Skip to main content

ห้องพิจารณาคดี 904 หลังสิ้นเสียงคำพิพากษาให้จำคุก 10 ปี...

\\/--break--\>

"สุวิชา ท่าค้อ" ซึ่งยืนนิ่งฟังคำพิพากษา ค่อยๆ เอามือข้างหนึ่งถือเชือกที่รั้งไว้กับตรวนที่ข้อเท้า เพื่อยกตรวนขึ้นให้เดินสะดวก เขาและผู้คุมเปิดประตูออกมาจากห้องพิจารณาคดี โดยไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับทัพนักข่าวที่รออยู่ด้านนอก แสงแฟลชวิบวับตลอดเวลาที่เดินออกมา กล้องทีวียังคงจ่อตามนักโทษชายผู้นี้อย่างต่อเนื่อง แม้เขาจะพยายามใช้มือข้างที่เหลือปิดบังใบหน้าตัวเอง

พ่อ พี่สาวและน้องชาย รีบเดินตามออกมา ผู้เป็นพ่อวัย 70 กว่าร่ำไห้ และพยายามสวมกอดลูกชายก่อนที่จะเข้าประตูส่วนของผู้ต้องขัง ท่ามกลางกล้องทีวีที่ยังตามติด คืนนี้ภาพของเขาคงปรากฏในทีวีหลายช่อง หลังจากที่เขาพยายามปิดบังสภาพตนเองยามถูกคุมขังกับลูกๆ ทั้ง 3 คนของเขาตลอดมา เพราะไม่อาจยินยอมให้ลูกเห็นสภาพ "คนคุก" ได้

พี่สาวของสุวิชาพยายามกลั้นน้ำตาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวจากหลายสำนัก ขณะที่ผู้เป็นพ่อยังคงร่ำไห้ เอามือปาดน้ำตา และพยุงตัวไปนั่งที่ม้านั่งข้างๆ ลิฟท์ กลุ่มทนายที่มากันหลายคนได้แต่ยืนนิ่งงันขณะรอติดต่อขอคัดสำเนาคำพิพากษา

ขณะอยู่ในลิฟท์ นักข่าวหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษฉบับหนึ่งยังคงพูดคุยกับผู้เป็นพ่อซึ่งเพิ่งหยุดร้องไห้ เขานิ่งเงียบเหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ ผ่านไปอึดใจ คำพูดต่างๆ จึงพรั่งพรูออกมาราวกับทำนบที่รองรับน้ำไว้ไม่ไหว

"มันเหมือนผมมีบ้านอยู่ริมโขง น้ำมันเต็มฝั่ง แล้วจู่ๆ บ้านก็พังลงมาทั้งหลัง"

มีแต่ความเงียบในลิฟท์โดยสารนั้น จนกระทั่งลูกชายคนเล็กเอ่ยขึ้นมาว่า "พ่อ ไปพูดริมขง ริมโขงอะไร เขาจะไปนึกออกได้ไง"  นักข่าวสาวตอบว่า "นึกออก เคยไปๆ" แล้วทุกคนก็หัวเราะ...กันไปอย่างนั้น จากนั้นจึงตามมาด้วยคำตัดพ้อถึงชะตากรรมและโทษทัณฑ์ที่ลูกชายได้รับ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับกรณีของชาวต่างชาติ

ที่ใต้ถุนศาล สุวิชาถูกคุมตัวไว้ที่นั่นก่อนที่จะนั่งรถลูกกรงของเรือนจำกลับไปพร้อมนักโทษคนอื่นๆ ในเย็นวันนี้ ภรรยาของเขาซึ่งไม่ยอมขึ้นไปฟังคำพิพากษากำลังเกาะลูกกรงคุยกับเขาอยู่ เธอไม่มีน้ำตาสักหยดให้เห็น หากแต่เป็นสามีที่ร้องไห้น้ำตานองหน้าอย่างไม่อายใคร นักข่าวไทยและต่างประเทศบางสำนัก รวมถึงเอ็นจีโอที่รณรงค์เรื่อง free speech ทางอินเตอร์เน็ต ยังคงติดตามมาพูดคุยกับเขา

"I never do anything wrong , the whole world please help me, I want to go back to my family." เสียงเขาตะโกนบอกผู้สื่อข่าวซึ่งพยายามฟังอย่างยากลำบาก ทั้งจากอาการสะอื้น และเสียงผู้ต้องหาและญาติคนอื่นๆ ที่ดังเซ็งแซ่ในบริเวณเยี่ยมนั้น

"ผมอยากกลับไปหาครอบครัว ไปเป็นชาวไร่ชาวนาก็เอา ขอให้ผมอาศัยอยู่ในประเทศนี้ต่อไปเถอะ ผมไม่มีที่ไปแล้ว ผมแค่ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีอาวุธ ไม่มีเครือข่ายอะไรจริงๆ"

"ผมไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ขนาดอยู่ในคุก ของโดนขโมยเกือบทุกวันผมยังอโหสิเลย แต่อยู่ในสังคมไทย ความเชื่อแตกต่าง ผมกลายเป็นคนเลว" สุวิชาตัดพ้อพร้อมอธิบายว่า ระหว่างอยู่ในเรือนจำ เขาได้เขียนขอพระราชทานอภัยโทษต่อในหลวงแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาออกมาต่อต้านการรัฐประหาร และเข้าใจผิดจึงได้ก้าวล่วงพระองค์ ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ได้อธิบาย เขาจึงเข้าใจ และรู้สึกเสียใจ

ในบรรดาญาติและผู้สื่อข่าว ยังมีใครบางคนที่ไม่เคยรู้จักกับสุวิชามาก่อน แต่เป็นคนติดตามข่าวสารและมาร่วมฟังการพิจารณาคดีด้วยรู้สึกเห็นใจ สงสาร เขาเป็นคนที่คอยพยุงพ่อของสุวิชาเดินลงบันไดศาลราวกับเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่คุ้นเคย จากนั้นจึงมาเกาะลูกกรงให้กำลังใจสุวิชา

"ถ้าผมไม่ได้ออกจากประตูคุกไปพบลูก ผมก็คงไม่ได้พบลูกตลอดไป เพราะผมไม่ยอมให้ลูกมาเยี่ยม ผมทำใจให้ลูกเห็นในสภาพนี้ไม่ได้"

"ถามคนทั้งโลกให้ทีว่า ลูกผมสามคนจะอยู่ยังไง"

นอกเหนือจากเสียงตะโกนที่ขาดเป็นห้วงๆ สุวิชายังตะโกนบอกภรรยาให้เอารูปครอบครัวให้กับนักข่าวที่สนใจ ภรรยาของเขารีบค้นข้าวของในกระเป๋า หยิบอัลบั้มรูปขึ้นมา แล้วเปิดหารูปถ่ายครอบครัวยื่นให้นักข่าวอย่างลนลาน

เธออธิบายว่า ในภาพมีลูกชายคนโตอายุ 16 ปี เพิ่งจบ ม.3 เพิ่งบวชให้พ่อเมื่อสัปดาห์ก่อน ลูกสาวคนรองอายุ 14 ปี และลูกชายคนเล็กอายุ 7 ปี

ลูกชายสุวิชา

"นี่ไม่ใช่บวชธรรมดานะ เป็นการบวชในพระราชกุศล เผื่อจะได้ไถ่โทษให้พ่อเขาได้บ้าง" เธอละล่ำละลักบอกถึงการบวชของลูกชายในโครงการถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ณ วัดสระโบสถ์ จังหวัดร้อยเอ็ด

"เขาไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้าย ทำไมทำกับเขาเหมือนเป็นผู้ก่อการร้าย"

"เขาบอกว่า ถ้าเขาออกมาได้จะลาออกจากงานไปอยู่บ้านนอกกัน เราเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา มาบอกทำไมล่ะว่าให้ปากคำแล้วจะปล่อยแฟนหนูกลับบ้าน" ภรรยาตัดพ้อถึงกระบวนการสอบสวนแบบไทยๆ  

เมื่อถามถึงอนาคตข้างหน้าของเธอผู้เป็นแม่บ้านมาโดยตลอด และกำลังต้องเป็นหัวเรือใหญ่ของบ้าน เธอส่ายหัวช้าๆ "ยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไง"

โชคดีที่ลูกชายคนโตซึ่งเรียนโรงเรียนอินเตอร์จบการศึกษาพอดี ส่วนลูกสาวคงต้องให้ลาออกจากโรงเรียนในกรุงเทพฯ ไปเรียนต่อในต่างจังหวัดภูมิลำเนาของปู่ย่า อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นเรื่องยากลำบากที่จะให้เธอคาดคะเนชะตากรรมทั้งหมดของครอบครัว หลังสามีซึ่งเป็นวิศวกรเงินเดือนสูงในบริษัทขุดเจาะน้ำมันแห่งหนึ่งถูกจับกุมเมื่อต้นเดือนมกราคม และถูกไล่ออกจากงานโดยไม่ได้เงินชดเชยใดๆ

 

ก่อนที่พี่สาวของเธอจะพาพ่อกลับภูมิลำเนาที่นครพนม เธอลงมายังใต้ถุนศาลแสดงความวิตกกังวลถึงข่าววันนี้ "นักข่าวทีวีเต็มไปหมดเลย" ทุกคนพยักหน้า และไม่มีใครว่าอะไรต่อ คาดเดาได้ว่าเธอคงกลัวเด็กๆ จะได้รับผลกระทบจากสังคมรอบข้างอย่างที่เธอประสบ "คนอื่นๆ พอเขารู้ว่าเป็นญาติกับสุวิชา เขาก็รังเกียจ คิดว่าเราคิดเหมือนกัน ผิดเหมือนกัน เป็นอาชญากร"

ล่วงเลยเวลาอาหารเที่ยงมามากแล้ว ทุกคนขอตัวลากลับ... กลับไปสู่โลกใบเดิม คงเหลือแต่เขานั่งนิ่งบนม้านั่ง เบื้องหลังกรงขังพร้อมโซ่ตรวนที่ไม่มีใครคะเนน้ำหนักได้. 

000

ลำดับเหตุการณ์คดีสุวิชา ท่าค้อ

14 ม.ค. 2552 สุวิชา อายุ 34 ปี ทำงานตำแหน่งวิศวกรเครื่องจักร ของบริษัทขุดเจาะน้ำมันแห่งหนึ่ง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว หน้าร้านสุวรรณการช่าง อ.เมือง จ.นครพนม คำร้องของพนักงานสอบสวนระบุว่า เมื่อระหว่างวันที่ 27 เม.ย.-26 ธ.ค.2551 ผู้ต้องหากระทำผิดกฎหลายบท หลายกรรม ด้วยการเผยแพร่ข้อมูลรูปภาพ ซึ่งเป็นการกระทำดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์และองค์รัชทายาท พนักงานสอบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 92/2552

16 ม.ค. 2552 สุวิชาถูกควบคุมตัวจาก นครพนมมายังศาลอาญา รัชดาภิเษกกรุงเทพฯ ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เจ้าพนักงานยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรก 12 วัน ไปจนถึงวันที่ 27 มกราคม โดยระบุว่า ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาจนครบกำหนดแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบปากคำพยานอีก 15 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์จำนวน 3 เครื่อง แผ่นซีดี และเอกสารอีกจำนวนหลายรายการ จึงขอฝากขังไว้ หลังจากนั้น ทนายความของสุวิชาได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งประกันตัว 2ครั้ง แต่ศาลยกคำร้อง

26 มี.ค. 2552 อัยการมีคำสั่งฟ้องคดีนายสุวิชา ท่าค้อ เป็นจำเลยฐานกระทำความผิดโดยร่วมกับพวกที่หลบหนี หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ และเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กโทรนิกส์หรือวิธีการอื่นใดโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย อัยการขอให้ลงโทษตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 8, 9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83,91 และ 112 และพระราชบัญญัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 14 และ 16

30 มี.ค. 2552 จำเลยให้การรับสารภาพต่อศาลในระหว่างนัดชี้สองสถาน และศาลนัดฟังคำตัดสินในวันที่ 3 เม.ย. 2552 เวลา 9.00 น.

3 เม.ย.2552 เวลา 9.00 น. ที่ศาลอาญา ผู้พิพากษาอ่านคำตัดสินคดีที่พนักงานอัยการ โจทก์ ฟ้องนายสุวิชา ท่าค้อ เป็นจำเลยฐานกระทำความผิดโดยร่วมกับพวกที่หลบหนี หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ และเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กโทรนิกส์หรือวิธีการอื่นใดโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย อัยการขอให้ลงโทษตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 8, 9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83,91 และ 112 และพระราชบัญญัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 14 และ 16

ตัดสินว่ามีความผิดตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 8, 9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1), 83,91 และ 112 และพระราชบัญญัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14(2) และ 16(1) เนื่องจากเป็นความผิดหลายบท ให้ลงโทษตามมาตราที่มีโทษสูงสุด และความที่จำเลยกระทำความผิด 2 กระทง ให้ตัดสินให้ลงโทษ กระทงละ 10 ปี รวม 20 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้กระทงละ 5 ปี คงเหลือโทษจำคุก 10 ปี ไม่รอลงอาญา และให้ริบของกลาง

.........

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดใจจากคุก สุวิชา ท่าค้อ

http://www.prachatai.com/05web/th/home/15329

ศาลยกคำร้องขอประกันตัว สุวิชา ท่าค้อ' ทนายเตรียมอุทธรณ์ต่อสัปดาห์นี้

http://www.prachatai.com/05web/th/home/15349

สุวิชา ท่าค้อ รับสารภาพ ศาลนัดฟังคำพิพากษา 3 เม.ย. นี้

http://www.prachatai.com/05web/th/home/16074       

ศาลตัดสินจำคุก 10 ปี "สุวิชา ท่าค้อ" ตามมาตรา 112

http://www.prachatai.com/05web/th/home/16174

บล็อกของ หัวไม้ story

หัวไม้ story
วิกฤตการณ์ข้าวยากหมากแพงส่งผลกระทบไปทั่วโลก ซึ่งกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเห็นจะหนีไปพ้น คนยากคนจนทั่วโลก ในหลายประเทศวิกฤตการณ์นี้นำไปสู่การจลาจล เหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ เช่นในเฮติ อียิปต์และโซมาเลีย วิกฤติอาหารยังลามถึงภูมิภาคอเมริกากลาง จนประธานาธิบดีนิคารากัวเรียกประชุมฉุกเฉิน ยอมรับภาวะขาดแคลนอาหารเข้าขั้นวิกฤติ จนเกรงว่าจะบานปลายเป็นเหตุวุ่นวายในสังคมขณะเดียวกันองค์กรระหว่างประเทศต่างก็ออกมาให้ข้อมูลชวนหวั่นไหว ธนาคารโลกออกมาเตือนว่า วิกฤตอาหารแพงนี้จะเพิ่มระดับความยากจนทั่วโลกอาจพุ่งสูงขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยราคาอาหารและน้ำมันแพงในช่วง 2 ปีที่แล้ว ทำให้ประชาชนประมาณ 100…
หัวไม้ story
   ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง ช่วงนี้ตรงกับเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นเดือนที่เคยมีเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ทางการเมืองอย่างมากครั้งหนึ่ง ในสัปดาห์นี้ประชาไทจึงเลือกพาด ‘หัวไม้' เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สำคัญตอนนี้หากกล่าวอย่างรวบรัดที่สุด คือ ใน ‘เดือนพฤษภา พ.ศ. 2535' เกิดการลุกฮือของประชาชนเพื่อต่อต้านนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หรือการต่อต้าน พล.อ.สุจินดา คราประยูร หนึ่งในคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ผู้ใช้วาทะ ‘เสียสัตย์เพื่อชาติ' มานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ถ้าจะลงไปให้ถึงรายละเอียด เหตุการณ์พฤษภาคม 2535…
หัวไม้ story
 ทีมข่าวพิเศษ Prachatai Burmaคณะพี่น้องตลกหนวดแห่งมัณฑะเลย์ (The Moustache Brothers)ทำมือไขว้กันสองข้าง เป็นเครื่องหมาย ‘ไม่รับ’ รัฐธรรมนูญรัฐบาลทหารพม่า (ที่มา: The Irrawaddy)ก่อนนาร์กิสจะซัดเข้าถล่มประเทศกระทั่งอยู่ในภาวะวิกฤต แน่นอนว่า ความสนใจที่โลกจะจับตามองประเทศมองนั้นคือวันที่ 10 นี้ ประเทศพม่าจะมีการลงประชามติเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับประวัติศาสตร์ ที่รัฐมนตรีฝ่ายข้อมูลข่าวสารของพม่ากล้าพูดว่า กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญและกระบวนการลงประชามตินั้นเป็นประชาธิปไตยกว่าของไทย แม้ว่าแหล่งข่าวภายในรัฐฉานจะให้ข้อมูลที่ต่างไปว่ากระบวนการร่างรัฐธรรมนูญของพม่านั้น…
หัวไม้ story
พิณผกา งามสมปรากฏการณ์เคลื่อนไหวทางการเมืองบนเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นในไทยอยู่ขณะนี้ เป็นพื้นที่การต่อสู้ใหม่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเมืองไทยไม่กี่ปี่ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสื่อกระแสหลักก็เปลี่ยนหรือขยายเป้าหมายจากการช่วงชิงพื้นที่ในตลาดสิ่งพิมพ์มาสู่ตลาดแห่งใหม่ในโลกไซเบอร์ นักวิชาการด้านสื่อสารสนเทศ สังคมวิทยา และรวมถึงนักรัฐศาสตร์ในโลกก็เริ่มขยายการศึกษาวิจัยมาสู่พื้นที่ใหม่ที่เรียกว่าอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเช่นกัน โลกวิชาการระดับนานาชาติผลิตงานศึกษาวิจัยถึงบทบาทของอินเตอร์เน็ตกับการแสดงออกทางการเมืองอย่างกว้างขวาง และมีข้อเสนอว่า อินเตอร์เน็ตสามารถเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดในโลกจริง เป็นต้นว่า…
หัวไม้ story
กลายเป็นภาพที่คุ้นตา เรื่องที่คุ้นหูไปแล้ว สำหรับการออกมาเดินขบวนยื่นข้อเรียกร้องของแรงงานกลุ่มต่างๆ ในวันกรรมกรสากล (หรือวันแรงงานแห่งชาติ หรือวันเมย์เดย์) จนบางคนอาจชาชินกับสิ่งที่เกิดขึ้น "ก็เห็นเดินกันทุกปี" "เรียกร้องกันทุกปี" อย่างไรก็ตาม ปฎิเสธไม่ได้ว่าการที่มีข้อเรียกร้องอยู่ทุกปีนั้น สะท้อนถึงการคงอยู่ของ ‘ปัญหาที่ไม่เคยได้รับการแก้ไข' ไม่ว่าจะเป็นข้อเรียกร้องของแรงงานกลุ่มไหน เมื่อลองกลับไปดูข้อเสนอของปีที่แล้ว เทียบกับปีก่อน และปีก่อนๆ ก็จะเห็นว่า ไม่สู้จะต่างกันสักเท่าใด ดัน พ.ร.บ.ความปลอดภัยในการทำงานการจะทำงานให้เป็นไปด้วยความราบรื่นนั้น นอกจากตัวงานและผู้ร่วมงานแล้ว…
หัวไม้ story
  ช่วงเวลาแห่งสงกรานต์ผ่านพ้นไปแล้ว การกระหน่ำสาดน้ำในนามของวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามยุติลง (ชั่วคราว) หลายคนที่เคยดวลปืน (ฉีดน้ำ) หรือแม้แต่จ้วงขันลงตุ่มแล้วสาดราดรดผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ล้วนวางอาวุธและกลับเข้าสู่สภาวะปกติของชีวิตแน่นอนว่า สงคราม (สาด) น้ำที่เกิดขึ้นในบ้านเราแต่ละปี เป็นห้วงยามแห่งความสนุกสนานและการรวมญาติในแบบฉบับไทยๆ แต่ในขณะที่คนมากมายกำลังใช้น้ำเฉลิมฉลองงานสงกรานต์จนถึงวันสิ้นสุด แต่สงคราม (แย่งชิง) น้ำที่เกิดขึ้นทั่วโลก ยังดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง สงครามน้ำส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาการขาดแคลนน้ำในบางพื้นที่ของโลก และมักจะมีสาเหตุจากข้อจำกัดทางภูมิประเทศ…
หัวไม้ story
จุดเริ่มต้นของคนเดินทาง ยุคที่น้ำมันแพง ราคาเบนซินกระฉูดไปแตะที่ลิตรละ 35 บาท ส่วนดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 31 บาทกว่า การเดินทางในช่วงวันหยุดสงกรานต์ปีนี้ รถโดยสารสาธารณะที่มีเส้นทางขนส่งประจำทางข้ามจังหวัดดูจะเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นสำหรับผู้ที่มีงบประมาณในการเดินทางไม่มากนัก ด้วยเหตุผลเรื่องราคาที่พอจ่ายได้ ความสะดวกสบายและความปลอดภัยจากผู้ให้บริการที่มีอยู่จำนวนมาก อีกทั้งมีเส้นทางเดินรถจากสถานีต่างๆ ในกรุงเทพฯ กระจายไปทั่วประเทศ  การเดินทาง 1. "สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)" หรือ "หมอชิต" สำหรับผู้โดยสารที่จะเดินทางไปภาคเหนือ…
หัวไม้ story
 พิณผกา งามสม/พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจเมื่อกระแสแก้รัฐธรรมนูญเริ่มต้นด้วยการถูกโจมตีว่าจะเป็นการเบิกทางให้กับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กลับเข้ามามีที่อยู่ที่ยืนในเวทีการเมืองไทยอีกครั้ง มิหนำซ้ำยังเป็นการปูทางไปสู่การฟอกตัวของอดีตนายกผู้ซึ่งตามทัศนะของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มองว่าเป็นเหตุแห่งความวิบัติทั้งสิ้นทั้งมวลของประเทศชาติ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อเรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็กลายมาสู่เรื่องการเอาทักษิณ หรือไม่เอาทักษิณ แบบกลยุทธ์ขายเบียร์พ่วงเหล้า คือถ้าไม่เอาทักษิณก็ต้องไม่แก้รัฐธรรมนูญ ถ้าใครจะแก้รัฐธรรมนูญถือเป็นพวกทักษิณ ว่ากันตามจริงแล้ว…
หัวไม้ story
  หัวไม้ story คือ ภาคต่อของรายการทีวีอินเทอร์เน็ต ‘สมาคมหัวไม้' ที่เป็นคล้ายๆ บทบรรณาธิการของกอง บก.ประชาไท เกิดจากการพูดคุย ถกเถียง วิวาทะ เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจของความเป็นไปในสังคมรอบตัว และอยากจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านประชาไทได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกๆ สัปดาห์ จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็น ‘หัวไม้' อีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ของ ‘หัวไม้ story' ในส่วนของบล็อกกาซีน-ประชาไท (ปลายสัปดาห์)มุทิตา เชื้อชั่ง, คิม ไชยสุขประเสริฐ, ชลธิชา ดีแจ่ม นานๆ ทีจะเห็นคนระดับนายกรัฐมนตรีออกมาพูดเรื่องสิ่งแวดล้อม และระดับคุณสมัคร สุนทรเวช ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง…
หัวไม้ story
  หัวไม้ story - คือ ภาคต่อของรายการทีวีอินเทอร์เน็ต ‘สมาคมหัวไม้' ที่เป็นคล้ายๆ บทบรรณาธิการของกอง บก.ประชาไท เกิดจากการพูดคุย ถกเถียง วิวาทะ เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจของความเป็นไปในสังคมรอบตัว และอยากจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านประชาไทได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกๆ สัปดาห์ จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็น ‘หัวไม้' อีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ของ ‘หัวไม้ story' ในส่วนของบล็อกกาซีน-ประชาไท (ปลายสัปดาห์)  หากย้อนดูปรากฏการณ์การเคลื่อนขบวนของประชาชนออกมาแสดงพลังขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลไทยรักไทย ที่ผ่านมานับแต่การเริ่มต้นเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งแรก…
หัวไม้ story
หัวไม้ story - คือ ภาคต่อของรายการทีวีอินเทอร์เน็ต ‘สมาคมหัวไม้' ที่เป็นคล้ายๆ บทบรรณาธิการของกอง บก.ประชาไท เกิดจากการพูดคุย ถกเถียง วิวาทะ เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจของความเป็นไปในสังคมรอบตัว และอยากจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านประชาไทได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกๆ สัปดาห์ จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็น ‘หัวไม้' อีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ของ ‘หัวไม้ story' ในส่วนของบล็อกกาซีน-ประชาไท (ปลายสัปดาห์) 
หัวไม้ story
  หัวไม้ story - คือ ภาคต่อของรายการทีวีอินเทอร์เน็ต ‘สมาคมหัวไม้' ที่เป็นคล้ายๆ บทบรรณาธิการของกอง บก.ประชาไท เกิดจากการพูดคุย ถกเถียง วิวาทะ เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจของความเป็นไปในสังคมรอบตัว และอยากจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านประชาไทได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกๆ สัปดาห์ จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็น ‘หัวไม้' อีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ของ ‘หัวไม้ story' ในส่วนของบล็อกกาซีน-ประชาไท (ปลายสัปดาห์)  เพียงไม่นานหลังจากที่ นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช พูดออกอากาศในรายการ ‘สนทนาประสาสมัคร' ณ วันที่ 2 มีนาคม 2551 ว่า อยากให้มี ‘บ่อนการพนันถูกกฎหมาย' เกิดขึ้นในประเทศ…