Skip to main content

ภาพ A Walk Through "the Silence” # 1: จัดแสดงครั้งแรกในขนาด 60 x 90 ซม.
ประกอบด้วยภาพเล็กจำนวน 1,457 ภาพ

 

"ในความเงียบงัน
มีคนร่ำไห้
มีคนกู่ตะโกน
มีคนก้าวเดินไปทีละก้าว-ทีละก้าว
เดินฝ่าความเงียบนั้น
โดยไม่มีใครได้ยิน

ในความเงียบงัน
คนเหล่านั้นยังคงก้าวเดินไป
ทีละก้าว-ทีละก้าว

ก้าวฝ่าความเงียบงันนี้ไป"

 


ความตั้งใจที่จะทำโฟโต้โมเสค (Photo Mosaic) ชุดนี้  เริ่มขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว (2554) ท่ามกลางความเงียบงันอันเหลือทนของสังคมไทยต่อ “กรณีมาตรา 112” 
 

แรกทีเดียวผมตั้งใจจะทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จออกมาก่อนกลางเดือนมกราคม 2555 เพื่อจัดแสดงในงาน “กลับสู่แสงสว่าง” (15 - 22 มกราคม 2555) ที่กลุ่ม “กวีราษฎร์” จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ตามแนวทางของ “คณะนิติราษฎร์”  โดยได้ทำภาพร่างเอาไว้แล้ว  แต่ก็ต้องตัดสินใจชะลอไว้ก่อน เนื่องจากในขณะนั้นผมได้ถ่ายภาพกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ “มาตรา” 112 เอาไว้เพียงประมาณ 600-700 ภาพ ขณะที่ความละเอียดของภาพเต็มตามที่ผมคำนวณเอาไว้นั้นจำเป็นต้องใช้อย่างน้อย 1,000 ภาพเพื่อนำมาเรียงต่อกัน หาไม่แล้วภาพที่ออกมาก็จะไม่ละเอียดเท่าที่ตั้งใจไว้ 
 

กลางดึกของคืนวันที่ 26 พฤษภาคม ภาพ A Walk Through "the Silence” # 1  - ภาพแรกของงานชุดนี้ - เสร็จสมบูรณ์ลงด้วยภาพถ่ายจำนวน 1,457 ภาพ ที่ถูกผม crop เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสทีละภาพ ก่อนจัดเรียงโดยไม่ซ้ำเป็นภาพขนาด 60 x 90 เซนติเมตร ตามภาพธีม (theme) - ซึ่งเป็นภาพเท้าและท่อนขาที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนของผู้ต้องหาคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ผู้หนึ่ง ซึ่งผมถ่ายไว้ในวันที่เขาถูกพิพากษาจำคุก - ก่อนถูกนำไปพิมพ์ลงบนแคนวาสและจัดแสดงในนิทรรศการศิลปะ “เรื่องเล่าของมนุษย์ล่องหน” เมื่อวันที่ 2-22 มิถุนายน 2555 ที่เชียงใหม่ ร่วมกับงานของเพื่อนศิลปินอีก 15 คน (จัดโดยกลุ่ม Unseen Thailand )

ผ่านไปอีกเกือบสองเดือน - 17 กรกฎาคม 2555  A Walk Through "the Silence” # 2  จึงได้เสร็จสมบูรณ์ตามมา ด้วยภาพถ่ายทั้งหมด 1,430 ภาพ ซึ่งจะพิมพ์ลงบนแคนวาสขนาด 180.44 x 42.52 เซนติเมตร

 

ภาพ A Walk Through "the Silence” # 2: ขนาด 180.44 x 42.52 ซม.
ประกอบด้วยภาพเล็กจำนวน 1,430 ภาพ
 

 


ในฐานะคนทำงานศิลปะตัวเล็กๆ ที่ไม่โด่งดัง ผมย่อมไม่กล้าคาดหวังว่าผลงานของตัวเองจะสามารถเปลี่ยนแปลงหรือก่อผลสะเทือนใดๆ โดยเฉพาะกับ “ความเงียบงัน” ที่ดำรงอยู่อย่างแข็งแกร่ง

สิ่งเดียวที่พอจะคาดหวังกระทั่งคาดคั้นได้ก็คงมีแต่เพียงตัวเองเท่านั้น - ผมตั้งใจจะทำภาพชุด A Walk Through "the Silence" ออกมาให้สมบูรณ์ตามที่ตั้งใจ (คืออย่างน้อยชุดนี้จะมี 5 ภาพ) ภายในปีนี้ให้ได้

และหากจะสามารถคาดหวังต่อภาพชุดนี้ได้บ้าง สิ่งที่ผมอยากให้มันสำแดงออกมาก็คือ  การบอกว่าท่ามกลาง “ความเงียบงัน” ที่เราทุกคนในสังคมต่างต้องเผชิญอยู่นี้  (โดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม)   ไม่ได้มีแต่ความว่างเปล่า และยิ่งไม่ใช่ความ “นิ่งงัน” อย่างที่บางคนอาจหมิ่นแคลน ลำพอง หรือแม้แต่ลอบทอดถอนใจ  -- หากแต่ยังมีความเคลื่อนไหว และมีคนจำนวนมากที่ยังคงพยายามจะ “ก้าวฝ่า” มันไป

แต่ถ้าหาก A Walk Through "the Silence" จะสามารถทำได้มากกว่านี้ ผมก็คงได้แต่ยินดีกับมัน

 

 

 

 

.........................................................................................................

หมายเหตุ:
1. ขอขอบคุณอาจารย์เสาวนีย์ อเล็กซานเดอร์ สำหรับคำปรึกษาในการตั้งชื่อภาพ

2. ท่านที่ใช้ Facebook สามารถชมภาพชุดนี้และติดตามความเคลื่อนไหวผ่าน อัลบั้ม A Walk Through "the Silence" ได้อีกช่องทางหนึ่งด้วยครับ

3. ท่านสามารถดูภาพชุดนี้ในขนาดที่ใหญ่ขึ้นได้ทาง อัลบั้มนี้ ครับ (คลิ้กเลือกภาพ แล้วขยายโดยคลิ้กที่สัญลักษณ์แว่นขยาย/เครื่องหมาย + ตรงเมนูด้านบนครับ)

 

 

บล็อกของ กานต์ ณ กานท์

กานต์ ณ กานท์
ใครที่ได้อ่านบทความ “นายกฯ ของวิกฤตการเมือง” [1] ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่เพิ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน คงรู้สึกงุนงงไม่น้อยว่า อาจารย์นิธิ “กำลังคิดอะไรอยู่”เพราะไม่เพียงในเนื้อหาของบทความดังกล่าว อาจารย์นิธิได้ประกาศไว้ชัดเจนว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “เหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรีในยามนี้ที่สุด” แต่เหตุผลของความ “เหมาะสมที่สุด” คือ “นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องกล้าเผชิญกับแรงกดดันจากกองทัพ รวมทั้งแรงกดดันจากองค์กรอิสระอีกมากที่คณะรัฐประหารตั้งขึ้น อย่างอาจหาญและมีศักดิ์ศรีด้วย ดังที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้แสดงให้เห็นอย่างนุ่มนวล แต่สง่างามในครั้งนี้”…
กานต์ ณ กานท์
  โธ่เอ๋ย…ประเทศใด?เหมือนคนจับไข้นั่งไม่ติดหลอนตนว่าอยู่เมืองนิรมิตย้ำจำ ย้ำคิด กำกวมโธ่เอ๋ย… “ประชาธิปไตย”หลักการวางไว้ (หลวมๆ)ครึ่งใบ – ค่อนใบ (บวมๆ)รัฐธรรมนูญกองท่วมพานแล้ว!โธ่เอ๋ย… “ประชาชน”กี่ครั้ง กี่หน ทนแห้วแหงนคอรอฟ้าล้าแววมืดแล้ว ดึกแล้ว …ทนคอยอนิจจา… อนิจจัง…ความเอยความหวังอย่าถดถอยแม้กี่ผีซ้ำด้ามพลอยฝากรูปฝังรอยเกลื่อนเมือง โธ่เอ๋ย…ประเทศใด?หลอนตนว่าใครต่างลือเลื่องงามหรูตรูตรามลังเมลืองเฮ้ย! เมืองทั้งเมืองจะจมแล้ว!!
กานต์ ณ กานท์
  การอ้างว่าต้องเร่งผลักดันให้ "ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร"i ผ่านออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้ เพื่อจะได้ยกเลิก "กฎอัยการศึก"ii ทั่วประเทศนั้น ฟังแล้วชวนให้รู้สึกทั้งขบขันและเศร้าใจ ผู้ที่ได้อ่านเนื้อหาของร่างพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นี้ ย่อมซาบซึ้งดีถึงนัยยะที่นำไปสู่ความว่างเปล่าของข้ออ้างนั้น แต่ที่น่าเศร้าใจไม่แพ้กันก็คือ การที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตอบข้อท้วงติงในประเด็นความชอบธรรมของรัฐบาลและสนช.ที่มาจากการรัฐประหาร ในการร่างและพิจารณาออกกฎหมาย ด้วยการย้อนว่า "...ที่ผ่านมาสนช.ได้ผ่านกฎหมายมาเป็น 100 ฉบับ ขนาดรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายแม่ ยังออกจากสนช..."iii…
กานต์ ณ กานท์
  ฤาอีกกี่รำลึกคร่ำ- ครวญฝากคำผ่านแผ่นดิน กู่ร้องฟ้องแผ่นหิน …ก็เงียบสิ้นอยู่ฉะนี้?
กานต์ ณ กานท์