Skip to main content


นานเกินไปแล้วที่แม่ไม่ได้กดแป้นคีย์บอร์ด  เพื่อพิมพ์เรื่องราวใดๆถึงใครสักคนที่แม่รัก นับตั้งแต่พี่ของเจ้า “สาละวิน”อายุครบสามปี แม่ก็ได้หยุดเขียนบันทึก   ด้วยภาระหน้าที่อันหนักหน่วงในการงานข้อหนึ่งที่แม่ชอบอ้างเอากับตัวเองเสมอ เพื่อจะผ่านไปวันหนึ่งอย่างว่างเปล่า และพบว่าสูญเสียเรื่องราวและความทรงจำดีๆ มากมายไปกับข้อแก้ตัวของตนเอง

  แต่เมื่อไม่นานมานี้เอง งานเขียนที่แม่ได้บันทึกถึงพี่ชายของลูก  ซึ่งนำเอาลงเว็บไซต์หนึ่งให้อ่านสาธารณะอยู่พักใหญ่ เพื่อว่าแม่จะได้เล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับคนชนเผ่าเล็กๆของพ่อที่เรียกตัวเองว่า ”กระยัน” แทนที่จะเรียกตามนักท่องเที่ยวว่า “กระเหรี่ยงคอยาว”นั้น  ก็มีบก.จากสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งให้ความสนใจและนำเรื่องราวที่แม่ได้บันทึกถึงพี่ชาย “สาละวิน”ลูกชายสองสายเลือดไทยและกระยันออกสู่สายตาคนทั้งประเทศ เป็นพ้อกเก็ตบุ้คเล่มแรกที่แม่ภาคภูมิใจ ใช้ชื่อว่า “บันทึกถึงลูกผู้มาจากดาวดวงอื่น”

มิใช่ว่าแม่จะภูมิใจในความเป็นนักเขียนที่มีหนังสือเป็นของตัวเองเสียที ตามความใฝ่ฝันอย่างเดียวหรอกลูก  หากทว่ามันเป็นความสุขใจที่มีใครสักคนเห็นคุณค่าในบทความเล็กๆที่แม่บันทึกผ่านไปทางพี่ชายเจ้า เพื่อสื่อสารกับโลกภายนอกในเรื่องราวของแม่และลูกชาย  ตัวตนของสาละวินพี่ของเจ้าที่เกิดมาในครอบครัวชาวกระยัน  อันเป็นความเลื่อมล้ำทางสังคมการเดียดฉันท์ชาติพันธ์และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่แม่พยายามสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นกับคนอ่านที่ไม่ได้จำกัดเพียงแต่พี่ชายของเจ้าเท่านั้น

เมื่อแม่ได้รับการตอบรับจากสำนักพิมพ์  ทำให้แม่เกิดพลังและเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาเขียนหนังสือถึงเจ้าอีกคน ความตั้งใจที่อยากสื่อสารถึงพี่ของเจ้าจะบรรลุวัตถุประสงค์ทันทีที่วันหนึ่งหนังสือเล่มนี้ถึงมือของพี่เจ้าในวัยที่พร้อมจะอ่านและเข้าใจมัน  แต่ความปรารถนาที่แรงกล้ากว่านั้นคืออยากให้บันทึกเล่มนี้ได้ผ่านสายตาลูกในวัยที่จะมาถึงในไม่ช้าเช่นกัน

ต้นหว้าแสนรัก,หากแม่เป็นตัวแทนของผู้หญิงที่มีลูกสาว คงบอกได้เลยว่า ดวงใจของแม่นั้นแสนห่วงลูกสาวมากเท่าพันทวีกว่าลูกชายที่โลกใบนี้ ได้หยิบยื่นความเสี่ยงมากมายไว้ให้ในเพศแม่ของเรา  โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างแม่ที่เห็นโลกมามากมาย ไม่อาจทนเห็นลูกสาวตกเป็นเหยื่อของสังคม อารมณ์และสติปัญญาทั้งหลายที่ผิดพลาดนั้นอีก

ในวันที่เจ้าอายุได้หนึ่งปีเจ็ดเดือนกับอีกสิบเจ็ดวันในวันนี้  แม่จึงเริ่มบันทึกถึงลูกเสียทีแม้ว่าจะมีภารกิจหน้าที่การงานรัดตัวมากมายก็ตามแต่ เสียงแป้นพิมพ์คีบอร์ดอันแสนเงียบกริบนี้กว่าจะเริ่มได้ก็เลยเวลาเที่ยงคืนมานานแล้วก็ตาม   แต่เรื่องราวก็พร้อมจะพรั่งพรูสู่ลูกได้ทันที ที่ได้เริ่มบันทึก  อาจเป็นบันทึกเล็กๆที่ไม่รู้เลยว่า  จะมีใครสักคนเห็นค่าเช่นที่เคยบันทึกถึงพี่เจ้าหรือไม่ก็ตาม  แต่จะมันเป็นบันทึกที่มีค่าที่สุดสำหรับเราสองแม่ลูกที่แม่ตั้งใจจะสื่อสารเรื่องราวต่างๆ มากมายในชีวิต ประสบการณ์และความรู้สึกต่างๆ เป็นบันทึกของแม่คนหนึ่งที่จะบอกเล่าเรื่องราวความดี ความชั่ว ความผิดพลาดต่างๆในชีวิตของตนเอง ให้เป็นบทเรียน อุทาหรณ์ให้กับลูกในอนาคต 

เพราะเรื่องราวที่แม่จะบันทึกต่อไปนี้จะเป็นเรื่องจริง  ที่เกี่ยวข้องในชีวิตของเจ้าของครอบครัวของเราทั้งห้าชีวิต  อันประกอบไปด้วยพ่อและแม่ พี่ชายเจ้า ยายและตัวเจ้าเอง  อาจจะมีสุขทุกข์บ้างปะปนกันไปแม่ก็ไม่อายที่จะบันทึกมันเพราะทุกอย่างมีทั้งด้านดีและด้านร้าย  ไม่มีใครมีชีวิตสมบูรณ์แบบหรอกลูก จงอย่าอายที่จะยอมรับในความจริง  แต่จงรู้สึกอายเมื่อมีคนมารู้ความจริงที่ลูกปกปิดซ่อนเร้นไว้ภายหลัง

ในวัยสามสิบหกของแม่นั้นเรื่องจริงอย่างแรกคือ  ตัวตนปัจจุบันของแม่ที่อยากให้ลูกรับรู้ว่า นอกจากแม่จะมีเจ้า ,ต้นหว้า เป็นลูกคนที่สองของแม่แล้ว แม่ยังเป็นลูกคนแรกที่มีพี่น้องอีกหนึ่งคนต่างบิดา ซึ่งเป็นน้าชายของเจ้า  และเป็นเมียคนแรกของพ่อเจ้า(ซึ่งแม่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นคนสุดท้ายด้วย)

อาชีพของแม่คือ รับราชการครู,แม่ค้าร้านของชำและร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเป็นอาชีพเสริมที่แม่เพิ่งริเริ่มทำได้ไม่นานโดยอาศัยทุนทรัพย์ของแม่    มีทุนกำลังจากยายและพ่อของเจ้าดูแลกิจการร้านค้าในครอบครัวของเรา ที่แบกภาระหนี้สินของแม่ที่มีอยู่เกือบสองล้านบาทและนี่คือบรรทัดย่อหน้าแรกแห่งความจริงอันน่าเจ็บปวดของครอบครัวของเรา 

แม่หาได้ย่อท้อไม่ลูกเอ๋ย  กว่าจะมีหนี้เป็นล้านๆ แม่เคยเป็นคนที่ไม่มีอะไรมาก่อนเลย ในห้วงเวลานั้นมันแสนจะแย่เสียยิ่งกว่าที่เป็นตอนนี้เสียอีก ซึ่งแม่จะค่อยๆเล่าเรื่องราวร้อนหนาวเหล่านั้นให้ลูกฟังทุกวันด้วยบันทึกฉบับนี้ ในย่อหน้าถัดไปนั้นลูกอ่านแล้วอาจตกใจยิ่งกว่า

แม่เป็นลูกที่เกิดมาโดยที่ไม่ได้เกิดจากความต้องการของแม่ด้วยซ้ำไป เมื่อยายได้เผลอเล่าว่าเคยทำแท้งเมื่อรู้ว่าตนเองตั้งท้องได้สามเดือน แต่แม่ดื้อไม่ยอมออกจนยายต้องไปนอนโรงพยาบาลให้น้ำเกลือหลายวัน ถึงกระนั้นยายก็ยังต้องอุ้มท้องแม่กว่าสิบเดือนจึงจะคลอด  ยายว่าแม่เหมือนเด็กที่ไม่อยากจะเกิดมาดูโลกเพราะเลยกำหนดคลอดมานานแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจ็บท้องคลอดแต่อย่างใด

ในน้ำเสียงของยายที่เล่านั้นมีความรู้สึกผิดที่คิดจะเอาแม่ออก  แม่เองก็ไม่ได้สืบความเอาเหตุผลอะไรกับยายเพราะรู้ว่าเป็นเรื่องที่ใครก็คงไม่อยากพูดถึงมันอีก มันคงเป็นความผิดพลาดในวัยสาวของยายที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีโอกาสผิดพลาดได้

  ที่แม่เล่าขึ้นมาไม่ได้คิดจะติดใจเอาความหรือเนรคุณยายหรอกนะลูกเพียงแต่อยากให้ต้นหว้ารู้ถึงเบื้องหลังของเราสองคน ในเวลาที่แม่เกรี้ยวกราดวัยเยาว์ และมีโลกอันแสนประหลาดจนมาถึงวันนี้ได้นั้น คงเริ่มมาตั้งแต่ปฎิสนธิในท้องยายแล้วกระมัง  แม่และยายจึงไม่เลิกราที่จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันแม้ว่าสุดท้ายแล้วก็รู้ว่ายังมีความรักความผูกพันที่ไม่อาจตัดขาดกันเช่นสายสะดือได้อยู่ดี

อ่านแล้วดูจะเครียดไปไหมลูก โลกก็เป็นอย่างนี้แหละ มีด้านที่ดำมืดและสว่างไสว มีใครเคยบอกว่าเรามักสังเกตเห็นแสงสว่างเพียงนิดในความมืดได้ชัดเจนกว่า  เห็นความมืดในแสงสว่างเจิดจ้า

จงจำไว้ชีวิตของลูกประสบความสำเร็จตั้งแต่แรกปฏิสนธิในครรภ์ของแม่แล้ว  นับตั้งแต่ลูกวิ่งแข่งกับผู้คนอีกหลายล้านชีวิตเพื่อให้ถึงเส้นชัยโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน เพราะจะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้อยู่รอด  โอกาสของการเกิดจึงยิ่งใหญ่เสมอและแม่เองก็ระลึกเสมอว่า “แม่”ของแม่เป็นผู้ให้โอกาสหนึ่งเดียวในหลายล้านนั้น

วันข้างหน้าลูกผิดหวังช้ำใจในเรื่องใดๆก็ตามไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ขอจงจำไว้ว่า ไม่ใช่เราหรอกที่โชคร้ายที่สุด  แต่เพื่อนๆของเราที่วิ่งช้ากว่าเรานับล้านนับพันนั่นต่างหากล่ะลูก  ที่เขาโชคร้ายกว่าเราไม่รู้เท่าไร ที่ไม่มีโอกาสเห็นเส้นชัยที่สร้างไว้ให้เราเพียงหนึ่งเดียว และนั่นอาจเป็นที่มาอย่างหนึ่งที่แม่ได้ตั้งชื่อจริงของลูกไว้ว่า “ อณัญญา”ซึ่งแปลว่า ที่หนึ่ง หรือหนึ่งเดียว  นั้นเอง
 

รักลูกที่สุด

แม่เจน

 

 

บล็อกของ เจนจิรา สุ

เจนจิรา สุ
12 ตุลาคม 2550 ยามสายของวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่สนามบินแตกตื่นไปกับผู้คนที่เดินทางไปรับผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนคนใหม่ โดยเฉพาะเมื่อเห็นหญิงกระยันสวมห่วงทองเหลืองที่ขัดจนแวววาว เดินอย่างเป็นระเบียบมาเข้าแถวต้อนรับผู้ว่าฯ คนใหม่อย่างพร้อมเพียงบางคนที่มารอขึ้นเครื่องเข้ามากดชัตเตอร์ขอถ่ายรูปพวกเธอที่แต่งชุดกระยันเต็มยศ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มะลิ เด็กสาวกระยันคนหนึ่งถูกเลือกให้กล่าวคำต้อนรับท่านผู้ว่าฯ ด้วยเหตุผลที่เธอสามารถอ่านหนังสือภาษาไทยได้ชัดเจนที่สุด แม้ว่าเธอจะประหม่าบ้างกับกล้องถ่ายรูป ผู้คน และภารกิจที่เธอจะต้องทำ แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี…
เจนจิรา สุ
25 กันยายน 2550 หมู่บ้านใหม่ค่อนข้างจะคึกคักตกเย็นมีเสียงดีดสีตีเป่าร้องรำทำเพลงเป็นเพลงพื้นบ้าน  เสียงซึงประสานเสียงโม่งสอดรับกับท่วงทำนองเนื้อร้องของแม่เฒ่า เอื้อนไต่บันไดเสียงคลอปี่ไม้ไผ่ผิวหวิวไหวขึ้นลง ไล่เลียงไปไม่ทันสุดบันไดเสียงก็โยนกลับไป-มาเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าตกอยู่ในหมู่บ้านลี้ลับกลางป่าเปลี่ยวดึกดำบรรพ์ที่ไหนสักแห่งที่เคยอยู่อาศัยเมื่อนานมาแล้ว ต่างจากหมู่บ้านเดิมลิบลับ ที่นี่ไม่มีแบตเตอรี่พอเพียงสำหรับเปิดเพลงจากซีดี ไม่มีทีวีให้รุมดู แต่มีกาน้ำชาอุ่นบนกองไฟที่ล้อมวงไปด้วยเด็กๆ หนุ่มสาว จนถึงคนเฒ่าคนแก่ ปรึกษาหารือถึงวิถีชีวิตของวันพรุ่งนี้…
เจนจิรา สุ
20 กันยายน 2550 เจ้าเขียวสะอื้น (มอเตอร์ไซค์คู่ชีพ) ส่งเสียงครางกระหึ่มอุ่นเครื่องอยู่ใต้ถุนบ้าน ก่อนที่มันจะต้องเดินทางไกลในเส้นทางที่ฟ้าสวยแต่พื้นดินแสนขรุขระตรงกันข้าม สามีฉันจึงจัดแจงเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เช็คเครื่อง และเพิ่มตะกร้าหลังให้มันเพื่อบรรทุกสัมภาระที่ขนย้ายไปไม่หมด  ชาวบ้านหลายครอบครัวได้ย้ายไปดำเนินชีวิตที่หมู่บ้านใหม่ก่อนหน้าฉันหลายวันแล้ว แต่ฉันติดตรงที่ต้องพาลูกไปฉีดวัคซีนตามที่หมอนัด จึงยังอาศัยอยู่ที่บ้านแม่สามีไปพลางก่อนเช้านี้เราจึงตัดสินใจจะเดินทางไปหมูบ้านใหม่กัน สำหรับฉันค่อนข้างจะตื่นเต้นเพราะยังไม่เคยเห็นบ้านใหม่ของตัวเองสักที …
เจนจิรา สุ
12 กันยายน 2550 และแล้วก็มาถึงวันที่ทุกคนรอคอย เมื่อวันที่ย้ายต้องเลื่อนออกมาจากกำหนดเดิมอีกสองวัน แสงแดดดูเหมือนจะเป็นใจสาดส่องให้ถนนเส้นทางสายห้วยเดื่อ- ห้วยปูแกงที่เคยชื้นแฉะและเป็นหลุมบ่อจากน้ำฝนแห้งสนิท
เจนจิรา สุ
5 กันยายน 2550 ยามเช้า,ตื่นขึ้นด้วยเสียงเลื่อยไม้, เสียงค้อนตอกตะปู,เสียงสังกะสีกระทบพื้นดังโครมคราม ไก่หลายตัวที่เคยขันปลุกทุกเช้า ถูกเชือดเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงคนที่มาช่วยลงแขกรื้อบ้านตั้งแต่เมื่อวานและเช้านี้ บ้านหลายหลังพังพาบเป็นกองไม้ รอวันขนย้ายไปที่แห่งใหม่ เด็กๆ วิ่งตึงตังในห้องกลางเพราะต้องมานอนรวมแออัดกันที่บ้านย่า ก็คือบ้านสามีของฉัน แม่บ้านและเด็กสาววุ่นวายอยู่ในครัว เหตุการณ์ชุลมนเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน ชาวบ้านมาขอคำปรึกษาเรื่องบ้าน ฉันจึงตัดสินใจกดหมายเลขโทรศัพท์ต่อสายพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับปลัดหนุ่มที่ดูแลพื้นที่“ปลัดฯหรือคะ คือฉันมีเรื่องรบกวนจะเรียนถาม…
เจนจิรา สุ
31สิงหาคม2550 22.40 น.ฉันลุกขึ้นเปิดดวงไฟจากแบตเตอรี่อีกครั้ง หลังจากที่ลุกขึ้นมาโทรศัพท์สนทนากับเพื่อนที่เชียงใหม่ ระบายความกลัดกลุ้มด้วยคำพูดแต่ดูเหมือนเมื่อปิดไฟลง ดวงตาก็เบิกโพลงไปกับความคิดฉันจึงปล่อยความคิดโลดแล่นไปกับปลายปากกานับถอยหลังไปอีกสิบวัน หมู่บ้านที่ฉันอาศัยอยู่นี้ก็จะถูกย้ายไปที่แห่งใหม่ ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยให้ไปรวมกับหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปติดชายแดนไทย-พม่าทางฝั่งทิศตะวันตก    เนื่องจากชาวบ้านที่นี่อาศัยอยู่กับนายทุนมานานกว่า 12 ปี ด้วยสัญลักษณ์ที่พิเศษแตกต่างกว่าชนเผ่าอื่น “กะยัน” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่ากะเหรี่ยงคอยาว…