพร้อมกับหยิบเตหน่ากูมาบิดสายเพื่อตั้งเสียงให้ลูกชายดู


ในการตั้งสายเตหน่ากูแบบเมเจอร์สเกล (Major scale) ที่จำนวนสาย 6 เส้นลักษณะการตั้งสายจะเป็นดังนี้

27_06_1


สายเส้นล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง มี(M)

สายที่สองจากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง เร (R)

สายที่สามจากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง โด (D)

สายที่สี่จากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง ลา (L)

สายที่ห้าจากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง โซ (S)

สายที่หกจากล่างสุดหรือสายบนสุดจะตั้งเป็นเสียง โด (D) แต่เป็นเสียง (Octave) ออค-เทฝ ต่ำ

นั่นหมายความว่าจะมีสายเสียงคู่แปด(Octave) เป็นเสียง โด (D)

หากเป็นการตั้งสายเตหน่ากูแบบไมเนอร์สเกลจำนวน
7 สายลักษณะการตั้งสายโดยทั่วไปจะเป็นดังนี้

27_06_2


 


สายเส้นล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง มี(M)

สายที่สองจากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง เร (R)

สายที่สามจากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง โด (D)

สายที่สี่จากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง ลา (L)

สายที่ห้าจากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง โซ (S)

สายที่หกจากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง เร (R) แต่เป็นเสียง (Octave) ออค-เทฝ ต่ำ

สายที่เจ็ดจากล่างสุดหรือสายบนสุดจะตั้งเป็นเสียง ลา (L) แต่เป็นเสียง (Octave) ออค-เทฝ ต่ำเช่นกัน

นั่นหมายความว่าจะมีสายเสียงคู่แปด(Octave) สองตำแหน่งคือสายคู่แปดเสียง เร (R) กับสายคู่แปดเสียง โด (D)


หากเป็นการตั้งสายเตหน่ากูแบบไมเนอร์สเกลจำนวน 8 สายลักษณะการตั้งสายโดยทั่วไปจะเป็นดังนี้



27_06_3



สายเส้นล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง มี(M)

สายที่สองจากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง เร (R)

สายที่สามจากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง โด (D)

สายที่สี่จากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง ลา (L)

สายที่ห้าจากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง โซ (S)

สายที่หกจากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง มี (M) แต่เป็นเสียง (Octave) ออค-เทฝ ต่ำ

สายที่เจ็ดจากล่างสุดจะตั้งเป็นเสียง เร (R) แต่เป็นเสียง (Octave) ออค-เทฝ ต่ำเช่นกัน

สายที่แปดจากล่างสุดหรือสายบนสุดจะตั้งเป็นเสียง โด (D) แต่เป็นเสียง (octave) ออค-เทฝ

นั่นหมายความว่าจะมีสายเสียงคู่แปด(Octave) เพิ่มเป็นสามตำแหน่งคือสายคู่แปดเสียง มี (M) สายคู่แปดเสียง เร(R) และสายคู่แปดเสียง โด (D)


ถ้ามีการเพิ่มจำนวนสายมากขึ้นก็จะยิ่งเพิ่มสายเสียงคู่แปดมากขึ้นไปเรื่อยๆเช่นกันใช่มั้ย” ลูกชายถาม

ใช่ เหมือนไมเนอร์สเกลนั่นแหละ” พ่อตอบ


ผมดูแล้ว วิธีการตั้งสายเกือบคล้ายกันนะพ่อน้อ มันแตกต่างตรงที่การตั้งสายแบบไมเนอร์สเกลนั้นสายบนสุดจะเป็นเสียงลา (L) ตลอด แต่การตั้งสายแบบเมเจอร์สายบนสุดจะเป็นเสียง โด (D)” ลูกชายแสดงภูมิรู้ที่ได้มาสดๆร้อนๆ


นั่นถือเป็นข้อแตกต่างหลักของการตั้งสายเตหน่ากูบบเมเจอร์สเกลกับไมเนอร์สเกลเลยแหละ” พ่อกล่าวเพิ่มเติมให้ลูกชาย

 

 

บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
รุ่งเช้าวันที่ 10 กันยาฯ ทีมทั้งหมดเริ่มซ้อมเพื่อทบทวนกระบวนท่าฟ้อน ท่ารำ ท่วงท่าทำนอง จังหวะจะโคน ก่อนตระเวนออกศึก การซ้อมเริ่มต้นด้วยเพลงในอัลบั้มหิมพานต์ 2nd World ของพี่ทอด์ด ทองดี ต่อด้วยเพลงของ ซอ สมาชิกวง the sis ตามด้วยเพลงของลานนา คัมมินส์ รวมทั้งเพลงของมือระนาดและมือโปงลาง หมอแคน จนมาปิดท้ายที่เพลงของผม
ชิ สุวิชาน
บรรยากาศจากเทือกเขาสแครนตัน   หลังจากที่นักดนตรี นักร้อง นักรำมาถึงกันครบองค์ทั้งหมดแล้ว จึงเริ่มมีการแกะกล่องสัมภาระที่ขนเครื่องดนตรีและเครื่องไม้เครื่องมือประกอบการแสดงที่มาจากเมืองไทย ผมเริ่มแกะพลาสติกกันกระแทกที่ห่อเตหน่ากูไว้ เตหน่ากูได้โผล่ออกมารับแสงรับลมอีกครั้ง
ชิ สุวิชาน
รุ่งเช้าตื่นมา อากาศเย็นค่อนไปถึงหนาว ในขณะที่คณะที่มาด้วยกันยังนอนหลบกันอย่างเมามันจากอาการเพลียเพราะการเดินทาง ผมเดินลงไปในห้องครัวเผื่อเจออะไรที่ทานได้บ้าง หน้าห้องครัวเจ้าของบ้านได้ติดรูปคนในครอบครัว รูปลูกชายสองคน ที่ผมแปลกใจคือมีรูปหนึ่งที่ไม่ใช่รูปของผู้ชาย เป็นรูปคล้ายนางฟ้ามีข้อความเขียนว่า “Bless this home”  ทำให้นึกถึงบ้านคนไทยที่มีการเขียนหน้าบ้านต่างๆหลายอย่างเช่น “มั่งมีศรีสุข” บ้าง “บ้านนี้อยู่แล้วรวย” บ้าง
ชิ สุวิชาน
การรอคอยที่ไทเปสิ้นสุดลง เมื่อประตูสู่นิวยอร์กได้เปิดออกให้ผู้โดยสารเดินเข้าไปในเครื่องบิน ระยะทางกว่าสิบสี่ชั่วโมง ผมอยู่กับเพลง World Music ซึ่งเป็นเมนูที่มีให้เลือกจากสายการบิน บางเพลงมีเสียงระนาด ขลุ่ย และมีจังหวะหมอลำปะปนด้วยได้กลิ่นไอดนตรีไทยเป็นอย่างสูง ผมจึงยกหูฟังให้พี่สานุ นักดนตรีและโปรดิวเซอร์จากกรุงเทพฟัง เขาฟันธงเลยว่าเสียงทั้งหมดเป็นการ Samp มาทั้งนั้น ไม่ใช่เสียงจริงดั้งเดิมที่คนเล่นมา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการฆ่าความน่าเบื่อของการอยู่บนเครื่องเป็นเวลานานได้เป็นอย่างดี  
ชิ สุวิชาน
ก่อนเดินทางมีการแถลงข่าวที่กรุงเทพ มีผู้สนับสนุนทั้งกระทรวงการต่างประเทศและบริษัทบุญรอดฯมาร่วม หลังงานแถลงข่าวมีการสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนที่มาในงาน
ชิ สุวิชาน
ความจริงแล้วผมมีกำหนดการนัดสัมภาษณ์ขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปประเทศอเมริกาในวันที่ 2 กันยายน 2552 ขณะที่กำหนดการในการเดินทางไปประเทศดังกล่าวคือเช้าวันที่ 3 กันยายน 2552 หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ แผนกำหนดการเดินทางอาจมีปัญหาได้ ฉะนั้นทางบริษัท ลาเวลล์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ประสานและเป็นผู้อำนวยการการเดินทางในครั้งนี้ ได้ขอทำเรื่องเร่งรัดการสัมภาษณ์ให้เกิดขึ้นก่อนการสัมภาษณ์เดิม
ชิ สุวิชาน
  บรรยากาศงานมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย คำรบที่สาม เป็นไปอย่างเรียบง่ายเล็กๆ กะทัดรัด ตามประเด็นหัวข้อที่นำเอาเรื่องของ "การจัดการทรัพยากรบนพื้นที่สูงในรูปแบบโฉนดชุมชน" ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้อาวุโสชนเผ่าทางภาคเหนือต่างมากันอย่างครบครันเช่นเดิม
ชิ สุวิชาน
เขาเดินลงไปท้ายหมู่บ้าน พร้อมกับบทเพลง" อย่าให้น้ำตาไหลริน"ของ ฉ่า เก โดะ ที  แม่จ๋า อย่าปล่อยให้น้ำตาได้มีโอกาสไหล            บัดนี้อายุลูกครบ สิบหกบริบูรณ์แล้วดั่งกฎของชายชาติทหารทุกประทศมี                  ลูกต้องทำหน้าที่เพื่อการปฏิวัติพ่อได้สละชีพจนแม่เลี้ยงลูกอย่างกำพร้า             อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่ลำเค็ญ แม่ทนถึงคราวลูกชายคนโตต้องไปทำหน้าที่ต่อ     …
ชิ สุวิชาน
สงครามตามชายแดนไทย-พม่าริมแม่น้ำเมยได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ทางการพม่าออกมาปฏิเสธไม่มีส่วนกับสงครามที่เกิดขึ้นดังกล่าว โดยบอกว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างชนเผ่ากะเหรี่ยงด้วยกันเอง คือระหว่างกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) กับกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (DKBA) ผลของการสู้รบทำให้ประชาชนชาวกะเหรี่ยงด้วยกันเองที่อยู่ในพื้นที่การสู้รบ ต้องหนีภัยจากการสู้รบ หลายชุมชนต้องฝ่าเสียงกระสุนปืน หลายชุมชนต้องฝ่าดงและเสียงระเบิด ในขณะที่เดินฝ่าความตายเพื่อหนีตายนั้น ต้องทำด้วยความเงียบ ความรวดเร็ว ต้องเก็บแม้กระทั่งเสียงร้องไห้
ชิ สุวิชาน
เพลงต่อเพลง ถูกเล่น ถูกร้อง ถูกเล่า ถูกถ่ายทอดออกมาล้วนมีที่มาที่ไปไม่แตกต่างจากเจตนารมณ์ของพ้อเหล่ป่าที่ทำตอนที่ยังชีวิตอยู่ เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง อาจารย์ลีซะกับพี่นนท์ก็โยนเวทีมาให้ผม ขณะที่ผมกำลังอยู่ในอาการสับสนเพราะไม่รู้จะเล่นเพลงอะไรดี สิ่งที่เตรียมเล่นเตรียมพูดในขณะที่เดินทาง เล่นไม่ได้พูดไม่ได้ มันเป็นประเด็นเปราะบางสำหรับพื้นที่นี้ งานนี้อีกครั้งหนึ่ง!
ชิ สุวิชาน
จังหวะที่ผมลุกขึ้นและตามเจ้าของบ้านเพื่อไปกินข้าว สายตาผมแวบไปมองเห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งเหมือนคุ้นเคยกันมานาน ทั้งที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขาก็จ้องหน้าผมเหมือนรู้จักมักคุ้นกับผมเป็นอย่างดี  "โพโดะ (หลาน) คืนนี้มีการขับธาไหม?" เขาถามผมเหมือนรู้ว่าใจผมต้องการอะไร แต่สีหน้าเขาเหมือนแสดงอาการไม่มั่นใจในบางอย่างออกมา"โอ้โห ต้องมีซิ" ผมตอบโดยไม่ต้องเดาว่าเขาคือโมะโชะคนหนึ่งแน่นอน
ชิ สุวิชาน
ทุกครั้งที่เดินทางผ่านหมู่บ้านแม่แฮใต้ ตำบลปางหินฝน อำเภอแม่แจ่ม ไม่มีครั้งไหนที่เลยผ่านร้านขายของชำเล็กๆริมทาง ที่มีผู้เฒ่าปากแดงด้วยน้ำหมากนั่งเฝ้าอยู่ มีของที่จำเป็นพื้นฐานสำหรับชีวิตคนภูขายซึ่งมักเป็นอาหารแห้ง ขนมขบเคี้ยวและยารักษาโรคเบื้องต้น  แต่ร้านขายของชำเล็กๆ ถึงเล็กมากแห่งนี้มีมากกว่านั้น มีเรื่องเล่าให้หัวเราะ ให้อมยิ้ม ให้ขบคิด และมีบทธาให้เก็บเกี่ยวมากมาย