Skip to main content

Kasian Tejapira(27/3/56)

ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในน้อยประเทศของโลกที่ดูเหมือนไม่ประสบวิกฤตเศรษฐกิจหนักหน่วงนักในช่วงวิกฤตซับไพรม์และเศรษฐกิจโลกถดถอยใหญ่หลายปีที่ผ่านมา (ค.ศ. 2008 - ปัจจุบัน) ค่าที่รัฐบาลออสเตรเลียดำเนินชุดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทันท่วงที ประจวบกับแนวโน้มมูลค่าสินค้าบูมทั่วโลก (commodities boom นับแต่ ค.ศ. 2000 - 2009 แล้วสะดุดวิกฤตซับไพรม์) พลิกฟื้นกลับขึ้นมาหนุนส่ง โดยเฉพาะอุปสงค์ด้านแร่ธาตุวัตถุดิบที่อุตสาหกรรมมหึมาของจีนต้องการจากออสเตรเลีย ไม่ว่าแร่เหล็ก, ถ่านหิน, บ็อกไซต์ ฯลฯ ทำให้ออสเตรเลียหลุดรอดจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาได้

 

ทว่าเอาเข้าจริงในโครงสร้างเชื่อมโยงแบบทุนนิยมโลกาภิวัตน์ จะมีประเทศไหนไม่โดนผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกบ้าง? ออสเตรเลียก็เถอะ เพียงแค่ขูดผิวไปสักพัก เฝ้าสังเกตดูสักหน่อย ก็จะพบปัญหาเกี่ยวพันกับวิกฤตเศรษฐกิจกลัดหนองอยู่

 

ปัญหาพื้นฐานคือออสเตรเลียกำลังประสบสภาวะ two-speed economy หรือเศรษฐกิจสองอัตราเร่งต่างกัน กล่าวคือ

 

อัตราเร่งที่ 1) ภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่ อันนี้กำลังส่งออกไปจีนอย่างเร่งเร็วมาก ที่ท่าเรืออ่าวซิดนีย์ มีขบวนเรือขนส่งสินค้าต่อคิวรอบรรทุกแร่ธาตุวัตถุดิบจากเหมืองแร่ในออสเตรเลียเพื่อส่งออกไปจีนยาวเหยียดร่วม 50 ไมล์ทะเล อานิสงส์จากการลงทุนขนานใหญ่ของบริษัทเหมืองแร่เพื่อต้อนรับกระแสมูลค่าสินค้าบูมและอุปสงค์แร่ธาตุวัตถุดิบจากจีน (เฉพาะปี 2010 ปีเดียว มีการลงทุนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ออสเตรเลียถึง 1700,000 ล้านดอลล่าร์ออสเตรเลีย) ทำให้ชาวออสเตรเลียที่ประกอบอาชีพเกี่ยวข้องเชื่อมโยงโดยตรงกับภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่กำลังบูม พากันยกระดับรายได้สูงลิ่ว จู่ ๆ ก็รวยไม่รู้เรื่อง พากันถอยเบนซ์มาขับเล่นกันใหญ่

 

อัตราเร่งที่ 2 ) ไม่ว่าอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หรือค้าปลีกหรือบริการ หากไม่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงโดยตรงกับเหมืองแร่แล้ว ก็ไม่ได้ประโยชน์โภคผลนัก (ปัญหาหนึ่งของอุตสาหกรรมเหมืองแร่คือใช้แรงงานน้อยกว่า ใช้เครื่องจักรหนักมากกว่า โดยเปรียบเทียบ ดังนั้นถึงบูมก็จ้างแรงงานเพิ่มไม่มาก อีกทั้งงานเหมืองแร่ คนออสเตรเลียพื้นถิ่นไม่ค่อยชอบทำ ส่วนมากจะเป็นคนอพยพ) ซ้ำร้ายยังถูกกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ที่ข้าวของแพงขึ้นจากผลกระทบของอุตสาหกรรมเหมืองแร่และส่งออกแร่ธาตุบูม คนจำนวนมากในภาคเศรษฐกิจที่เหลือเหล่านี้จึงถูกเบียดจากภาวะราคาเฟ้อจนหลุดออกจากตลาดบ้าน, ตลาดภัตตาคารหรือแม้แต่ตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตไป (คือของแพงจนเงินรายได้ไม่พอซื้อ สู้ราคาไม่ไหว)

 

ภาวะเศรษฐกิจสองอัตราเร่งต่างกันทำให้สังคมเศรษฐกิจออสเตรเลียเกิดความเครียดและแตกหักแยกส่วนกันมากขึ้น คนรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมเพิ่มสูงขึ้น อึดอัดไม่สบายใจกับภาวะที่เป็นอยู่ แม้แต่พวกที่โชคดีรวยจากเหมืองแร่บูมก็เล็งการณ์ร้าย หวาดวิตกในใจลึก ๆ ไม่แน่ใจว่าบูมจะยาวนานเท่าไหร่ ฟองสบู่จะแตกวันแตกพรุ่งไม่รู้ที หากกระแสมูลค่าสินค้าบูมของโลกเริ่มตกหรือเศรษฐกิจจีนพลิกกลับ ต่างมีอาการไม่มั่นคงในใจราวกับกำลังรวยอยู่ในช่วงเวลาที่ยืมมาก็มิปาน

กล่าวสำหรับอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของออสเตรเลียนั้น ที่ผ่านมารัฐบาลก็พยายามเข้าไปอุ้มชูช่วยเหลือ เพื่อหยุดยั้งภาวะตกต่ำเสื่อมถอย และพัฒนาด้านอุตสาหกรรมไฮเทคขึ้นมา ไม่ว่าวิศวกรรม หรือวิทยาศาสตร์ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จพอควร เช่น สาขาชีวประดิษฐศาสตร์ (bionics) หรือ wi-fi ก็จดทะเบียนสิทธิบัตรในออสเตรเลียเป็นต้น ทว่าอุตสาหกรรมทั้งหลายเหล่านี้กลับรับผลกระทบด้านลบจากการที่อุตสาหกรรมเหมืองแร่และส่งออกแร่ธาตุไปจีนบูม เพราะมันทำให้ดอลล่าร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น จนมูลค่าสูงกว่าดอลล่าร์อเมริกันต่อเนื่องกันมาในช่วงระยะหลัง อุตสาหกรรมด้านอื่นก็เลยเคราะห์ร้าย ส่งออกยากขึ้น เพราะคิดอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นแล้วแพงขึ้น (สูญเสียสมรรถนะในการแข่งขันเพราะค่าเงินสกุลชาติตนแข็งขึ้น) ในตลาดสากล จนกระทั่งรัฐบาลออสเตรเลียต้องออกนโยบายให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้มาเปิดการผลิตในออสเตรเลียสืบต่อไป เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ไม่ว่า โตโยต้า, ฟอร์ด, จีเอ็ม ฯลฯ ต่างก็ได้รับอานิสงส์ส่วนนี้ ประมาณว่ารัฐบาลออสเตรเลียเอาเงินภาษีชาวบ้านมาติดสินบนบริษัทเหล่านี้ให้อยู่ต่อนั่นเอง ซึ่งนโยบายแบบนี้ไม่น่าจะคงทนยั่งยืนได้ในระยะยาว

ในภาวะที่แรงส่งด้านบวกจากการลงทุนอุตสาหกรรมเหมืองแร่กำลังจะงวดตัวหมดพลังลงกลางปีนี้ (2013) อีกทั้งผู้บริโภคชาวออสเตรเลียก็ติดหนี้สูงไม่แพ้ผู้บริโภคอเมริกันและพยายามรัดเข็มขัดลดค่าใช้จ่ายลงมาอยู่ เครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจออสเตรเลียตัวต่าง ๆ จึงทำท่าจะหมดน้ำมันลง หากรัฐบาลออสเตรเลียดันไปตัดลดงบประมาณรัดเข็มขัดเข้า เศรษฐกิจออสเตรเลียก็จะสะดุดแน่นอน

บล็อกของ เกษียร เตชะพีระ

เกษียร เตชะพีระ
บทกวีไว้อาลัยการจากไปของ 'ไม้หนึ่ง ก.กุนที' ที่ถูกยิงเสียชีวิตวันนี้ "เมื่อกวีจากไปไร้กวี.."
เกษียร เตชะพีระ
ที่คุณสุเทพ ณ กปปส.คัดค้านการเลือกตั้งก่อนปฏิรูป ยืนกรานว่าต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ก็มีนัยการเมืองสำคัญตรงนี้ คือต้องทำแท้ง “อำนาจอธิปไตย” ของปวงชนชาวไทยให้จงได้ ไม่ให้มันได้คลอดได้ผุดได้เกิดผ่านกระบวนการเลือกตั้งมาลืมตาดูโลก ทำแท้ง “อำนาจอธิปไตย” ของปวงชนชาวไทยได้สำเร็จแล้ว ก็จะได้เคลมตนเองเป็น “รัฏฐาธิปัตย์” แทนนั่นปะไร
เกษียร เตชะพีระ
พลังฮึกห้าวเหิมหาญของม็อบและขบวนการใดที่ก่อตัวขึ้นโดยกัดกร่อนบ่อนทำลายเหล่าสถาบันการเมืองของชาติให้เสื่อมทรุดถดถอยราบคาบลงไป ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ย่อมไม่สร้างสรรค์อะไรขึ้นมา มีแต่พลังทำลาย ผลได้ของการเคลื่อนไหว ไม่ยั่งยืน เมื่อฝุ่นหายตลบแล้วก็จะพบว่ามีแต่ซากปรักหักพังแห่งสถาบันการเมืองของชาติทั้งชาติ โดยไม่ได้ดอกผลการต่อสู้อะไรจริงจังยั่งยืนขึ้นมาเลย
เกษียร เตชะพีระ
ข้อสังเกตหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเพื่อสร้างและปรับปรุงระบบลอจิสติกส์ของประเทศใหม่ ผิดรัฐธรรมนูญ
เกษียร เตชะพีระ
ผมอ่านข้อเสนอที่นายกแพทยสภาและบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขแถลงล่าสุดแล้ว มีความเห็นว่ามัน "ไม่เป็นกลาง" ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้...
เกษียร เตชะพีระ
วิธีการที่ผิด ไม่สามารถนำไปสู่เป้าหมายที่ถูกต้องดีงามได้ และคนอื่นเป็นเจ้าของประเทศไทยเหมือนกันเท่ากับผมและคุณ เท่ากันเป๊ะ