Skip to main content
ฉันเป็นคนหนึ่งที่ติดตามชมละครเรื่องเมียหลวง ที่ถ่ายทอดทุกวันจันทร์-อังคารทางช่องเจ็ด เป็นละครไม่กี่เรื่องที่ฉันชอบดู ด้วยพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน รับสัญญาณโทรทัศน์ได้เพียงไม่กี่ช่อง  และอีกเหตุผลหนึ่งคือละครดีๆ มีไม่กี่เรื่อง 


แม้หลายคนจะเหมารวมละครทีวีของไทยว่าเป็นละครน้ำเน่าเสียส่วนใหญ่ แต่ฉันก็เชื่อว่าละครที่สร้างมาจาก นวนิยาย ก็น่าจะมีเนื้อหาสาระบางอย่างสอนใจคนดูได้บ้าง ไม่ใช่จะดูแต่เพียงฉากตบกันของบรรดาเมียน้อยของคุณอนิรุจเท่านั้น

ฉันพบว่านวลเมียน้อยที่รักอย่างทาส และอรอินทร์ที่รักอย่างบ้าคลั่ง ยังไม่ชอกช้ำเท่ากับชีวิตจริงของเด็กผู้หญิงกระยันคนหนึ่งที่ฉันกำลังจะบันทึกถึงเธอ ผ่านถ้อยคำบอกเล่าจากปากของเธอเอง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับเพื่อนผู้หญิงชนกลุ่มน้อยคนอื่นๆจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นที่เธอเป็นอยู่

เธอชื่อว่า
"ส้มโอ" จุดเริ่มต้นของชีวิตที่คล้ายกับชาวกระยันหลายคนที่อพยพมากับฝูงชีวิตที่หวังจะมาขุดทองในประเทศไทย  ทิ้งท้องนาท้องไร่และฝูงวัวควายไว้ข้างหลัง เพื่อมาเป็นตุ๊กตาหน้าร้านขายของในหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวบ้านใหม่ในสอย

แต่แล้วเธอกลับพบว่า เงินเดือนที่ได้รับเพียงน้อยนิดและบางครั้งได้บ้างไม่ได้บ้าง  แทบจะไม่พอส่งกลับไปให้พ่อแม่และน้องๆที่ยังรอคอยอยู่อีกฝั่งแม่น้ำสาละวิน  ทำให้เธอถูกเรียกตัวให้กลับพม่า นานหลายปีที่เธอรีรอและบอกปัดพ่อแม่ด้วยความหวังว่า  คงจะมีทางที่ดีกว่าการกลับไปพบความยากลำบากที่เธออุตสาห์หลีกหนีมาเสียไกล

จนกระทั่งส้มโอได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะกลับบ้าน  เธอได้มาหาหมอใส่ห่วงเพื่อให้หมอถอดห่วงทองเหลืองที่คอออกให้ที่หมู่บ้านห้วยเสือเฒ่า เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ

ที่นี่เองที่เธอได้พบกับทางแยกของชีวิต หนุ่มใหญ่วัยหกสิบเศษจากเมืองกรุงเข้ามาติดพันเธออย่างรวดเร็ว  เพียงเจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง  เขาก็รุกเธอด้วยการส่งพ่อสื่อแม่ชักเพื่อขอเธอแต่งงาน

ส้มโอพบว่าหนุ่มใหญ่แสดงท่าทางจริงใจ และแสดงความจริงจังที่จะตบแต่งเธอเป็นเมียอย่างออกหน้าออกตา เขาพาเธอไปรู้จักบ้านช่องที่กว้างขวางราวกับรีสอร์ทซึ่งสร้างไว้ใกล้เมือง ทำให้เธอรู้สึกมั่นคงทางใจว่าจะไม่ถูกทอดทิ้งไปไหน และนี่ก็คือความหวังที่จะทำให้เธอไม่ต้องกลับพม่า พ่อแม่และน้องๆ ที่รอคอยก็คงจะพอใจกับทางเลือกของเธอ

นี่เป็นรักครั้งแรกของหญิงสาวซื่อบริสุทธิ์ แม้วัยของเธอจะบรรลุนิติภาวะแล้วก็ตาม  แต่ประสบการณ์ชีวิตกลับเพิ่งเริ่มต้น  เธอมั่นใจว่าเขารักเธอและคงจะรักเธอคนเดียวตลอดไปเพราะเขาบอกว่าเป็นหม้ายมาหลายปี หากเธอตกลงยอมแต่งงานกับเขาเธอก็จะมีชีวิตที่สุขสบาย มีบ้านช่องใหญ่โต  และหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุข เขาเองก็รับรองเป็นมั่นเหมาะว่าเธอจะสบายไปทั้งชาติ

ความสุขของส้มโอผ่านไปเร็วนัก หนุ่มใหญ่ให้เธอเข้ามาอยู่ในบ้านซึ่งจะเปิดเป็นกิจการเป็นบ้านพักรับรองนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น  ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันสามีของส้มโอเทียวไปกลับกรุงเทพฯ
- แม่ฮ่องสอน อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เธอรู้เพียงแต่ว่าเขามีธุรกิจที่ต้องไปดูแลจึงไม่อาจที่จะอยู่กับเธอที่แม่ฮ่องสอนได้นานๆ เหมือนสามีทั่วไป

เดือนที่สามของการแต่งงาน  เธอก็ได้พบความจริงที่ทำให้หัวใจแทบแตกสลาย เมื่อสามีของเธอแนะนำเธอให้รู้จักกับหญิงวัยใกล้เคียงกับเขา  และเรียกเธอว่า "เมีย"  ส้มโอเฝ้าถามตัวเองว่าแล้วเธอล่ะอยู่ในฐานะอะไร "เมียน้อย"  "เมียเก็บ"   หรือแค่ "นางบำเรอ"

วันที่เธอรู้ว่าทุกสิ่งที่หวังเอาไว้กำลังจะกลายเป็นเพียงแค่ความฝัน บ้านหลังใหญ่ที่เธอมีสิทธิ์แค่คนอาศัย ที่ดินแปลงนั้นที่เธอเฝ้าดูแล ทุกสิ่งทุกอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ  แม้แต่สามีของเธอก็เป็นสามีของคนอื่น     

ความหวังเดียวคือการมีลูกกับเขาสักคนเพื่อเป็นโซ่ทองคล้องใจ ก็คงเป็นไปไม่ได้ เมื่อเธอมารู้ภายหลังว่าเขาทำหมันแล้วหลังจากมีลูกสาวมาแล้วสี่คน ทุกอย่างถูกปิดเป็นความลับ เธอเป็นเพียงบ้านเล็กที่ซุกตัวเงียบสงบอยู่เพียงลำพัง

และที่น่าปวดใจที่สุดคือภรรยาของเขายินยอมพร้อมใจให้สามีหาเมียอย่างเธอมาอยู่ในพักซึ่งใช้เป็นบ้านพักตากอากาศของเขา

เธอกลายเป็นหญิงสาวในเงามืด  หลบลี้หนีหน้าผู้คนที่ต้องกลับกลายเป็นเมียเก็บอย่างออกหน้าออกตา เธอต้องเดินตามสามีที่มีภรรยาใหญ่เดินอยู่เคียงข้าง ด้วยความรู้สึกมืดมน

ทุกวันนี้หญิงสาวที่ซื่อบริสุทธิ์คนนั้นได้ตายไปแล้ว ส้มโอใช้ชีวิตไปวันๆกับเบียร์และบุหรี่ที่เธอสูบอยู่เสมอ  ด้วยเงินที่เมียหลวงเจียดให้ ไม่มากไปกว่าเงินเดือนของแม่บ้านและยามที่จ้างไว้เพื่อคอยเปิดปิดบ้านหลังใหญ่ที่มีเธอเพียงคนเดียวอาศัยอยู่  ซึ่งนานๆสามีของเธอก็จะเดินทางมาที่บ้านพักตากอากาศแห่งนี้โดยมีภรรยาติดตามมาด้วยทุกครั้ง

เมื่อถูกถามถึงอนาคตเธอเองก็ตอบไม่ได้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร เธอรู้ตัวดีว่าคนไร้สัญชาติ ไร้การศึกษาเช่นเธอไม่สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมใดๆให้กับตัวเองได้  เพราะเธอมีอยู่เพียงสองทางคือทิ้งเขาเสียแล้วกลับไปอยู่กับพ่อ-แม่ที่ประเทศพม่า หรือยอมรับสภาพที่เธอเป็นอยู่ ไปจนกว่าเธอจะเป็นฝ่ายถูกทอดทิ้งเสียเองไม่วันใดก็วันหนึ่ง.

 

บล็อกของ เจนจิรา สุ

เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก เมื่อคืนเรานั่งดูรูปถ่ายเก่าๆ ที่เราไปเที่ยวกันมา นับตั้งแต่ครั้งแรกที่แม่พาลูกเดินทางไกล จากแม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ ตอนนั้นลูกเพิ่งอายุได้เจ็ดเดือนเศษ  มีรูปตอนไปเที่ยวสวนสัตว์และเที่ยวงานพืชสวนโลก 2008 ที่เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ สวยราวกับภาพถ่ายต่างเมืองที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่เมืองไทย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   เมื่อคืนลูกมีไข้ขึ้นสูง แม้เช้านี้อาการไข้ของลูกจะลดลงแล้วแต่ตัวลูกก็ยังอุ่นๆ เหมือนเครื่องอบที่เพิ่งทำงานเสร็จใหม่ๆ แม่จึงตัดสินใจให้ลูกขาดโรงเรียนอีกหนึ่งวัน
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก หากมีคำถามจากใครสักคนถามแม่ว่า เดือนไหนของปีที่รู้สึกว่ายาวนานกว่าเดือนอื่นๆ คำตอบของแม่อาจจะแตกต่างออกไปจากคนอื่นๆ เพราะแม่คิดว่าเดือนที่มีจำนวนวันน้อยที่สุดเป็นเดือนที่แม่รู้สึกว่ายาวนานกว่าทุกๆเดือน
เจนจิรา สุ
สาละวิน, ลูกรัก  นานแล้วที่แม่ไม่ได้หอมกลิ่นดอกเหงื่อ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เราได้ลงทุนครั้งใหญ่เพื่อติดตั้งน้ำประปาหลวง ทำให้บ้านของเราที่เคยแห้งแล้งกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ดอกเหงื่อที่เกิดจากการจับจอบเสียมเพื่อขึ้นแปลงผักและปลูกต้นไม้เล็กๆน้อยๆ ทำให้แม่มีความสุข เจริญอาหาร และอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   สิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ในชีวิตอีกบทหนึ่งก็คือ เมื่อมีพบก็ต้องมีการลาจาก และบางครั้งลูกก็อาจจะต้องเจอกับการพลัดพลาดจากบางสิ่ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก สิ่งที่แม่เป็นกังวลใจมาตลอดในความเข้าใจถึง “ตัวตน” ของลูกเริ่มก่อแววให้เห็นขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ลูกอายุได้เกือบสามขวบแล้ว ซึ่งทุกวันแม่จะได้รับคำถามจากลูกมากมาย เช่น ทำไมแม่ไม่ใส่ห่วงที่คอ ทำไมกระเม (หมายถึงแขกที่มาเที่ยว) มาบ้านเราล่ะแม่ ฯลฯ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก  ในยามเช้าที่สายหมอกยังไม่ทันจาง เราตื่นขึ้นด้วยเสียงเอะอะมะเทิ่งของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ ที่เข้ามาในหมู่บ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง พวกเขาเดินมาพลางร้องเรียกไปพลาง เพื่อจะดูชาวกะเหรี่ยงคอยาวที่เขาหมายมั่นมาดู
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่แม่อยากจะเล่าให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องความรักระหว่างพ่อกับแม่ ที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องที่แปลกแตกต่างไปจากคนอื่นๆในสังคม
เจนจิรา สุ
เชียงใหม่ยามเช้าที่อาเขต พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาและกำลังจะจากเมืองใหญ่ที่เป็นเสมือนศูนย์กลางความเจริญในภาคเหนือของประเทศ