Skip to main content

โดย โชติศักดิ์ อ่อนสูง

 

เวลามีคนเรียกร้องเสื้อแดง/นปช./พท./รัฐบาลให้ทำเรื่องบางเรื่องที่จะทำให้สังคมไทยมีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น (ยกตัวอย่างก็ได้ เช่นเรื่อง ม.112) หรือมีคนต่อว่าวิพากษ์วิจารณ์เสื้อแดง/นปช./พท./รัฐบาลที่ไม่ขยับเรื่องพวกนั้น ก็จะมีพวก "แดงอวย" กลุ่มหนึ่งออกมาแก้ต่างทำนองว่า ทำไม่ได้เพราะจะทำให้เสียคะแนนนิยมจากคนที่อยู่กลางๆ

 

ขณะเดียวกัน ถ้ามีคนวิจารณ์เสื้อแดง/นปช./พท./รัฐบาลว่าอย่าทำเรื่องงี่เง่า (เช่น กรณีจ่าประสิทธิ์) หรือให้แก้ปัญหางี่เง่าพวกนั้นซะ ก็จะมี "แดงอวย" อีกพวกหนึ่งออกมาแก้ต่างว่าไม่ต้องไปสนใจ เพราะคนเขาเลือกข้างกันหมดแล้ว

 

จะเห็นว่า "แดงอวย" 2 กลุ่มนี้ ประเมินสถานการณ์กันไปคนละทางเลย แต่ก็พร้อมจะอวยได้เหมือนๆกัน
 

แล้วเอาเข้าจริงแล้วสิ่งที่พวกเขายกมาพูดนั้นมันอาจจะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการการประเมินสถานการณ์ด้วยซ้ำ แต่มันอาจจะเป็นแค่ "ข้ออ้าง" เพื่อแก้ต่างให้กับเสื้อแดง/นปช./พท./รัฐบาลเท่านั้น

 

พวกแรก, ที่เชื่อว่ายังมีคนกลางๆ (ยังไม่เลือกข้าง/หรือเลือกแล้วแต่พร้อมจะเปลี่ยนตลอดเวลา) ก็เลยไม่อยากทำอะไรที่กระทบต่อคนกลางๆ, แต่กลับเลือกที่จะเงียบเวลามีเรื่องงี่เง่าแบบกรณีจ่าประสิทธิ์ ซึ่งมันกระทบต่อการตัดสินใจของคนกลางๆแน่ๆ

 

คือถ้าคุณซีเรียสเรื่องความนิยมจากคนกลางๆจริง ทำไมถึงเฉยๆอยู่ได้?

 

ขณะเดียวกัน พวกหลัง, ที่เชื่อว่าทุกคนในประเทศนี้เลือกข้างกันหมดแล้ว, ก็กลับเลือกที่จะเงียบที่เสื้อแดง/นปช./พท./รัฐบาลไม่ขยับเรื่อง ม.112 (หรือบางทีแดงอวยกลุ่มนี้ก็ออกมาด่าคนที่เคลื่อนไหวเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ)

 

ก็ถ้าคุณเชื่อว่าทุกคนเลือกข้างหมดแล้ว แถมคุณยังอ้างว่าตัวเองต้องการประชาธิไตย แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะเงียบต่อเรื่องพวกนี้?

 

ในความเห็นของผม พวกเขาทั้ง 2 กลุ่ม เงียบก็เพราะว่าสิ่งที่เขายกมาพูดนั้นมันแค่ "ข้ออ้าง" ซึ่งตัวพวกเขาเองก็อาจจะยังไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดด้วยซ้ำ พวกเขาถึงได้เฉย/เงียบ ต่อเหตุการณ์อื่นๆ แม้ว่าถ้าจะว่ากับตามสิ่งที่เขายกมาอ้างแล้วมันควรจะต้องพูดอะไรเกี่ยวกับกรณีเหล่านั้นบ้างก็ตาม

 

- - - -

 

ผมประเมินยังไง?

 

ผมประเมินเหมือนพวกแรกนะ คือผมเชื่อว่ามันมีคนที่กลางๆ, ในความหมายที่ว่ายังไม่เลือกข้างชัดเจน หรือเลือกแล้วแต่พร้อมจะเปลี่ยนข้างได้ตลอดเวลา (ไม่ได้หมายถึง "เป็นกลาง"), อยู่จริง

 

แน่นอนว่ามีคนที่เลือกข้างชัดเจน ในระยะสั้นจะไม่เปลี่ยนหรือเปลี่ยนยาก อยู่จริงๆด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทุกคนเป็นแบบนี้

 

ทั้งหมดนี้ไม่มีงานวิจัยอะไรรองรับหรอกครับ ผมดูเอาจากคนที่รู้จักนั่นแหละ

 

ซึ่งถ้าใครไม่ "โลกแคบ" จนเกินไปก็น่าจะเห็นอยู่ว่าคนมันมีทัศนะทางการเมือง/การเลือกข้างทางการเมืองหลายเฉดจริงๆ

 

ผมรู้จักคนที่ยังไม่เลือกข้างชัดเจน/พร้อมจะเปลี่ยนข้างได้ตลอดเวลาหลายคน นั่นหมายความว่าไอ้ความเชื่อ/การประเมินแบบ "แดงอวย" กลุ่มหลัง นี่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงแน่ๆ

 

ทีนี้ถ้ามันมีคนหลายๆเฉดอย่างที่ว่า เราจะต้องยอมเอาใจพวก "กลางๆ" ทุกเรื่องหรือเปล่า?

 

ในความเห็นของผมก็คือ ไม่

 

อย่างไรก็ตาม อย่างแรกที่สุดก็คือ เราไม่ควรเสียคนกลางๆไปเพราะเรื่องงี่เง่า

(คือผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไปทำไม? ทำแล้วได้อะไร?)

 

แต่ในเรื่องที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาความเป็นประชาธิปไตยหรือสิทธิเสรีภาพ หรือเป็นประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม ฯลฯ ถึงแม้ทำแล้วจะทำให้เสียคะแนนคนกลางๆ บางทีก็จำเป็นต้อง "แลก" ครับ

 

ไม่ใช่ต้องเอาใจพวก "คนกลางๆ" ไปซะเสียทุกอย่าง ไม่งั้นก็ทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง

 

ต้องยอมเสียในเรื่องที่ควรเสีย แต่อย่าไปเสียกับเรื่องงี่เง่า

 

อย่าไปทำกลับหัวกลับหางแบบพวก "แดงอวย" กลุ่มแรก คือในเรื่องงี่เง่านี่ยอมเสียได้ (อย่างน้อยที่สุดก็คือเลือกที่จะเงียบ ไม่ออกมาพูดอะไรเลย) ขณะเดียวกับพอเรื่องที่เป็นประโยชน์กลับบอกว่าทำไม่ได้เพราะกลัวเสียคะแนน

 

 

 

 

 

บล็อกของ ประกายไฟ

ประกายไฟ
 "...ถ้ารัฐไม่มีหน้าที่บริการประชาชน มหาวิทยาลัยก็จะทำให้เป็นของเอกชน โรงพยาบาลก็จะเป็นเอกชน รถเมล์ น้าประปา ไฟฟ้า ก็จะต้องเป็นของเอกชน แล้วเราจะมีรัฐไปทำไม” เก่งกิจ กิติเรียงลาภ กล่าว  
ประกายไฟ
จริงอยู่ที่ทางกลุ่มแอดมินไทย อาจจะมีความคิดเห็นทางการเมืองที่อยู่คนละข้าง คนละสี....(บอกมาเถอะว่าสีอะไรปิดไม่มิดหรอก) กับสมาชิกในเพจที่เป็นเพื่อนร่วมชาติชาวไทย แต่นี้มันเพจระหว่างประเทศ ที่ผู้เขียนในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในเพจมีสิทธิที่จะบอกความเป็นจริง....(รับได้ไหมท่านแอดมิน???)...  
ประกายไฟ
..นักสหภาพหลายๆคนมักมาสอบถามกับผู้เขียนบ่อยๆว่า ทำไมฝ่ายบุคคลมักมีทัศนะคติที่เลวร้ายกับสหภาพหรือที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะมหาวิทยาลัยสั่งสอนให้มองสหภาพในแง่ไม่ดีรึเปล่า แล้วถ้าไม่ใช่พวกนักศึกษาที่จบไปเป็นฝ่ายบุคคลในโรงงานนั้น เขามองสหภาพแรงงานอย่างไร เราจึงจัดทำบทสัมภาษณ์สั้นๆชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อให้รู้ว่าเขา (ว่าที่ฝ่ายบุคคล) คิดยังไงกับเรา(สหภาพแรงงาน)..
ประกายไฟ
..ทำไมคนส่วนใหญ่มักชอบพูดว่าประเทศสหรัฐอเมริกาทีระบบสวัสดิการที่ดีเยี่ยม จนเป็นประเทศในฝันของทุกคน เมื่อได้อ่านความเป็นจริงจากบทความชิ้นนี้แล้วคงทำให้เรามองสหรัฐอเมริกาในแง่ความเป็นจริงมากขึ้น และเลิกพูดมั่วๆซะที ว่าอเมริกามีสวัสดิการดีกว่าไทย
ประกายไฟ
...การที่รัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมา รวมถึงรัฐบาลชุดนี้กำลังจะขึ้นภาษีทางอ้อมจาก 7 เป็น 10% นั้นถือว่าเป็นการเปิดศึกทางชนชั้นกับชนชั้นกรรมกรและคนระดับล่างของสังคมโดยตรง คือ โยนภาระก้อนโตให้คนระดับล่างเป็นผู้จ่าย โดยที่คนร่่ำรวยลอยตัว...
ประกายไฟ
...ดูๆไปแล้วดันไปสะดุดตรงเหตุการณ์ทางการเมืองในเวลานั้นที่ดันตรงกับช่วงของการเปลี่ยนแปลงการปกครองพอดี แหมมมมมมมมมมมม เล่นเล่าซะ คณะผู้ก่อการดูเป็นตัวร้ายไปถนัดตา แถม ร.7 ยังดูน่าสงสารจนเกินเหตุ “ตั้งแต่เกิดมาไอ้เคนยังไม่เห็นว่าในหลวงท่านจะทำอะไรไม่ดีเลย” “เหาจะกินกระบาล” 5555 เอาละวะ ...  
ประกายไฟ
อธิการ.มทส. ค้านนศ.แต่งกายข้ามเพศ เข้ารับปริญญาฯ อ้างเป็นบัณฑิตต้องมีคุณธรรม จริยธรรม รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โต้ประเทศนี้อ้างอะไรไม่ได้ ก็อ้างคุณธรรมจริยธรรมปลอมๆ กลวงๆ ย้ำคุณธรรมของบัณฑิตต้องมีจิตใจที่วิพากษ์วิจารณ์ต่อสิ่งที่เป็นอยู่
ประกายไฟ
ผมท้าเลยครับ หลังจากเผาอากง อากงจะถูกลืม..เว้นแต่เรียก กม. "ม.112" ว่า "อากง" เราจะไม่มีทางลืมอากง เพราะมันก็จะอยู่อย่างนี้อีกนานเท่านาน - ด้านเกษียร ตอบ ความทรงจำของสังคมไม่ได้เป็นเรื่องอัตโนมัติ หากต้องสร้างและผลิตซ้ำขึ้น แม้แต่การเอาชื่อไปวางไว้เป็นสมญาของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็ไม่ใช่หลักประกันว่าจะได้รับการจดจำจากสังคมหรือจำอย่างถูกต้องครบถ้วนแม่นยำ  
ประกายไฟ
 ..สิ่งที่เรียกว่า "ตลาดไม้โบราณ" ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดใหม่ในยุค ร.4 - ร.6 เป็นยุคที่ พ่อค้าจีน (โดยเฉพาะจีนแต้จิ๋ว) ที่ ได้เป็นเจ้าภาษีสินค้าต่างๆ เช่น มะพร้าว น้ำตาล อ้อย เป็นต้น จนเกิดชุมทางการค้ามากมายตามลุ่มแม่น้ำต่างๆ ทั้งนครชัยศรี ราชบุรี แม่กลอง มหาชัย สามชุก ฯลฯ (ดูดีๆ ทุกๆที่ๆเป็นตลาดไม้โบราณล้วนมีสถานที่ๆเรียกว่า “โรงเจ” และ “ศาลเจ้าทรงเก๋งจีน” แทบทุกๆแห่ง) ที่เรียกว่าสิ่งใหม่ๆสำหรับคววามเป็นไทยในยุคนั้น..
ประกายไฟ
สาระหลักที่น่าสนใจของเรื่องแม่นั้นอยู่ที่จิตสำนึกของปัจเจกชนที่ต่างจากปัจเจกชนในวรรณกรรมรัสเซียเล่มดังๆที่ส่วนใหญ่มุ่งเสนอการดิ้นรนเอาชีวิตของตัวเองให้รอดไปวันๆ เป็นปัจเจกชนที่กำหนดชะตาชีวิตของตัวเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง
ประกายไฟ
แนะสภาฯเดินหน้าวาระ3 มั่นใจผ่านฉลุย พร้อมด้วยสนทนากับนายซิม ไฮแอท เยาวชนผู้อดข้าวหน้าพรรคเพื่อขอให้นายอภิสิทธิ์ถอนคำพูดเหยียดคนเสื้อแดง
ประกายไฟ
"..คุณอาจจะคิดเอาง่ายๆว่าขอแค่เพียงคุณเป็นคนรักเจ้า คุณก็จะไม่ต้องเผชิญกับความบ้าคลั่งของพวกคลั่งเจ้า (ชี้แจงเพิ่มเติมไว้หน่อยว่าสำรับผม "รักเจ้า" กับ "คลั่งเจ้า" นี่ไม่เหมือนกัน) แต่จากกรณีคุณโกวิทก็เป็นอีกตัวอย่างรูปธรรมหนึ่งที่ทำให้เราเห็นได้ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใคร รักหรือไม่รักเจ้า คุณจะมีโอกาส/มีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญความบ้าคลั่งแบบนี้ได้ทั้งนั้น"